“มาเถอะค่ะ พี่สุ่นจะพาไปที่ห้องคุณแพท มีของอะไรอีกมั้ยคะ”
ภาวนาส่ายหน้าช้าๆ ยี่สุ่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นพาสมาชิกใหม่ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ทาส คนใหม่ของบ้านไปยังห้องของเจ้านายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ขี้โวยวาย เข้มงวด และทรงเสน่ห์มากที่สุด..
ภาวนาเดินไปยังเรือนเล็กในสวนตามที่คุณเพทายบอกไว้ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังเผชิญนั้นคืออะไร และก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอมีชีวิตใหม่แล้ว มีคนปกป้องให้พ้นจากคนชั่ว มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินสามมื้อ และมารดาได้รับการรักษาที่ดี คิดบวกสิคิดบวก หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น แม้จะไม่มั่นใจเลยว่าจะคิดบวกได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งท่าทางของภาวนานั้นคุณเพทายเฝ้าสังเกตตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาแล้ว
“เอาล่ะ มารับรู้สิ่งที่เธอจะต้องทำในบ้านนี้เสียทีนะภาวนา”
คุณเพทายเอกเขนกอิงหมอนใบสวยด้วยท่าทางสบายๆ ปากพูดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ ภาวนานั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมจนเมื่อผู้สูงวัยกว่าเหลืบตามองเธอลอดแว่นก่อนที่นางจะลุกนั่งตัวตรง
บรรยากาศในเรือนรับรองโล่งโปร่งสบายตาด้วยเป็นเรือนที่มีหน้าต่างบานกว้างยาวจรดพื้นลมอ่อนๆ พัดเย็นสบายทั้งวันและยังหอมสดชื่นด้วยกลิ่นดอกไม้ต่างๆ ที่ปลูกสลับกันอย่างลงตัว ภาวนาสังเกตว่าที่นี่เหมือนบ้านสวนเก่าที่ถูกปรับปรุงปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพิ่มเติมเข้ามาให้สวยงามน่าอยู่เธอเห็นต้นมะม่วงและต้นชมพู่ ส้มโออยู่ตลอดแนวรั้วและทางเดินปูอิฐงดงาม
“เธอจะต้องทำอาหารเช้าให้ฉันทุกเช้า ฉันจะกินข้าวประมาณหกโมงเช้าไม่เกินเจ็ดโมงเช้า ตาแพทจะไปทำงานก่อนแปดโมง และรับของว่างเวลาสิบโมง จะกินมื้อเที่ยง เที่ยงตรง รับของว่ายามบ่ายบ่ายสองโมง ตอนเย็นเราจะกินข้าวพร้อมหน้าหกโมงเย็นไม่เกินหนึ่งทุ่ม.. นี่แค่เรื่องอาหารนะ ยังมีงานอื่นๆ นอกเหนือจากการทำอาหารอีกก็คือ เธอต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลังร่วมกับสาวใช้คนอื่นๆ และทำงานในสวนนี้ด้วย ตัดหญ้ารดน้ำต้นไม้พรวนดินใส่ปุ๋ยตัดแต่งกิ่ง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานสวนโดยห้ามไม่ให้ใครมาช่วย เข้าใจที่พูดรึเปล่า”
“เข้าใจค่ะ”
“หวังว่าคงทำได้”
“ค่ะ ทำได้ค่ะ”
หญิงสาวรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นใบหน้าที่คุณเพทายยอมรับกับตัวเองว่าหญิงสาวผู้นี้สวยหวานปนโศกนั้นนิ่งสนิทราวกับยอมรับชะตากรรมของตนเองทำให้ใจอันรุ่มร้อนด้วยความคับแค้นใจของนางสั่นไหวอย่างประหลาด ก่อนที่นางจะรีบตัดความรู้สึกนั้นออกไปใบหน้าที่ยังคงความงดงามแม้วัยร่วงเลยมากว่าห้าสิบปีเชิดขึ้น
“เอาล่ะ ช่วงนี้ชั้นค่อนข้างปวดเมื่อยอยากได้หมอนวด นวดเป็นมั้ย”
“เป็นค่ะ”
“นวดฝ่าเท้าล่ะเป็นมั้ย”
“เป็นค่ะ พราวเคยเรียน” คำของหญิงสาวทำให้นางประหลาดใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำเพียงยิ้มบางๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็นวดให้หน่อยนะ เสร็จแล้วก็ไปตัดกิ่งกำแพงโมกข์ตรงโน้นให้ฉันหน่อยกิ่งมันเริ่มเกะกะแล้ว”
“ค่ะ แต่ขอพราวไปเตรียมของสักครู่ได้ไหมคะ”
“เธออยากได้อะไร”
“ผ้าขนหนูกับน้ำมันนวดค่ะ น้ำมันพราวมีแต่ผ้าขนหนูพราวว่าจะไปขอจากพี่ยี่สุ่น” หญิงสาวตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ไปสิ รีบไปรีบมาล่ะ” ภาวนาเดินเข่าออกไปช้าๆ คุณเพทายมองตามร่างเล็กบอบบางของ ลูกสะใภ้ ไปอย่างพินิจพิเคราะห์
ความจริงแล้วในสายตาของนางนั้นภาวนาเป็นคนสวยเลยทีเดียวแต่ทำไมถึงได้มีสภาพซอมซ่อแต่งตัวราวกับเด็กหนุ่มทั้งที่คนอย่างอาภานั้นรักสวยรักงามและแต่งตัวเก่งพอตัว สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันอาภาเป็นดาวคณะเลยทีเดียวการแต่งเนื้อแต่งตัวสวยก็เนี้ยบกว่าใคร จริงอยู่แม้ว่าตอนนี้ฐานะของอาภากับเชษฐาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อนแต่อาภาไม่น่าจะปล่อยปละละเลยลูกสาวที่มีแววสะสวยไม่เป็นรองใครแบบนี้ ทรงผมก็เหมือนหนูแทะทุเรศลูกตา เสื้อผ้ารึก็เก่าคร่ำครึแม้มันจะสะอาดสะอ้านก็เถอะแต่ดูโดยรวมแล้วภาวนาดูมอมแมมทั้งที่มีเชื้อสายชาติตระกูลที่ดี
“หึ คงเอาแต่เที่ยวสนุกสนานจนไม่มีเวลาดูแลลูกสินะ สุดท้ายก็คงพากันเข้าบ่อนจนหมดเนื้อหมดตัวล่ะสิ เอ.. แล้วเชษฐาไปไหนของเขานะ ทำไมไม่เห็นอยู่กับลูกเมียทั้งที่เขายังไม่เลิกกัน มันต้องมีอะไรสักอย่าง..”
คุณเพทายคิดวุ่นวายใจอยู่คนเดียว แต่เหนือส่งอื่นใด การแก้แค้นคือสิ่งที่อยู่ในใจนางมาเสมอ สิบปีแก้แค้นไม่สายและนางก็รอเวลานี้มานานเหลือเกิน..
มือเล็กทว่ากร้านงานนวดเฟ้นเบาๆ ไปตามเท้าเรียวของคุณเพทายกดนวดหนักเบาอย่างระมัดระวัง สร้างความพอใจให้กับคุณเพทายยิ่งนัก ซึ่งนางไม่คิดเลยว่ามือเล็กๆ ของลูกคนที่ตนเกลียดจะทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายมากขนาดนี้ ดวงตางามหลับพริ้มแสนสบาย สบายกว่านวดในร้านสปาที่ไปเป็นประจำเสียอีก
“เสร็จแล้วค่ะ คุณท่านจะให้พราวทำอะไรตรงนี้อีกมั้ยคะ” เสียงนุ่มของภาวนาทำให้คุณเพทายลืมตาขึ้นช้าๆ สีหน้าค่อนไปทางรำคาญ เหมือนว่าหญิงสาวรบกวนเวลาพักผ่อนของนางกระนั้น
“ไปใส่ปุ๋ยต้นไม้ตรงนู้นไป กระสอบปุ๋ยขี้ไก่อยู่ที่ห้องเก็บของตรงนั้นเห็นไหม” นางชี้ไปยังโรงเรือนเล็กๆ ที่บ่งบอกว่าเป็นห้องเก็บของ
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วเดินเลี่ยงไปอย่างรู้งาน ไม่มีท่าทีอิดออดหรือกระฟัดกระเฟียดอย่างเช่นสาวๆ สมัยใหม่บางคนชอบทำเมื่อถูกใช้ให้ทำงานไร่งานสวนหรืออะไรที่ไม่ถูกจริตพวกเจ้าหล่อน แต่สิ่งที่ภาวนาแสดงออกคือยอมรับและทำอย่างไม่เกี่ยงงอน อาจจะเป็นเพราะไม่มีทางเลือกภาวนาถึงได้เป็นแบบนี้ คุณแพทายคิดในใจขณะมองร่างเล็กๆ หิ้วถังใส่ปุ๋ยและเข็นรถเข็นที่บรรจุถุงใส่ปุ๋ยขี้ไก่ไปตามทางเพื่อตักใส่ต้นไม้ทีละต้น ต้นไหนที่รถไปไม่ถึงเธอก็ตักใส่ถังไปหญิงสาวทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว และเมื่อมองเผินๆ จากตรงนี้เหมือนว่าภาวนาเป็นเด็กผู้ชายเสียมากกว่าเป็นหญิงสาว ยิ่งทำให้คุณเพทายรู้สึกขบขันอยู่ไม่น้อย นี่นางคิดถูกแล้วสินะที่พาภาวนามาที่นี่เพื่อให้มาอยู่ในฐานะของภรรยาแพทริก แล้วท่าทางแบบนี้จะให้ลูกชายของนางสนใจได้อย่างไร ท่าทางนิ่งๆ เงียบๆ จะทันเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงของแพทริกหรือ แล้วจะสู้รบปรบมือกับเจ้าหล่อนพวกนั้นได้อย่างไรหนอตัวก็เล็กนิดเดียว แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ถ้าภาวนาจะโดนสาวๆ พวกนั้นถล่ม ถ้าภาวนาจะต้องเจ็บปวดโดนข่มเหงรังแก นั่นไม่ใช่หรือสิ่งที่ตนต้องการคุณเพทายถอนใจเบาๆ กับตัวเอง
ตอนที่1.หญิงสาววัยยี่สิบสองปีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าสะอาดสะอ้านประดับด้วยดวงตากลมโตหวานปนโศกอันเป็นจุดเด่นบนดวงหน้าแสนธรรมดาของเธอ จมูกโด่งเล็กเหมาะเจาะรับกับ ริมฝีปากอิ่มเต็มระเรื่อตามวัยสาวนั้นดูแห้งผากไร้สีสันทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเศร้าสร้อยและเย็นชืดเหมือนคนไร้ชีวิตวิญญาณ ร่างบอบบางสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนติเมตรสวมเสื้อผ้าสีทึบทึมยิ่งทำให้ดูบอบบางหม่นหมองลงไปอีกราวกับว่าเธอคือศูนย์รวมของความเย็นชาและความโศกเศร้าทั้งมวลบนโลกนี้กระนั้น ศีรษะทุยสวยซอยผมสั้นเข้ารูปหน้าเรียวเล็กยิ่งทำให้เธอดูตัวเล็กราวเด็กหนุ่มแรกรุ่นมากกว่าหญิงสาวโตเต็มวัย“หวังว่าเธอคงไม่ปฏิเสธความหวังดีของฉันนะ อาภา”หญิงวัยห้าสิบสี่ใบหน้าสะสวยสมวัยแต่ดูเย็นชาและแข็งกระด้างนามว่า เพทาย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีแววแห่ง ความหวังดี เช่นที่พูดเลยแม้แต่น้อย แต่ผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงเก่าทรุดโทรมก็ยิ้มให้บางๆ“จ้ะ ขอบใจนะเพชรที่เมตตาฉันกับลูก”“แน่นอนล่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันนี่นะ” อีกฝ่ายยิ้มเย็นเหมือนเย้ยหยันเสียมากกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ“ยังไงฝากยายพราวด้วยนะ แกเป็นเด็กดีมาก ยายพราวคือสมบั
ตอนที่2.“ผมไม่แต่ง..”“ทางเลือกของลูกมีแค่ทางเดียวคือแต่งงาน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ควรจะเป็นของลูกจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น และอีกอย่าง งานแต่งงานจะมีขึ้นมะรืนนี้” พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายที่ยืนอึ้งกับน้ำเสียงเยียบเย็นของมารดาเมื่อประตูปิดลงแพทริกก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างสุดแสนเซ็งจากที่ไม่อยากแต่งงานก็กลายเป็นอยากเอาชนะและอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มารดาของเขาจะยกสมบัติมหาศาลให้เจ้าหล่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรดีถึงขนาดที่คนเข้มงวดและค่อนข้างจะ เยอะ อย่างมารดาของเขาอยากได้มาเป็นสะใภ้“อยากจะรู้นักเธอเป็นใครมาจากไหน หึ คิดจะจับฉันไม่ง่ายหรอก...” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันที“คาเมล ทำงานด่วนให้หน่อยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดในเย็นนี้”แล้วแพทริกก็บอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้กับ คาเมล คนสนิทวัยยี่สิบเก้าซึ่งเป็นเสมือนน้องชายและมือขวาที่เก่งฉกาจแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ภาวนาไม่อยากจะก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอคิดมาตลอดเวลาที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ไม่มีความสุขยามที่บิดาเมากลับมาพร้อมด้วยการโวยวายอาละวาดและทุบตีเธอกับมารดาจนเธ
ตอนที่3..“เชิญขึ้นรถครับ..” เสียงห้าวเข้มของชายหน้าตาขึงขังดังขึ้นทำให้ภาวนาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองเขางงๆ ชายคนนั้นจึงย้ำกับเธออีกครั้ง“ผมเป็นคนของคุณเพทายมารับคุณไปที่บ้านครับ”“อ้อ ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” ภาวนาไหว้เขาอย่างงดงามจนทำให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถมารับ เจ้าสาว ของเจ้านายถึงกับรับไหว้ไม่ทัน ภาวนายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถคันหรูที่เธอไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนั่ง ตอนเธอเด็กๆ บิดาเคยมีรถยนต์แต่ไม่ได้หรูหราใหญ่โตแบบนี้ ธง เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่มั่นใจของเธอจึงรีบมาเปิดประตูให้“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าไปนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ“ของคุณผู้หญิงมีอะไรอีกมั้ยครับผมจะเก็บใส่หลังรถให้”ธงมองหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดรองเท้าคัทชูกลางเก่ากลางใหม่กับกระเป๋าใบเล็กใบเดียวอย่างไม่แน่ใจ“ไม่ค่ะ พราวมีแค่นี้” ใจจริงภาวนาอยากจะบอกว่าเธอไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเงินไม่กี่ร้อย“ครับ” ธงรับคำแล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังจะไปเป็นเจ้าสาวมหาเศรษฐีอย่างคุณแพทริกจะไม่มีอะไรเลย หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะไปหากอบโกยเอาข้างหน้าเห