อย่างไรก็ตาม มาริลินก็ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงที่โหดร้าย ทำให้เขารู้ตัวว่าเขาด้อยค่าและไม่สำคัญแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าแองเจลีนที่ไร้ที่ติ“ไปกันเถอะ” เขาจับมือของมาริลินและออกในทันทีหลังจากที่เจย์ออกไป โจเซฟีนก็เดินออกมาจากความมืด สายตาที่เห็นใจของเธอก็มองตามเจย์ไปขณะที่เธอตีปากตัวเองและถอนหายใจ “ผู้ชายที่น่าภาคภูมิใจอย่างเขาลงเอยกับผู้หญิงที่ต้อยต่ำและหยาบกระด้างแบบนั้นได้ยังไงนะ?”ตาของแองเจลีนพล่ามัวไปด้วยน้ำตา “นั่นคือชะตากรรมของเขาในที่สุด”โจเซฟีนรับบัตรสมาชิกระดับสูงสุดจากพนักงานขายและตักเตือนเธอว่า “หล่อนรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร?”พนักงานขายดูตกตะลึงงัน “ประธานของแกรนด์ เอเซียค่ะ”พนักงานขายคนนั้นชำเลืองมองแองเจลีนเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบขอโทษเธอ “ขออภัยค่ะ ดิฉันขออภัยจริง ๆ ดิฉัน…”โจเซฟีนหันไปมองเจย์ จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “หล่อนรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”พนักงานขายคนนั้นดูงุนงงโจเซฟีนตอบว่า “ประธานคนก่อนของแกรนด์ เอเซีย”พนักงานขายคนนั้นตกใจมากจนอ้าปากค้าง มีความบังเอิญแบบนี้ด้วยเหรอ? เธอเจอกับประธานของแกรนด์ เอเซียสองคนในวันเดียวจริง ๆ ใช่ไหม?"เธอรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ต้องทำอ
สายตาที่เหมือนกับเหยี่ยวของเจย์หรี่ลงอย่างกะทันหัน เขารีบส่งไทเกอร์ให้กับมาริลินอย่างไรก็ตาม มาริลินจับมือของเขาแน่นขณะที่ประกายของความกังวลก็ออกมาจากแววตาของเธอ “ที่รัก!”เจย์พูดว่า “เธอช่วยเรานะ ผมก็ควรจะตอบแทนเธอ”อย่างไรก็ตาม มาริลินไม่ยอมปล่อย น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าขณะที่เธอถามว่า “คุณตกหลุมรักเธอเข้าแล้วงั้นเหรอ?”เจย์ “...”“วิธีที่คุณมองเธอเมื่อกี้… มันแตกต่าง!”เจย์ตกใจเล็กน้อย เขาประหลาดใจที่รู้ว่าเขาที่เป็นคนที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกออกทางสีหน้า ล้มเหลวในการปิดบังว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหนเขาแทบจะไม่ละสายตาไปจากเธอที่มากไปกว่านั้น เธอช่วยเขาในสถานการณ์ที่น่าขายหน้าอย่างใจกว้างและฉลาดมาก โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของเขา เขาต้องยอมรับว่าเขาคิดวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขืนผู้หญิงที่ช่างอ่อนโยนและงดงามอย่างเธอเจย์มองแองเจลีนขณะที่เธอยืนอยู่กลางสายฝน เขาเห็นว่าชุดสีเขียวของเธอเปียกชุ่มแค่ไหนและเธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนหนูที่เปียกน้ำอย่างไรท่าทีความงุนงงและหมดหนทางถูกเขียนทั่วใบหน้าชายหนุ่มเจย์สลัดหลุดออกจากมือของมาริลิน…อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ จู่ ๆ รถเม
คิ้วแบบเดียวกันเป๊ะความอ่อนโยนเหมือนกันเป๊ะ ดวงตาที่งดงามและรอยยิ้มที่สดใสแบบเดียวกันเป๊ะ!ความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาแบบเดียวกันเป๊ะ งดงามจนซึมซับในคราวเดียวไม่ได้!เธอดูเหมือนกับรูปปั้นที่ถูกแช่แข็งไว้ทันเวลา!เขาต้องยอมรับว่าความงามที่เลอค่าเช่นนี้ได้ทำให้เขาหยุดหายใจด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ ในตอนที่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ มันเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่แผดเผาได้หลอมละลายน้ำแข็งและหิมะของฤดูหนาวเจย์ยืนนิ่งด้วยความสับสนในฐานะผู้ชายที่ฉลาดและรอบคอบ เขาคาดการณ์ว่าเหตุผลที่เขาสามารถวาดภาพเปล่าของแองเจลีนจากอากาศที่เบาบางได้เป็นเพราะเธอคงอยู่ในความทรงจำของเขามาริลินเข้ามาในห้องพร้อมกับอุ้มไทเกอร์ในอ้อมแขน เมื่อเธอสังเกตเห็นเจย์กำลังจ้องภาพอย่างเหม่อลอย เธอก็เดินเข้าไปหาด้วยความสงสัยเมื่อมาริลินเห็นภาพ เธอก็โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่มันผู้หญิงตาบอดที่เราเจอวันนี้นี่คะ?”สายตาของเจย์หันไปมองที่ภาพ ดวงตาคู่นั่นเป็นคู่ที่พิเศษและมีชีวิตชีวา ดึงดูดใจใคร ๆ ด้วยแสงอันเจิดจ้าและสีสันสดใสอย่างไรก็ตาม…ดวงตาในภาพไม่ได้บอด!เจย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกปวดร้าว
มาริลินตอบคำถามของเขาลงรายละเอียดทุกสิ่งไม่มีผิดพลาดเหมือนท่องหนังสือ “ที่รักคะ ก็เมื่อสามปีก่อนคุณไปยืมเงินจากพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ พวกนั้นไล่ตามทวงหนี้คุณ ตอนที่คุณกับเทมเพสพยายามขับรถหนี พวกเจ้าหนี้ก็ชนรถคุณตกหน้าผา”เจย์มีสีหน้าสับสนและไม่แน่ใจ เขาคิดหาเหตุผลที่ตัวเองต้องไปยืมเงินจากพวกปล่อยกู้นอกระบบไม่ได้เขาชิงชังพวกขี้เกียจสันหลังยาวคอยหาประโยชน์จากคนที่ขยันทำมาหากินไม่ได้ แล้วตัวเขาจะไปยุ่งกับพวกนั้นได้อย่างไรกัน“ทำไมผมถึงต้องไปกู้เงินนอกระบบล่ะ” เจย์ขมวดคิ้วถาม“ใครจะรู้ล่ะคะว่าคุณทำอะไรบ้าง? ไม่กี่ปีก่อนนี้คุณออกไปทำงานข้างนอกแล้วกลับมาบ้านแค่ปีละครั้ง ทุกครั้งที่คุณกลับมาคุณก็จะแต่งตัวดูดี ฉันเองก็คิดว่าคุณก็เป็นแค่คนซื่อตรงทำงานสุจริต ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะไปกู้เงินจากเจ้าพวกนั้น”เจย์ถอนใจเบา ๆเมื่อเขาพยายามถามรายละเอียดเพิ่มเติม มาริลินก็น้ำตาไหลพรากก่อนตอบอย่างเจ็บปวดใจว่า “ตอนนั้นฉันตั้งท้องไทเกอร์อยู่ พอคุณเกิดเรื่องพ่อแม่ฉันก็คิดว่าคุณคงร่อแร่หมดหวังแล้ว พวกเขาก็บังคับให้ฉันแต่งงานกับตาแก่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่ฉันท้องอยู่ก็เลยยืนกรานไม่ยอมแต่งงานใหม่ พอพวกเขาบังคับ
เซย์นหัวเราะจนน้ำตาไหล “แค่เพราะว่าเจย์อยู่ที่ห้าง พวกเธอเลยวางแผนทำร้ายตัวเองแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของเจ้าชายรูปงามเนี่ยนะ?”เซย์นเหลือบมองแองเจลีนที่นั่งปวกเปียกอยู่บนโซฟา พลันเขาก็โมโหขึ้นมา “เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไปยืนตากฝนที่ตกหนักขนาดนั้นเพื่อให้เจย์สงสารเนี่ยนะ?”คำพูดรุนแรงเสียดแทงของเขาทำให้ทั้งแองเจลีนและโจเซฟินรู้สึกผิดขึ้นมาเซย์นไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ “นี่มันก็แค่การเจอกันครั้งเดียว ถ้าครั้งนี้ทำไม่สำเร็จคราวหน้าก็ลองใหม่สิ ทำไมเธอถึงต้องเอาสุขภาพตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ด้วย? แองเจลีน เซเวียร์เธอคิดว่าตัวเองแข็งแรงนักหรือไง? ให้ดีเธอภาวนาให้พรุ่งนี้เธอไม่เป็นไข้หวัดเถอะ ไม่งั้นฉันไล่เธอไปแน่”ด้วยความที่เป็นพี่ชาย เซย์นมักมีบุคลิกที่ดูสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจอะไรนักไม่ว่าเมื่อไหร่ที่น้องสาวหรือโจเซฟินกลั่นแกล้งเขา เขาก็มักจะโอนอ่อนผ่อนตามปล่อยให้พวกเธอได้ทำตามใจ เขามักจะทำตัวเป็นชายอ่อนโยนอารมณ์ดีเสมอแต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนล้ำเส้น เขาจะเกรี้ยวกราดทันทีตัวตนในอดีตสมัยเขาเป็นตัวปัญหา เป็นนักเลงเมื่อหลายปีก่อนก็จะเผยออกมาทั้งโจเซฟินและแอ
เซย์นมองสาวสองคนนี้ด้วยสายตารังเกียจ “อย่างน้อยก็ให้เกียรติเจย์บี้ของเธอมั่งได้ไหม? ที่เธอด่าอยู่นั่นเมียเขานะ เลิกมีอคติสักทีเถอะ”แองเจลีนกับโจเซฟินพากันเงียบกริบอันที่จริงภรรยาของเจย์นั้นไม่เพียงแค่สวยน่ารักแต่ยังดูอ่อนโยนไร้พิษภัยอีกด้วย หล่อนเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายคนไหนก็ต้องชอบพวกเธอแค่รู้สึกหวาดหวั่นเลยจ้องสนใจแต่จุดอ่อนของเจ้าหล่อนเสียใหญ่โตพอเห็นว่าทั้งสองสาวเลิกทำตัวมีปัญหาแล้ว เซย์นก็เตือนพวกเธออย่างเคร่งขรึมว่า “ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปตรวจตาที่โรงพยาบาล แล้วเราก็จะตรวจหูเธอด้วย”แองเจลีนพูด “แต่หูฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่”ตั้งแต่เมื่อหมอบอกเซย์นเรื่องสาเหตุและอาการของภาวะโซมาติก (โรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งซึ่งผู้ป่วยมีอาการทางกายจริง) เขาก็กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของแองเจลีนมาตลอดเพราะมีประสบการณ์เลวร้ายจากอาการภาวะโซมาติกของนายท่านเซเวียร์ เซย์นก็วิตกว่าอาการป่วยของน้องสาวอาจจะแพร่ไปส่วนอื่นของร่างกายได้“ฉันเรียกเธอตั้งหลายหน แต่เธอก็ไม่ได้ยิน อย่างน้อยก็ไปตรวจดูหน่อยหน่อยฉันจะได้สบายใจ” เซย์นพูดแองเจลีนถอนใจอย่างไม่เห็นด้วยเซย์นหันไปมองโจเซฟิน “คืนนี้ฉันจะค้างที่น
โจเซฟินหยุดคิดก่อนหยิบรูปออกมาแล้วเซ็นชื่อในวงการของเธอลงไปเธอส่งรูปให้เซย์น “แค่รูปเดียว เอาหรือไม่เอาก็ตามใจ”เซย์นรับมา เมื่อเห็นลายเซ็นยึกยือบนรูปก็เบ้หน้า “ทำไมดูเซ็นส่ง ๆ แบบนี้ล่ะ? ใช่ชื่อเธอแน่เหรอ?”โจเซฟินทำหน้างง “ถ้านายไม่ชอบก็เอาคืนมา”เซย์นเอารูปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนหัวเราะ “บางทีฉันอาจจะใช่เป็นยันต์ไล่วิญญาณร้ายได้”โจเซฟินโมโหจนแทบเต้นเร่าเซย์นลุกขึ้นก่อนลาทั้งคู่ “ถ้าเธอจะค้างที่นี่คอยดูแลแองเจลีน ฉันก็จะออกไปดื่มกับเพื่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับมารับเธอ”เขาพูดพร้อมหยิบเสื้อโค้ดจากโซฟาขึ้นมาพาดบ่าอย่างไม่มีพิธีรีตองก่อนจากไปโจเซฟินมองเซย์นจากไปตาละห้อยทันทีที่ก้าวออกจากห้อง สีหน้าของเซย์นก็เปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นหม่นหมองขณะที่เดินออกไปจากสวนบันทึกรักเขายกมือขึ้นตบกระเป๋าเสื้อตรงอกซ้ายเบา ๆ ให้แน่ใจว่ารูปถ่ายบาง ๆ นั้นยังอยู่ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังเข้ามาในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และแน่ใจว่าด้านนอกมองผ่านกระจกเข้ามาไม่เห็น เซย์นก็เปิดไฟในรถ เขาหยิบรูปถ่ายออกมาและจ้องไปที่หญิงสาวในรูป แม้ว่าเธอจะดูแสนสวยและเย้ายวน แต่เธอก็ไม่สามารถปกปิดแววตาใสซื
ท่ามกลางความมืดดวงตาดำสนิทของแองเจลีนก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “อะไรนะพี่ชายของฉันบอกว่าเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอเหรอ?”โจเซฟินพยักหน้า แองเจลีนลุกขึ้นจากเตียง “เธอไม่รู้ว่าพี่ชายของฉันช่วยเธอไว้เหรอ?”โจเซฟินเงียบสนิท เงียบจนน่ากลัวทันใดนั้นก็เหมือนมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในหัว แองเจลีนพุ่งเข้ามาจับมือโจเซฟินในความมืดก่อนจะพบว่ามือของเธอเย็นเฉียบ“โจเซฟินเธอเคยบอกฉันว่า หลังจากที่เธอถูกทำให้อับอายมากในปีนั้น เธอก็ไปต่างประเทศอยู่ 2-3 ปีเหตุผลที่เธอไปต่างประเทศไม่ได้เพียงเพื่อจะหนีจากเรื่องสะเทือนใจใช่ไหม? แต่เธอ…”โจเซฟินจับมือแองเจลีนแน่นจนแองเจลีนรู้สึกเจ็บนิ้วและความเจ็บนั้นพุ่งเข้าไปถึงหัวใจ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นแองเจลีน ฉันคิดว่าพี่ชายของฉันแค่พยายามจะช่วยฉันให้รับมือกับเรื่องกระทบกระเทือนใจเขาก็เลยส่งให้ฉันไปต่างประเทศ จนกระทั่งเซย์นพูดแบบนั้นออกมาฉันถึงเพิ่งเริ่มมาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ได้รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ฉันได้รู้เงื่อนงำเล็ก ๆ บางอย่างด้วย”แองเจลีนถาม “เงื่อนงำอะไร?”“หลังจากที่ฉันต้องอับอายตอนนั้น ฉันก็หมดสติไปตรงนั้นเลย ฉันค่อนข้างแ