“เชิญขึ้นรถครับ..” เสียงห้าวเข้มของชายหน้าตาขึงขังดังขึ้นทำให้ภาวนาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองเขางงๆ ชายคนนั้นจึงย้ำกับเธออีกครั้ง
“ผมเป็นคนของคุณเพทายมารับคุณไปที่บ้านครับ”
“อ้อ ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” ภาวนาไหว้เขาอย่างงดงามจนทำให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถมารับ เจ้าสาว ของเจ้านายถึงกับรับไหว้ไม่ทัน ภาวนายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถคันหรูที่เธอไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนั่ง ตอนเธอเด็กๆ บิดาเคยมีรถยนต์แต่ไม่ได้หรูหราใหญ่โตแบบนี้ ธง เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่มั่นใจของเธอจึงรีบมาเปิดประตูให้
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าไปนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ
“ของคุณผู้หญิงมีอะไรอีกมั้ยครับผมจะเก็บใส่หลังรถให้”
ธงมองหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดรองเท้าคัทชูกลางเก่ากลางใหม่กับกระเป๋าใบเล็กใบเดียวอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ค่ะ พราวมีแค่นี้” ใจจริงภาวนาอยากจะบอกว่าเธอไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเงินไม่กี่ร้อย
“ครับ” ธงรับคำแล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังจะไปเป็นเจ้าสาวมหาเศรษฐีอย่างคุณแพทริกจะไม่มีอะไรเลย หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะไปหากอบโกยเอาข้างหน้าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ได้ แต่ท่าทางและแววตาชาเย็นของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เบาะหลังก็ทำให้ธงค่อนข้างมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างกว่าผู้หญิงที่เจ้านายคบหา แต่การแต่งงานแบบกะทันหันของเจ้านายหนุ่มรูปงามก็ทำให้ทุกคนต่างเคลือบแคลงสงสัย เพราะที่บ้านหลังงามของเจ้านายไม่มีการจัดสถานที่ไม่มีการ์ดเชิญ ไม่มีการเตรียมงานอะไรเลย..
ภาวนาชะงักอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินไปข้างหน้า ดวงตากลมโตไหวระริกด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังเผชิญริมฝีปากแห้งผากเม้มสนิทมือเล็กชื้นเหงื่อกำสายกระเป๋าสะพายใบเล็กไว้แน่น ธงซึ่งยืนมองหญิงสาวอยู่ชั่วครู่รู้สึกสงสารเธออยู่ไม่น้อยท่าทางหวาดๆ ของหญิงสาว
“เชิญด้านนี้เลยครับ”
ธงผายมือให้เธอเดินไปภาวนาจึงก้าวเดินไปช้าๆ ภาวนาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามก้าวขาเดินให้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในที่สุดเธอก็เข้ามายังห้องโถงโอ่อ่าอลังการของคฤหาสน์หลังงามของครอบครัว เทย์เลอร์ ซึ่งคุณเพทายกำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มอีกคนและกำลังมองมายังเธอด้วยแววตาที่ทำให้ภาวนาแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ คนพวกนี้เกลียดเธอ โดยเฉพาะแววตาของชายหนุ่มคนนั้นนั่นคือสิ่งที่ภาวนารับรู้ได้
“คนนี้เหรอครับที่คุณแม่บอกว่าจะมาเป็นเมียผม..”
ชายหนุ่มที่นั่งข้างคุณเพทายพูดขึ้น น้ำเสียงเหยียดหยันของเขาไม่เบานัก ภาวนาหน้าร้อนด้วยความอับอาย ในใจก็นึกว่าคำพูดกับหน้าตาของชายหนุ่มคนนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ใบหน้าเรียวยาวคมสันมีไรเคราเขียวรอบกรามแกร่งนั้นประดับด้วยดวงตาคมใหญ่สีน้ำตาลเข้มภายใต้คิ้วดกหนานั้นวาววับคมกริบมีแววเย่อหยิ่งอย่างเด่นชัด จมูกโด่งสวยแบบฉบับลูกครึ่งรับริมฝีปากหยักสวยสีแดงเข้มหากประดับด้วยรอยยิ้มสดใสไร้แววเหยียดหยันมันคงจะน่าดูอยู่ไม่น้อย สรุปโดยรวมชายหนุ่มหล่อเหลาราวดารานายแบบปกนิตยสารและผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย
“นั่งสิ..”
คุณเพทายบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ภาวนาไหว้คุณเพทายอย่างนอบน้อมแต่หญิงสาวกลับทำท่าเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะนั่งตรงไหนระหว่างบนพื้นหรือบนโซฟาข้างๆ กับชายหนุ่มที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรและเหมือนว่าคุณเพทายจะรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร
“นั่งกับพื้นนั่นล่ะ”
ภาวนาถอนใจเบาๆ เมื่อได้ยินคำบอกของคุณเพทาย เพราะเธอเองก็อยากนั่งตรงนี้ล่ะมันคงจะรู้สึกอึดอัดน้อยกว่านั่งใกล้กับพวกเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอมาแล้วก็ทำความรู้จักกันซะ ที่ตาแพท แพทริกลูกชายของฉัน ส่วนนั่นคือ ภาวนา เมียของลูก”
“โอเค.. ผมรู้จักเธอแล้วทีนี้ผมไปได้แล้วใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นทันทีที่ได้ ทำความรู้จักกัน
“แล้วแพทจะไปไหน”
“ผมมีนัดกับลิซ่า”
“ไปสิ อย่ากลับค่ำล่ะอย่าลืมว่ามีเมียแล้ว”
“ครับ ผมจะไม่ลืม ว่าผมมีเมียทาสแล้ว หึหึ ไปนะจ๊ะเมียจ๋า เดี๋ยวเย็นๆ ผัวจะกลับมา”
ร่างสูงใหญ่ราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเดินผิวปากออกไปอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางเหมือนเพลย์บอยจอมกะล่อนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของเขาทำให้ภาวนานึกถึงบิดาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าที่มีดวงตาโศกซึ้งประดับอยู่ยิ่งหมองหม่นลงไปอีก ซึ่งท่าทางหม่นหมองของเธอทำให้คนมองอยู่ยิ้มพอใจ
“เอาเป็นว่า งานแต่งงานของเธอกับตาแพทเสร็จสิ้นลงแล้ว คงไม่ว่ากันนะที่ไม่ได้ให้จดทะเบียนสมรสและไม่มีงานแต่งหรูหราอย่างที่พวกเธอวาดฝันไว้”
“ค่ะ..” หญิงสาวตอบสั้นๆ ก้มหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แต่ฉันยังให้โอกาสเธอได้ทำหน้าที่เมียของตาแพทอยู่นะ เธอจะอยู่ห้องเดียวกัน เอาของไปเก็บสิแล้วลงมาพบฉันที่เรือนในสวน ยี่สุ่น มานี่สิ”
คุณเพทายเรียกสาวใช้เสียงเข้มทรงอำนาจไม่นาน ยี่สุ่น สาวใช้วัยสามสิบปลายรูปร่างอวบอิ่มระยะสุดท้ายก็เดินมานั่งคุกเข่าข้างๆ ภาวนาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“พาผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องตาแพทแล้วบอกรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ให้เธอฟัง เสร็จแล้วไปเจอฉันที่เรือนเล็กในสวน ฉันให้เวลาเธอครึ่งชั่วโมง” ร่างเพรียวของคุณเพทายออกไปแล้วภาวนาจึงหันมาไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างอ่อนน้อมฝากเนื้อฝากตัว
“สวัสดีค่ะพี่ยี่สุ่น”
“อะ เอ่อ สะ สวัสดีค่ะ คุณ..”
“พราวค่ะ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอกค่ะ พราวรู้สถานะตัวเองดี”
หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้ ยี่สุ่นถอนใจนึกเห็นใจหญิงสาวผู้ที่เจ้านายบอกว่าเป็นเมียของคุณแพทริกอยู่ไม่น้อย ซึ่งพอมาถึงจุดนี้สาวใช้ร่างอวบรู้ได้ทันทีว่า เมีย ในสถานะที่คุณเพทายวางไว้นั้นมันจะออกมาเป็นอย่างไร
ตอนที่4.“มาเถอะค่ะ พี่สุ่นจะพาไปที่ห้องคุณแพท มีของอะไรอีกมั้ยคะ”ภาวนาส่ายหน้าช้าๆ ยี่สุ่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นพาสมาชิกใหม่ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ทาส คนใหม่ของบ้านไปยังห้องของเจ้านายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ขี้โวยวาย เข้มงวด และทรงเสน่ห์มากที่สุด..ภาวนาเดินไปยังเรือนเล็กในสวนตามที่คุณเพทายบอกไว้ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังเผชิญนั้นคืออะไร และก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอมีชีวิตใหม่แล้ว มีคนปกป้องให้พ้นจากคนชั่ว มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินสามมื้อ และมารดาได้รับการรักษาที่ดี คิดบวกสิคิดบวก หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น แม้จะไม่มั่นใจเลยว่าจะคิดบวกได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งท่าทางของภาวนานั้นคุณเพทายเฝ้าสังเกตตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาแล้ว“เอาล่ะ มารับรู้สิ่งที่เธอจะต้องทำในบ้านนี้เสียทีนะภาวนา”คุณเพทายเอกเขนกอิงหมอนใบสวยด้วยท่าทางสบายๆ ปากพูดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ ภาวนานั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมจนเมื่อผู้สูงวัยกว่าเหลืบตามองเธอลอดแว่นก่อนที่นางจะลุกนั่งตัวตรงบรรยากาศในเรือนรับรองโล่งโปร่งสบายตาด้วยเป็
ตอนที่1.หญิงสาววัยยี่สิบสองปีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าสะอาดสะอ้านประดับด้วยดวงตากลมโตหวานปนโศกอันเป็นจุดเด่นบนดวงหน้าแสนธรรมดาของเธอ จมูกโด่งเล็กเหมาะเจาะรับกับ ริมฝีปากอิ่มเต็มระเรื่อตามวัยสาวนั้นดูแห้งผากไร้สีสันทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเศร้าสร้อยและเย็นชืดเหมือนคนไร้ชีวิตวิญญาณ ร่างบอบบางสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนติเมตรสวมเสื้อผ้าสีทึบทึมยิ่งทำให้ดูบอบบางหม่นหมองลงไปอีกราวกับว่าเธอคือศูนย์รวมของความเย็นชาและความโศกเศร้าทั้งมวลบนโลกนี้กระนั้น ศีรษะทุยสวยซอยผมสั้นเข้ารูปหน้าเรียวเล็กยิ่งทำให้เธอดูตัวเล็กราวเด็กหนุ่มแรกรุ่นมากกว่าหญิงสาวโตเต็มวัย“หวังว่าเธอคงไม่ปฏิเสธความหวังดีของฉันนะ อาภา”หญิงวัยห้าสิบสี่ใบหน้าสะสวยสมวัยแต่ดูเย็นชาและแข็งกระด้างนามว่า เพทาย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีแววแห่ง ความหวังดี เช่นที่พูดเลยแม้แต่น้อย แต่ผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงเก่าทรุดโทรมก็ยิ้มให้บางๆ“จ้ะ ขอบใจนะเพชรที่เมตตาฉันกับลูก”“แน่นอนล่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันนี่นะ” อีกฝ่ายยิ้มเย็นเหมือนเย้ยหยันเสียมากกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ“ยังไงฝากยายพราวด้วยนะ แกเป็นเด็กดีมาก ยายพราวคือสมบั
ตอนที่2.“ผมไม่แต่ง..”“ทางเลือกของลูกมีแค่ทางเดียวคือแต่งงาน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ควรจะเป็นของลูกจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น และอีกอย่าง งานแต่งงานจะมีขึ้นมะรืนนี้” พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายที่ยืนอึ้งกับน้ำเสียงเยียบเย็นของมารดาเมื่อประตูปิดลงแพทริกก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างสุดแสนเซ็งจากที่ไม่อยากแต่งงานก็กลายเป็นอยากเอาชนะและอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มารดาของเขาจะยกสมบัติมหาศาลให้เจ้าหล่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรดีถึงขนาดที่คนเข้มงวดและค่อนข้างจะ เยอะ อย่างมารดาของเขาอยากได้มาเป็นสะใภ้“อยากจะรู้นักเธอเป็นใครมาจากไหน หึ คิดจะจับฉันไม่ง่ายหรอก...” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันที“คาเมล ทำงานด่วนให้หน่อยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดในเย็นนี้”แล้วแพทริกก็บอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้กับ คาเมล คนสนิทวัยยี่สิบเก้าซึ่งเป็นเสมือนน้องชายและมือขวาที่เก่งฉกาจแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ภาวนาไม่อยากจะก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอคิดมาตลอดเวลาที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ไม่มีความสุขยามที่บิดาเมากลับมาพร้อมด้วยการโวยวายอาละวาดและทุบตีเธอกับมารดาจนเธ