ตอนนี้น่าจะสิบเอ็ดโมงแล้วมั้ง เวลายุคนี้คงเรียกว่ายามอู่กระมัง หลิวเยี่ยนฟางยอมรับแล้วว่าตัวเองตายไปแล้ว และตอนนี้เธอคือเสิ่นเยี่ยนฟางหรือเสิ่นซื่อภรรยาบัณฑิตขี้โรคเมิ่งหย่งชวน
นางลุกขึ้นแล้วนั่งถอนหายใจพักใหญ่ก็เดินออกมาจากห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางออกไปนอกบ้าน มองดูบริเวณรอบๆ มีรั้วไม้ไผ่ที่โย้เย้ เถาไม้เลื้อยขึ้นพันเต็มไปหมด บริเวณบ้านน่าจะประมาณสามร้อยตารางวาได้
มีแต่หญ้ากับพืชล้มลุก เอ๊ะมีลูกแดงๆขาวๆอยู่หลายต้นจึงเดินไปดู สตอเบอรี่นี่ จ๊อก จ๊อก จ๊อก เสียงท้องของนางร้องดัง และยังมีอีกคนที่ท้องร้องเช่นกัน หันไปก็เห็นเด้กผู้ชายคนนึง เขาคือน้องชายสามีของร่างเดิม เมิ่งลู่เจินอายุสิบสามแล้วแต่ตัวเล็กเหลือเกิน เทือบกับบุตรชายลุงใหญ่เมิ่งหานที่อายุเพียงแปดขวบกลับตัวโตยิ่งนัก
"พะ พี่ พี่สะใภ้ท่านฟื้นแล้วหรือขอรับ ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่นะขอรับ"
"อืม มาช่วยข้าก่อน หิวจะตายอยู่แล้วในบ้านมีของกินหรือไม่"
"มีแค่แผ่นแป้งข้าวโพดที่ท่านปู่หลงเอามาให้ขอรับ แข็งไปสักนิดเดี๋ยวข้าไปต้มน้ำอุ่นให้ท่านนะขอรับ"
"ไม่ต้องหรอก มาช่วยข้าเก็บสิ่งนี้หน่อย ดินที่นี่น่าจะปลูกพืชได้ดีนะ เป็นที่ดินของท่านพ่อของเจ้าใช่หรือไม่"
"ขอรับพี่สะใภ้ เป็นบ้านเดิมท่านพ่อท่านแม่แต่ที่ดินนี้เป็นสินเดิมท่านแม่ ท่านย่ากับท่านลุงไม่กล้ายึดขอรับ อีกอย่างอยู่ใกล้ตีนเขา พวกเขากลัวสัตว์ป่าจะลงมานะขอรับ"
ทั้งสองคนช่วยกันเก็บเฉาเหมยได้มากแล้วจึงหยุด เสิ่นเยี่ยนฟางที่ตอนนี้กำลังยืนเงยหน้าด่าฟ้าฝน ด่าเทวดา ด่าเวรกรรมทั้งหลายอยู่ ผมที่หลุดรุ่ยลงมาเคลียใบหน้าก็ถูกนางเป่าออกอย่างขัดใจ
เมิ่งหย่งชงนมองออกมาจากในบ้าน นางดูไม่ได้จริงๆ สารรูปคือมอมแมมเหลือทน แต่กิริยาท่าทางที่แสดงออกมามันดูน่ารักดี นางเท้าเอวยืนบ่นชี้มือชี้ไม้ขึ้นด่าเทพเซียน สงสัยเขาต้องจับอาบน้ำเองแล้วมั้งยายเด็กนี่ ก่อนจะไออีกรอบ แค่กๆๆๆ แล้วล้มตังลงนอนแสร้งหลับต่อไป
"เอ้อ ได้เกิดใหม่ทั้งทีก็โคตรจน ฉันควรดีใจไหมวะคือนี่บ้านเหรอเนี่ย แล้วยังมีญาติผัวประสาทเห็นแก่ตัวชอบเอาเปรียบ อีกเวรของกรรมจริงๆ"
หลิวเยี่ยนฟางที่ตอนนี้อยู่ในร่างของเสิ่นเยี่ยนฟางสาวน้อยวัยสิบเจ็ดกำลังด่าทอชะตาชีวิตที่ได้เกิดใหม่
จากนั้นก็เข้าไปดูสามีหมาดๆ ที่เพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อวาน ก่อนที่จะถูกเมิ่งจื่อบุตรสาวลุงใหญ่ของเขาจะผลักร่างเดิมตกน้ำจนเป็นไข้แล้วจากไป เขานอนหลับอยู่อกกว้างผึ่งผายลมหายใจสม่ำเสมอมาก ดูแล้วไม่เหมือนคนป่วยสักนิด เซ้นเธอผิดพลาดหรือ
ไม่น่าใช่นอนกลางดินกินกลางหิมะมาเจ็ดปีกว่าจะได้เป็นนาวิกและเรียนหลักสูตรเพื่อต้องมาเป็นครูฝึกอีกหลายปีตอนมาเป็นครูฝึกก็ต้องอบรมหลักสูตรแพทย์ เพื่อมีความรู้เอาไว้ประเมินอาการเผื่อนักเรียนมีปัญหาสุขภาพแล้วไม่สามารฝึกต่อได้
แต่ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนป่วย อีกทั้งน่าจะออกกำลังกายประจำด้วย ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยหาคำตอบทีหลังแล้วกัน ตอนนี้เอาเรื่องสำคัญก่อนนั่นคือไปเอาของคืนจากบ้านญาติผีอดอยากเหล่านั้น
แต่ต้องยอมรับเขาหล่อเหลาจริงๆ นี่มันดาราซีรีย์ย้อนยุคท่านนึงเลยนะ อืมหล่อมากหล่อจริงๆหล่อมากพ่อ คิ้วคอปากคางตาหล่อละมุนละไม เขาคือเมิ่งหย่งชวนสามีของเธอในชาตินี้เหรอ ตื่นมาก็มีผัวหล่อๆมากพ่อเอ๊ยเสียดายขี้โรคไปหน่อยเฮ้อเวรกรรม ก่อนจะเอ่ยเบาๆกลัวคนขี้โรคที่นอนอยู่ได้ยิน
"หล่อขนาดนี้มันน่าจับขย่มแล้วน่าควงให้เอวหักเลย มันเขี้ยวจริงๆ"
จากนั้นก็เขย่าตัวเมิ่งหย่งชวน ปลุกเขาให้ตื่นมาคุยกับนาง
"นี่เมิ่งหย่งชวน มาคุยกันหน่อยข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน"
เมิ่งหย่งชวนตื่นนานแล้วตั้งแต่เห็นนางยืนเท้าเอวเป่าปอยผมตนเองทำท่าเหมือนลูกแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ชี้ท้องฟ้าด่าสายลมอยู่หน้าบ้านก็อมยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าจริงจัง และล้วลุกชึ้นนั่ง
"อืม ภรรยาเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ"
คำว่าภรรยาทำเอาหลิวเยี่ยนฟางถึงกับหน้าแดงจนถึงใบหู ก่อนจะปรับสีหน้า
"น้องสาวเจ้าเมิ่งจื่อเจ้าอยากเก็บไว้ไหม ปิ่นปักผมนั่นของมารดาข้า นางหน้าด้านยื้อแย่งเอาไป เจ้าตอบมาคำเดียวยังต้องการนางไหม"
เมิ่งหย่งชวนไม่เข้าใจที่นางพูดจึงส่ายหน้า แต่คนตัวเล็กเข้าใจผิดคิดว่าเขาบอกว่าไม่ต้องการจึงพยักหน้าให้เขาสามที จากนั้นก็เรียกหาน้องชายสามีหมาดๆ ทันที
"อืมดีมาก เมิ่งลู่เจินเจ้ามาดูพี่ชายเจ้าหน่อยเข้าจะไปทวงของๆ ข้าคืน เฉาเหมยนี่กินรองท้องไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้ามา"
พูดจบก็ตรงไปบ้านใหญ่ของสกุลเมิ่งทันที กล้าเล่นกับเจ๊เหรอ ไหนๆก็มาแล้วซ้อมไม้ซ้อมมือหน่อยแล้วกัน
ทวงคืนข้าวของ2106 คำเมิ่งลู่เจินที่กำลังถือจานที่ใส่เฉาเหมยมาก็รีบมาดึงแขนของเสิ่นเยี่ยนฟางเอาไว้ เขาไม่อยากให้พี่สะใภ้ไปบ้านใหญ่เขากลัวพี่สะใภ้ถูกตีกลับมา เมื่อวานพี่สามก็ตีพี่สะใภ้ อีกทั้งยังเอาปิ่นปักผมแทงนางอีก พีสามใจร้ายเกินไป เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเด้กชายก่อนจะลูบศีรษะของเขา"เด็กดี พี่จะไม่เป็นอะไร เมื่อวานนี้พี่ไม่ทันตั้งตัวเลยถูกคนชั่วฉวยโอกาศทำร้ายได้ จากนี้ไปพวกเขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วล่ะ""พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเขาใจร้าย ท่านลุง ท่านย่า ท่านปู่พวกเขาใจร้ายมากเลยนะขอรับ ปิ่นเงินนั่นข้าจะไปรับจ้างหาเงินมาซื้ออันใหม่ให้ท่านนะ ท่านอย่าไปเลย"เมิ่งลู่เจินนัยย์ตาแดง เมื่อวานพี่สะใภ้ตกน้ำเป็นไข้ตัวร้อนมาก พวกเขายังบอกว่าจะฝังพี่สะใภ้กับพี่ชายเขาด้วยกัน ให้ไปเป็นคู่ผัวเมียในนรก เขาเกลียดบ้านใหญ่"ภรรยา เจ้าเชื่ออาเจินเถอะ เจ้าตัวเล็กเพียงนี้ ไปก็เสียเปรียบเจ้าโทษข้าเถอะที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้"เมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่ แต่เสิ่นเยี่ยนฟางฟังออก เขาไม่ได้ป่วยแน่นอน แต่เหตุใดแกล้งป่วยไม่ไปเข้าสอบอันนี้นางไม่รู้ ก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ท่านพี่อย่าห่วงเลย ข้าบอกแล้วว่าเมื่อวานข้าแค่ไม่
เมิ่งซุนที่ตอนนี้เลือดกลบปาก พร้อมกับขี้ฝุ่นเข้าปากก็เอ่ยโวยวาย ไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านเมิ่งหลงก็มาถึง เห็นสภาพคนบ้านเมิ่งแล้วก็ถอนหายใจ นี่แหละนะเขาว่ากระต่ายหากจนตรอกก็ยังกัดคนได้ ดูเหมือนสะใภ้เมิ่งคนนี้จะไม่ใช่ลูกพลับนิ่มเสียแล้ว"ภรรยาอาชวน เจ้าทุบตีพวกเขาเช่นนี้ไม่ถูกนักนะ เหตุใดกันถึงต้องทำร้ายกันเพียงนีเ ตอบข้ามาหน่อย" เสียงร้องไห้ของเมิ่งจื่อดังขึ้นมานางชิงฟ้องก่อน"ฮือๆๆๆ ท่านปู่หลง นางโสเภณีนี่แย่งปิ่นเงินของข้าเจ้าค่ะ พอข้าไม่ให้นางก็ลงมือทบตีคน นางช่างเป็นสตรีแพศยาเสียงจริงๆ"เสิ่นเยี่ยนฟางจึงคุกเข่าลงแล้วร้องไห้บ้างสองมือกุมปิ่นเงินไว้แน่นแนบกับหน้าอกตัวเอง สะอื้นตัวโยนร้องไห้จะขาดใจ ชางบ้านที่เพิ่งมาถึง ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าก็สงสาร ส่วนคนที่มาก่อนกำลังปรับอารมณ์อยู่ เมื่อกี้นางเพิ่งจขะทุบตีไล่เตะคนเองนะ ตอนนี้ร้องไห้เสียงดัง จนเมิ่งหลงหัวหน้าหมู่บ้านต้องเอ่ยถาม"ภรรยาอาชวน เจ้าอย่าร้องไห้ มีอะไรก็พูดมาเถอะข้ารอฟังเจ้าอยู่ ข้าจะไม่ฟังความข้างเดียวแน่นอน""ฮึก ฮึก ท่านผู้นำท่านช่างใจร้ายนัก ฮือๆๆท่านไปสู่ขอข้ามาทำไมกัน ไหนท่านบอกว่าจะหาสามีที่ดีให้ข้าไง ท่านใจร้ายหลอกล
สิ้นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้าน แม่เฒ่าเมิ่งก็ร้องไห้ฟูมฟายทุบตีตบหน้าขาตนเองทันที"เจ้าๆๆ นางแพศยาเจ้าอยากฆ่าข้าหรือ เจ้ามาเลยมาเอาชีวิตข้าเลย" เสิ่นเยียนฟางเห็นยายแก่เสแสร้งก็ไม่ยอมนางร้องกลับซ้ำยังร้องดังกว่าอีก"ฮือๆๆๆ ท่านพี่ท่านมีญาติเช่นนี้ได้อย่าไร ฮือๆๆท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกเขาต้องการบีบให้พวกข้าผัวเมีมยตายจริงๆ เขาต้องการที่ดินขอดีๆก็ได้ ทำไมต้องวางแผนมากมายขนาดนี้ จนสามีข้าทรงตัวจะไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ ท่านแต่งข้ามาเพื่อฝังรวมเขาจริงๆใช่ๆหม ท่านโกหกเมิ่งหลงท่านเป็นคนหลอกลวงฮือๆๆๆๆๆ"เมิ่งหลงหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าต่อหน้าคนมากมาย เมิ่งซุนตัวดีเจ้าทำให้เด็กมาถอนหงอกข้าหรือ"เจ้าพวกเจ้า ชดใช้ให้นางสิบตำลึง ไม่เช่นนั้นลงโทษตามกฎตระกูลกับกฎหมู่บ้านหรือจะไปศาลาว่าการ"เมิ่งอี้ที่ได้ยินรีบรีบมาทันที เขาจะสอบอยู่แล้วจะให้ชื่อเสียงตนด่างพร้อยไม่ได้เขาจึงกระซิบกับท่านปูท่านย่า"ท่านปู่ท่านพ่อจ่ายเถอะขอรับ ข้าจะสอบแล้วชื่อเสียงจำเป็นนัก อีกอย่างข้ากำลังคบหากับบุตรสาวขุนนางท่านนึง ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทาเสียหายขอรับ นังอัปลัก
สุยกว่างโจวพูดคุยสักพักก็กลับไป เสิ่นเยี่ยนฟางตั้งท่าจะพาเขาไปในเมือง ก่อนจะเรียกหาน้องสามี“ลู่เจิน มาช่วยพี่ชายเจ้าสักหน่อยข้าจะพาเขาไปหาหมอในเมือง มีเงินก็ต้องรีบใช้ เดี๋ยวปลิงดูดเลือดบ้านเจ้ามาก่อเรื่องอีก ข้าเพิ่งจะหายป่วยกระทืบพวกเขาเอ้ย เจรจากับพวกเขาไม่ไหว”เมิ่งหย่งชวนลุกจากเตียงเดินมาหานางก่อนจะลากไปยังลำธารหลังบ้าน เสิ่นเยี่ยนฟางขัดขืนเขาพร้อมกับโวยวาย“นี่เมิ่งหย่งชวน เจ้าจะทำอะไรข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อยไงวะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าแกล้งป่วย เดี๋ยวแม่จับทุ่มเลยนี่”“พูดจาอะไรของเจ้าฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าจะไปในเมืองใครจะขายของให้เจ้ากัน อัปลักษณ์เพียงนี้ น้ำก็ไม่อาบเมิ่งหว่านให้เสื้อผ้ามาสองชุด เจ้าควรอาบน้ำได้แล้ว สกปรกเหลือเกิน เหม็นสาบยิ่งนักจะให้ข้านอนกับเจ้าได้อย่างไรกันไ” โอ๊ย บ้านเจ้ามีตั้งสี่ห้องแยกกันนอนก็ได้แล้ว เจ้าจะทำอะไร ไอ้เด็กบ้านี่ปล่อยข้านะ เฮ้ย”ตูม!!!!เมิ่งหย่งชวนรำคาญเสียงโวยวายเลยจับนางโยนลงน้ำ เขาตามลงมาใช้ใยบวบขัดตามแขนนางจนเสิ่นเยี่ยนฟางแสบไปหมด จากผิวกระดำกระด่างพอถูกจับขาดก็ขาวนวลเนียน แต่คนตัวโตไม่พอใจจับนางกดน้ำขยี้ศรีษะแรงๆ“ผมนี่ไม่
เสิ่นเยี่ยนฟางสังเกตุบริเวณรอบๆ ตามสไตล์ของหน่วยสอดแนมทุกอย่างต้องประมวลผลฉับไว เดินไปตามตรอกต่างๆ สังเกตุทุกอย่าง ก่อนจะมองหาอาชีพที่ต้องทำหากินยังโลกที่โหดร้ายนี่เฮ้อกำลังจะไปที่โรงหมอก็เจอเข้ากับอาเขยพอดีกับที่อาเขยหันมาเจอนาง สวยผิดหูผิดตาจริงๆ ขนาดตอนที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มอมแมมนางยังงามนัก ตอนนี้นางยิ่งงาม ปากชมพูอวบอิ่มนั่น หน้าอกที่เขาเคยได้สัมผัสมันครั้งหนึ่งก่อนที่นางจะเอาหมอนไม้ฟาดหัวเขาจนแตก แล้วเมียเขากลับมาพอดี อยากจับไว้ใต้ร่างจริงๆ แต่งให้ไอ้ขี้โรคนั่นน่าเสียดาย“หืมใครเนี่ย เสี่ยวฟางของอานี่นามาเดินตลาดหรือ วันนี้แต่ตัวงดงามมากนัก เจ้าอยากกินอะไรหรือไม่อาเลี้ยงเจ้าเองดีไหม สามีขี้โรคของเจ้าเล่า คงไม่ได้มาซื้อของเซ่นไหว้หรอกนะ เสียดายความสาวเจ้าจริงๆ อยากให้อาเขยคนนี้ช่วยคลายความเหงาดีหรือไม่”เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสายเขาที่มองนางด้วยสายตาลามกโลมเลีย อีกทั้งสหายของเขาอีกสองคนก็ใช้สายตาเช่นเดียวกัน ดูท่าคงนิสัยอุบาทว์เหมือนกัน จึงไม่ตอบแต่เดินหนีแทน หวังซูอาเขยของนางเดินมาดักหน้า ก่อนจะกางแขนกั้น ส่งสายตาโลมเลียเสิ่นเยี่ยนฟางนับหนึ่งในใจ ชาวบ้านกำลังจะไปช่วยแต่หนึ่งในนั้นคื
เมิ่งหย่งชวนสังเกตุภรรยาของเขาคนนี้ดูมีกาลเทศะและมีความรู้มากกว่าข่าวที่เขาได้รับเสียอีก ข่าวที่ได้ยินคือนางหยาบคายไร้มารยาทสกปรกไม่ชอบอาบน้ำ ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ชอบอาบน้ำจะเป็นเรื่องจริง สกปรกเหลือทนเมื่อจ่ายเงินก็รับยาเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินนั่งรอทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นเขามองไปยังกลุ่มเด็กวัยเดียวกันที่ใส่ชุดของสำนักศึกษาจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะแตะบ่าผอมแห้งนั่น"อาเจิน อย่าห่วงเลยพี่สะใภ้จะหาเงินส่งให้เจ้าได้เข้าเรียน ตอนนี้เจ้าก็ฝึกกับพี่ชายเจ้าไปก่อนนะ""ข้าไม่เรียนหรอกขอรับพี่สะใภ้ พี่ใหญ่ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเป็นขุนนางยอมลำบากเพื่อให้พวกเรามีกิน เงินเดือนซิ่วไฉนั่นท่านปู่กับท่านย่าก็อ้างความกตัญญูยึดไปหมด พี่ชายข้าได้กินเพียงน้ำข้าวใสๆ ตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่านี้ขอรับ"เด็กชายเอ่ยไปพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วย เขาไม่อยากเรียนหรอก เขาจะรับจ้างทำงานส่งให้พี่ใหญ่ได้เรียนสูงๆเพื่อสอบขุนนาง จะได้ไม่ถูกคนรังแกเช่นทุกวันนี้ เสิ่นเยี่ยนฟางถอนหายใจ เวลานี้พูดไปก็เท่านั้น ต้องทำให้เห็นว่านางทำได้ก่อนสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ต้องไปหาซื้อเ
คนงานที่เห็นนางแต่งตัวมอซอก็ไม่ต้อนรับ แต่พอหันไปเห็นเมิ่งหย่งชวนก็ส่งสายตาทอดสะพานทันที แหม่เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ระริกระรี้เชียวแม่คุณหึ"คุณชายเจ้าคะ ท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ บอกเสี่ยวหงมาเถอะเจ้าค่ะข้าสมารถหาให้ท่านได้"คนงานหญิงเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานจนเสิ่นเยี่ยนฟางหมันใส้ ก่อนจะเดินมาเกาะแขนเมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานซึ้งแม้แต่ตัวเองยังเลี่ยน"ท่านพี่ ชุดเก่าหมดแล้วเลือกสักสามสี่ชุดนะเจ้าคะ พี่สาวท่านนี้ข้าอยากได้ชุดบุรุษสีฟ้า สีเทา สีน้ำเงิน สีดำอย่างละชุดและสีขาวสองชุด ขนาดสามีของข้ากับน้องชายของเขา เอาผ้าเนื้อดีนะ แล้วก็ข้าต้องการชุดสตรีห้าชุด สีเขียว ชมพู ฟ้า ขาว ม่วง อย่างละชุดเจ้าค่ะ"คนงานหญิงที่ต้อนรับเมิ่งหย่งชวนถึงกับอ้าปากค้าง ภถรรยาหรือหน้าตาก็ดี แต่เมียมอมแมมเหลือเกิน ยากจนเหมือนขอทานเช่นนี้มีเงินหรือ ดูจากการแต่งตัวไม่น่าจะจ่ายไหวจึงพูดดจาดุถูก"นี่แม่นาง ชุดบุรุษนั้นชุดละสามร้อยห้าสิบอีแปะนะเพราะเจ้าสั่งผ้าเนื้อดี ชุดขนาดของน้องสามีเจ้าก็ชุดละสองร้อยห้าสิบอีแะ ชุดสตรีสามร้อยห้าสิบอีแปะ เจ้ามีเงินแน่หรือ""เสิ่นเยี่ยนฟางเกลียดจริงๆอีพวกดูคนที่เปลือกเนี่ย นี่ขน
เมื่อได้ของเรียบร้อยเสิ่นเยี่ยนฟางก็ให้สองพี่น้องพาคนงานขนาดไปส่งที่เกวียน แล้วรอที่นั่นนางจะไปซื้อข้าวสารกับธัญพืช แต่ทั้งสองคนอยากไปช่วยนางมากกว่า เมิ่งหย่งชงนอยากรู้ด้วยว่านางเอาเงินมาจากที่ใดกัน จึงต้องตามไปดูให้รู้ชัด"เถ้าแก่เนี้ย ข้าขอฝากสินค้าไว้ก่อนนะเจ้าคะ อาเจินอยู่ที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามารับ"ขอรับพี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่"จากนั้นทั้งสองคนก็ตรงไปตรอกขายอาหารแห้งทันที เมื่อเดินมาพ้นจากผู้คนเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าไปเอาเงินมาจากที่ใดกัน เมื่อเช้าเจ้าได้มาเพียงสิบตำลึงมิใช่หรือ ปิ่นปักผมมารดาเจ้าขายอย่างไรก็ไม่น่าเกินสามตำลึง เสิ่นเยี่ยนฟางบอกข้ามานะ""จะอยากรู้ไปทำไม ข้าหาเงินได้ก็แล้วกันน่า เจ้าอย่าโวยวายเหมือนข้าไปฆ่าคนตายได้หรือไม่ นั่นร้านข้าวสารอยู่ตรงนั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวกว่าจะถึงบ้านจำมืดค่ำเสียก่อน"เสิ่นเยี่ยนฟางซื้อข้าวสารห้าสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เกลือสามชั่ง น้ำตาลห้าชั่ง น้ำตาลแดงสามชั่ง น้ำมันห้าไห นางชอบกินของทอดกับอาหารจานผัด ให้มาต้มผักป่าหรือไม่มีทางย่ะ ก่อนจะถามเมิ่งหย่งชวน"ท่านพี่ เราจะหาโม่หินได้จากที่ใดเจ้าคะ ข้าอยากได้สักอัน""
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ