หมอตรวจตาแองเจลีนอย่างละเอียดแต่ไม่พบความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เขาเลยได้ข้อสรุปที่น่าเสียใจว่า “คุณเซเวียร์ครับ ถ้าคุณยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วทำตัวเองให้มีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้าตลอดเวลาแบบนี้ ภาวะโซมาติกของคุณจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น อย่างที่เห็นว่าการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราวครั้งนี้กินระยะเวลานานกว่าที่เคยเป็น ถ้าทานยายังช่วยคุมไม่ได้ ผมเกรงว่าคุณอาจจะตาบอดถาวร”“ทานยาเถอะครับ” หมอแนะนำอย่างระมัดระวังเซย์นถามอย่างจริงจัง “ถ้าเธอไม่สบายก็ควรต้องรักษา สั่งจ่ายยาให้เธอเถอะครับหมอ”หมอพูดอย่างลำบากใจ “มันก็แค่… ยากดประสาทพวกนี้มีผลข้างเคียงที่รุนแรงหน่อย เช่น เธออาจจะน้ำหนักขึ้น…”แองเจลีนท้วงขึ้นมาทันใด “ฉันไม่กินยา”เธอสติแตกก่อนผลุนผลันออกจากประตูไปเจย์บี้รักใบหน้านี้ของเธอที่สุดถ้าเธอรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเขาต้องจำเธอไม่ได้แน่เธอผลักประตูวิ่งไปตามทางเดินก่อนชนเข้ากับอ้อมแขนของเจย์เขาเพิ่งเดินออกมาจากแผนกจิตเวชพร้อมถือใบสั่งยาในมือเตรียมออกไปรับยา ขณะที่แองเจลีนพุ่งเข้ามาชนเขาพอดี“เป็นอะไรครับ คุณเซเวียร์?” เขารู้สึกได้ว่าเธอตัวสั่นเทา จึงหักใจผลักเธอออกไปไม่ได้เมื่อแองเจล
เจย์ขยำใบสั่งยา “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ”แองเจลีนรู้สึกโล่งใจมาก “ได้ยินแบบนั้นก็ดีค่ะ”เจย์พาแองเจลีนมาส่งให้เซย์นก่อนเกลี้ยกล่อมเขา “ถ้าเธอไม่อยากกินยาก็ปล่อยเถอะ มันแล้วแต่เธอ คุณไม่คิดว่าความสุขของเธอสำคัญกว่าเหรอครับ?”เซย์นก้มหน้าก่อนถอนหายใจ “สภาวะทางอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้น้องสาวผมสูญเสียการมองเห็น ถ้าเราคุมอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าได้ เธอก็อาจจะหายดีเร็วขึ้น แต่ช่วงหลายปีมานี้ เธอเสียน้ำตาให้น้องเขยของผมที่ตายไปตั้งแต่ยังหนุ่มมาก เพราะงั้นเธอถึง…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ แองเจลีนก็หยิกเขาอย่างแรง เธอไม่พอใจที่เขาเรียกเจย์ว่า ‘น้องเขยที่ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม’เซย์นเปลี่ยนเรื่องก่อนกล่าว “ขอบคุณที่ช่วยเธอนะครับ เราคงต้องไปแล้ว”“ครับ” เจย์พยักหน้าเซย์นจับแขนแองเจลีนแล้วจากไปขณะที่เจย์มองดูสองพี่น้องเดินจากไป เขาก็แอบได้ยินเซย์นบ่นแองเจลีน “ฉันพาเธอมาโรงพยาบาลแต่เธอไม่ยอมทำตามที่หมอสั่ง ไม่คิดว่าเธอทำฉันเสียเวลาเหรอ?”เจย์ขมวดคิ้วเขาอดเป็นห่วงแองเจลีนไม่ได้ สาวบอบบางแบบเธอคงลำบากที่ต้องมีพี่ชายแข็งกระด้างแบบนั้นสินะ?พอก้าวเข้ามาในลิฟต์ แองเจลีนก็พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ “เซย์
ครั้นเห็นเขาไม่พูดอะไรสักคำหลังจากที่เธอต่อว่าเขาอยู่พักใหญ่ มาริลินนั่งลงข้างเขาก่อนปิดหน้าสะอื้นเธอเริ่มพูดพร่ำถึงความน่าสงสารของตัวเองอีกรอบ “โอ๊ย ทำไมชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้! ฉันคิดว่าจะพึ่งพิงคุณช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นได้บ้าง แต่ดูคุณสิ ยังคงทำท่าเย็นชาไม่ต่างจากเดิมเลย ฉันทุ่มเททั้งกายใจดูแลคุณอย่างดี แต่แค่ความอบอุ่นใจคุณยังให้ฉันไม่ได้ เราแต่งงานกันมาก็หลายปี แต่คุณก็ยังไม่ยอมนอนกับฉันอีก?”เสียงร้องไห้ของเธอทำให้เจย์สิ้นหวัง “งั้นเราหย่ากันดีไหม มาริลิน?”เสียงร้องไห้ของมาริลินหยุดลงทันทีเธอเบิกตากว้างจ้องมองเจย์อย่างตื่นตระหนกและไม่อยากเชื่อ “ฉันว่าแล้ว คุณต้องออกไปเจอคนอื่นมาแน่ ๆ คุณถึงทำตัวเหินห่างแล้วออกไปคนเดียวแบบนี้ใช่ไหม? คุณจะไล่ฉันไปจะได้ไปอยู่กับคนอื่นใช่ไหม?”เจย์อธิบายเสียงอ่อนล้า “ไม่ใช่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณ… ต้องมาลำบากกับผม”มาริลินร้องไห้จนเสียงพร่า “ฉันไม่เชื่อหรอก คุณนอกใจฉันแน่ ๆ คุณคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าคุณตกหลุมรักผู้หญิงในภาพวาดนั่น? ใคร ๆ ก็บอกว่าคุณกลายเป็นแมงดาให้ผู้หญิงเลี้ยงดูไปแล้ว ตอนนี้พอคุณมีเงินก็จะทิ้งเมียอย่างฉันใช่ไหม?”เมื่อไทเกอร์ได้ยิน
มาริลินตีสีหน้ากระอักกระอ่วน “ที่รักคะ คุณไม่ต้องบอกฉันเรื่องงานหรือเงินที่คุณหาได้หรอก ฉันแค่… ฉัน…”มือของเจย์ยื่นค้างอยู่กลางอากาศเป็นแบบนั้นมาริลินจึงรับบัตรไว้ด้วยสองมือ แววตายินดีของเธอไม่สามารถปกปิดเจย์ได้เขาอธิบายให้เธอฟัง “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแบ่งกับคุณ แต่ผมแค่อยากเอาเงินนี้ไปใช้เรื่องอื่น”มาริลินหลุดร้อง ‘โอ้’ ก่อนที่จะกำบัตรไว้แน่น โดยไม่มีเจตนาจะส่งคืนแต่อย่างใดเจย์ได้เรียนรู้บางอย่างว่า ความรู้สึกมั่นคงของผู้หญิงคนนี้ขึ้นอยู่กับเงิน ไม่ใช่ตัวของเขาการได้รู้แบบนี้ทำให้เขาไม่มีความสุขเหมือนกัน“งั้นคุณก็ใช้เวลาฝึกตามสบายเถอะค่ะ ฉันจะไปรอคุณในห้องนอนนะ” มาริลินยืนตัวตรงและยิ้มอ่อนโยนมาให้แววตาเจย์เย็นเยียบราวน้ำแข็ง “อืม”แม้ว่าเธอจะแสดงให้เห็นว่าสนับสนุนในสิ่งที่เขาทำ แต่เธอก็ไม่ได้ใจเขาคืนนี้เธอไม่อยากนอนกับเขาแล้วสินะ?เมื่อเห็นเงิน ก็ดูเหมือนว่า… เธอจะเลิกตื๊อได้เจย์ส่ายหน้าก่อนพยายามกดความรู้สึกไม่พอใจที่เขามีต่อภรรยาตัวเองซึ่งกำลังท่วมท้นในใจนาฬิกาบนผนังเดินต่อไปเรื่อย ๆ เจย์ยังคงเล่นเพลงที่คุ้นเคยวนไปมาจนกระทั่งเข็มนาฬิกาไปถึงเลข 12 เจย์ถึงยอมร
บนม้านั่งในสวนข้างถนน เจย์นั่งอย่างเปล่าเปลี่ยวจ้องมองรถและฝูงชนที่ผ่านไปมา เขารู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยกจากทั้งโลกเขาไม่มีพลังเหลือจะสู้ต่อเขาไม่มีพลังเหลือจะอยู่ต่อเขาเริ่มมีความสงสัยขึ้นมา อะไรกันนะที่เป็นแรงผลักดันให้เขาอยู่ต่อหลังจากอุบัติเหตุรถยนต์คราวนั้น?การใช้ชีวิตสำหรับเขาเป็นเรื่องสุดแสนน่าเบื่อหน่ายเมื่อใกล้ถึงเวลาเก้าโมง เขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่โฮไรซอน คัลเลอร์“คุณเบ็น” เซ็ตตี้น้อยตะโดนออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจพร้อมโบกมือเมื่อเธอเห็นเจย์จากระเบียงเจย์เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแองเจลีนและเซ็ตตี้น้อยใส่เสื้อผ้าเข้าคู่กัน พวกเธอทั้งสองดูเหมือนนางฟ้านางสวรรค์คู่แม่ลูกยิ้มเจิดจ้าเมื่อมองมาที่เขาเมฆอึมครึมที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของเขาก็เหมือนสลายหายไป เขายิ้มตอบรับเธอทั้งสองทั้งแองเจลีนและเซ็ตตี้น้อยต่างรีบลงบันไดมารับเขา ความเย็นชาที่เจย์ได้รับจากมาริลินก็ได้รับการเยียวยาจากความอบอุ่นของแองเจลีนและเซ็ตตี้แองเจลีนเดินเข้ามาหาเขาพร้อมซุปผักอุ่น ๆ หนึ่งถ้วย เธอเดินช้ามากเพราะตามองไม่เห็น“คุณเบ็นคะ ทานซุปที่เซ็ตตี้น้อยกับฉันทำสิคะ ลองชิมดูว่าคุณชอบไหม?”เจย์เดินเข้ามาทั
ถ้ามาริลินเชื่อใจเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วน เมื่อคืนพวกเขาทั้งคู่คงไม่ต้องทะเลาะกันเหมือนเด็กหลังจากแอบอยู่พักใหญ่ เซ็ตตี้น้อยก็คิดว่าพ่อน่าจะสงสัยแล้วถ้าเธอยังหลบต่อไป ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูครัวแล้วเดินออกมาอย่างไม่รู้ไม่ชี้“ไปที่ห้องเปียโนกันเถอะค่ะ คุณเบ็น คุณแม่อยากฟังคุณเล่น Red Spider Lily”“อืม” เจย์ลุกขึ้นยืนเซ็ตตี้น้อยเดินเข้ามาก่อนจับมือแม่ไว้อย่างอ่อนโยน เมื่อพวกเขาจะขึ้นไปชั้นบน เธอก็คอยเตือนแม่ “บันไดค่ะแม่”เจย์เดินตามหลังทั้งคู่ไป รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความเป็นลูกสาวที่แสนนุ่มนวลอ่อนโยนของหนูน้อยเซ็ตตี้ในห้องเปียโนเซ็ตตี้น้อยดึงทั้งเจย์และแองเจลีนมาที่เก้าอี้หน้าเปียโน เธอพูดคุยอย่างร่าเริง “เล่น Red Spider Lily สิคะคุณเบ็น คุณแม่ฟังนะคะ คุณเบ็นเล่นเพลงนี้ได้เพราะมากเลย”เจย์นั่งข้างแองเจลีนอย่างไม่เฉลียวใจนิ้วสวยเรียวยาวของเขาวางบนแป้น มันช่างดูเหมือนงานศิลปะ กระดูกนิ้วเรียวยาวห่อหุ้มด้วยผิวขาวใสราวโปร่งแสงจนดูเหมือนปีกของจักจั่นเขากดนิ้วลงบนเปียโน จนเสียงดังแตกพร่าบางทีอาจจะเป็นเพราะตอนนี้ความคิดเขาของสับสน อารมณ์ก็ดำดิ่ง จนเมื่อเขาเล่น Red Spider Lily รอ
แองเจลีนดึงมือเขามาไม่บอกกล่าว ก่อนวางมือเขาลงบนแป้นเปียโนตรงหน้าเธอ มือเล็กของเธอวางทับนิ้วของเขาก่อนกดลงบนแป้น ทำให้เกิดเสียงที่ออกมาจากใจแองเจลีนร้องเพลง The Soul Of The Sun Never Sets ให้เขาฟังเขาเป็นคนแต่งเนื้อเพลงนี้ตอนที่ก่อตั้งแกรนด์ เอเซีย เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าเขานั้นอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว‘เมื่อฉันยังเยาว์ ฉันฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม‘ล่องไปไกลนับพันไมล์‘เพื่อพาเธอไปสู่เกียรติสูงสุด‘และกลับมาพร้อมหัวใจเยาว์วัยคลื่นอารมณ์พุ่งอยู่ในใจ เมื่อเจย์ฟังเพลงนี้ เมื่อคิดถึงความรู้สึกด้านลบที่เขามีก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดสิ้นดีเขากังวลและสิ้นหวังเพียงเพราะว่า เขาไม่แข็งแกร่งพอถ้าเขาเป็นเหมือนชายหนุ่มในเพลงที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง แข็งแกร่ง และรู้สึกถึงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของตัวเอง เขาก็คงจะมีความสุขแองเจลีนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณร้องเพลงนี้เอง คุณก็จะพบพลังแข็งแกร่งสะเทือนโลกได้ที่ซ่อนตัวอยู่”เจย์นึกภาพตนเองถือกีตาร์และเล่นเพลงที่แสนดุเดือดนี้ ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามันช่างยากจะจินตนาการ“ผมเป็นแค่คนน่าเบื่อที่ไม่มีงานอดิเรกพิเศษอะไร” เขายิ้มเหยียดตัวเ
เซ็ตตี้น้อยโผล่หน้าเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส “คุณเบ็นคะ แม่ให้หนูมาบอกว่าถึงหนังสือจะสนุกขนาดไหนแต่คุณก็ต้องใส่ใจเรื่องท้องไส้ด้วย ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ”เจย์ยืนขึ้น ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่า ตัวเองหิวจัด แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่า มันไม่สุภาพเหมาะสมที่จะทานอาหารที่บ้านนายจ้างขณะที่เขากำลังลังเลใจว่าจะขอตัวอย่างไรดี เซ็ตตี้น้อยก็วิ่งเข้ามาลากดึงชายร่างสูงไปที่โต๊ะอาหาร“วันนี้คุณต้องอยู่ทานข้าวกับเรานะคะ คุณเบ็น”แองเจลีนเองก็ขอร้องเขา “อยู่ทานเถอะค่ะ”เมื่อเจย์มองดูเมนูอาหารยั่วน้ำลายทั้งหลาย เขาก็รู้สึกอยากอาหารอย่างมาก “ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ คงจะไม่สุภาพถ้าผมจะปฏิเสธคำเชิญของคุณ”เขานั่งลงข้างแองเจลีนระหว่างมื้ออาหาร เพราะอาการทางสายตาของแองเจลีน เขาจึงตักอาหารใส่จานให้เธออย่างเป็นสุภาพบุรุษรวมถึงคอยถามเธออย่างใส่ใจ “ไม่ทราบว่าคุณชอบทานอะไรเหรอครับ?”แองเจลีนตอบ “ฉันทานได้หมด ไม่เลือกค่ะ”จากนั้นเธอก็ถามเขา “หนังสือสนุกไหมคะ?”เจย์ตอบอย่างจริงใจ “ครับ มันดีมากเลย”จากนั้นเขาก็จ้องมองเธออย่างสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมชอบอ่านหนังสือแบบนี้?”แองเจลีนยิ้ม เธอจะไ