มาริลินตอบคำถามของเขาลงรายละเอียดทุกสิ่งไม่มีผิดพลาดเหมือนท่องหนังสือ “ที่รักคะ ก็เมื่อสามปีก่อนคุณไปยืมเงินจากพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ พวกนั้นไล่ตามทวงหนี้คุณ ตอนที่คุณกับเทมเพสพยายามขับรถหนี พวกเจ้าหนี้ก็ชนรถคุณตกหน้าผา”เจย์มีสีหน้าสับสนและไม่แน่ใจ เขาคิดหาเหตุผลที่ตัวเองต้องไปยืมเงินจากพวกปล่อยกู้นอกระบบไม่ได้เขาชิงชังพวกขี้เกียจสันหลังยาวคอยหาประโยชน์จากคนที่ขยันทำมาหากินไม่ได้ แล้วตัวเขาจะไปยุ่งกับพวกนั้นได้อย่างไรกัน“ทำไมผมถึงต้องไปกู้เงินนอกระบบล่ะ” เจย์ขมวดคิ้วถาม“ใครจะรู้ล่ะคะว่าคุณทำอะไรบ้าง? ไม่กี่ปีก่อนนี้คุณออกไปทำงานข้างนอกแล้วกลับมาบ้านแค่ปีละครั้ง ทุกครั้งที่คุณกลับมาคุณก็จะแต่งตัวดูดี ฉันเองก็คิดว่าคุณก็เป็นแค่คนซื่อตรงทำงานสุจริต ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะไปกู้เงินจากเจ้าพวกนั้น”เจย์ถอนใจเบา ๆเมื่อเขาพยายามถามรายละเอียดเพิ่มเติม มาริลินก็น้ำตาไหลพรากก่อนตอบอย่างเจ็บปวดใจว่า “ตอนนั้นฉันตั้งท้องไทเกอร์อยู่ พอคุณเกิดเรื่องพ่อแม่ฉันก็คิดว่าคุณคงร่อแร่หมดหวังแล้ว พวกเขาก็บังคับให้ฉันแต่งงานกับตาแก่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่ฉันท้องอยู่ก็เลยยืนกรานไม่ยอมแต่งงานใหม่ พอพวกเขาบังคับ
เซย์นหัวเราะจนน้ำตาไหล “แค่เพราะว่าเจย์อยู่ที่ห้าง พวกเธอเลยวางแผนทำร้ายตัวเองแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของเจ้าชายรูปงามเนี่ยนะ?”เซย์นเหลือบมองแองเจลีนที่นั่งปวกเปียกอยู่บนโซฟา พลันเขาก็โมโหขึ้นมา “เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไปยืนตากฝนที่ตกหนักขนาดนั้นเพื่อให้เจย์สงสารเนี่ยนะ?”คำพูดรุนแรงเสียดแทงของเขาทำให้ทั้งแองเจลีนและโจเซฟินรู้สึกผิดขึ้นมาเซย์นไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ “นี่มันก็แค่การเจอกันครั้งเดียว ถ้าครั้งนี้ทำไม่สำเร็จคราวหน้าก็ลองใหม่สิ ทำไมเธอถึงต้องเอาสุขภาพตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ด้วย? แองเจลีน เซเวียร์เธอคิดว่าตัวเองแข็งแรงนักหรือไง? ให้ดีเธอภาวนาให้พรุ่งนี้เธอไม่เป็นไข้หวัดเถอะ ไม่งั้นฉันไล่เธอไปแน่”ด้วยความที่เป็นพี่ชาย เซย์นมักมีบุคลิกที่ดูสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจอะไรนักไม่ว่าเมื่อไหร่ที่น้องสาวหรือโจเซฟินกลั่นแกล้งเขา เขาก็มักจะโอนอ่อนผ่อนตามปล่อยให้พวกเธอได้ทำตามใจ เขามักจะทำตัวเป็นชายอ่อนโยนอารมณ์ดีเสมอแต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนล้ำเส้น เขาจะเกรี้ยวกราดทันทีตัวตนในอดีตสมัยเขาเป็นตัวปัญหา เป็นนักเลงเมื่อหลายปีก่อนก็จะเผยออกมาทั้งโจเซฟินและแอ
เซย์นมองสาวสองคนนี้ด้วยสายตารังเกียจ “อย่างน้อยก็ให้เกียรติเจย์บี้ของเธอมั่งได้ไหม? ที่เธอด่าอยู่นั่นเมียเขานะ เลิกมีอคติสักทีเถอะ”แองเจลีนกับโจเซฟินพากันเงียบกริบอันที่จริงภรรยาของเจย์นั้นไม่เพียงแค่สวยน่ารักแต่ยังดูอ่อนโยนไร้พิษภัยอีกด้วย หล่อนเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายคนไหนก็ต้องชอบพวกเธอแค่รู้สึกหวาดหวั่นเลยจ้องสนใจแต่จุดอ่อนของเจ้าหล่อนเสียใหญ่โตพอเห็นว่าทั้งสองสาวเลิกทำตัวมีปัญหาแล้ว เซย์นก็เตือนพวกเธออย่างเคร่งขรึมว่า “ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปตรวจตาที่โรงพยาบาล แล้วเราก็จะตรวจหูเธอด้วย”แองเจลีนพูด “แต่หูฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่”ตั้งแต่เมื่อหมอบอกเซย์นเรื่องสาเหตุและอาการของภาวะโซมาติก (โรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งซึ่งผู้ป่วยมีอาการทางกายจริง) เขาก็กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของแองเจลีนมาตลอดเพราะมีประสบการณ์เลวร้ายจากอาการภาวะโซมาติกของนายท่านเซเวียร์ เซย์นก็วิตกว่าอาการป่วยของน้องสาวอาจจะแพร่ไปส่วนอื่นของร่างกายได้“ฉันเรียกเธอตั้งหลายหน แต่เธอก็ไม่ได้ยิน อย่างน้อยก็ไปตรวจดูหน่อยหน่อยฉันจะได้สบายใจ” เซย์นพูดแองเจลีนถอนใจอย่างไม่เห็นด้วยเซย์นหันไปมองโจเซฟิน “คืนนี้ฉันจะค้างที่น
โจเซฟินหยุดคิดก่อนหยิบรูปออกมาแล้วเซ็นชื่อในวงการของเธอลงไปเธอส่งรูปให้เซย์น “แค่รูปเดียว เอาหรือไม่เอาก็ตามใจ”เซย์นรับมา เมื่อเห็นลายเซ็นยึกยือบนรูปก็เบ้หน้า “ทำไมดูเซ็นส่ง ๆ แบบนี้ล่ะ? ใช่ชื่อเธอแน่เหรอ?”โจเซฟินทำหน้างง “ถ้านายไม่ชอบก็เอาคืนมา”เซย์นเอารูปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนหัวเราะ “บางทีฉันอาจจะใช่เป็นยันต์ไล่วิญญาณร้ายได้”โจเซฟินโมโหจนแทบเต้นเร่าเซย์นลุกขึ้นก่อนลาทั้งคู่ “ถ้าเธอจะค้างที่นี่คอยดูแลแองเจลีน ฉันก็จะออกไปดื่มกับเพื่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับมารับเธอ”เขาพูดพร้อมหยิบเสื้อโค้ดจากโซฟาขึ้นมาพาดบ่าอย่างไม่มีพิธีรีตองก่อนจากไปโจเซฟินมองเซย์นจากไปตาละห้อยทันทีที่ก้าวออกจากห้อง สีหน้าของเซย์นก็เปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นหม่นหมองขณะที่เดินออกไปจากสวนบันทึกรักเขายกมือขึ้นตบกระเป๋าเสื้อตรงอกซ้ายเบา ๆ ให้แน่ใจว่ารูปถ่ายบาง ๆ นั้นยังอยู่ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังเข้ามาในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และแน่ใจว่าด้านนอกมองผ่านกระจกเข้ามาไม่เห็น เซย์นก็เปิดไฟในรถ เขาหยิบรูปถ่ายออกมาและจ้องไปที่หญิงสาวในรูป แม้ว่าเธอจะดูแสนสวยและเย้ายวน แต่เธอก็ไม่สามารถปกปิดแววตาใสซื
ท่ามกลางความมืดดวงตาดำสนิทของแองเจลีนก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “อะไรนะพี่ชายของฉันบอกว่าเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอเหรอ?”โจเซฟินพยักหน้า แองเจลีนลุกขึ้นจากเตียง “เธอไม่รู้ว่าพี่ชายของฉันช่วยเธอไว้เหรอ?”โจเซฟินเงียบสนิท เงียบจนน่ากลัวทันใดนั้นก็เหมือนมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในหัว แองเจลีนพุ่งเข้ามาจับมือโจเซฟินในความมืดก่อนจะพบว่ามือของเธอเย็นเฉียบ“โจเซฟินเธอเคยบอกฉันว่า หลังจากที่เธอถูกทำให้อับอายมากในปีนั้น เธอก็ไปต่างประเทศอยู่ 2-3 ปีเหตุผลที่เธอไปต่างประเทศไม่ได้เพียงเพื่อจะหนีจากเรื่องสะเทือนใจใช่ไหม? แต่เธอ…”โจเซฟินจับมือแองเจลีนแน่นจนแองเจลีนรู้สึกเจ็บนิ้วและความเจ็บนั้นพุ่งเข้าไปถึงหัวใจ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นแองเจลีน ฉันคิดว่าพี่ชายของฉันแค่พยายามจะช่วยฉันให้รับมือกับเรื่องกระทบกระเทือนใจเขาก็เลยส่งให้ฉันไปต่างประเทศ จนกระทั่งเซย์นพูดแบบนั้นออกมาฉันถึงเพิ่งเริ่มมาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ได้รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ฉันได้รู้เงื่อนงำเล็ก ๆ บางอย่างด้วย”แองเจลีนถาม “เงื่อนงำอะไร?”“หลังจากที่ฉันต้องอับอายตอนนั้น ฉันก็หมดสติไปตรงนั้นเลย ฉันค่อนข้างแ
แองเจลีนนั่งอยู่บนเตียงอย่างงุนงง วันนี้การมองเห็นของเธอก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิมรอบนี้เป็นช่วงที่เธอสูญเสียการมองเห็นชั่วคราวเป็นระยะเวลานานที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาเมื่อเซย์นมารับเธอไปโรงพยาบาล โจเซฟินก็จ้องเขาเขม็งด้วยสายตาจับผิด นอกจากที่ว่าเขาไม่มีเรื่องทะเลาะต่อยตีมากเหมือนสมัยยังเด็กแล้ว นอกนั้นก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเขามักจะเรียกเธอว่าแม่ดราม่าควีน ใครจะคิดว่าเขาต่างหากที่ตีบทแตกกระจุยจนไม่มีใครจับได้หลังจากโจเซฟินช่วยแองเจลีนเดินเข้าไปนั่งในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์เรียบร้อย ทั้งสองสาวก็จับมือกันแน่นเหมือนต่างฝ่ายต่างส่งกำลังใจให้กันเซย์นมองผ่านกระจกมองหลังมาก็เห็นว่าหญิงสาวทั้งสองต่างก็ดูนิ่งเงียบแถมใต้ตาก็ดำคล้ำ เขาอดไม่ได้ที่จะแหย่ว่า “ทำไมแพนด้าที่น่ารักทั้งสองไม่คุยอะไรกันเลยล่ะ?”ปกติพวกเธอทำเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุดไม่ใช่เหรอ?โจเซฟินกับแองเจลีนต่างก็ไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำกับเขาเมื่อมาถึงโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซีย โจเซฟินก็แยกไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปกองถ่ายเซย์นจับแขนแองเจลีนเพื่อช่วยเธอเดินเข้าไปพบหมอหลังจากเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้นเก้า เซย์นก็มองเห็นคนรูปร่างคุ้นตาใ
แม้จะโมโห แต่เซย์นก็พาแองเจลีนเดินเข้าไปในห้องรอของแผนกจิตเวชอย่างระมัดระวัง อาจเป็นเพราะความงามสะดุดตาของเธอ หรือเพราะสีหน้าตกใจของบรรดาเจ้าหน้าที่ในห้องรอ ทำให้ทุกคนหันมามองแองเจลีนเจย์ลืมตาขึ้นและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นแองเจลีนวันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตลูกไม้สีขาวกับกระโปรงผ้าโปร่งยาวสีชมพู ทำให้เธอดูบริสุทธิ์สดใสเป็นพิเศษหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆเจย์เลื่อนสายตาหลบพร้อมเยาะตัวเองในใจ “นายมันคนแต่งงานแล้ว ไปรู้สึกใจเต้นกับผู้หญิงอื่นได้ยังไง?”เจย์พยายามที่จะหลีกจากแองเจลีน แต่แผนก็พังเพราะเจย์มาขวางไว้“คุณเบ็น”เจย์ไม่มีทางเลือกนอกจากหันกลับไปมอง จังหวะนั้นเองเซย์นก็พาแองเจลีนเข้ามายืนอยู่ใกล้ ๆ เขาได้กลิ่นกุหลาบหอมอ่อน ๆ โชยมาจากตัวของเธอ มันเป็นกลิ่นของความรักที่ทำให้เขามึนเมาไปเล็กน้อยเซย์นทำหน้ากระอักกระอ่วนก่อนกล่าวว่า “คุณเบ็น ไม่ทราบคุณช่วยดูแลน้องสาวผมให้หน่อยได้ไหมครับ? พอดีว่าผมไม่สะดวกพาเธอไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน”เจย์อึ้งไปเล็กน้อย ชั่วขณะเขารู้สึกราวกับถูกลอตเตอรี่ห้าล้านเหรียญ เหมือนเทพธิดาแห่งโชคได้มาเยือนเขาแล้วแม้กระนั้นเขาก็เพียงพยักหน้าเบา ๆ
“เมื่อคุณก้าวข้ามแม่น้ำในโลกหลังความตาย ฉันจะรอคอยคุณอยู่บนเส้นทางสู่ดินแดนอันเป็นนิรันดร์ แต่ถ้าคุณไม่ได้ข้ามไป เพียงแค่เด็ดดอก สไปเดอร์ ลิลี สีแดง ฉันก็จะมาหา”เจย์กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว “ประโยคแรกก็เข้าใจไม่ยากนะครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่าคุณเขียนส่วนที่สองทำไม? มันไม่เป็นลางร้ายเกี่ยวกับเรื่องที่คนรักต้องแยกจากกันเพราะความตายเหรอ?”“ตอนสมัยฉันเด็ก ฉันไม่เข้าใจว่าความโศกเศร้าอาดูรเป็นยังไง ฉันก็เลยเขียนเพลงเสมือนว่าตัวเองกำลังเศร้า ไม่รู้เลยว่าเนื้อเพลงที่ฉันเขียนสมัยยังเด็ก เหลาะแหละ ไร้เดียงสา จะเป็นจริงไปได้”“มันกลายเป็นความจริงเหรอครับ?” เจย์ยิ้มอึมครึมเธอคงจะพูดอะไรผิดไปแค่นั้นแหละ ใช่ไหม?คนเราจะกลับมาจากความตายได้อย่างไรกันถึงคนเราจะกลับมาเกิดใหม่ได้จริง แต่จะจำคนที่ตัวรักจากชาติที่แล้วได้อย่างไร?ถึงอย่างนั้นแองเจลีนก็ลืมตาขึ้นมองอย่างมั่นใจ “ค่ะ ในท้ายที่สุดทุกอย่างก็เป็นความจริงเหมือนในเนื้อเพลง Red spider Lily เลย”เธอกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แววตกตะลึงพาดผ่านใบหน้าของเจย์ไปชั่วขณะส่วนเซย์นซึ่งหลบอยู่หลังกำแพงไม่ไกล ดวงตากับฉายแววรังเกียจเขายกนาฬิกาข้อมือข