แองเจลีนวางสายอย่างเร่งรีบด้วยความกลัวที่ว่าเธอจะเผยความรู้สึกของตัวเองเจย์จ้องโทรศัพท์ของเขาด้วยความงุนงงทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรหลังจากที่โทรหาเขาล่ะ?เขาโยนโทรศัพท์ไปข้าง ๆ และนอนลงบนเตียง ถึงกระนั้น เจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด หยิบเสื้อโค้ดข้าง ๆ เขาขึ้นมาและเดินออกไปด้านนอกมาริลินเดินออกจากห้องและถามความด้วยความกังวลว่า “ที่รักคะ คุณจะไปที่ไหนดึกป่านนี้แล้ว?”เจย์นิ่ง เขากำลังทำอะไรอยู่?ชายที่มีความรับผิดชอบไม่ควรห่วงเรื่องผู้หญิงคนอื่นนอกจากภรรยาของตัวเอง“ผมจะไปข้างล่างเพื่อสูดอากาศสดชื่นสักหน่อยน่ะ” เขาอารมณ์ไม่ดีรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของมาริลิน เธอเดินเข้าไปหาเจย์และเงยหน้ามองเขา เธอเตือนสติสามีที่พยายามที่นอกใจเธอโดยใช้สัญชาตญาณที่หลักแหลมในฐานะผู้หญิง“ที่รักคะ พวกเขาพูดกันว่า คุณเริ่มมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงรวยและมีอิทธิพลคนหนึ่ง นั่นจริงไหมคะ?” การสอบถามของมาริลินดูเปราะบางและอ่อนแอมากเจย์ไม่รู้ว่าจะตอบเธออย่างไรอยู่ครู่หนึ่งใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องกับคำถามนี้ยกตัวอย่างเช่น เมื่
“โอ๊ย” แองเจลีนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“แองเจลีน?” โจเซฟีนเปิดไฟและเห็นว่าแองเจลีนกำลังนั่งอยู่กับผ้าห่มที่แผ่ออกบนพื้น เธอรีบวิ่งเข้าไปหาและช่วยแองเจลีนลุกขึ้น“ทำไมพี่ไม่ขอให้ฉันช่วยล่ะ?” โจเซฟีนบ่น“ในที่สุดฉันก็คิดว่าฉันจำเป็นต้องชินกับความมืด” แองเจลีนตอบกลับโจเซฟีนรู้สึกปวดร้าวในใจแองเจลีนอาจจะกังวลว่าสักวันหนึ่งเธอจะตาบอดอย่างถาวรและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอพยายามที่จะเผชิญหน้ากับความมืดด้วยความคิดในแง่บวกวันต่อมามันเป็นวันที่ไร้ลมและมืดมน เสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เป็นการบ่งชี้ว่าพายุกำลังมาการสูญเสียการมองเห็นเป็นครั้งคราวของแองเจลีนไม่ฟื้นฟูโดยเร็วเหมือนที่มันเคยเป็นการมองเห็นของเธอยังคงมืดสนิทโจเซฟีนถามแองเจลีนขณะที่เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งว่า “ให้ฉันทาน้ำผึ้งให้พี่ไหม?”แองเจลีนพูดอย่างซึม ๆ “วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหน ทาแค่มอยซ์เจอไรเซอร์ก็ได้”โจเซฟีนทาโทนเนอร์ให้เธอตามมาด้วยโลชั่นมอยซ์เจอไรเซอร์โจเซฟีนเคยเห็นแองเจลีนทาหน้าด้วยน้ำผึ้งด้วยความพยายามที่จะดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อโจเซฟีนเห็นใบหน้าที่สดใสในตอนนี้ เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอเป
โจเซฟีนปล่อยมือของแองเจลีนโดยไม่มีการเตือนและกระซิบว่า “แองเจลีนฉันปวดท้อง ฉันจำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำ นั่งรอฉันตรงนี้นะ”ดังนั้น แองเจลีนจึงนั่งลงบนม้านั่งที่เตรียมไว้ให้กสำหรับลูกค้าในร้านโดยเฉพาะโจเซฟีนแอบอยู่ในความมืดและสังเกตเจย์อย่างลับ ๆ เธออยากเห็นการตอบสนองจริง ๆ ของเจย์เมื่อเขาเห็นแองเจลีนเจย์และมาริลินเดินเข้าไปในร้าน ส่วนมากเจย์จะอุ้มไทเกอร์ไว้ในอ้อมแขนของเขาและยืนอยู่ด้านหนึ่งเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็งในขณะที่มาริลินเลือกเสื้อผ้าที่เธอชอบ“คุณคิดว่าชุดนี้เป็นไงบ้างคะ ที่รัก?” มาริลินยกเสื้อสีแดงสดขึ้นในทันทีเจย์พยักหน้า “อื้ม”มาริลินที่เริงร่านำชุดเข้าไปยังห้องแต่งตัวและกำลังจะลองใส่พนักงานขายก็เดินเข้ามาและแย่งกระโปรงไปจากมือของมาริลิน จากนั้นก็มองมาริลินจากหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูก ด้วยที่เห็นชุดแฟชั่นราคาถูกของเธอ พนักงานขายจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงเล็กน้อย “คุณคะ ชุดนี้ราคา 130,000 คุณจ่ายไหวไหม?”มาริลินดูอับอายเป็นอย่างมากพนักงานขายยังคงพูดต่อว่า “ถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็อย่าลองใส่ เกรงว่าคุณจะทำให้ผ้าของเราเปื้อนน่ะค่ะ” เมื่อกล่าวเช่นนั้น เธอทำแม้กระทั่ง
“คุณคะ คุณผู้ชายตรงนี้เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน วันนี้ ฉันจะจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพวกเขาในห้างเอง” เสียงของแองเจลีนอาจจะดูเหมือนลมอ่อน ๆ แต่มันก็ยังบีบอัดไปด้วยน้ำแข็งพนักงานขายมองแองเจลีนหัวจรดเท้าอย่างสงสัยและคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนี้มีสถานะแบบไหนถึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งและอวดดีเช่นนี้?’ก่อนที่พนักงานขายจะได้พูดอะไรเพื่อเยาะเย้ยเธอ แองเจลีนก็หยิบบัตรสมาชิกระดับสูงสุดออกมาจากกระเป๋าถือและยื่นมันให้กับพนักงานขาย “นี่ค่ะ รูดมันสิ”เมื่อเห็นบัตร สีหน้าของพนักงานขายก็เปลี่ยนไปในทันทีแม้เธอเป็นเพียงแค่ลูกจ้างที่อยู่ในระดับรากหญ้าของบริษัท บอสของเธอมักจะเน้นย้ำถึงบัตรสมาชิกระดับสูงสุดแบบนั้นในการประชุมบอสของเธอมักจะพูดอยู่เสมอว่า “ลูกค้าที่เข้ามายังร้านของเราพร้อมกับบัตรนี้คือคนสำคัญของห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร พวกคุณต้องปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเคารพมากยิ่งกว่าบอสของพวกคุณ พวกคุณต้องเตรียมการบริการระดับเฟิร์สคลาสให้กับพวกเขา และอย่าให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจแม้แต่น้อยที่สุด”ในตอนนี้ พนักงานขายคนนั้นแทบจะคุกเข่าล้มลงต่อหน้าแองเจลีน เหงื่อเธอแตกพลั่ก เธอมีลางสังหรณ์ว่ากำลัง
อย่างไรก็ตาม มาริลินก็ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงที่โหดร้าย ทำให้เขารู้ตัวว่าเขาด้อยค่าและไม่สำคัญแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าแองเจลีนที่ไร้ที่ติ“ไปกันเถอะ” เขาจับมือของมาริลินและออกในทันทีหลังจากที่เจย์ออกไป โจเซฟีนก็เดินออกมาจากความมืด สายตาที่เห็นใจของเธอก็มองตามเจย์ไปขณะที่เธอตีปากตัวเองและถอนหายใจ “ผู้ชายที่น่าภาคภูมิใจอย่างเขาลงเอยกับผู้หญิงที่ต้อยต่ำและหยาบกระด้างแบบนั้นได้ยังไงนะ?”ตาของแองเจลีนพล่ามัวไปด้วยน้ำตา “นั่นคือชะตากรรมของเขาในที่สุด”โจเซฟีนรับบัตรสมาชิกระดับสูงสุดจากพนักงานขายและตักเตือนเธอว่า “หล่อนรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร?”พนักงานขายดูตกตะลึงงัน “ประธานของแกรนด์ เอเซียค่ะ”พนักงานขายคนนั้นชำเลืองมองแองเจลีนเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบขอโทษเธอ “ขออภัยค่ะ ดิฉันขออภัยจริง ๆ ดิฉัน…”โจเซฟีนหันไปมองเจย์ จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “หล่อนรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”พนักงานขายคนนั้นดูงุนงงโจเซฟีนตอบว่า “ประธานคนก่อนของแกรนด์ เอเซีย”พนักงานขายคนนั้นตกใจมากจนอ้าปากค้าง มีความบังเอิญแบบนี้ด้วยเหรอ? เธอเจอกับประธานของแกรนด์ เอเซียสองคนในวันเดียวจริง ๆ ใช่ไหม?"เธอรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ต้องทำอ
สายตาที่เหมือนกับเหยี่ยวของเจย์หรี่ลงอย่างกะทันหัน เขารีบส่งไทเกอร์ให้กับมาริลินอย่างไรก็ตาม มาริลินจับมือของเขาแน่นขณะที่ประกายของความกังวลก็ออกมาจากแววตาของเธอ “ที่รัก!”เจย์พูดว่า “เธอช่วยเรานะ ผมก็ควรจะตอบแทนเธอ”อย่างไรก็ตาม มาริลินไม่ยอมปล่อย น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าขณะที่เธอถามว่า “คุณตกหลุมรักเธอเข้าแล้วงั้นเหรอ?”เจย์ “...”“วิธีที่คุณมองเธอเมื่อกี้… มันแตกต่าง!”เจย์ตกใจเล็กน้อย เขาประหลาดใจที่รู้ว่าเขาที่เป็นคนที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกออกทางสีหน้า ล้มเหลวในการปิดบังว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหนเขาแทบจะไม่ละสายตาไปจากเธอที่มากไปกว่านั้น เธอช่วยเขาในสถานการณ์ที่น่าขายหน้าอย่างใจกว้างและฉลาดมาก โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของเขา เขาต้องยอมรับว่าเขาคิดวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขืนผู้หญิงที่ช่างอ่อนโยนและงดงามอย่างเธอเจย์มองแองเจลีนขณะที่เธอยืนอยู่กลางสายฝน เขาเห็นว่าชุดสีเขียวของเธอเปียกชุ่มแค่ไหนและเธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนหนูที่เปียกน้ำอย่างไรท่าทีความงุนงงและหมดหนทางถูกเขียนทั่วใบหน้าชายหนุ่มเจย์สลัดหลุดออกจากมือของมาริลิน…อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ จู่ ๆ รถเม
คิ้วแบบเดียวกันเป๊ะความอ่อนโยนเหมือนกันเป๊ะ ดวงตาที่งดงามและรอยยิ้มที่สดใสแบบเดียวกันเป๊ะ!ความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาแบบเดียวกันเป๊ะ งดงามจนซึมซับในคราวเดียวไม่ได้!เธอดูเหมือนกับรูปปั้นที่ถูกแช่แข็งไว้ทันเวลา!เขาต้องยอมรับว่าความงามที่เลอค่าเช่นนี้ได้ทำให้เขาหยุดหายใจด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ ในตอนที่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ มันเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่แผดเผาได้หลอมละลายน้ำแข็งและหิมะของฤดูหนาวเจย์ยืนนิ่งด้วยความสับสนในฐานะผู้ชายที่ฉลาดและรอบคอบ เขาคาดการณ์ว่าเหตุผลที่เขาสามารถวาดภาพเปล่าของแองเจลีนจากอากาศที่เบาบางได้เป็นเพราะเธอคงอยู่ในความทรงจำของเขามาริลินเข้ามาในห้องพร้อมกับอุ้มไทเกอร์ในอ้อมแขน เมื่อเธอสังเกตเห็นเจย์กำลังจ้องภาพอย่างเหม่อลอย เธอก็เดินเข้าไปหาด้วยความสงสัยเมื่อมาริลินเห็นภาพ เธอก็โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่มันผู้หญิงตาบอดที่เราเจอวันนี้นี่คะ?”สายตาของเจย์หันไปมองที่ภาพ ดวงตาคู่นั่นเป็นคู่ที่พิเศษและมีชีวิตชีวา ดึงดูดใจใคร ๆ ด้วยแสงอันเจิดจ้าและสีสันสดใสอย่างไรก็ตาม…ดวงตาในภาพไม่ได้บอด!เจย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกปวดร้าว
มาริลินตอบคำถามของเขาลงรายละเอียดทุกสิ่งไม่มีผิดพลาดเหมือนท่องหนังสือ “ที่รักคะ ก็เมื่อสามปีก่อนคุณไปยืมเงินจากพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ พวกนั้นไล่ตามทวงหนี้คุณ ตอนที่คุณกับเทมเพสพยายามขับรถหนี พวกเจ้าหนี้ก็ชนรถคุณตกหน้าผา”เจย์มีสีหน้าสับสนและไม่แน่ใจ เขาคิดหาเหตุผลที่ตัวเองต้องไปยืมเงินจากพวกปล่อยกู้นอกระบบไม่ได้เขาชิงชังพวกขี้เกียจสันหลังยาวคอยหาประโยชน์จากคนที่ขยันทำมาหากินไม่ได้ แล้วตัวเขาจะไปยุ่งกับพวกนั้นได้อย่างไรกัน“ทำไมผมถึงต้องไปกู้เงินนอกระบบล่ะ” เจย์ขมวดคิ้วถาม“ใครจะรู้ล่ะคะว่าคุณทำอะไรบ้าง? ไม่กี่ปีก่อนนี้คุณออกไปทำงานข้างนอกแล้วกลับมาบ้านแค่ปีละครั้ง ทุกครั้งที่คุณกลับมาคุณก็จะแต่งตัวดูดี ฉันเองก็คิดว่าคุณก็เป็นแค่คนซื่อตรงทำงานสุจริต ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะไปกู้เงินจากเจ้าพวกนั้น”เจย์ถอนใจเบา ๆเมื่อเขาพยายามถามรายละเอียดเพิ่มเติม มาริลินก็น้ำตาไหลพรากก่อนตอบอย่างเจ็บปวดใจว่า “ตอนนั้นฉันตั้งท้องไทเกอร์อยู่ พอคุณเกิดเรื่องพ่อแม่ฉันก็คิดว่าคุณคงร่อแร่หมดหวังแล้ว พวกเขาก็บังคับให้ฉันแต่งงานกับตาแก่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่ฉันท้องอยู่ก็เลยยืนกรานไม่ยอมแต่งงานใหม่ พอพวกเขาบังคับ