“เชิญขึ้นรถครับ..” เสียงห้าวเข้มของชายหน้าตาขึงขังดังขึ้นทำให้ภาวนาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองเขางงๆ ชายคนนั้นจึงย้ำกับเธออีกครั้ง
“ผมเป็นคนของคุณเพทายมารับคุณไปที่บ้านครับ”
“อ้อ ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” ภาวนาไหว้เขาอย่างงดงามจนทำให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถมารับ เจ้าสาว ของเจ้านายถึงกับรับไหว้ไม่ทัน ภาวนายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถคันหรูที่เธอไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนั่ง ตอนเธอเด็กๆ บิดาเคยมีรถยนต์แต่ไม่ได้หรูหราใหญ่โตแบบนี้ ธง เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่มั่นใจของเธอจึงรีบมาเปิดประตูให้
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าไปนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ
“ของคุณผู้หญิงมีอะไรอีกมั้ยครับผมจะเก็บใส่หลังรถให้”
ธงมองหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดรองเท้าคัทชูกลางเก่ากลางใหม่กับกระเป๋าใบเล็กใบเดียวอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ค่ะ พราวมีแค่นี้” ใจจริงภาวนาอยากจะบอกว่าเธอไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเงินไม่กี่ร้อย
“ครับ” ธงรับคำแล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังจะไปเป็นเจ้าสาวมหาเศรษฐีอย่างคุณแพทริกจะไม่มีอะไรเลย หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะไปหากอบโกยเอาข้างหน้าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ได้ แต่ท่าทางและแววตาชาเย็นของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เบาะหลังก็ทำให้ธงค่อนข้างมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างกว่าผู้หญิงที่เจ้านายคบหา แต่การแต่งงานแบบกะทันหันของเจ้านายหนุ่มรูปงามก็ทำให้ทุกคนต่างเคลือบแคลงสงสัย เพราะที่บ้านหลังงามของเจ้านายไม่มีการจัดสถานที่ไม่มีการ์ดเชิญ ไม่มีการเตรียมงานอะไรเลย..
ภาวนาชะงักอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินไปข้างหน้า ดวงตากลมโตไหวระริกด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังเผชิญริมฝีปากแห้งผากเม้มสนิทมือเล็กชื้นเหงื่อกำสายกระเป๋าสะพายใบเล็กไว้แน่น ธงซึ่งยืนมองหญิงสาวอยู่ชั่วครู่รู้สึกสงสารเธออยู่ไม่น้อยท่าทางหวาดๆ ของหญิงสาว
“เชิญด้านนี้เลยครับ”
ธงผายมือให้เธอเดินไปภาวนาจึงก้าวเดินไปช้าๆ ภาวนาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามก้าวขาเดินให้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในที่สุดเธอก็เข้ามายังห้องโถงโอ่อ่าอลังการของคฤหาสน์หลังงามของครอบครัว เทย์เลอร์ ซึ่งคุณเพทายกำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มอีกคนและกำลังมองมายังเธอด้วยแววตาที่ทำให้ภาวนาแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ คนพวกนี้เกลียดเธอ โดยเฉพาะแววตาของชายหนุ่มคนนั้นนั่นคือสิ่งที่ภาวนารับรู้ได้
“คนนี้เหรอครับที่คุณแม่บอกว่าจะมาเป็นเมียผม..”
ชายหนุ่มที่นั่งข้างคุณเพทายพูดขึ้น น้ำเสียงเหยียดหยันของเขาไม่เบานัก ภาวนาหน้าร้อนด้วยความอับอาย ในใจก็นึกว่าคำพูดกับหน้าตาของชายหนุ่มคนนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ใบหน้าเรียวยาวคมสันมีไรเคราเขียวรอบกรามแกร่งนั้นประดับด้วยดวงตาคมใหญ่สีน้ำตาลเข้มภายใต้คิ้วดกหนานั้นวาววับคมกริบมีแววเย่อหยิ่งอย่างเด่นชัด จมูกโด่งสวยแบบฉบับลูกครึ่งรับริมฝีปากหยักสวยสีแดงเข้มหากประดับด้วยรอยยิ้มสดใสไร้แววเหยียดหยันมันคงจะน่าดูอยู่ไม่น้อย สรุปโดยรวมชายหนุ่มหล่อเหลาราวดารานายแบบปกนิตยสารและผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย
“นั่งสิ..”
คุณเพทายบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ภาวนาไหว้คุณเพทายอย่างนอบน้อมแต่หญิงสาวกลับทำท่าเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะนั่งตรงไหนระหว่างบนพื้นหรือบนโซฟาข้างๆ กับชายหนุ่มที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรและเหมือนว่าคุณเพทายจะรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร
“นั่งกับพื้นนั่นล่ะ”
ภาวนาถอนใจเบาๆ เมื่อได้ยินคำบอกของคุณเพทาย เพราะเธอเองก็อยากนั่งตรงนี้ล่ะมันคงจะรู้สึกอึดอัดน้อยกว่านั่งใกล้กับพวกเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอมาแล้วก็ทำความรู้จักกันซะ ที่ตาแพท แพทริกลูกชายของฉัน ส่วนนั่นคือ ภาวนา เมียของลูก”
“โอเค.. ผมรู้จักเธอแล้วทีนี้ผมไปได้แล้วใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นทันทีที่ได้ ทำความรู้จักกัน
“แล้วแพทจะไปไหน”
“ผมมีนัดกับลิซ่า”
“ไปสิ อย่ากลับค่ำล่ะอย่าลืมว่ามีเมียแล้ว”
“ครับ ผมจะไม่ลืม ว่าผมมีเมียทาสแล้ว หึหึ ไปนะจ๊ะเมียจ๋า เดี๋ยวเย็นๆ ผัวจะกลับมา”
ร่างสูงใหญ่ราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเดินผิวปากออกไปอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางเหมือนเพลย์บอยจอมกะล่อนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของเขาทำให้ภาวนานึกถึงบิดาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าที่มีดวงตาโศกซึ้งประดับอยู่ยิ่งหมองหม่นลงไปอีก ซึ่งท่าทางหม่นหมองของเธอทำให้คนมองอยู่ยิ้มพอใจ
“เอาเป็นว่า งานแต่งงานของเธอกับตาแพทเสร็จสิ้นลงแล้ว คงไม่ว่ากันนะที่ไม่ได้ให้จดทะเบียนสมรสและไม่มีงานแต่งหรูหราอย่างที่พวกเธอวาดฝันไว้”
“ค่ะ..” หญิงสาวตอบสั้นๆ ก้มหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แต่ฉันยังให้โอกาสเธอได้ทำหน้าที่เมียของตาแพทอยู่นะ เธอจะอยู่ห้องเดียวกัน เอาของไปเก็บสิแล้วลงมาพบฉันที่เรือนในสวน ยี่สุ่น มานี่สิ”
คุณเพทายเรียกสาวใช้เสียงเข้มทรงอำนาจไม่นาน ยี่สุ่น สาวใช้วัยสามสิบปลายรูปร่างอวบอิ่มระยะสุดท้ายก็เดินมานั่งคุกเข่าข้างๆ ภาวนาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“พาผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องตาแพทแล้วบอกรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ให้เธอฟัง เสร็จแล้วไปเจอฉันที่เรือนเล็กในสวน ฉันให้เวลาเธอครึ่งชั่วโมง” ร่างเพรียวของคุณเพทายออกไปแล้วภาวนาจึงหันมาไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างอ่อนน้อมฝากเนื้อฝากตัว
“สวัสดีค่ะพี่ยี่สุ่น”
“อะ เอ่อ สะ สวัสดีค่ะ คุณ..”
“พราวค่ะ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอกค่ะ พราวรู้สถานะตัวเองดี”
หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้ ยี่สุ่นถอนใจนึกเห็นใจหญิงสาวผู้ที่เจ้านายบอกว่าเป็นเมียของคุณแพทริกอยู่ไม่น้อย ซึ่งพอมาถึงจุดนี้สาวใช้ร่างอวบรู้ได้ทันทีว่า เมีย ในสถานะที่คุณเพทายวางไว้นั้นมันจะออกมาเป็นอย่างไร
ตอนที่4.“มาเถอะค่ะ พี่สุ่นจะพาไปที่ห้องคุณแพท มีของอะไรอีกมั้ยคะ”ภาวนาส่ายหน้าช้าๆ ยี่สุ่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นพาสมาชิกใหม่ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ทาส คนใหม่ของบ้านไปยังห้องของเจ้านายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ขี้โวยวาย เข้มงวด และทรงเสน่ห์มากที่สุด..ภาวนาเดินไปยังเรือนเล็กในสวนตามที่คุณเพทายบอกไว้ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังเผชิญนั้นคืออะไร และก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอมีชีวิตใหม่แล้ว มีคนปกป้องให้พ้นจากคนชั่ว มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินสามมื้อ และมารดาได้รับการรักษาที่ดี คิดบวกสิคิดบวก หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น แม้จะไม่มั่นใจเลยว่าจะคิดบวกได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งท่าทางของภาวนานั้นคุณเพทายเฝ้าสังเกตตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาแล้ว“เอาล่ะ มารับรู้สิ่งที่เธอจะต้องทำในบ้านนี้เสียทีนะภาวนา”คุณเพทายเอกเขนกอิงหมอนใบสวยด้วยท่าทางสบายๆ ปากพูดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ ภาวนานั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมจนเมื่อผู้สูงวัยกว่าเหลืบตามองเธอลอดแว่นก่อนที่นางจะลุกนั่งตัวตรงบรรยากาศในเรือนรับรองโล่งโปร่งสบายตาด้วยเป็
ตอนที่5.พอใส่ปุ๋ยต้นไม้ให้กับ แม่สามี แล้วภาวนาก็ต้องรีบล้างไม้ล้างมือเดินไปยังห้องครัวด้วยความรีบร้อน ทำให้ชนกับหญิงสาวแต่งตัวสวยปราดเปรียวคนหนึ่งจนตัวเธอเองกระเด็นล้มไม่เป็นท่าอยู่กับพื้นหญ้า“ว้าย เดินยังไงกันยะไม่ดูรึไงว่าฉันเดินอยู่ตรงนี้”หญิงสาวคนนั้นหันมาเท้าสะเอวยืนค้ำหัวเธอน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่แต่งมาอย่างดีบิดเบ้จนน่าขันแต่ภาวนาไม่มีอารมณ์ขัน“คุณต่างหากที่เดินไม่ดูคนที่นี่บ้านคนนะคะไม่ใช่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ภาวนาลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากตัวแล้วจะเดินผ่านไป หากหญิงสาวคนนั้นไม่เรียกจิกเธอไว้เสียก่อน“หยุดนะนังขี้ข้า ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะยะ”“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย หากจะขอโทษเราก็ต้องขอโทษซึ่งกันและกัน” ภาวนาไม่ยอมแพ้ แม้ภายนอกเธอจะดูเงียบๆ หงอๆ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ หากเธอจะยอมเธอก็ยอมให้กับแค่บางคนและบางครั้งเท่านั้น“แต่แกเป็นขี้ข้าแกต้องขอโทษฉัน ฉันเป็นเมียเจ้าของบ้านนี้นะรู้เอาไว้ด้วย”คำพูดนี้ทำให้ภาวนายิ้มบางๆ กอดอกมองหญิงสาวที่แต่งตัวได้ไร้รสนิยมใจความคิดของตน เพราะนอกจากจะไม่สวยแล้วยังเหมือนว่าเจ้าหล่อนเอาเศษผ้าขาดๆ มาพั
ตอนที่6.ภาวนายังคงติดใจในคำพูดของผักหวานอยู่ไม่น้อย เกี่ยวกับเรื่องการ แก้แค้น ของคุณเพทาย ส่วนป้าอร่อยนึกขันคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองสวย“อย่าไปสนใจมันเลยค่ะ มันก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย คุณพราวทำอาหารเป็นไหมคะ มาช่วยป้าทางนี้ดีกว่า” ป้าอร่อยตัดบททำให้ภาวนาจำต้องเดินไปหานาง“พราวทำอาหารเป็นค่ะและชอบทำมาก พราวอยากเป็นเชฟในโรงแรมหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อได้พูดถึงความฝันของตนเองและวางเรื่องที่ผักหวานพูดไปชั่วคราว“ดีเลยค่ะ วันนี้เราจะทำอะไรกันดีคะ มีปลากะพง ผักบุ้ง กะทิแล้วก็ผักอีกสองสามอย่าง”“คุณเพทายชอบกินอะไรคะ”“คุณท่านชอบอาหารไทยๆ โดยเฉพาะเมนูปลาค่ะ อาหารที่ไม่มีกะทิ แต่คุณแพทชอบแกงกะทิแต่ไม่ชอบกินหวานและในบ้านไม่มีใครกินเนื้อวัวหรือสัตว์ใหญ่ค่ะ” พี่กระจิบบอก“อ้อ.. ค่ะ” ภาวนารับรู้แล้วหันไปคุยกับป้าอร่อยเรื่องอาหารอย่างถูกคอหลังจากที่ทำอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเศษๆ ภาวนารู้สึกเหนียวตัวและอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะวันนี้ตั้งแต่มาถึงเธอก็ได้ทำงานตลอดทั้งวันจนเหงื่อท่วมตัวแต่เธอไม่รู้จะบอกใคร หรือทำอย่างไรในเมื่อสิ่งที่ค้างคาใจอยู่นั้นมันทำให้เธอนั่งหงอ
ตอนที่7.“หยุด.. อย่าคิดแม้แต่จะเข้ามาทำอะไรที่ไม่เข้าท่า ถ้าไม่อยากเจอดี”น้ำเสียงและแววของภาวนาเข้มจัด ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ก็ทำให้ผักหวานไม่กล้าเข้ามามีเพียงลิซ่าเท่านั้นที่กรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดและเจ็บใจ“กรี๊ดนังบ้า แกปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บนะ”“ปล่อยน่ะปล่อยแน่” พูดจบภาวนาก็ผลักลิซ่าเต็มแรงจนหน้าไถลไปกับพื้นดีที่เจ้าหล่อนเอามือยันพื้นได้ทันก่อนที่ใบหน้าสวยเพราะศัลยกรรมจะแหกเพราะกระแทกกับพื้นปูอิฐหยาบๆ“ไปกันเถอะค่ะพี่ยี่สุ่น” ภาวนาเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยี่สุ่นจึงรีบก้าวตามไป ปล่อยให้ลิซ่ากับผักหวานนั่งมองด้วยความเดือดดาล“เจ็บใจนัก ฉันจะฟ้องแพทคอยดู”“ฟ้องเลยค่ะคุณลิซ่ามันมาทีหลังคุณนะคะ คุณแพทไม่มองมันหรอกค่ะ คุณแพทต้องเชื่อคุณลิซ่าและลงโทษมัน” ผักหวานยุส่งแล้วประคองลิซ่าขึ้นมาจากพื้นภาพการปะทะกันระหว่างลิซ่ากับภาวนานั้นอยู่ในสายตาของคุณเพทายตลอด นางมองดูตั้งแต่ภาวนาเดินคุยกันไปตามทางแล้วเจอกับลิซ่าที่ดักรออยู่ จริงๆ แล้วนางเองก็คิดว่าภาวนาจะถูกลิซ่ากับผักหวานรุมแน่นอน แต่แล้วก็กลายเป็นว่ามันผิดคาด และการกระทำของภาวนาทำให้คุณแพทายยิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยๆ
ตอนที่8.น้ำเสียงหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด ภาวนาลอบถอนใจเบาๆ ด้วยความเอือมระอา เธอเคยได้ยินเสียงแบบนี้ของบิดายามที่เรียกจิกมารดานี่เธอจะต้องมาเจอคนแบบเดียวกันกับคนที่เกลียดแสนเกลียดอย่างนั้นหรือ“ขอโทษค่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วไม่คิดว่าเธอจะเอ่ยปากขอโทษเขาง่ายๆ แบบนี้ แต่มันยังไม่พอสำหรับเขา“เอ่ยปากขอโทษเฉยๆ แค่นี้เหรอ”ภาวนากัดริมฝีปากด้านในจนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาว่างเปล่าไม่ตอบโต้และไม่สนใจว่าเขาจะเป็นอย่างไรร่างเล็กเดินเร็วๆ ลงบันไดไปโดยไม่เหลียวหลังสร้างความขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก“ยายเด็กบ้าเอ๊ย”แพทริกสบถตามหลังไปแล้วเดินกลับเข้าห้องปิดประตูอย่างแรง ป้าอร่อยซึ่งยืนรอภาวนาอยู่สะดุ้งตกใจมองตามร่างเล็กที่เดินลิ่วๆ ลงบันไดมาอย่างเห็นใจ“ขอโทษที่ให้รอนะคะป้า” หญิงสาวยิ้มให้บางๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะค่ะ”ทางด้านแพทริกที่เข้ามาในห้องก็ยังคงหัวเสียอยู่ไม่หาย ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มมองไปที่เตียงกว้างที่มันดูเรียบตึงเหมือนไม่มีใครใช้งานมันแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ“แล้วเมื่อคืนยายมอมแมมนั่นนอนที่ไหน อย่าบอกนะว่านอนบนพื้น” ชายหนุ่มมองเตียงกว้างแล้วกวาดตามองไปรอ
ตอนที่9.“ก็ใช่ไง งานแต่งที่ไม่ใช่งานแต่ง แต่ให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเมียลูกแค่นั้น คิดเหรอว่าแม่จะให้ผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างแม่ภาวนามาเป็นสะใภ้หรือให้ใช้นามสกุลเรา ไม่ใช่แค่ภาวนานะ แต่หมายถึงผู้หญิงที่ลูกควงๆ อยู่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ด้วย”คุณเพทายน้ำเสียงจริงจังแพทริกจึงยกกาแฟขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อนไป สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นระหว่างรออาหารเช้าซึ่งทุกวันคุณเพทายจะต้องมานั่งที่นี่เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็เดินออกไปที่สวนดูต้นไม้ใบหญ้า หรือบางครั้งก็จะเก็บดอกมะลิมาร้อยมาลัย แม้คุณเพทายจะไปใช้ชีวิตอยู่สวิสเซอร์แลนด์และอังกฤษตามสามี แต่นางก็ยังคงรักความเป็นไทยและใช้ชีวิตแบบวิถีไทยและสอนให้แพทริกรักในสายเลือดไทยด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มจะพูดภาษาแม่ได้ชัดเจน“คุณแม่ต้องการอะไรครับถึงได้ให้ภาวนาเข้ามาเป็น เอ่อ เป็นเมียผม คุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ใช่รสนิยมผมเลย”“แม่แค่ทำตามความต้องการของตัวเองเท่านั้นล่ะ ลูกจะไม่รักไม่อะไรกับแม่ภาวนาก็ไม่เป็นไรนี่ จะโขลกสับจะด่าว่าอะไรก็แล้วแต่ลูก ภาวนาเป็นสมบัติของลูก แพทจะทำอะไรกับเธอก็ได้..” พูดโดยไม่มองหน้าแพทริกส่ายหน้ายิ้มๆ“ผมไม่เข้าใจ.. แต
ตอนที่10.“รีบทำงานให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงนี้นะ เพราะฉันมีงานให้เธอทำต่อ..”พูดจบร่างสูงก็เดินออกไป ภาวนาถอนหายใจเฮือกใหญ่มองกระดาษที่ปลิวออกจากกล่องที่ล้มเอียงกะเท่เร่อยู่กับพื้นพรมอย่างเศร้าสร้อยหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ วันนี้เธอจะต้องทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดไม่ให้มีงานค้างเพราะเธอจะต้องไปเยี่ยมแม่ โชคดีที่คุณเพทายยังพอมีเมตตาต่อเธอบ้างด้วยการอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมแม่ได้ทุกเย็นหลังจากทำอาหารเย็นแล้ว เธอจะอยู่กินข้าวหรือไม่พวกเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เธอเองก็ต้องการ ยิ่งไม่สนใจเธอเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะมันทำให้เธอได้มีเวลาของตัวเองบ้างหลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันภาวนารีบยกกล่องลงมาที่ห้องเก็บของใต้บันไดด้านหลังตึกใหญ่ห้องเก็บของที่แพทริกพูดถึงนั้นใหญ่กว่าบ้านหลังเล็กของเธอที่อยู่ก่อนหน้านี้อีก มีชั้นเก็บของมั่นคงแข็งแรงและยังสะอาดสะอ้านอีกด้วย นี่ละนะบ้านมหาเศรษฐีจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ภาวนารีบจัดการเอกสารตามที่เขาสั่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแต่แล้วก็มีสิ่งมาดึงดูดความสนใจเธอเสียก่อน“นี่หล่อน..” เสียงเรียกแบบจิกหัวดังขึ้นเป็นช่วงเวลาพอดีที่เธอเก็บเอกสารเข้าแฟ้มเก็บอั
ตอนที่11.“คุณท่านคะ ช่วยผักหวานด้วยค่ะ นัง เอ่อ คุณพราวน่ะสิคะ ทำร้ายแขกคุณแพทแล้วยังขังพวกเราไว้ในห้องเก็บของด้วยค่ะ”“ก็ถ้าแกไม่ไปยุ่งกับเขาก่อน เขาจะยุ่งกับแกเหรอนังผักหวาน”“นี่พี่ผักบุ้ง น้องตัวเองโดนรังแกนะ ยังจะไปปกป้องคนอื่นอีก” ผักหวานแหวใส่พี่สาวอย่างลืมตัว“พอทั้งสองคนนั่นล่ะ แล้วนี่หล่อนมาได้ยังไงกันแม่โรซี่”คุณเพทายกอดอกมองโรซี่อย่างไม่ชอบใจพลางปรายตามองลูกชายตัวดีซึ่งหันมายิ้มแหยๆ ให้มารดา“แม่ไม่ชอบเลยนะแพทที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่บ้าน นี่ไปก่อเรื่องที่บริษัทไม่พอใช่ไหม นี่ยังเห็นหัวแม่กันอยู่รึเปล่า”คุณเพทายถามเสียงเขียวไม่พอใจรุนแรงที่ผู้หญิงของลูกชายเริ่มล้ำเส้นมากเกินไป“โธ่.. คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ให้เธอมาหาผมเลยนะครับ อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดจริงจังกับพวกเธอเลย คุณแม่ก็รู้”“ใช่.. แม่รู้ แต่ผู้หญิงพวกนั้นเขาไม่ได้คิดเหมือนลูกนี่นา เขาคิดตรงกันข้ามบอกไว้เลยนะอย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก และหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่นี่ หากยายพวกนั้นจะตบตีแย่งชิงลูกก็บอกให้พวกหล่อนไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ของเทเลอร์” คุณเพทายพูดอย่างจริงจังทั้งน้
ตอนที่47.“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง ภาวนา คือเมียผมและเธอก็กำลังอุ้มท้องลูกของผมด้วย แต่บังเอิญเรามีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยเธอเลยโกรธผม” น้ำเสียงแสนมั่นใจและรอยยิ้มกว้างของเขาทำให้คนที่ใจเย็นและเก็บอารมณ์ได้ดีเช่นภาวนาถึงกับสติแตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“คนบ้า ฉันไม่ได้เป็นเมียใคร ไม่ได้อุ้มท้องลูกคุณและไม่ได้มีเรื่องค้างคาใจอะไรกับคุณด้วย”“จริงเหรอ.. พราวจะให้พี่บอกใครๆ ทั้งบางนี้เลยมั้ยล่ะว่าเราเป็นอะไรกัน” แพทริกรุกเข้าไปอีกขั้น“คุณมันก็พวกกินในที่ลับขับในที่แจ้ง ทุเรศที่สุด ออกไปจากร้านของฉันจะดีกว่า ฉันไม่อยากซวยแต่เช้า พี่เอกคะ รบกวนไล่พวกก่อกวนออกจากร้านด้วยนะคะ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปหลังร้าน เป็นเอกหันมายิ้มเยาะแล้วผายมือไปที่ประตูเป็นการบอกว่าให้แพทริกออกไป“ผมจะง้อเมีย คุณจะขัดขวางพรากพ่อแม่ลูกเขาเหรอ”“โอ๊ย.. อยากหัวเราะ นี่คุณแพทริกคุณคงลืมอะไรไปนะครับ คุณไม่ได้แต่งงานกับพราว และคุณก็ไม่เคยให้เกียรติพราวในฐานะนี้มาก่อน พวกค
ตอนที่46.คุณเพทายนั่งลงข้างๆ ลูกชายที่ขยับตัวนั่งแต่แผ่นหลังกว้างกลับคู่ลงข้อศอกทั้งสองข้างชันบนเข่า ท่าทางตอนนี้ของแพทริกไม่เหลือคราบนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่เก่งฉกาจทั้งเรื่องงานและเรื่องรักเลยแม้แต่น้อย มีเพียงชายหนุ่มขี้เมามอซอเท่านั้น..“คุณแม่มีอะไรหรือครับ”“แม่มีความจริงจะบอก..” แล้วคุณเพทายก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่นางเองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดกับหญิงสาวคนนั้น คนที่ทำให้นางกับลูกชายต้องมานั่งทุกข์เพราะทิฐิในใจ เพราะตั้งแต่สิ้นสุดงานศพของนางอาภา ภาวนาก็หายหน้าไปไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมาและไม่มาขอความช่วยเหลือใดๆ จากพวกตนเลย ภาวนาทำเหมือนว่าได้ตายจากไปอีกคน ซึ่งคุณเพทายเองก็ยังคงรู้สึกประดักประเดิด คิดอยู่ว่าจะขอโทษภาวนาที่เคยทำอะไรๆ ที่ไม่ดีด้วย แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ยอมรับและเมินเฉยต่อการปรากฏตัวของนาง เย็นชา.. นั่นคือสิ่งที่นางได้รับจากภาวนา ซึ่งนับว่าภาวนาเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งและหยิ่งทระนงมากทีเดียว...“พราวท้องหรือครับ ท้องกับใคร..” เป็นคำถามที่โง่ที่สุดเท่าที่แพทริกถามออกมา และค
ตอนที่45.ดวงตาที่หลับลงเมื่อครู่ลืมขึ้น ดวงตากรอกไปมาเหมือนมองหาแต่ฝ้าขาวบดบังการมองเห็น ภาวนาปิดปากกลั้นสะอื้นด้วยความสงสารมารดา คุณเพทายเดินไปใกล้ๆ แล้วจับมือผอมๆ ของเพื่อนรักในอดีตขึ้นมาแล้วก้มลงพูดใกล้ๆ“ฉันรู้ความจริงหมดแล้วภา ฉันขอโทษที่ทำร้ายเธอฉันมันโง่เองที่ให้ความโกรธความงี่เง่าของฉันมันทำร้ายเธอกับลูก ยกโทษให้กับความโง่เขลาของฉันนะภา”“ดีใจจัง.. ขอบคุณ.. ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย”นางอาภายิ้มทั้งน้ำตา เสียงแหบพร่าเบาแสนเบาแต่คุณเพทายกับภาวนาก็ได้ยิน“ขอบคุณที่เธอทำเพื่อฉัน อโหสิให้ฉันนะภา”นางอาภาหายใจหอบขาดห้วงแต่ก็พยักหน้าช้าๆ ให้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่ค้างคาในใจมาตลอดกว่าสามสิบปีมันได้มลายหายไปในบัดดล และความกังวลใดๆ ในใจก็ไม่มีติดค้างแล้ว ภาวนาได้ในสิ่งที่ปรารถนาซึ่งคนเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกของตนจะสามารถดูแลตัวเองได้“ฝากพราวด้วยนะ พราวแม่รักพราวนะลูก”“พราวก็รักแม่ค่ะ แม่หลับให้สบายนะคะ
ตอนที่44.“ต่อไปนี้ก็จะถึงคราวที่เราต้องเปิดร้านจริงๆ แล้วสินะ” ภาวนายิ้มกับความฝันที่จะมีร้านขนมของตัวเองซึ่งเธอกับเป็นเอกร่วมหุ้นกันและร้านก็สร้างเสร็จแล้ว แค่รอฤกษ์เปิดบริการเท่านั้นเอง“ยินดีด้วยนะภาวนา” เสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้ภาวนาที่กำลังยืนคุยกับทีมงานหันขวับไปมองแล้วตาโตอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าแพทริกมายืนอยู่ตรงหน้าในขณะเดียวกันเป็นเอกก็รับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“คุณมาทำไมคะ” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรเธอก็จึงถามออกไปแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มหน้าหงิกไปเลยทีเดียว“ผัวจะมาหาเมียนี่ต้องมีคำว่ามาทำไมด้วยเหรอ”“พูดให้มันดีๆ นะคะ”ภาวนาหน้าแดงก่ำเมื่อเสียงของเขาไม่เบาเลยทำให้หลายๆ คนหันมามองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก่อนที่ภาวนากับแพทริกจะได้ตอบโต้กันเป็นเอกก็เข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ“งั้นเราไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”หญิงสาวหน้าตาเป็นกังวลแล้วรีบเก็บข้าวของใส่กล่อง เป็นเอกหันไปสั
ตอนที่43.“ฉันทำผิดกับเพื่อนรักของฉันเหลือเกิน.. และที่สำคัญฉันก็ทำผิดกับคนบริสุทธิ์อีกสองคน..” แล้วคุณเพทายก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ยี่สุ่นฟังซึ่งยี่สุ่นเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเพราะสงสารในชะตากรรมของสองแม่ลูกที่ได้พบเจอ“มันไม่ใช่ความผิดของคุณท่านนะคะ ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ผิด สุ่นว่าป่านนี้คงตายไปแล้วล่ะค่ะ”“ยี่สุ่นแล้วหลานของฉันล่ะ”“เรื่องนี้สุ่นไม่กล้าที่จะพูดอะไรหรอกค่ะ คุณท่านต้องติดสินใจเอง หากว่าคุณท่านอยากจะชดเชยให้กับพวกเขาคุณท่านก็ควรบอกความจริงและยกเลิกสัญญานั้นเสีย”“ฉัน.. ขี้ขลาดเหลือเกินยี่สุ่น”“นี่ก็ดึกแล้วคุณท่านพักผ่อนเถอะค่ะ อย่างไรเสีย คุณพราวก็ยังอยู่กับเรา..”ยี่สุ่นยิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นนายก่อนจะดูแลความเรียบร้อยในห้องแล้วกลับไป แต่คุณเพทายยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นคุณเพทายเฝ้ามองอาการของภาวนาอย่างพิจารณา
ตอนที่42.“ขอบคุณนะคะ” ภาวนาเดินเข้ามาหยุดมองมารดาของตนแล้วรู้สึกใจหายกว่าทุกวัน เธอรู้ดีว่าเวลาของมารดานั้นน้อยลงทุกที“แม่คะพราวมาเยี่ยมนะคะ”หญิงสาวนั่งลงข้างเตียงแล้วเรียกมารดาเบาๆ ดวงตาโศกซึ้งมองร่างที่นอนแบบอยู่บนเตียงด้วยความหดหู่ รู้ดีว่าอีกไม่นานมารดาก็จะจากไป แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่ก็อดที่จะขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้เมื่อคิดถึงวันที่ตนต้องอยู่คนเดียวจริงๆ“แม่คะ.. พราวอยากบอกข่าวดีแม่จังค่ะ และพราวอยากจะบอกแม่ว่าพราวขอบคุณแม่ในทุกๆ สิ่งที่แม่เสียสละเพื่อพราว อีกไม่นานพราวก็คงหมดภาระหน้าที่ทดแทนบุญคุณแทนแม่กับคนพวกนั้นแล้ว พราวดีใจนะคะที่อย่างน้อยๆ พราวก็ทำในสิ่งที่แม่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ แม่คะพราวจะเข้มแข็ง แม่ไม่ต้องห่วงพราวนะคะว่าพราวจะอยู่ตัวคนเดียว พราวมีเพื่อนแล้วค่ะ พราวมีพี่เอก และพราวกำลังจะมีลูก มีหลานให้แม่”ภาวนายิ้มบางๆ แล้วลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตนอย่างมีความสุขในขณะที่คนซึ่งแอบฟังอยู่นั้นรู้สึกตกใจจนต้องยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงอุทานไว้ในลำคอ หัวใจของคุณ
ตอนที่41.“พราว พราวจริงๆ ด้วย พี่มองอยู่นานนึกว่าใคร” เสียงนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทั้งสองสาวจึงเงยหน้ามอง“พี่เอก มาได้ยังไงคะเนี่ย” ภาวนายิ้มกว้างดีใจที่เจอเป็นเอก“พอดีพี่มาซื้อของไปเตรียมงานน่ะ ว่าแต่พราวเถอะมายังไง แล้วนี่ โอ้โห.. สวยจัง” เป็นเอกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวสวยสดใสเปล่งปลั่งผิดหูผิดตา“อุ๊ย ลืมแนะนำไปค่ะ นี่พี่เมนี่ พี่เมนี่คะ พี่เอกค่ะ พี่เอกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพราวเลยค่ะ” เป็นเอกหันไปมองหญิงสาวสวยที่นั่งดอกอกเชิดหน้าอย่างไว้ตัวข้างๆ ภาวนา“คุณนั่นเอง”“อ้าวรู้จักกันเหรอคะ”“ไม่..” หนุ่มสาวพูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็ต่างมองหน้ากันอย่างขุ่นเคือง ภาวนามองทั้งสองสลับกันไปมา“เราไปกันเถอะน้องพราว” เมทินีตัดบทแล้วลุกขึ้นดึงมือภาวนาจะเดินออกจากร้านไป แต่เป็นเอกขัดขึ้นเสยก่อน“คุณติดค่าข้าวผมนะคุณหมอ” เมทินีชะงักแล้วหันมามอ
ตอนที่40.ลิซ่านั่งลงข้างๆ ภาวนาแต่ท่าทางของหญิงสาวสมัยใหม่ที่ชอบเที่ยวเตร่อย่างลิซ่านั้นดูขัดตา ขาดๆ เกินๆ และดูหยิบโหย่งจนคุณเพทายนึกดีใจที่แพทริกไม่ได้คิดจริงจังกับลิซ่า แม้ลิซ่าจะสวยและร่ำรวยพอสมควรแต่นิสัยใจคอไม่เอาการเอางานทำให้คุณเพทายไม่อาจจะรับได้ นางอยากได้ลูกสะใภ้ที่เก่งงานบ้านงานเรือนมีใจคอหนักแน่นและหนักเอาเบาสู้ ไม่ใช่จะแต่งตัวสวยไปวันๆ อย่างลิซ่า แล้วใจของคุณเพทายก็กระตุกหันไปมองภาวนาอย่างพินิจพิเคราะห์ หัวใจของนางไหววูบด้วยความรู้สึกประหลาดและยอมรับกับตัวเองว่า ภาวนาคือคนที่ใช่ในคุณสมบัติที่นางต้องการ แต่เพราะภาวนาเป็นลูกสาวของอาภานั้นคือข้อจำกัดอันร้ายแรงที่ไม่อาจจะยอมรับได้นางไม่เคยรังเกียจหากแพทริกจะรักชอบพอกับหญิงสาวต่างฐานะหรือเป็นเพียงลูกสาวคนทำงานหาเช้ากินค่ำ หากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีและรักแพทริกจริงๆ นางก็พร้อมจะอ้าแขนรับเข้ามาร่วมใช้นามสกุล คุณเพทายถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกให้ลิซ่าลองร้อยมาลัยกรดูบ้าง“ลิซ่าไม่ชอบงานพวกนี้เลยค่ะ รู้สึกเหมือนร้อยมาลัยขายตามสี่แยกไฟแดงเลยนะคะ”“การร้อยมาลัย
ตอนที่39.“อื้มม..” หญิงสาวครางเบาๆ เมื่อลิ้นร้อนร้ายกาจกำลังร่ายมนต์สวาทจนเธอหลงเพริดไปกับเขา ความคิดที่ว่าจะไม่ยอมและจะขัดขืนหายไปตั้งแต่เขาจูบเธอ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าหลงไปกับสิ่งที่เขาปรนเปรอ แต่สุดท้ายภาวนาก็พ่ายแพ้ให้กับคนแก่ประสบการณ์ แพทริก ครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อหญิงสาวตอบสนองจุมพิตเร่าร้อนอย่างน่ารัก“อื้มมม พราวจ๋า น่ารักที่สุดเลย ที่รัก...”ชายหนุ่มครางออกมาอย่างถูกใจจูบซับแก้มนวลเรื่อยลงมาที่ลำคอระหงต่ำลงมาตามรอยแยกของสาบเสื้อนอนแบบเชิ้ตแขนสั้น มือหนาปลดกระดุมไปทีละเม็ดๆ จนสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยปทุมถันอวบอิ่มซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้บราแบบเต็มตัวที่เธอมักชอบสวมใส่ แต่แพทริกไม่คิดจะให้มันมาขัดขวางเพลิงพิศวาสที่กำลังลุกไหม้ของเขาได้ ไม่นานเขาก็กำจัดมันให้พ้นทางเรือนร่างอรชรที่มีทรวงอกอวบอิ่มล้นมือก็ปรากกฎอยู่ตรงหน้าหญิงสาวหลบตาคมพรายพราวด้วยความปรารถนายกแขนโอบรอบตัวเองไว้อย่างขัดเขิน แต่ไม่นานแขนเล็กก็ถูกปัดให้พ้นทางด้วยลิ้นร้อนที่จูบไซ้ไล้เลียอย่างเร่าร้อนจนเธอต้องคลายแขนออกแล้วโอบรัดร่างแกร