สิ้นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้าน แม่เฒ่าเมิ่งก็ร้องไห้ฟูมฟายทุบตีตบหน้าขาตนเองทันที
"เจ้าๆๆ นางแพศยาเจ้าอยากฆ่าข้าหรือ เจ้ามาเลยมาเอาชีวิตข้าเลย" เสิ่นเยียนฟางเห็นยายแก่เสแสร้งก็ไม่ยอมนางร้องกลับซ้ำยังร้องดังกว่าอีก
"ฮือๆๆๆ ท่านพี่ท่านมีญาติเช่นนี้ได้อย่าไร ฮือๆๆท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกเขาต้องการบีบให้พวกข้าผัวเมีมยตายจริงๆ เขาต้องการที่ดินขอดีๆก็ได้ ทำไมต้องวางแผนมากมายขนาดนี้ จนสามีข้าทรงตัวจะไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ ท่านแต่งข้ามาเพื่อฝังรวมเขาจริงๆใช่ๆหม ท่านโกหกเมิ่งหลงท่านเป็นคนหลอกลวงฮือๆๆๆๆๆ"
เมิ่งหลงหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าต่อหน้าคนมากมาย เมิ่งซุนตัวดีเจ้าทำให้เด็กมาถอนหงอกข้าหรือ
"เจ้าพวกเจ้า ชดใช้ให้นางสิบตำลึง ไม่เช่นนั้นลงโทษตามกฎตระกูลกับกฎหมู่บ้านหรือจะไปศาลาว่าการ"
เมิ่งอี้ที่ได้ยินรีบรีบมาทันที เขาจะสอบอยู่แล้วจะให้ชื่อเสียงตนด่างพร้อยไม่ได้เขาจึงกระซิบกับท่านปูท่านย่า
"ท่านปู่ท่านพ่อจ่ายเถอะขอรับ ข้าจะสอบแล้วชื่อเสียงจำเป็นนัก อีกอย่างข้ากำลังคบหากับบุตรสาวขุนนางท่านนึง ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทาเสียหายขอรับ นังอัปลักษณ์นี่ไว้แก้แค้นวันหลังก็ได้ รอข้าได้เป็นขุนนางก่อนเถอะขอรับ"
สุดท้ายก็จบที่เสิ่นเยี่ยนฟางได้เงินคืน และได้กำไรอีกสิบตำลึง เมิ่งอี้เกลียดนางเด็กนี่ สารรูปอัปปลักษณ์ น่าขยะแขยง คนอย่างเมิ่งหย่งชวนมีปัญญาได้สตรีรูปร่างเช่นนี้นับว่าวาสนามากแล้วเหอะ
เหตุการณ์วันนี้ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าเด็กสาวกำพร้าคนนี้ที่จริงแล้วนางไม่ได้ยั่วยวนอาเขย แต่เป็นเพราะว่าอาสาวของนางไม่อยากเลี้ยงดูจึงกุเรื่องใส่ร้ายนาง
เสิ่นเยี่ยนฟางได้เงินมาสิบตำลึง อีกทั้งยังแอบถอดกำไลเงินกับปิ่นเงินของสะใภ้ใหญ่กับบุตรสาวของนางมาได้ วันนี้จะเอาไปขาย ขืนเก็นไว้ก็เป็นหลักฐานว่านางขโมยของผู้อื่นนะสิ
"นางตัวดี เรื่องวันนี้ไม่จบแค่นี้แน่ เจ้าอกตัญญูเนรคุณ เป็นสตรีหยาบคาย ข้าอยากรู้นักหากอาจารย์หรือบัณฑิตทั้งหลายรู้ว่า เมิ่งหย่งชวนมีภรรยาน่ารังเกียจ ทุบตีผู้อาวุโส จะยังมีใครอยากรับเขาเข้าเรียนหรือไม่"
เมิ่งอี้เกลียดนางผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาต้องเสียเงินจำนวนนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ เขาใกล้สอบอีกครั้งชื่อเสียงจำเป็นยิ่งนัก พอชาวบ้านไปหมดแล้วก็กร่างใส่นางทันที เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเขาสลับกับคนสกุลเมิ่งที่นอนโอดโอยเพราะถูกนางเล่นงาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"พวกเจ้าโกงเงินทองของพ่อแม่สามีข้า แอบใช้สิทธิ์ของเขาไปขายให้เศรษฐีที่ดิน เจ้าคิดหรือว่าเศรษฐีหมู่บ้านเล็กๆ คนนึงสามารถใช้ฝ่ามือปิดบังเรื่องเช่นนี้ได้ มาดูกันเมิ่งอี้ข้าจะร้องเรียนเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าหานเกลียดที่สุดคือพวกที่ซื้อขายตำแหน่ง และสิทธิ์การผ่อนผันต่างๆ เพื่อแลกกับเงิน เจ้าเป็นบัณฑิตการกระทำเช่นนี้ล้วนแต่นำมาซึ่งความเสื่อมเกียรติ เจ้าว่าใครกันแน่ที่จะถูกอาจารย์กับเหล่าบัณฑิตเหล่านั้นรังเกียจ"
เมิ่งอี้ขบกรามแน่น นางเด็กสารเลวนี่มีความรู้เพียงนี้เชียวหรือ ชายชราคนนึงที่ยืนมองเหตุการณ์มาตลอดและรู้สึกทึ่งในความสามารถของสตรีตรงหน้า นางมีความรู้เรื่องกฎหมายด้วยหรือ การแต่งตัวดุเหมือนคนไร้การสึกาทำไร่ไถนา แต่กลับเฉลียดฉลาดเช่นนี้ อีกอย่างเขาดูออกว่านางไม่ได้เสียใจจริงๆ การแสดงเหล่านี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ก่อนจะเอ่ยปากทักทายเมิ่งอี้ที่เป็นบุรา
"เอ่อ คุณชายท่านนี้ ที่นี่คือหมู่บ้านสี่สิบลี้ใช่หรือไม่"
"ใช่ เจ้าเป็นใครมีธุระอะไรไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน คนแปลกหน้านี่ ข้ากำลังวุ่นวายเรื่องของตนเองอยู่ไม่เห็นหรืออย่างไร"
เมิ่งอี้สะบัดแขนเสื้อจากไป เขาไม่สนใจชายสูงวัยตรงหน้าสักนิดเลย สุยกว่างโจวแต่งตัวธรรมดา เสื้อผ้าไม่ได้ดีนักเหมือนชาวบ้านธรรมดาที่เพียงแค่เดินทางผ่านมาเท่านั้น ก้คงไม่แปลกใจที่บัณฑิตตรงหน้าจะดูถูกเขา สายตาตื้นเขินเสียเหลือเกินนะ มองคนภายนอก นี่สมกับเป็นบัณฑิตหรือไม่ เรียนอยู่ที่ใดกัน หากเป็นสำนักศึกษาของเขาล่ะก็คงไล่ออกแน่นอน เขาสอนคุณธรรมให้เหล่าบัณฑิต แต่คนผู้นี้วาจาไร้คุณธรรมยิ่งนัก ก่อนจะได้ยินเสียงหวานไพเราะเอ่ยขึ้น
"ท่านลุง ที่นี่หมู่บ้านสี่สิบลี้เจ้าค่ะ หากท่านมาหาญาติท่านต้องไปถามที่บ้านผู้นำหมู่บ้านนะเจ้าคะ"
"อ้อแม่นางน้อย ข้ามาหาบัณฑิตที่ชื่อเมิ่งหย่งชวนน่ะ เจ้ารู้จักหรือไม่เล่า หากรู้จักรบกวนบอกทางคนแก่เช่นข้าสักหน่อยเถอะ พอดีได้ยินว่าเขาป่วยเลยอยากมาเยี่ยมสักหน่อย เขาเรียนดีข้าเสียดายอยากรู้ว่าจะหายทันเข้าสอบฤดูกาลนี้หรือไม่"
"อ้อ อว่าผู้อาวุโสข้าเป็นภรรยาของเขาเองเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านคือ.........."
"อ้อข้าแซ่สุย เป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาที่เขากำลังจะย้ายไปเรียนก่อนที่จะป่วยน่ะ"
"อ้อ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ แต่ว่าเอ่อ พวกเราเพิ่งถูกไล่ เอ้ยเพิ่งแยกบ้านอาจไม่สะดวกต้อนรับ เกรงว่าท่านจะรังเกียจ"
"ไม่เป็นไร้ ฮูหยินเมิ่งท่านนำทางเถอะ"
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินนำหน้าชายชราไปยังท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะเปิดประตูรั้วที่โย้เย้เต็มที เมิ่งลู่เจินเห็นพี่สะใภ้กลับมาอย่างปลอดภัยก็วิ่งเข่ามากอดร้องไห้สะอื้น จนไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินตามนางมาด้วย
"พี่สะใภ้ใหญ่ ฮือๆๆ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ ข้าจะตามไปแต่พี่ใหญ่เกรงว่าข้าจะถูกทำร้ายอีก พี่ใหญ่ไอหนักมากเลยขอรับ"
"เด็กโง่ นี่พี่ยังดีอยู่ใช่หรือไม่ พี่สะใภ้แย่งปิ่นเงินมารดาของพี่คืนมาได้แล้ว อดทนอีกหน่อยนะข้าจะแย่งที่ดินของบิดาเจ้าคืนมาให้ อ้อ นี่เป็นอาจารย์จากสำนักศึกษามาเยี่ยมพี่ชายเจ้า"
เมิ่งลู่เจินคำนับเขา ก่อนจะเข้าไปในบ้านเพื่อบอกแก่พี่ชาย เมิ่งหย่งชวนพยุงตัวเองลุกขึ้นมา เขาไม่ได้ป่วยจริงๆ แต่ต้องเสแสร้งเพื่อไม่ให้ถูกจับตามากเกินไป
สุยกว่างโจวมองคนตรงหน้าอย่างค้นหา เขาเป็นนักเรียนที่เก่งกาจมากนัก เสียดายที่ไม่สามารถเข้าสอบได้ ก่อนจะเอ่ยทักทายกัน
"ศิษย์ เมิ่งหย่งชวนคาราวะอาจารย์สุยขอรับ "
"อืม เจ้านอนลงเถอะอย่าฝืนเลย ข้าแค่มาเยี่ยม บัณฑิตข้าเจอที่กลางหมู่บ้านเจ้ารู้จักหรือไม่"
"ผู้ใดหรือขอรับ เอ่อ ภรรยาเจ้ารู้จักหรือไม่"
เมิ่งหย่งชวนเรียกเสิ่นเยี่ยนฟางมาถาม นางกำลังเซ็งกับชีวิตใหม่ที่ไร้เทคโนโลยี ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินเข้ามา
"เป็นน้องชายท่านเมิ่งอี้น่ะเจ้าค่ะท่านพี่"
"อ้อ เขาไม่ได้เรียนที่สำนักศึกษาของข้าหรือ เหตุใดจึงไม่เคยเจอหน้า"
"เรียนขอรับ แต่อยู่ชั้นล่างเขาเพิ่งสอบได้ถงเซิ่งเมื่อไม่นาน กำลังจะขึ้นชั้นกลางขอรับ ว่าแต่อาจารย์อุตส่าห์มาเยี่ยมวันนี้ข้าไม่สะดวกต้อนรับหลายอย่าง ขอท่านอย่ารังเกียจนะขอรับ"
"ไม่เป็นไร เสียดายเจ้า อุตส่าห์ไปร่ำเรียนถึงเมืองหลวงได้เกือบปี กลับไม่ได้ร่วมสอบเสียดายโอกาศยิ่งนัก อืมนี่เป็นของบำรุง ข้าได้ยยินว่าเจ้าป่วย อีกอย่างอย่าหาว่าข้าดูถูกเจ้าเลยนะ นี่เป็นเงินยี่สิบตำลึง เอาไปหาหมอรักษาตัวเองให้หาย สอบได้แล้วมีเงินเดือนค่อยมาคืนข้า”
สุยกว่างโจวพูดคุยสักพักก็กลับไป เสิ่นเยี่ยนฟางตั้งท่าจะพาเขาไปในเมือง ก่อนจะเรียกหาน้องสามี“ลู่เจิน มาช่วยพี่ชายเจ้าสักหน่อยข้าจะพาเขาไปหาหมอในเมือง มีเงินก็ต้องรีบใช้ เดี๋ยวปลิงดูดเลือดบ้านเจ้ามาก่อเรื่องอีก ข้าเพิ่งจะหายป่วยกระทืบพวกเขาเอ้ย เจรจากับพวกเขาไม่ไหว”เมิ่งหย่งชวนลุกจากเตียงเดินมาหานางก่อนจะลากไปยังลำธารหลังบ้าน เสิ่นเยี่ยนฟางขัดขืนเขาพร้อมกับโวยวาย“นี่เมิ่งหย่งชวน เจ้าจะทำอะไรข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อยไงวะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าแกล้งป่วย เดี๋ยวแม่จับทุ่มเลยนี่”“พูดจาอะไรของเจ้าฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าจะไปในเมืองใครจะขายของให้เจ้ากัน อัปลักษณ์เพียงนี้ น้ำก็ไม่อาบเมิ่งหว่านให้เสื้อผ้ามาสองชุด เจ้าควรอาบน้ำได้แล้ว สกปรกเหลือเกิน เหม็นสาบยิ่งนักจะให้ข้านอนกับเจ้าได้อย่างไรกันไ” โอ๊ย บ้านเจ้ามีตั้งสี่ห้องแยกกันนอนก็ได้แล้ว เจ้าจะทำอะไร ไอ้เด็กบ้านี่ปล่อยข้านะ เฮ้ย”ตูม!!!!เมิ่งหย่งชวนรำคาญเสียงโวยวายเลยจับนางโยนลงน้ำ เขาตามลงมาใช้ใยบวบขัดตามแขนนางจนเสิ่นเยี่ยนฟางแสบไปหมด จากผิวกระดำกระด่างพอถูกจับขาดก็ขาวนวลเนียน แต่คนตัวโตไม่พอใจจับนางกดน้ำขยี้ศรีษะแรงๆ“ผมนี่ไม่
เสิ่นเยี่ยนฟางสังเกตุบริเวณรอบๆ ตามสไตล์ของหน่วยสอดแนมทุกอย่างต้องประมวลผลฉับไว เดินไปตามตรอกต่างๆ สังเกตุทุกอย่าง ก่อนจะมองหาอาชีพที่ต้องทำหากินยังโลกที่โหดร้ายนี่เฮ้อกำลังจะไปที่โรงหมอก็เจอเข้ากับอาเขยพอดีกับที่อาเขยหันมาเจอนาง สวยผิดหูผิดตาจริงๆ ขนาดตอนที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มอมแมมนางยังงามนัก ตอนนี้นางยิ่งงาม ปากชมพูอวบอิ่มนั่น หน้าอกที่เขาเคยได้สัมผัสมันครั้งหนึ่งก่อนที่นางจะเอาหมอนไม้ฟาดหัวเขาจนแตก แล้วเมียเขากลับมาพอดี อยากจับไว้ใต้ร่างจริงๆ แต่งให้ไอ้ขี้โรคนั่นน่าเสียดาย“หืมใครเนี่ย เสี่ยวฟางของอานี่นามาเดินตลาดหรือ วันนี้แต่ตัวงดงามมากนัก เจ้าอยากกินอะไรหรือไม่อาเลี้ยงเจ้าเองดีไหม สามีขี้โรคของเจ้าเล่า คงไม่ได้มาซื้อของเซ่นไหว้หรอกนะ เสียดายความสาวเจ้าจริงๆ อยากให้อาเขยคนนี้ช่วยคลายความเหงาดีหรือไม่”เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสายเขาที่มองนางด้วยสายตาลามกโลมเลีย อีกทั้งสหายของเขาอีกสองคนก็ใช้สายตาเช่นเดียวกัน ดูท่าคงนิสัยอุบาทว์เหมือนกัน จึงไม่ตอบแต่เดินหนีแทน หวังซูอาเขยของนางเดินมาดักหน้า ก่อนจะกางแขนกั้น ส่งสายตาโลมเลียเสิ่นเยี่ยนฟางนับหนึ่งในใจ ชาวบ้านกำลังจะไปช่วยแต่หนึ่งในนั้นคื
เมิ่งหย่งชวนสังเกตุภรรยาของเขาคนนี้ดูมีกาลเทศะและมีความรู้มากกว่าข่าวที่เขาได้รับเสียอีก ข่าวที่ได้ยินคือนางหยาบคายไร้มารยาทสกปรกไม่ชอบอาบน้ำ ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ชอบอาบน้ำจะเป็นเรื่องจริง สกปรกเหลือทนเมื่อจ่ายเงินก็รับยาเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินนั่งรอทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นเขามองไปยังกลุ่มเด็กวัยเดียวกันที่ใส่ชุดของสำนักศึกษาจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะแตะบ่าผอมแห้งนั่น"อาเจิน อย่าห่วงเลยพี่สะใภ้จะหาเงินส่งให้เจ้าได้เข้าเรียน ตอนนี้เจ้าก็ฝึกกับพี่ชายเจ้าไปก่อนนะ""ข้าไม่เรียนหรอกขอรับพี่สะใภ้ พี่ใหญ่ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเป็นขุนนางยอมลำบากเพื่อให้พวกเรามีกิน เงินเดือนซิ่วไฉนั่นท่านปู่กับท่านย่าก็อ้างความกตัญญูยึดไปหมด พี่ชายข้าได้กินเพียงน้ำข้าวใสๆ ตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่านี้ขอรับ"เด็กชายเอ่ยไปพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วย เขาไม่อยากเรียนหรอก เขาจะรับจ้างทำงานส่งให้พี่ใหญ่ได้เรียนสูงๆเพื่อสอบขุนนาง จะได้ไม่ถูกคนรังแกเช่นทุกวันนี้ เสิ่นเยี่ยนฟางถอนหายใจ เวลานี้พูดไปก็เท่านั้น ต้องทำให้เห็นว่านางทำได้ก่อนสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ต้องไปหาซื้อเ
คนงานที่เห็นนางแต่งตัวมอซอก็ไม่ต้อนรับ แต่พอหันไปเห็นเมิ่งหย่งชวนก็ส่งสายตาทอดสะพานทันที แหม่เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ระริกระรี้เชียวแม่คุณหึ"คุณชายเจ้าคะ ท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ บอกเสี่ยวหงมาเถอะเจ้าค่ะข้าสมารถหาให้ท่านได้"คนงานหญิงเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานจนเสิ่นเยี่ยนฟางหมันใส้ ก่อนจะเดินมาเกาะแขนเมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานซึ้งแม้แต่ตัวเองยังเลี่ยน"ท่านพี่ ชุดเก่าหมดแล้วเลือกสักสามสี่ชุดนะเจ้าคะ พี่สาวท่านนี้ข้าอยากได้ชุดบุรุษสีฟ้า สีเทา สีน้ำเงิน สีดำอย่างละชุดและสีขาวสองชุด ขนาดสามีของข้ากับน้องชายของเขา เอาผ้าเนื้อดีนะ แล้วก็ข้าต้องการชุดสตรีห้าชุด สีเขียว ชมพู ฟ้า ขาว ม่วง อย่างละชุดเจ้าค่ะ"คนงานหญิงที่ต้อนรับเมิ่งหย่งชวนถึงกับอ้าปากค้าง ภถรรยาหรือหน้าตาก็ดี แต่เมียมอมแมมเหลือเกิน ยากจนเหมือนขอทานเช่นนี้มีเงินหรือ ดูจากการแต่งตัวไม่น่าจะจ่ายไหวจึงพูดดจาดุถูก"นี่แม่นาง ชุดบุรุษนั้นชุดละสามร้อยห้าสิบอีแปะนะเพราะเจ้าสั่งผ้าเนื้อดี ชุดขนาดของน้องสามีเจ้าก็ชุดละสองร้อยห้าสิบอีแะ ชุดสตรีสามร้อยห้าสิบอีแปะ เจ้ามีเงินแน่หรือ""เสิ่นเยี่ยนฟางเกลียดจริงๆอีพวกดูคนที่เปลือกเนี่ย นี่ขน
เมื่อได้ของเรียบร้อยเสิ่นเยี่ยนฟางก็ให้สองพี่น้องพาคนงานขนาดไปส่งที่เกวียน แล้วรอที่นั่นนางจะไปซื้อข้าวสารกับธัญพืช แต่ทั้งสองคนอยากไปช่วยนางมากกว่า เมิ่งหย่งชงนอยากรู้ด้วยว่านางเอาเงินมาจากที่ใดกัน จึงต้องตามไปดูให้รู้ชัด"เถ้าแก่เนี้ย ข้าขอฝากสินค้าไว้ก่อนนะเจ้าคะ อาเจินอยู่ที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามารับ"ขอรับพี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่"จากนั้นทั้งสองคนก็ตรงไปตรอกขายอาหารแห้งทันที เมื่อเดินมาพ้นจากผู้คนเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าไปเอาเงินมาจากที่ใดกัน เมื่อเช้าเจ้าได้มาเพียงสิบตำลึงมิใช่หรือ ปิ่นปักผมมารดาเจ้าขายอย่างไรก็ไม่น่าเกินสามตำลึง เสิ่นเยี่ยนฟางบอกข้ามานะ""จะอยากรู้ไปทำไม ข้าหาเงินได้ก็แล้วกันน่า เจ้าอย่าโวยวายเหมือนข้าไปฆ่าคนตายได้หรือไม่ นั่นร้านข้าวสารอยู่ตรงนั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวกว่าจะถึงบ้านจำมืดค่ำเสียก่อน"เสิ่นเยี่ยนฟางซื้อข้าวสารห้าสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เกลือสามชั่ง น้ำตาลห้าชั่ง น้ำตาลแดงสามชั่ง น้ำมันห้าไห นางชอบกินของทอดกับอาหารจานผัด ให้มาต้มผักป่าหรือไม่มีทางย่ะ ก่อนจะถามเมิ่งหย่งชวน"ท่านพี่ เราจะหาโม่หินได้จากที่ใดเจ้าคะ ข้าอยากได้สักอัน""
"หลานเมียเจ้ายอมรับมาเถอะว่าเจ้าทำร้ายพวกข้า อีกทั้งยังขโมยเงินของข้ามาอีก"เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นชาวบบ้านมาเริ่มมุงกัน มีชาวบ้านที่ตั้งแผงอยู่เมื่อเช้าด้วย ไหล่สั่นไหวน้ำตาแหมะแรกมาแล้ว ใครว่าหน่วยซิลต้องเข้มแข็งคะพวกฉันเล่นละครเก่งนะไอ้หนู ไม่งั้นจะแฝงตัวทำภารกิจได้หรือสองมือปิดหน้าร้องไห้เสียงดังจนคนที่เดินผ่านต้องหยุดแล้วเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจ นางจะทำอะไรอีก"ฮือๆๆๆๆ ใต้เท้ามือปราบข้าเปล่านะเจ้าคะ""แม่นางน้อย ไปที่ศาลาว่าการเถอะ หากเจ้าไม่ผิดข้าจิ้งเหยียนรับรองว่าไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้""ฮือๆๆๆๆใต้เท้า ท่านจับข้าไปแล้วสามีของข้าจะทำเช่นไร เขาใกล้ไม่ไหวเต็มทีแล้วข้ามารับยาให้เขาหากกลับไม่ทันเล่า ท่านจะไม่ให้ข้าได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้ายหรอกหรือ ข้าไม่ได้ขโมยเงินไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆเจ้าค่ะ ท่านถามชาวบบ้านดูก็ได้ หรือว่าคุณชายจางจะข่มขู่ชาวบ้านมิให้กล่าวความจริง ฮือๆๆๆ ว่ากันว่าเศรษฐีจางท่านใจบุญสุนทานเขาทำเพื่อสิ่งใด เพื่อไถ่บาปที่บุตรชายของท่านก่อขึ้นหรือ ฮือๆๆๆ"เมิ่งหย่งชวนตกใจ นางกล้าแช่งเขาอีกทั้งบอกจะส่งเขาเป้นครั้งสุดท้าย แม้แต่คนงานร้านเหล็กกับร้านข้าวสารก
จากนั้นข้าวของที่ซื้อมาได้ก้อยู่บนเกวียนเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินแม้จะอายุไม่มาก แต่เพราะต้องพาพี่ชายไปหาหมอบ่อยๆ จึงสามารถขับเกวียนได้ พ้นจากประตูเมืองมาถึงกลางทางเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าเป็นสตรีแบบใดถึงยืนแช่งสามีตนเองห๊ะเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่งมาให้ข้าหายป่วยหรือมาให้ข้าตายไวขึ้นกันแน่""ข้าเป็นนสตรีจิตใจดี รูปร่างหน้าตางดงาม แหม่เจ้าก็ยังอยู่ดีนี่ ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนบางคนยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ เจ้ารียนมาเยอะมิเคยได้ยินบ้างหรอกหรือ เฮ้อดวงเจ้าต่างหากที่อัปมงคล แต่งมาวันแรกก้ไปแม่น้ำเหลืองเสียแล้ว"เยียนฟางเอ่ยเบาๆในตอนท้าย อย่างไว้อาลัยเสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิม"เจ้าๆๆ เหอะ แล้วข้าวของนี่ไม่ซื้อเยอะเกินไปหรือ อีกอย่างเหตุใดไม่เก็บเงินไว้บ้างใช้จ่ายจนหมด""มีเงินก็ต้องใช้สิ ขืนเก็บเอาไว้บ้านใหญ่เจ้าก็มารุมทึ้งไม่เลิก ปลิงยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับปู่ย่าเจ้าเลย นี่เมิ่งหย่งชวนหากเจ้าจะกตัญญูข้าไม่ว่านะ แต่อย่าเอาคำว่าผู้อาวุโสและกตัญญูมาใช้กับข้า ปู่กับย่าเจ้า และลุงใหญ่กับป้าสะใภ้เจ้าไม่ได้คลอดข้าออกมา อย่ามารำเริบข้าจะตอกให้หงายหลังเลย"จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก เมิ่งหย่งชวนเผล
เมิ่งหย่งชวนไม่ตอบโต้ คนอย่างเมิ่งอี้ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้าน นอกจากเห่าก็ไม่กล้าทำอันใด อีกอย่างเมิ่งอี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเพราะความประพฤติของตนเอง แต่เมิ่งลู่เจินไม่ยอมให้พี่ชายถูกคนหยามเกียรติจึงกล่าวตอบโต้เมิ่งอี้กลับไป"เหอะ พี่ใหญ่ข้าแค่ป่วยอีกสามปีก็ไปสอบได้แล้ว ไม่ใช่คนขี้แพ้สักหน่อย เมิ่งอี้เจ้าสอบซิ่วไฉให้ผ่านเสียก่อนค่อยมาคุยโวจะดีกว่า เรียนมาหกปีเพิ่งสอบถงเซิ่งได้ ลู่เจาบุตรชายแม่หม้ายลู่ทิศตะวันตกของหมู่ เพิ่งเรียนได้ไม่ถึงปีอายุเก้าขวบก็สอบผ่านถงเซิ่งแล้ว เจ้าอายุสิบแปดเพิ่งสอบผ่านช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก""ไอ้สารเลวเมิ่งลู่เจิน อย่าคิดว่าเมิ่งหย่งชวนไอ้คนขี้โรคกลับมาแล้วจะปกป้องเจ้าได้นะ มานี่ข้าจะสั่งสอนเจ้าสองคนพี่น้องให้คลานกลับบ้านเลยทีเดียว"เมิ่งอี้ย่างสามขุมมาหาสองคนพี่น้องที่เกวียน เมิ่งหย่งชวนทำว่าร้อน สบัดแขนเสื้อเบาๆ เมิ่งอี้ก็ถูกหอบลอยไปกระแทกกับต้นไม้ตกลงมาทันทีเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เมิ่งอี้ลอยไปกระแทกได้อย่างไร แต่เพื่อเงินสามร้อยอีแปะที่เมิ่งอี้จ้างวานมาพวกอันธพาลจึงกรูเข้ามาล้อมรถม้าเพื่อจะรุมทำร้ายสองพี่น้อง แต่ยังไม
ทันทีที่หวงหย่งเหนียนกลับถึงจวนหยางซิงเหยียนก็นั่งหน้างอหงิกบนเตียงก่อนจะเอ่ยออกมา"ท่านอา ท่านยกเลิกการรับเมิ่งลู่เจินเป็นศิษย์สายตรงเถอะเจ้าค่ะ"ขอเหตุผลหน่อยได้ไหมเมียจ๋าคนดี"ปากก็พูดแต่มือกลับอยู่ไม่สุกปลดสายรัดเอวหยางซิงเหยียนก่อนจะฝังใบหน้ากับเต้าอวบอิ่ม ครอบครองดูดดื่มสลับทั้งสองจนเปียกแฉะไปด้วยน้ำลายของเขา มือหนาปลดกระโปรงนางออก ตามด้วยชุดตนเองจับเข่าตั้งชันขึ้นฝังใบหน้ากลางร่อยหลืบที่เริ่มมีน้ำหวานหลั่งชโลมออกมา"อื้อ เสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ แต่ท่านอาเจ้าขาขอคุยเรื่องสำคัญก่อนนะเจ้าคะ อ่าห์""อืม จ๊วบๆๆ อืมหวาน" หวงหย่งเหนียนยอมละใบหน้าจากร่องรักของนางก่อนจะเลื่อนมาดูดเม็ดทับทิมสองข้างฟังนางพูดคุย"ว่ามาเถอะเมียจ๋า พี่รอฟังอยู่ อืมนุ่มหวาน อยากนอนดูดทั้งวันจริงๆเหยียนเอ๋อร์ของข้า""อืม เสียวจัง ท่านอา จ เจ้า คะ คือว่า อื้อ อูย ล ลู่ซิน ฮู หยิน ฮูหยินจางเป็นมารดาแท้ๆของเมิ่งซิ่วไฉ อ่าห์ ท่านอาหย่งเหยียนท่านรักข้าเถอะเดี๋ยวค่อยคุย ข้าต้องการท่านแล้ว อ๊าย ล ลึกไปแล้ว อืม จ จุก""เจ้าแน่นขนาดนี้ อาจะไม่ไหวเอานะคนดี โอ้วเสียวมากนักด้ามพู่กันของข้าแทบหักค่าร่องเจ้า เหตุใดเสียวเยี่ยง
เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเมิ่งลู่เจินเขาพยักหน้าก่อนจะก้าวมาข้างหน้าคารวะหวงหย่งเหนียนด้วยท่าทีที่บุตรขุนนางชั้นสูงเท่านั้นจะทำเช่นนี้หวงหย่งเหนียนเอ่ยถามความรู้จากที่เขาเรียนมาเมิ่งลู่เจินตอบได้อย่างไม่ขัดเขิน คนในสำนักศึกษาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครจึงเอ่ย"แหม่ มาอวดความรู้อยู่ที่หน้าโรงเรียนมิอายผู้คนจริงๆหรือ นี่พี่ชายท่านนั้นคิดว่าตนเองเป็นใครกัน อาจารย์สุยของพวกเรานับว่ารอบรู้ที่สุด หากเจ้าอยากได้ความรู้ มิสู้มาถามอาจารย์สุยเล่า ฮ่าๆๆๆ""ฮ่าๆๆๆ นี่เมิ่งอี้หรือว่าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเจ้าจะจ้างคนมาเล่นละครกัน"องครักษ์ทำท่าจะเข้าไปสั่งสอน แต่หวงหย่งเหนียนห้ามเอาไว้ก่อนจะถามเมิ่งลู่เจิน"ผู้ใดสอนบทเรียนเหล่านี้ให้เจ้าหรือ""เป็นพี่ชายขอรับ""อืมนับว่าเจ้ามีอาจารย์ที่เก่งนัก เอาล่ะรองเจ้าเมืองข้าได้คนแล้ว ลูกศิษย์ส่วนตัวที่จะได้ไปเป็นสหายร่วมเรียนรัชทายาทคนสุดท้ายนับว่าข้าเจอแล้ว เมิ่งฮูหยิน ตั้งแต่พรุ่งนี้รถม้าของจวนเจ้าเมืองจะไปรับส่งน้องสามีท่านทุกวัน ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือน เพื่อสอนคนที่ข้าเลือก สุดท้ายแล้วเขาต้องไปร่ำเรียนต่อที่เมืองหลวง พวกเรากลับกันเถอะ กลับเถอะ"หวงหย่งเหนียนเ
ทางด้านเสิ่นเยี่ยนฟางเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ เกลือขึ้นราคาอย่างมากเช่นนี้ราษฎรคงลำบากไม่น้อ้ย ได้ยินว่าเกลือขาดแคลน ราชสำนักควบคุมราคาเกลืออยู่ตอนนี้ เสี่ยวเย่ามองถังหูลู่ตาละห้อยเสิ่นเยี่ยนฟางเห็นบุตรชายยืนมองก็เดินมาถาม“กินได้หรือ มิใช่ว่าเจ้าเป็นจิตวิญญาณหรือ”“ท่านแม่ลืมแล้วหรือขอรับว่าข้ามีกายสังขารแล้ว ที่คนอื่นไม่เห็นข้าเพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเขาเห็นเท่านั้น”“อืม เช่นนั้นเจ้าจะเอากี่ไม้ เดี๋ยวซื้อไปฝากท่านอาเจ้าสักสามไม้ท่านพ่อเจ้าสองไม้”“ขอบคุณขอรับท่านแม่ ข้าชอบท่านแม่ที่สุดเลย”“ไปหาผลซานจามาให้แม่สิ แล้วแม่จะทำให้กินจนเบื่อเลย”เสิ่นเยี่ยนฟางสั่งหมั่นโถวร้อยลูก ขาหมูตุ๋นสามขา ซาลาเปาอีกร้อยลูก ก่อนจะนำขึ้นรถม้าของเย่วฝางไปส่งที่หมู่บ้านก่อนเพราะเกรงว่าคนงานจะหิว เมิ่งหย่งซิน ไปกับเย่วฝางส่วนเสิ่นเยี่ยนฟางพาเมิ่งลู่เจินไปสำนักศึกษา ไม่นานก็เดินมาถึงสำนักศึกษา คุณธรรมค้ำใต้หล้า ของอาจารย์สุยกว่างโจวท่านนั้น เสิ่นเยี่ยนฟางยืนรอหน้าสำนักศึกษาก็เห็นอาจารย์คนหนึ่งเดินมาทางนี้จึงเอ่ยปากถามไถ่"เอ่อ ท่านอาจารย์เจ้าคะ ที่นี่คือสำนักศึกษาคุณธรรมค้ำใต้หล้าใช่หรือไม่เจ้าคะ"อาจารย์
กระทั่งรถม้าของเย่วฝางมาถึงในตำบล เสิ่นเยี่ยนฟางขอตัวไปหาพี่สาวที่จวนเจ้าเมืองก่อน เย่วฝานเห็นว่าไหนๆ ก็มาแล้วพบท่านเจ้าเมืองสักหน่อยก็ดี ทั้งสามมาถึงจวนท่านเจ้าเมือง เสิ่นเยี่ยนฟางคำนับโจวเฉิงพ่อบ้านที่ติดตามโจวหยวนโจวเฉิงคำนับกลับ ช่างเป็นสตรีที่กิริยามารยาทดีงามอะไรเช่นนี้ นี่ใช่สตรีที่แต่งงานมาแก้ชงของแม่ทัพเมิ่งจริงๆ หรือ"ท่านอาเฉิง ข้ามาขอพบพี่เสี่ยวฮวา มิทราบว่าจะรบกวนเกินไปหรือไม่เจ้าคะ""เอ่อ เมิ่งฮูหยินท่านรอสักครู่ได้ไหมขอรับ คุณชายรองกำลังสนทนากับเอ่อ ราชครูหวงอยู่ด้านใน พี่สาวท่านนางก็อยู่ในนั้นด้วย""อ้อ เช่นนั้นเดี๋ยวข้ามาใหม่จะดีกว่า พอดีจะพาอาหญิงของท่านพี่ไปซื้อของเซ่นไหว้นะเจ้าค่ะ ฝากใต้เท้าแจ้งแก่นางด้วย"เมิ่งลู่เจินจับมือพี่สะใภ้เขาได้ยินเสียงที่ดังลอดออกมาจากด้านใน พี่ชายฝึกยุทธให้เขามาสักพักแล้วจึงหูดี อีกอย่างพี่สะใภ้จับเขาวิ่งขึ้นลงภูเขาทุกวัน ตอนนี้เขาแข็งแรงกว่าเก่ามากนัก เมิ่งลู่เจินเอ่ยแก่เสิ่นเยี่ยนฟางเบาๆ"พี่สะใภ้ดูเหมือนว่าวันนี้เราคงมิได้พบหรอกขอรับ ดูท่าข้างในจะมีเรื่องกัน""(ท่านแม่ ใต้เท้าคนนั้นกำลังดุด่าสตรีนางหนึ่งอยู่ขอรับ มีบุรุษอีกคนกอดนางอ
เมื่ออาเล็กสามีกล่าวจบ เสิ่นเยี่ยนฟางสำลักน้ำลายทันที โดนเตะขนาดนั้นยังไม่ตายนับว่าทนมือทนเท้านางนัก เมื่อเช้ามาขออาหารเพื่อให้บุตรสาวหรอกหรือ ก่อนนางจะหันไปเอ่ยกับบรรดาพ่อค้าที่เจอเมื่อคืนในงานเลี้ยงเจ้าเมือง"พวกท่านมาบ้านข้าเพราะเหตุใด วันนี้สามีข้ามีญาติมาหาไม่สะดวกรับแขกเชิญกลับไปก่อน""เอ่อ เมียอาชวนคนเหล่านี้บอกว่าจะมาซื้อเต้าหู้นะ" ทันทีที่เมิ่งหลงพูดจบชาวบ้านที่มามุงดูก็มองหน้ากันไปมา"สูตรเต้าหู้หรือ ข้าไม่ขาย""ข้าให้เจ้าสองร้อยตำลึง หึยังมีอีกข้าจะให้สินเดิมแก่เจ้าเพิ่มร้อยตำลึง แต่งงานออกมาไม่มีสินเดิมไม่มีบ้านเดิมยังคิดจะยืนหยัดที่บ้านสามีอีกหรือ""โอ้ว เศรษฐีเสิ่นช่างใจกว้างนัก ท่านพี่ข้าต้องมีสินเดิมเท่าไหร่กันถึงพอเจ้าคะ ว่ากันว่าแต่กับขุนนางต้องสินเดิมยาวสิบลี้ บิดาข้าอยากให้ข้าได้มีที่ยืนในบ้านสามี งั้นสักหนึ่งหมื่นตำลึง กับทองคำหนึ่งพันชั่งพอไหมเจ้าคะท่านพี่"เสิ่นกว่าผิงหน้าดำนางเด็กนี่เห็นๆว่าอยากให้เขาโมโหตาย"มันจะมากไปแล้วนะ เจ้าเป็นสตรีแบบใดมีค่าคู่ควรกับเงินมากมายขนาดนั้นหรือ ท่านพ่อข้าอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับเจ้านับว่าให้เกียรติมากแล้ว" เสิ่นเว่ยเว่ยเอ่ยปากตวา
"เมื่อเช้าท่านปู่ท่านมาขออาหาร ไปอาบน้ำนะเจ้าคะคนดี วันนี้เขานอนเร็วก็ได้ข้าจะตามใจท่าน""อืม กี่ชั่วยามดีเมียข้า""ท่านนี่นะ ไปเถอะเจ้าค่ะอาเจินตื่นสายทุกวันเลย คงต้องคุยกันแล้วเขาชอบเรียนหนังสือข้าก็ดีใจ แต่อ่านหนังสือดึกทุกคืนย่อมไม่ดีแน่ สายตาจะแย่เอาได้"เมิ่งหย่งชวนแต่งตัวให้เมียสาวก่อนจะอุ้มนางลงจากเตียงพาไปห้องอาบน้ำด้วย ก่อนจะไม่ยอมให้นางฉวยโอกาสหนีเมิ่งหย่งชวนจับนางกินในอ่างจนได้ เขาสุขสมไปถึงสองครั้งจึงยอมปล่อยนาง เสิ่นเยี่ยนฟางงับจมูกเขาอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะแต่งตัวให้เขาแล้วพากันออกมาข้างนอก เมิ่งลู่เจินที่ตอนนี้ตั้งโต๊ะเตรียมมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วทั้งสามนั่งกินข้าว ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดต่างมุ่งอยู่กับความคิดตนเอง จนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้น"เมื่อเช้าปู่ของพวกเจ้ามาขออาหาร ข้าบอกว่าหากเมิ่งอี้มาขอโทษอาเจินวันนี้พวกเขาจะมีข้าวกินหนึ่งวัน หากขอโทษและยอมรับผิดเรื่องที่เขาใส่ร้ายอาเจิน พวกเขาจะมีข้าวกินสิบวัน""อืม พี่ใหญ่มิใช่ว่าเงินเดือนซิ่วไฉเดือนละสองตำลึงใกล้จะถึงวันจ่ายแล้วหรือขอรับ ท่านจะให้พวกเขาหรือไม่""เราแยกบ้านมาแล้ว แต่ว่าอนาคตเจ้าต้องเรียนเพื่อสอบจอหงวน จะละเล
ยามเหมาเสิ่นเยี่ยนฟางตื่นแล้ว นางเข้าครัว เอะ!! ฟืนมาจากไหนเนี่ย เสี่ยวเย่าคงจัดการให้ เสิ่นเยี่ยนฟางติดไฟเพื่อต้มน้ำร้อนให้สามีกับน้องชาย ก่อนจะนวดแป้งวันนี้จะทำแป้งย่างเค้กต้นหอม เห็ดที่อยู่ในตะกร้าไม่เหี่ยวเฉาสักนิด เสิ่ยเยี่ยนฟางเก็บไข่ไก่จากไก่ป่าที่นางจับได้มาสิบห้าตัวครั้งก่อน นางทำเล้าไก่ขังเอาไว้ กำลังเล็งๆว่าจะซื้อที่ดินที่ติดกับบริเวณบ้านเพิ่ม เนื่องจากที่ดินสามีก็อยู่ติดกัน เมิ่งหย่งชวนไม่เคยทำนา ที่ดินเพาะปลูกไม่ดีเขาเลือกที่จะรับใช้ราชสำนักเพื่อผ่อนปรนภาษีของครอบครัว น่าเสียดายที่บรรดาญาติเหมือนผีตายซากทั้งนั้นเสียงกุกกักๆอยู่หน้ารั้วบ้าน เสิ่นเยี่ยนฟางเดินออกมาดูก็เห็นชายชรามายืนด้อมๆมองๆ สองมือถูกกันไปมา เสิ่นเยี่ยนฟางเดินมาหาก่อนจะถาม"ตาเฒ่าเมิ่ง มาบ้านข้าทำไมอยากถูกทุบอีกหรือ""ไม่ๆๆ หลานสะใภ้เจ้าพอมีอาหารไหม คือว่าข้าอยากจะขอยืมสักหน่อย ที่บ้านไม่มีอะไรกินแล้ว เห็นว่าเจ้าไปช่วยงานใต้เท้าโจวพอจะมีของกินเหลือหรือไม่""หึ" เสิ่นเยี่ยนฟางเป่าปอยผมที่ปรกหน้าออกก่อนจะเอ่ย"ข้านี่นะไม่ใช่คนใจดำ แต่คนบ้านใหญ่เจ้าสิใจดำ มาขอข้าวข้ากินข้าย่อมให้อยู่แล้ว ตาเฒ่าเมิ่งหากเช้านี
เสิ่นกว่างผิงโกรธจนหน้าคล้ำยกมือขึ้นตบหน้าเสิ่นเยี่ยนฟางทันที แต่มือยังไม่ถึงใบหน้างามข้อมือเขากลับถูกมือหนาแข็งแกร่งบีบจนต้องนิ่วหน้า เสิ่นเว่ยรีบลุกมาทันทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน"ท่านพี่หย่งชวนเจ้าคะ ท่านพ่อแค่อยากสั่งสอนสตรีคนนี้เป็นเพราะนางทำชื่อเสียงตระกูลเสื่อมเสีย ปีนเตียงอาเขยตนเองไม่พอ ขนาดแต่งงานมาแล้วยังไปให้ท่าบุตรชายเศรษฐีจางอีก ท่านพี่หย่งชวนอย่าถูกใบหน้าจิ้งจอกของนางหลอกลวงนะเจ้าคะ"เสิ่นเยี่ยนฟางมองออกเสแสร้งเหรอ มาดูกันใครเก่งกว่า น้ำตามาแล้วผัวรักผัวหลงขนาดนี้หล่อนจะเอาอะไรมาสู้ฉัน จะแย่งผัวเจ๊หรือนังหนูไหล่บอบบางสั่นเท่า น้ำตารินไหลหันไปทางเสิ่นกว่างผิงกับหลิวหงที่ยืนยิ้มมองดูนางอยู่ก่อนจะเอ่ยวาจา"ท่านพ่อ นางเป็นน้องสาวข้าจริงๆหรือว่านางเป็นลูกติดท่านน้าหลิวหงกัน""เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าพูดอะไร เสี่ยวเว่ยเป็นบุตรสาวข้ากับท่านพี่ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ ตนเองไม่สะอาดก็อย่ามาสาดน้ำโคลนผู้อื่น" หลิวหงรีบแก้ต่างทันที ใครจะรู้เสิ่นเยี่ยนฟางกลับคุกเข่านั่งลงมือบางกุมหน้าอกตนเองก่อนจะทุบมันอย่างอัดอั้นตันใจ ร้องไห้ปานจะขาดใจ"ฮือๆๆๆ ท่านแม่ท่านดูนี่ นางคือบุตรสาวของท่านพ่อก
เมิ่งหย่งชวนยิ้มหวานให้นางแต่เมียสาวไม่สนใจ นางไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะมาเตรียมมื้อเช้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็นั่งลงกินข้าว"อาหารวันนี้อร่อยมากนัก เสี่ยวฟางเจ้าทำตอนไหนหรือ ขาหมูตุ๋นนี้เนียนลิ้น ยังมีผัดหมี่นี่เนื้อหมูบ้านเรามิใช่หมดไปแล้วหรือ"เสิ่นเยี่ยนฟางอมยิ้มบุตรชายของนางน่ารักเหลือเกิน ทำอาหารก็เก่งมิหนำซ้ำยังอร่อยอีกด้วย ไว้วันหลังนางจะบอกสูตรอาหารให้บุตรชายเยอะๆ สามีช่างสังเกตเกินไป ทั้งสามคนกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยเสิ่นเยี่ยนฟางกินอาหารก็รู้สึกว่ารสชาติคล้ายๆเหลาอาหารที่สามีเคยพาไปนั่งกิน เสี่ยวเย่านับว่ามีฝีมือ แต่มารดาคนงามไม่รู้เลยว่าตอนนี้ขาหมูตุ๋นที่นายอำเภอสั่งจองไว้กับทางเหลาอาหารเพื่อนำมาร่วมงานเลี้ยงท่านเจ้าเมืองหายไปจากรถเสบียง ยังมีผัดหมี่อายุยืนของหัวหน้ามือปราบชิวที่เตรียมไว้อีกก็หายไปเช่นกัน รวมถึงขนมงาอีกด้วยเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พากันออกเดินทาง ก่อนจะไปเสิ่นเยี่ยนฟางนำโสมน้อยสองต้นใส่กระถางปลูกเอาไว้ในห้องนอน เป็นห้องที่นางซ่อมแซมให้แข็งแรงแต่แรก ก่อนจะไปหลังบ้านเรียกหาเจ้าตัวน้อย"เสี่ยวเย่า เฝ้าบ้านให้แม่ดูแลน้องสาวเจ้าด้วย ระวังคนบ้านใหญ่ของท่านพ่อเจ