“หยุด.. อย่าคิดแม้แต่จะเข้ามาทำอะไรที่ไม่เข้าท่า ถ้าไม่อยากเจอดี”
น้ำเสียงและแววของภาวนาเข้มจัด ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ก็ทำให้ผักหวานไม่กล้าเข้ามามีเพียงลิซ่าเท่านั้นที่กรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดและเจ็บใจ
“กรี๊ดนังบ้า แกปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บนะ”
“ปล่อยน่ะปล่อยแน่” พูดจบภาวนาก็ผลักลิซ่าเต็มแรงจนหน้าไถลไปกับพื้นดีที่เจ้าหล่อนเอามือยันพื้นได้ทันก่อนที่ใบหน้าสวยเพราะศัลยกรรมจะแหกเพราะกระแทกกับพื้นปูอิฐหยาบๆ
“ไปกันเถอะค่ะพี่ยี่สุ่น” ภาวนาเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยี่สุ่นจึงรีบก้าวตามไป ปล่อยให้ลิซ่ากับผักหวานนั่งมองด้วยความเดือดดาล
“เจ็บใจนัก ฉันจะฟ้องแพทคอยดู”
“ฟ้องเลยค่ะคุณลิซ่ามันมาทีหลังคุณนะคะ คุณแพทไม่มองมันหรอกค่ะ คุณแพทต้องเชื่อคุณลิซ่าและลงโทษมัน” ผักหวานยุส่งแล้วประคองลิซ่าขึ้นมาจากพื้น
ภาพการปะทะกันระหว่างลิซ่ากับภาวนานั้นอยู่ในสายตาของคุณเพทายตลอด นางมองดูตั้งแต่ภาวนาเดินคุยกันไปตามทางแล้วเจอกับลิซ่าที่ดักรออยู่ จริงๆ แล้วนางเองก็คิดว่าภาวนาจะถูกลิซ่ากับผักหวานรุมแน่นอน แต่แล้วก็กลายเป็นว่ามันผิดคาด และการกระทำของภาวนาทำให้คุณแพทายยิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยๆ นางก็คิดว่า มีอาวุธชั้นเยี่ยมที่จะประหัตประหารกับผู้หญิงที่เข้ามาวุ่นวายจนเกินงามอย่างลิซ่าและคนอื่นๆ ที่พยายามจะจับแพทริก ถ้านางจะมีสะใภ้ต้องเป็นคนที่นางเลือกแต่ก็ต้องไม่ใช่ภาวนา...
เย็นวันนั้นภาวนาได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับบรรดาสาวใช้คนอื่นๆ ตามที่เธอคิดคิดไว้ แต่เป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว ส่วนลิซ่ากลับไปตั้งแต่ตอนทะเลาะกับเธอแล้ว ภาวนานั่งกินข้าวร่วมกับคนอื่นๆ ในครัวอย่างมีความสุขเพราะทุกคนให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดียกเว้นผักหวานซึ่งเย็นนี้ตักข้าวใส่จานแล้วแยกไปกินต่างหากซึ่งทุกคนต่างก็รู้สึกดีเพราะหากผักหวานร่วมโต๊ะก็อาจจะมีเรื่องให้วุ่นวาย
“คุณพราวจะขึ้นข้างบนก่อนเลยก็ได้นะคะ เดี่ยวทางนี้พวกพี่จัดการเองค่ะ”
“แต่ว่า..”
“อย่ากังวลเลยค่ะ คุณแพทไม่กลับมาหรอกค่ะคืนนี้ คุณพราวสบายใจได้”
ยี่สุ่นยิ้มให้กำลังใจ เพราะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวตรงหน้าดี เธอเองก็รู้เรื่องการมาของภาวนามาตั้งแต่ต้นและรู้ดีว่าคุณเพทายต้องการอะไร เธออยู่กับคุณเพทายมานานเท่าอายุของแพทริกเลยทีเดียว แม้ไปอยู่เมืองนอกคุณเพทายก็ให้เธอตามไปด้วย ดังนั้นทุกสิ่งที่คุณเพทายทำและคิดเธอจะรับรู้เสมอแต่ด้วยความที่ตนเป็นเพียงลูกจ้าง เป็นข้าเก่าจึงทำได้เพียงรับรู้และรับฟัง
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ เอ่อ.. พี่ยี่สุ่นคะ พราวขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ค่ะ”
“การมาของพราว คือการแก้แค้นของคุณเพทายใช่ไหมคะ แล้วคุณเพทายเขาแค้นพราวเรื่องอะไรคะ.. พี่พอรู้ไหม”
ยี่สุ่นอึ้งไปเล็กน้อยกับคำถามซื่อๆ ของภาวนา แต่เพราะเตรียมตัวมาแล้วว่าจะต้องเจอคำถามนี้
“พี่ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ แต่คุณท่านเป็นคนดี ท่านมีเมตตากับทุกคนมาก คุณพราวอย่าคิดมากเลยนะคะ นังผักหวานมันก็พูดไปเรื่อยเปื่อยประสาคนพูดมากล่ะค่ะ”
“แต่.. เอาเถอะค่ะ พราวขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากใจ”
ภาวนาเดินหน้าหงอยออกไป ยี่สุ่นมองตามแล้วถอนใจออกมาเบาๆ ป้าอร่อยซึ่งยืนฟังอยู่เงียบๆ เดินมาหายี่สุ่น
“น่าสงสารคุณพราวนะ”
“ใช่ป้า คนของเราก็ใช่ย่อย เจอทั้งเจ้านายทั้งขี้ข้า แต่ก็อย่างว่าเรามันก็แค่ขี้ข้าทำไรได้ล่ะ” ยี่สุ่นยิ้มเบื่อๆ แล้วทำงานของตัวเองไปจนเสร็จ
“แต่ข้าเชื่อว่าคุณพราวจะเอาชนะใจคุณท่านได้”
“ฉันขอให้เป็นแบบนั้น” ยี่สุ่นเองก็แอบคาดหวังไว้เช่นนั้น
ภาวนาเปิดประตูห้องนอนอันกว้างใหญ่โอ่อ่าเข้ามาด้วยใจหวั่นไหว แม้จะรู้ดีว่าเจ้าของห้องหรือจะพูดอีกทีก็คือ สามี ของเธอไม่อยู่ก็ตาม ร่างเล็กเดินเร็วๆ ไปหยิบกระเป๋าออกมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็มายืนมองเตียงกว้างอย่างลังเลว่าจะขึ้นไปนอนบนเตียงดีหรือไม่ หรือว่าจะนอนกับพื้นและสรุปแล้วเธอก็เลือกที่จะนอนบนพื้นมากกว่า ภาวนาลากผ้าปูกับผ้าห่มสำรองในตู้ออกมาปูนอนที่มุมห้องตรงประตูกระจกระเบียงซึ่งพอมีแสงสลัวๆ จากแสงจันทร์สาดสิ่งเข้ามา เธอชอบแสงจันทร์มองมองพระจันทร์ในยามค่ำคืนเดือนหงายเพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่โดดเดี่ยว อย่างน้อยๆ ก็มีดวงจันทร์เป็นเพื่อน บางครั้งเธอยังชอบภาวนาขอพรจากพระจันทร์อยู่บ่อยๆ แม้ว่าพรที่ขอนั้นไม่เคยสำฤทธิ์ผลเลยสักครั้งก็ตาม
“พระจันทร์จ๋า ขอให้พราวได้มีความสุขอย่างแท้จริงสักครั้งได้ไหม..” หญิงสาวเงยหน้ามองดวงจันทร์ดวงโตที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าก่อนจะไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนเช่นทุกวัน..
รุ่งเช้าภาวนารีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจะไปซื้อของที่ตลาดกับป้าอร่อยและนึกดีใจที่แพทริกไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้เขาก็คงไปนอนที่ไหนสักแห่งหรือไม่ก็คงอยู่กับลิซ่าแต่ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น หญิงสาวรีบลงไปสมทบกับป้าอร่อยแต่ขณะที่กำลังจะเปิดประตูออกไปนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับประตูถูกเปิดออกมาจากคนที่อยู่ข้างนอกทำให้ภาวนาเสียจังหวะผงะด้วยความตกใจร่างเล็กเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น
“ซุ่มซ่าม..” เสียงห้าวฟังดุหงุดหงิดร่างสูงใหญ่ยืนค้ำหัวเธอ ภาวนาเงยหน้ามองเขาอย่างขุ่นใจแต่ไม่พูดอะไรออกมาแล้วพยายามลุกขึ้นแล้วยืดตัวตรงเดินผ่านเขาไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่สูงเพียงหัวไหล่ของตนออกไปอย่างไม่พอใจ สายตามองเขาเหมือนไม่มีตัวตน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมองเขาแบบนั้นแล้วผู้หญิงอย่างภาวนากล้าดีอย่างไรจึงได้มองเขาด้วยสายตาแบบนั้น
“นี่เธอ หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงห้าวเรียกห้วนๆ หญิงสาวจึงหยุดเดินแต่ไม่หันไปมองเดือดร้อนให้คนตัวโตเดินมาข้างหน้าเธอเสียเอง
“ขอโทษฉันด้วย”
ตอนที่8.น้ำเสียงหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด ภาวนาลอบถอนใจเบาๆ ด้วยความเอือมระอา เธอเคยได้ยินเสียงแบบนี้ของบิดายามที่เรียกจิกมารดานี่เธอจะต้องมาเจอคนแบบเดียวกันกับคนที่เกลียดแสนเกลียดอย่างนั้นหรือ“ขอโทษค่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วไม่คิดว่าเธอจะเอ่ยปากขอโทษเขาง่ายๆ แบบนี้ แต่มันยังไม่พอสำหรับเขา“เอ่ยปากขอโทษเฉยๆ แค่นี้เหรอ”ภาวนากัดริมฝีปากด้านในจนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาว่างเปล่าไม่ตอบโต้และไม่สนใจว่าเขาจะเป็นอย่างไรร่างเล็กเดินเร็วๆ ลงบันไดไปโดยไม่เหลียวหลังสร้างความขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก“ยายเด็กบ้าเอ๊ย”แพทริกสบถตามหลังไปแล้วเดินกลับเข้าห้องปิดประตูอย่างแรง ป้าอร่อยซึ่งยืนรอภาวนาอยู่สะดุ้งตกใจมองตามร่างเล็กที่เดินลิ่วๆ ลงบันไดมาอย่างเห็นใจ“ขอโทษที่ให้รอนะคะป้า” หญิงสาวยิ้มให้บางๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะค่ะ”ทางด้านแพทริกที่เข้ามาในห้องก็ยังคงหัวเสียอยู่ไม่หาย ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มมองไปที่เตียงกว้างที่มันดูเรียบตึงเหมือนไม่มีใครใช้งานมันแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ“แล้วเมื่อคืนยายมอมแมมนั่นนอนที่ไหน อย่าบอกนะว่านอนบนพื้น” ชายหนุ่มมองเตียงกว้างแล้วกวาดตามองไปรอ
ตอนที่9.“ก็ใช่ไง งานแต่งที่ไม่ใช่งานแต่ง แต่ให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเมียลูกแค่นั้น คิดเหรอว่าแม่จะให้ผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างแม่ภาวนามาเป็นสะใภ้หรือให้ใช้นามสกุลเรา ไม่ใช่แค่ภาวนานะ แต่หมายถึงผู้หญิงที่ลูกควงๆ อยู่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ด้วย”คุณเพทายน้ำเสียงจริงจังแพทริกจึงยกกาแฟขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อนไป สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นระหว่างรออาหารเช้าซึ่งทุกวันคุณเพทายจะต้องมานั่งที่นี่เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็เดินออกไปที่สวนดูต้นไม้ใบหญ้า หรือบางครั้งก็จะเก็บดอกมะลิมาร้อยมาลัย แม้คุณเพทายจะไปใช้ชีวิตอยู่สวิสเซอร์แลนด์และอังกฤษตามสามี แต่นางก็ยังคงรักความเป็นไทยและใช้ชีวิตแบบวิถีไทยและสอนให้แพทริกรักในสายเลือดไทยด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มจะพูดภาษาแม่ได้ชัดเจน“คุณแม่ต้องการอะไรครับถึงได้ให้ภาวนาเข้ามาเป็น เอ่อ เป็นเมียผม คุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ใช่รสนิยมผมเลย”“แม่แค่ทำตามความต้องการของตัวเองเท่านั้นล่ะ ลูกจะไม่รักไม่อะไรกับแม่ภาวนาก็ไม่เป็นไรนี่ จะโขลกสับจะด่าว่าอะไรก็แล้วแต่ลูก ภาวนาเป็นสมบัติของลูก แพทจะทำอะไรกับเธอก็ได้..” พูดโดยไม่มองหน้าแพทริกส่ายหน้ายิ้มๆ“ผมไม่เข้าใจ.. แต
ตอนที่10.“รีบทำงานให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงนี้นะ เพราะฉันมีงานให้เธอทำต่อ..”พูดจบร่างสูงก็เดินออกไป ภาวนาถอนหายใจเฮือกใหญ่มองกระดาษที่ปลิวออกจากกล่องที่ล้มเอียงกะเท่เร่อยู่กับพื้นพรมอย่างเศร้าสร้อยหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ วันนี้เธอจะต้องทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดไม่ให้มีงานค้างเพราะเธอจะต้องไปเยี่ยมแม่ โชคดีที่คุณเพทายยังพอมีเมตตาต่อเธอบ้างด้วยการอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมแม่ได้ทุกเย็นหลังจากทำอาหารเย็นแล้ว เธอจะอยู่กินข้าวหรือไม่พวกเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เธอเองก็ต้องการ ยิ่งไม่สนใจเธอเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะมันทำให้เธอได้มีเวลาของตัวเองบ้างหลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันภาวนารีบยกกล่องลงมาที่ห้องเก็บของใต้บันไดด้านหลังตึกใหญ่ห้องเก็บของที่แพทริกพูดถึงนั้นใหญ่กว่าบ้านหลังเล็กของเธอที่อยู่ก่อนหน้านี้อีก มีชั้นเก็บของมั่นคงแข็งแรงและยังสะอาดสะอ้านอีกด้วย นี่ละนะบ้านมหาเศรษฐีจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ภาวนารีบจัดการเอกสารตามที่เขาสั่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแต่แล้วก็มีสิ่งมาดึงดูดความสนใจเธอเสียก่อน“นี่หล่อน..” เสียงเรียกแบบจิกหัวดังขึ้นเป็นช่วงเวลาพอดีที่เธอเก็บเอกสารเข้าแฟ้มเก็บอั
ตอนที่11.“คุณท่านคะ ช่วยผักหวานด้วยค่ะ นัง เอ่อ คุณพราวน่ะสิคะ ทำร้ายแขกคุณแพทแล้วยังขังพวกเราไว้ในห้องเก็บของด้วยค่ะ”“ก็ถ้าแกไม่ไปยุ่งกับเขาก่อน เขาจะยุ่งกับแกเหรอนังผักหวาน”“นี่พี่ผักบุ้ง น้องตัวเองโดนรังแกนะ ยังจะไปปกป้องคนอื่นอีก” ผักหวานแหวใส่พี่สาวอย่างลืมตัว“พอทั้งสองคนนั่นล่ะ แล้วนี่หล่อนมาได้ยังไงกันแม่โรซี่”คุณเพทายกอดอกมองโรซี่อย่างไม่ชอบใจพลางปรายตามองลูกชายตัวดีซึ่งหันมายิ้มแหยๆ ให้มารดา“แม่ไม่ชอบเลยนะแพทที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่บ้าน นี่ไปก่อเรื่องที่บริษัทไม่พอใช่ไหม นี่ยังเห็นหัวแม่กันอยู่รึเปล่า”คุณเพทายถามเสียงเขียวไม่พอใจรุนแรงที่ผู้หญิงของลูกชายเริ่มล้ำเส้นมากเกินไป“โธ่.. คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ให้เธอมาหาผมเลยนะครับ อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดจริงจังกับพวกเธอเลย คุณแม่ก็รู้”“ใช่.. แม่รู้ แต่ผู้หญิงพวกนั้นเขาไม่ได้คิดเหมือนลูกนี่นา เขาคิดตรงกันข้ามบอกไว้เลยนะอย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก และหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่นี่ หากยายพวกนั้นจะตบตีแย่งชิงลูกก็บอกให้พวกหล่อนไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ของเทเลอร์” คุณเพทายพูดอย่างจริงจังทั้งน้
ตอนที่12.“พราวกำลังจะไปหาพี่เอกนะคะ รอแป๊บเดียวค่ะ”“ครับ พี่รอพราวมาตั้งแต่สองวันที่แล้วแล้วครับ” ทางปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า ภาวนาหัวเราะเบาๆ รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา“ค่ะ อีกยี่สิบนาทีพราวไปถึงประตูบ้านนะคะ”พูดจบหญิงสาวก็โบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วบอกให้ไปยังจุดหมายของเอทันที ยี่สิบนาทีพอดิบพอดีกับที่เธอบอกไว้ภาวนาก็มายืนหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เจ้าของบ้านเปิดประตูต้อนรับทันทีเช่นกัน“โอ้โห.. นี่ยี่สิบนาทีเป๊ะเลย” เป็นเอกชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่เป็นรองใครซ้ำยังโสดมั่นคงทั้งฐานะการเงินและการงาน การศึกษาระดับมหาบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่หล่อเหลาครบสูตรแบบนี้เขาก็ยังไม่มีคนรักเสียทีจนใครๆ ต่างก็คิดว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกันแต่เป็นเอกไม่เคยใส่ใจคำนินทาของใคร“ก็บอกแล้วพราวไม่เคยพลาดเรื่องเวลา”“จ้ะแม่คุณมาเถอะ มาฝึกมือกันได้แล้ว หายหน้าไปสองวันมือตกแล้วมั้ง..” แล้วหนุ่มสาวก็เดินคุยกันอย่างเริงร่าเข้าบ้านไป..เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ภาวนารู้สึกอึดอัดจนคิดว่าอากาศบนโลกนี้มันน้อยนิดเสียเหลือเกิน หญิงสาวค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปช
ตอนที่13.“กรี๊ดดด..” หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนกร่างเล็กเซเสียหลักไปทางเตียงกว้างในขณะที่แพทริกเองก็ตกใจกับเสียงร้องของเธอจึงเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงและกำลังจะก้าวลงจากเตียงจึงกลายเป็นว่าสองร่างชนกันอย่างจึงล้มแหมะกองกันอยู่ข้างเตียงซ้ำแพทริกยังหัวโขกกับขอบเตียงเสียงดังสนั่นโป๊ก...“โอ๊ยยย.. นี่เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย”ชายหนุ่มร้องลั่นลูบหัวป้อยๆ ทั้งยังดุหญิงสาวที่นั่งคร่อมทับร่างแกร่งของตนโดยลืมไปว่าตอนนี้เขาและเธอใกล้ชิดกันมากชนิดที่ว่าเนื้อแนบเนื้อ ภาวนาเองก็กอดเขาแน่นด้วยความตกใจ“ฉะ ฉัน เหยียบอะไรไม่รู้ มันต้องเป็นจิ้งจกแน่ๆ มันมาได้ยังไง” หญิงสาวละล่ำละลักบอก แม้จะดูเก่งกาจไปเสียทุกเรื่องแต่เธอกลัวจิ้งจกเป็นที่สุด“อย่างเธอนี่นะกลัวจิ้งจก ฉันว่าจิ้งจกมันต้องกลัวเธอมากว่า แล้วดูสิหัวฉันแตกไหมเนี่ย เจ็บเป็นบ้าเลย”“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไหนขอดูหน่อยสิคะ..”ภาวนาขอโทษเขาเบาๆ อย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว หญิงเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าหล่อเหลาที่ดูยุ่งเหยิงหงิกงอด้วยความรู้สึกหวั่นไหวทั้งกลัวว่าเขาจะหัวแตกเพราะเสียงโป๊กเมื่อครู่นี้ดังมากจนเธอเองก็คิดว่าเขาอาจจะหัวแตก
ตอนที่14.ทางด้านภาวนาเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดก็ค่อยๆ เลื่อนผ้าห่มลงช้าๆ ใบหน้าเล็กๆ โผล่พ้นผ้าห่มหนามาเพียงดวงตากลมโศกสวย หญิงสาวถอนใจเบาๆ แล้วนอนตะแคงข้างมองไปนอกระเบียงกว้างด้วยใจไหวหวั่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูออกมา เธอนอนฟังความเคลื่อนไหวของเขาด้วยหัวใจเต้นแรงและพยายามนอนให้นิ่งที่สุดเหมือนว่าเธอหลับแล้วความร้อนระอุที่เกิดขึ้นกายสาวและความแกร่งกระด้างของเขาที่เธอได้สัมผัสทำให้แก้มสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วยิ่งคิดถึงรสสัมผัสจากเขาเมื่อครู่เธอก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอไม่ควรรู้สึกอย่างนั้น ไม่ควรรู้สึกเกินกว่าที่เป็นอยู่ เธอไม่คู่ควรกับเขาแม้แต่น้อยและไม่ควรหวั่นไหวไปกับเขา หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองอย่างนั้นจนหลับไปวันรุ่งขึ้นแพทริกตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน ถึงแม้ว่าภายนอกหรือสิ่งที่ใครๆ เห็นภาพลักษณ์ของเขาเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญเที่ยวเตร่เฮฮาและแวดล้อมด้วยหญิงสาวสวยมากมายข่าวคาวๆ ก็เยอะเป็นเงาตามตัวเป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้อย่างที่ภาวนาค่อนแคะ แต่แพทริกคือชายหนุ่มที่เอาใจใส่มารดาของเขาอย่างที่สุด เพราะตลอดสิบปีที่ผ่านมาชีวิตของเขามีเพียงมารดาเท่านั้น
ตอนที่15.ลิซ่าผู้ที่พกความเจ็บช้ำมาจากครั้งที่เจอกับภาวนานั้นกำลังนั่งครุ่นคิดถึงการเอาคืนหญิงสาวผู้มาเหนือเมฆด้วยตำแหน่งที่เธอใฝ่ฝัน เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้หญิงแสนธรรมดาหน้าตามอมแมมอย่างภาวนาจะมาเป็นภรรยาของแพทริก งานนี้เธอจะต้องสืบหาสาเหตุที่แท้จริงแล้วเอาคืนให้ได้ เธอไม่มีวันปล่อยแพทริกหลุดมือไปแน่นอน เพราะทุกอย่างที่เธอต้องการนั้นจะสมดังปรารถนาทันทีที่ได้แต่งงานกับเขา“วันนี้ไปช่วยเตี่ยที่ร้านหน่อยสิกิมฮวย” เสียงร้องบอกเมื่อเห็นเธอกำลังจะก้าวไปขึ้นรถ ลิซ่าหันไปมอง เสี่ยเล้ง ผู้เป็นพ่ออย่างไม่ชอบใจ“ฉันจะไปธุระข้างนอก น่ะเตี่ย ไม่ว่างหรอกอีกอย่างอย่าเรียกฉันกิมฮวยฉันไม่ชอบ”ครอบครัวของพวกเธอนับว่ามีฐานะระดับเศรษฐีจากการขายหมู จากเขียงหมูธรรมดามาเป็นกิจการแช่แข็งและห้องเย็น แต่เตี่ยของพวกเธอก็ยังชอบที่จะไปขายหมูในตลาดสดเหมือนเดิมเพราะเหมือนได้รำลึกถึงความหลังที่ยากลำบากกว่าจะได้เป็นเถ้าแก่มีเงินหลายสิบล้านเตี่ยกับม้ามีลูกสามคนซึ่งเธอเป็นคนเล็ก ส่วนพี่ๆ ออกเรือนไปแล้วและได้ดูแลกิจการของครอบครัวรับผิดชอบความเป็นอยู่ของทุกคนอย่างดีไม่มีบกพร่องเลยทีเดียวเหลือเพียงลิซ่าหรือกิมฮวยที่ยังค
ตอนที่47.“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง ภาวนา คือเมียผมและเธอก็กำลังอุ้มท้องลูกของผมด้วย แต่บังเอิญเรามีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยเธอเลยโกรธผม” น้ำเสียงแสนมั่นใจและรอยยิ้มกว้างของเขาทำให้คนที่ใจเย็นและเก็บอารมณ์ได้ดีเช่นภาวนาถึงกับสติแตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“คนบ้า ฉันไม่ได้เป็นเมียใคร ไม่ได้อุ้มท้องลูกคุณและไม่ได้มีเรื่องค้างคาใจอะไรกับคุณด้วย”“จริงเหรอ.. พราวจะให้พี่บอกใครๆ ทั้งบางนี้เลยมั้ยล่ะว่าเราเป็นอะไรกัน” แพทริกรุกเข้าไปอีกขั้น“คุณมันก็พวกกินในที่ลับขับในที่แจ้ง ทุเรศที่สุด ออกไปจากร้านของฉันจะดีกว่า ฉันไม่อยากซวยแต่เช้า พี่เอกคะ รบกวนไล่พวกก่อกวนออกจากร้านด้วยนะคะ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปหลังร้าน เป็นเอกหันมายิ้มเยาะแล้วผายมือไปที่ประตูเป็นการบอกว่าให้แพทริกออกไป“ผมจะง้อเมีย คุณจะขัดขวางพรากพ่อแม่ลูกเขาเหรอ”“โอ๊ย.. อยากหัวเราะ นี่คุณแพทริกคุณคงลืมอะไรไปนะครับ คุณไม่ได้แต่งงานกับพราว และคุณก็ไม่เคยให้เกียรติพราวในฐานะนี้มาก่อน พวกค
ตอนที่46.คุณเพทายนั่งลงข้างๆ ลูกชายที่ขยับตัวนั่งแต่แผ่นหลังกว้างกลับคู่ลงข้อศอกทั้งสองข้างชันบนเข่า ท่าทางตอนนี้ของแพทริกไม่เหลือคราบนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่เก่งฉกาจทั้งเรื่องงานและเรื่องรักเลยแม้แต่น้อย มีเพียงชายหนุ่มขี้เมามอซอเท่านั้น..“คุณแม่มีอะไรหรือครับ”“แม่มีความจริงจะบอก..” แล้วคุณเพทายก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่นางเองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดกับหญิงสาวคนนั้น คนที่ทำให้นางกับลูกชายต้องมานั่งทุกข์เพราะทิฐิในใจ เพราะตั้งแต่สิ้นสุดงานศพของนางอาภา ภาวนาก็หายหน้าไปไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมาและไม่มาขอความช่วยเหลือใดๆ จากพวกตนเลย ภาวนาทำเหมือนว่าได้ตายจากไปอีกคน ซึ่งคุณเพทายเองก็ยังคงรู้สึกประดักประเดิด คิดอยู่ว่าจะขอโทษภาวนาที่เคยทำอะไรๆ ที่ไม่ดีด้วย แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ยอมรับและเมินเฉยต่อการปรากฏตัวของนาง เย็นชา.. นั่นคือสิ่งที่นางได้รับจากภาวนา ซึ่งนับว่าภาวนาเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งและหยิ่งทระนงมากทีเดียว...“พราวท้องหรือครับ ท้องกับใคร..” เป็นคำถามที่โง่ที่สุดเท่าที่แพทริกถามออกมา และค
ตอนที่45.ดวงตาที่หลับลงเมื่อครู่ลืมขึ้น ดวงตากรอกไปมาเหมือนมองหาแต่ฝ้าขาวบดบังการมองเห็น ภาวนาปิดปากกลั้นสะอื้นด้วยความสงสารมารดา คุณเพทายเดินไปใกล้ๆ แล้วจับมือผอมๆ ของเพื่อนรักในอดีตขึ้นมาแล้วก้มลงพูดใกล้ๆ“ฉันรู้ความจริงหมดแล้วภา ฉันขอโทษที่ทำร้ายเธอฉันมันโง่เองที่ให้ความโกรธความงี่เง่าของฉันมันทำร้ายเธอกับลูก ยกโทษให้กับความโง่เขลาของฉันนะภา”“ดีใจจัง.. ขอบคุณ.. ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย”นางอาภายิ้มทั้งน้ำตา เสียงแหบพร่าเบาแสนเบาแต่คุณเพทายกับภาวนาก็ได้ยิน“ขอบคุณที่เธอทำเพื่อฉัน อโหสิให้ฉันนะภา”นางอาภาหายใจหอบขาดห้วงแต่ก็พยักหน้าช้าๆ ให้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่ค้างคาในใจมาตลอดกว่าสามสิบปีมันได้มลายหายไปในบัดดล และความกังวลใดๆ ในใจก็ไม่มีติดค้างแล้ว ภาวนาได้ในสิ่งที่ปรารถนาซึ่งคนเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกของตนจะสามารถดูแลตัวเองได้“ฝากพราวด้วยนะ พราวแม่รักพราวนะลูก”“พราวก็รักแม่ค่ะ แม่หลับให้สบายนะคะ
ตอนที่44.“ต่อไปนี้ก็จะถึงคราวที่เราต้องเปิดร้านจริงๆ แล้วสินะ” ภาวนายิ้มกับความฝันที่จะมีร้านขนมของตัวเองซึ่งเธอกับเป็นเอกร่วมหุ้นกันและร้านก็สร้างเสร็จแล้ว แค่รอฤกษ์เปิดบริการเท่านั้นเอง“ยินดีด้วยนะภาวนา” เสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้ภาวนาที่กำลังยืนคุยกับทีมงานหันขวับไปมองแล้วตาโตอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าแพทริกมายืนอยู่ตรงหน้าในขณะเดียวกันเป็นเอกก็รับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“คุณมาทำไมคะ” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรเธอก็จึงถามออกไปแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มหน้าหงิกไปเลยทีเดียว“ผัวจะมาหาเมียนี่ต้องมีคำว่ามาทำไมด้วยเหรอ”“พูดให้มันดีๆ นะคะ”ภาวนาหน้าแดงก่ำเมื่อเสียงของเขาไม่เบาเลยทำให้หลายๆ คนหันมามองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก่อนที่ภาวนากับแพทริกจะได้ตอบโต้กันเป็นเอกก็เข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ“งั้นเราไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”หญิงสาวหน้าตาเป็นกังวลแล้วรีบเก็บข้าวของใส่กล่อง เป็นเอกหันไปสั
ตอนที่43.“ฉันทำผิดกับเพื่อนรักของฉันเหลือเกิน.. และที่สำคัญฉันก็ทำผิดกับคนบริสุทธิ์อีกสองคน..” แล้วคุณเพทายก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ยี่สุ่นฟังซึ่งยี่สุ่นเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเพราะสงสารในชะตากรรมของสองแม่ลูกที่ได้พบเจอ“มันไม่ใช่ความผิดของคุณท่านนะคะ ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ผิด สุ่นว่าป่านนี้คงตายไปแล้วล่ะค่ะ”“ยี่สุ่นแล้วหลานของฉันล่ะ”“เรื่องนี้สุ่นไม่กล้าที่จะพูดอะไรหรอกค่ะ คุณท่านต้องติดสินใจเอง หากว่าคุณท่านอยากจะชดเชยให้กับพวกเขาคุณท่านก็ควรบอกความจริงและยกเลิกสัญญานั้นเสีย”“ฉัน.. ขี้ขลาดเหลือเกินยี่สุ่น”“นี่ก็ดึกแล้วคุณท่านพักผ่อนเถอะค่ะ อย่างไรเสีย คุณพราวก็ยังอยู่กับเรา..”ยี่สุ่นยิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นนายก่อนจะดูแลความเรียบร้อยในห้องแล้วกลับไป แต่คุณเพทายยังคงคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นคุณเพทายเฝ้ามองอาการของภาวนาอย่างพิจารณา
ตอนที่42.“ขอบคุณนะคะ” ภาวนาเดินเข้ามาหยุดมองมารดาของตนแล้วรู้สึกใจหายกว่าทุกวัน เธอรู้ดีว่าเวลาของมารดานั้นน้อยลงทุกที“แม่คะพราวมาเยี่ยมนะคะ”หญิงสาวนั่งลงข้างเตียงแล้วเรียกมารดาเบาๆ ดวงตาโศกซึ้งมองร่างที่นอนแบบอยู่บนเตียงด้วยความหดหู่ รู้ดีว่าอีกไม่นานมารดาก็จะจากไป แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่ก็อดที่จะขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้เมื่อคิดถึงวันที่ตนต้องอยู่คนเดียวจริงๆ“แม่คะ.. พราวอยากบอกข่าวดีแม่จังค่ะ และพราวอยากจะบอกแม่ว่าพราวขอบคุณแม่ในทุกๆ สิ่งที่แม่เสียสละเพื่อพราว อีกไม่นานพราวก็คงหมดภาระหน้าที่ทดแทนบุญคุณแทนแม่กับคนพวกนั้นแล้ว พราวดีใจนะคะที่อย่างน้อยๆ พราวก็ทำในสิ่งที่แม่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ แม่คะพราวจะเข้มแข็ง แม่ไม่ต้องห่วงพราวนะคะว่าพราวจะอยู่ตัวคนเดียว พราวมีเพื่อนแล้วค่ะ พราวมีพี่เอก และพราวกำลังจะมีลูก มีหลานให้แม่”ภาวนายิ้มบางๆ แล้วลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตนอย่างมีความสุขในขณะที่คนซึ่งแอบฟังอยู่นั้นรู้สึกตกใจจนต้องยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงอุทานไว้ในลำคอ หัวใจของคุณ
ตอนที่41.“พราว พราวจริงๆ ด้วย พี่มองอยู่นานนึกว่าใคร” เสียงนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทั้งสองสาวจึงเงยหน้ามอง“พี่เอก มาได้ยังไงคะเนี่ย” ภาวนายิ้มกว้างดีใจที่เจอเป็นเอก“พอดีพี่มาซื้อของไปเตรียมงานน่ะ ว่าแต่พราวเถอะมายังไง แล้วนี่ โอ้โห.. สวยจัง” เป็นเอกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวสวยสดใสเปล่งปลั่งผิดหูผิดตา“อุ๊ย ลืมแนะนำไปค่ะ นี่พี่เมนี่ พี่เมนี่คะ พี่เอกค่ะ พี่เอกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพราวเลยค่ะ” เป็นเอกหันไปมองหญิงสาวสวยที่นั่งดอกอกเชิดหน้าอย่างไว้ตัวข้างๆ ภาวนา“คุณนั่นเอง”“อ้าวรู้จักกันเหรอคะ”“ไม่..” หนุ่มสาวพูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็ต่างมองหน้ากันอย่างขุ่นเคือง ภาวนามองทั้งสองสลับกันไปมา“เราไปกันเถอะน้องพราว” เมทินีตัดบทแล้วลุกขึ้นดึงมือภาวนาจะเดินออกจากร้านไป แต่เป็นเอกขัดขึ้นเสยก่อน“คุณติดค่าข้าวผมนะคุณหมอ” เมทินีชะงักแล้วหันมามอ
ตอนที่40.ลิซ่านั่งลงข้างๆ ภาวนาแต่ท่าทางของหญิงสาวสมัยใหม่ที่ชอบเที่ยวเตร่อย่างลิซ่านั้นดูขัดตา ขาดๆ เกินๆ และดูหยิบโหย่งจนคุณเพทายนึกดีใจที่แพทริกไม่ได้คิดจริงจังกับลิซ่า แม้ลิซ่าจะสวยและร่ำรวยพอสมควรแต่นิสัยใจคอไม่เอาการเอางานทำให้คุณเพทายไม่อาจจะรับได้ นางอยากได้ลูกสะใภ้ที่เก่งงานบ้านงานเรือนมีใจคอหนักแน่นและหนักเอาเบาสู้ ไม่ใช่จะแต่งตัวสวยไปวันๆ อย่างลิซ่า แล้วใจของคุณเพทายก็กระตุกหันไปมองภาวนาอย่างพินิจพิเคราะห์ หัวใจของนางไหววูบด้วยความรู้สึกประหลาดและยอมรับกับตัวเองว่า ภาวนาคือคนที่ใช่ในคุณสมบัติที่นางต้องการ แต่เพราะภาวนาเป็นลูกสาวของอาภานั้นคือข้อจำกัดอันร้ายแรงที่ไม่อาจจะยอมรับได้นางไม่เคยรังเกียจหากแพทริกจะรักชอบพอกับหญิงสาวต่างฐานะหรือเป็นเพียงลูกสาวคนทำงานหาเช้ากินค่ำ หากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีและรักแพทริกจริงๆ นางก็พร้อมจะอ้าแขนรับเข้ามาร่วมใช้นามสกุล คุณเพทายถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกให้ลิซ่าลองร้อยมาลัยกรดูบ้าง“ลิซ่าไม่ชอบงานพวกนี้เลยค่ะ รู้สึกเหมือนร้อยมาลัยขายตามสี่แยกไฟแดงเลยนะคะ”“การร้อยมาลัย
ตอนที่39.“อื้มม..” หญิงสาวครางเบาๆ เมื่อลิ้นร้อนร้ายกาจกำลังร่ายมนต์สวาทจนเธอหลงเพริดไปกับเขา ความคิดที่ว่าจะไม่ยอมและจะขัดขืนหายไปตั้งแต่เขาจูบเธอ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าหลงไปกับสิ่งที่เขาปรนเปรอ แต่สุดท้ายภาวนาก็พ่ายแพ้ให้กับคนแก่ประสบการณ์ แพทริก ครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อหญิงสาวตอบสนองจุมพิตเร่าร้อนอย่างน่ารัก“อื้มมม พราวจ๋า น่ารักที่สุดเลย ที่รัก...”ชายหนุ่มครางออกมาอย่างถูกใจจูบซับแก้มนวลเรื่อยลงมาที่ลำคอระหงต่ำลงมาตามรอยแยกของสาบเสื้อนอนแบบเชิ้ตแขนสั้น มือหนาปลดกระดุมไปทีละเม็ดๆ จนสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยปทุมถันอวบอิ่มซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้บราแบบเต็มตัวที่เธอมักชอบสวมใส่ แต่แพทริกไม่คิดจะให้มันมาขัดขวางเพลิงพิศวาสที่กำลังลุกไหม้ของเขาได้ ไม่นานเขาก็กำจัดมันให้พ้นทางเรือนร่างอรชรที่มีทรวงอกอวบอิ่มล้นมือก็ปรากกฎอยู่ตรงหน้าหญิงสาวหลบตาคมพรายพราวด้วยความปรารถนายกแขนโอบรอบตัวเองไว้อย่างขัดเขิน แต่ไม่นานแขนเล็กก็ถูกปัดให้พ้นทางด้วยลิ้นร้อนที่จูบไซ้ไล้เลียอย่างเร่าร้อนจนเธอต้องคลายแขนออกแล้วโอบรัดร่างแกร