อย่างไรก็ตาม ท่าทีของแองเจลีนก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงในทันที เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า ตระกูลไททัสจะต้องจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และเลิศหรูเพื่อลูกสาวของพวกเขาอย่างแน่ แต่พวกเรา ตระกูลเซเวียร์… แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังต้องประหยัดกับอาหารทั้งสามมื้อของเรา ฉันเกรงว่างานแต่งงานนี้จะกระจอกงอกง่อยมากจนทำให้คนหัวเราะเยาะพวกเราน่ะสิ แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนก็จะรู้ว่าองค์กรเซเวียร์ไม่มีกำลังซื้อภายในประเทศเลย แล้วใครจะกล้าทำธุรกิจกับพวกเราล่ะ”เจย์พูดอย่างเหน็บแนมว่า “น้องชายของเธอดูเหมือนเด็กน้อยตั้งแต่เขายังเด็ก มันไม่คุ้มค่าหรอกที่ตระกูลเซเวียร์ทุ่มงบเพื่องานแต่งงานของเขา นอกจากนี้ ยูมิ ไททัสก็เป็นสาวแก่แล้ว เธอควรจะเป็นคนออกเอง”แองเจลีน “...”เธอพูดอย่างโมโห “หมายความว่ายังไง? คุณกำลังบอกว่าน้องชายของฉันถูกเก็บไปเป็นคนรักของสาวแก่ที่แสนจะร่ำรวยงั้นเหรอ?แล้วเธอก็ละล่ำละลักจากการที่สูญเสียความมั่นใจไป “แม้ว่าจะเป็นความจริง แค่เพียงเพราะเขาไร้ยางอาย ไม่ได้หมายความว่าตระกูลเซเวียร์จะไร้ยางอายนะ!”เจย์ตอบ “โอเค ถ้าเธอไม่ต้องการให้น้องชายของเธอหลายเป็นตัวตลก เธอจะเตรียมงานแต่งงานนี้ให้เข
แองเจลีนรู้สึกโกรธจัด “ฉันไม่ตกลงที่จะเป็นเมียเก็บของนาย ช่างเถอะ นี่มันเป็นการดูถูกกันเกินไป”เธอโมโหมากจนเธอสบถออกมาเจย์จ้องมองใบหน้าที่เศร้าสลดของเธอ เขารู้ดีว่าการทำเช่นนี้จะทำร้ายคุณค่าในตัวของเธอแต่อย่างไรก็ตาม เขาสามารถทำได้เพียงใช้สัญญาความสัมพันธ์นี้เพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการและเพื่อให้ความปลอดภัยกับเธอเท่านั้น“เธอไม่ต้องการเงินเหรอ?” เขาพูดอย่างหลอกล่อเธอตอบอย่างขุ่นเคืองว่า “ฉันไม่ต้องการมันแล้ว ยังไงก็ตาม ตระกูลเซเวียร์ก็ใกล้จะล้มละลายแล้ว ยังจะมีอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านี้อีกล่ะ?”รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเจย์“เธอไม่ได้เป็นคนพูดว่าเธอจะนอนกับผู้ชายหลากหน้าหลายตาเมื่อวันก่อนเหรอ? แล้วทำไมไม่เอาอีกสักคนล่ะ?” เขาพูดอย่างทีเล่นทีจริงแองเจลีนกัดฟันและจ้องมาที่เขาอย่างเดือดดาล สายตาของเธอดุดันมากราวกับว่าเธอต้องการจะกินเขาเข้าไป“ตัวเลือกคู่นอนของฉันก็ขึ้นอยู่กับคนนั้น ๆ ด้วย”จากนั้นเธอก็กวาดสายตามองเจย์ด้วยความเหยียดหยามและแสดงท่าทีเมินเฉยอย่างจงใจ “ชายแก่อย่างนายที่มีขาไม่สมประกอบไม่ถูกชะตาฉันหรอก”เจย์ “...”ชายแก่… เขาแก่ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?“หลังจากเซ็
เจย์กำลังปิดบังอะไรเธอหรือเปล่านะ?เธอไม่เคยเห็นเขาตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน! ยิ่งไปกว่านั้น ฟินน์ที่ซึ่งปกติจะเป็นคนสงบนิ่ง ก็ตกใจมากจนเดินตรง ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นกันนะ?เจย์ฟังคำบอกเล่าของฟินน์ด้วยท่าทางเย็นชาขณะอยู่บนรถโรลส์-รอยซ์“คนของเราได้กำลังเฝ้าดูบ้านไร่ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์ 12 ลำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน เฮลิคอปเตอร์ถูกเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด และบินโฉบไปมาประมาณสิบนาทีก่อนจากไปครับ”“ในตอนนั้น คนของเราสังเกตเห็นว่ามันผิดปกติ เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปในบ้านไร่ พวกเขาพบว่าครอบครัวนั้นได้หายตัวไปแล้วครับ”ฟินน์หยุดพูดไปสักพัก “ท่านประธานอาเรส คนของเราพบตัวอักษรสีแดงสองตัว ‘DF’ ที่ประตูครับ”เจย์ชะงักไปเล็กน้อย “DF?”ความตกใจสุดขีดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาโดยทันที “ตายสี่!”สีหน้าของฟินน์เปลี่ยนไป “ครอบครัวนั้น รวมทั้งเด็กในท้องของหญิงสาวตั้งครรภ์คนนั้น มีกันสี่คนพอดี”“คนของเราอยู่ที่ไหน?” เจย์ถามเสียงเข้มฟินน์พูดอย่างหวาดหวั่นว่า “คนของเราถอยออกไปแล้วหลังจากที่ภายในบ้านว่างเปล่าครับ”ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจย์เปลี
ท่าทีของเจย์นั้นเคร่งขรึม คนพวกนี้ต้องเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี จึงจะสามารถประดิษฐ์อาวุธอันชาญฉลาดที่ถูกซ่อนเอาไว้เช่นนี้ได้หลังจากออกมาจากบ้านไร่ เจย์ก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล“ฟินน์ ไปที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน” เจย์มีความรู้สึกไม่ดีว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กับใกล้กับอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน“ครับ” ฟินน์ตอบรับรถโรลส์-รอยซ์ก็ได้มาถึงที่ชาโตว์ เดอ เซลีนของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนภายในเวลาไม่นานถัดจากสวนกลางภายในปราสาท คุณท่านปู่อาเรสกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังหลับตาพักผ่อนอยู่“คุณท่านปู่อาเรส นายน้อยอาเรสอยู่ที่นี่แล้วครับ” การ์ดส่วนตัวของเขาเดินมาเบื้องหน้าเขาและพูดด้วยความเคารพคุณท่านปู่อาเรสก็ลืมตานกอินทรีคู่นี้ของเขาที่ล้อมรอบด้วยอากาศเย็นขึ้นทันที“ทำไมเขาถึงกลับมาในเวลาแบบนี้?” คุณท่านปู่อาเรสโกรธ“คุณท่านปู่อาเรส ท่านจะตัดขาดนายน้อยอาเรสตลอดไปจริงเหรอครับ?”ดวงตาของคุณท่านปู่อาเรสเต็มไปด้วยความลังเลใจ“คุณท่านปู่อาเรสรักเพียงแค่นาสน้อยอาเรส แต่ผมเกรงว่านายน้อยอาเรสจะยังเกลียดคุณอยู่ในตอนนี้น่ะครับ” การ์ดส่วนตัวของเขากล่าว“ไม่เป็นไรหรอก
เจย์พูดอย่างนอบน้อมว่า “ผมไม่รู้อะไรเยอะนักหรอก แต่ผมรู้ทั้งหมดเท่าที่ผมควรจะรู้”เจย์เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง “ผมรู้ว่าตระกูลอาเรสได้ทำให้เจ้าแห่งสงครามโกรธเคืองในสงครามโลกครั้งนั้น แม่ทัพสูงสุดของกองบัญชาการโลกาวินาศ ซึ่งมีนามสกุลว่า ยอร์กขาหายตัวไปหลังสงครามโลก แต่ไม่นานหลังจากนั้น องค์กรลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นไปทั่วโลก องค์กรพวกนั้นสามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งความตาย พวกเขาสร้างปัญหาไปทั่วโลก และการสังหารหมู่ก็คือรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์สะดุดตาของพวกเขาพวกเขาเป็นกลุ่มคนเชี่ยวชาญที่เดินผ่านยามค่ำคืนที่มืดมิด! พวกเขาเป็นปีศาจที่แสนจะน่ากลัวและสยองขวัญ! เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่ทุกประเทศต้องการจะเปิดโปงที่อยู่อาศัยของพวกเขา แต่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จเลย”คุณท่านปู่อาเรสพูดอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อนายรู้ทุกอย่างแล้ว นายกลับมาทำไม?”เจย์ถอนหายใจยาวและพูดอย่างเศร้า ๆ “ช่วงนี้ผมกำลังคิดว่า คุณปู่ได้เทความรู้สึกแบบไหนให้กับผมกันแน่?“คุณปู่ได้ฝึกผมให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลอาเรสที่ดีที่สุด แต่ก็จงใจส่งคนมาตัดแข้งตัดขาของผมและกีดกันผมที่มีฐานะเป็นผู้มีอำนาจในองค์กรอาเรสเวลาผมอยู่ในสถานการณ์วิกฤตอย
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เจย์ก็เรียกฟินน์ให้เข้ามา“อีกไม่นาน เมืองอิมพีเรียลจะกลายเป็นสนามรบสำหรับตระกูลอาเรสกับองค์กรลึกลับนั้น” เจย์พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าที่รูปงามของฟินน์ก็มีรอยยิ้ม ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้“ท่านประธานอาเรส มันต้องมีทางครับ!”เจย์พูดว่า “พวกเราได้ฟาดฟันกับพวกเขาแล้ว และภูตผีของพวกเราก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ฟินน์ นายอย่าได้เชื่อในเรื่องโชคนักเลย”“ครับ ท่านประธานอาเรส”“ฉันอยากให้พวกนายพาเด็ก ๆ และออกจากเมืองอิมพีเรียลไปซะ”ฟินน์พูดอย่างกังวลว่า “ภรรยาของคุณจะไม่สงสัยเหรอครับถ้าพาเด็ก ๆ ออกไปในเวลาแบบนี้?”เจย์เคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะทำงานในขณะที่ท่าทางของเขาดูมั่นใจ “เด็กสามคนจะถูกส่งไปทีละคน และไปคนละที่กัน เจนสันเป็นคนอ่อนไหวเกินไป เขาต้องไปก่อนเป็นคนแรก ฉันคิดเหตุผลที่จะให้เขาไปออกแล้ว จากนี้ไป เด็กสามคนนี้จะได้รับการดูแลจากทีมภูตผี”มีน้ำตาเอ่อปรากฏขึ้นในดวงตาของเจย์ “เจนสันเป็นคนเงียบขรึม ให้เทมเพสที่เป็นคนร่าเริงดูแลเขา ร็อบบี้น้อยเป็นคนไร้เดียงสา ดังนั้นให้สตอร์มที่มีประสบการณ์ในโลกนี้สอนเขาสักหน่อย แล้วก็สำหรับเซ็ตตี้น้อย ฉันเกรงว่าฉันจะต้องรบกวนนาย
ดวงตาคล้ายกวางคู่นั้นกระพริบปริบ ๆ มันใสราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ไร้ฝุ่น“นี่เธอยั่วยวนฉันเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแต่กระนั้นเอง แองเจลีนก็เหยียดแขนไปคล้องคอของเขาและลูบใบหน้าที่เย็นกว่าประติมากรรมน้ำแข็งของเขาอย่างไม่เกรงกลัว “ท่านอาเรส มองฉันสิ”เธอหันใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลาของเขามาที่เธอ สายตาของเจย์ตกไปที่ต้นคอของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ และลูกกระเดือกที่เย้ายวนของเขาก็กระเพื่อมนี่มันก็เป็นแค่การกวนประสาท!“ออกไป” เขาสั่งแองเจลีนอึ้งไปเล็กน้อย ความผิดหวังฉายออกมาผ่านดวงตาของเธอ แต่มันก็หายวับไป แล้วเธอก็กลับมาแสดงท่าทีเย่อหยิ่งของเธอ “ท่านอาเรส นายไม่ได้อยากให้ฉันเป็นคนรักของนายหรอกเหรอ? ห้าพันล้านสำหรับเงินเดือนหนึ่งเดือน… นายคงไม่อยากจะแพ้นักหรอกใช่ไหม?”เจย์เงียบจริง ๆ แล้วเขาต้องการเธอแทบบ้าอย่างไม่ต้องสนใจสิ่งใด แต่เขากลัวว่าเธอจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็คงไม่ได้ฉลาดนักเมื่อเขาถูกกระตุ้นและพร้อมที่จะเปิดเผยความรักของเขาออกมา“ไม่จำเป็น” เขาระงับความต้องการของร่างกายของเขาอย่างหมดท่า“ท่าอาเรส พวกเราตระกูลเซเวียร์เป็นนักธุรกิจที่ซื่อตรง
“เมื่อนายเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเป็นต้นฝ้ายที่ยืนเคียงข้างนาย ฉันต้องการเป็นกำลังของนาย คอยสนับสนุนนายอย่างกล้าหาญเมื่อนายเผชิญกับบททดสอบต่าง ๆ และยังคงมอบไหล่ให้นายได้เอนพิงแทนที่จะกลายเป็นตัวภาระ ฉันอยากให้นายคิดเสมอว่านายจะปกป้องฉันในที่ที่ปลอดภัยได้ยังไง”“นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม? ไม่ว่าจะขมขื่นหรือหวานชื่น ฉันแค่อยากจะแบ่งเบาภาระกับคนที่ฉันรัก”...เจย์จ้องมองไปที่แองเจลีนอย่างว่างเปล่า จู่ ๆ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เขาวางไว้ในมือก็เติบโตขึ้นอย่างไม่คาดคิดเธอกลายเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ แข็งแกร่ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และไม่เกรงกลัวความทุกข์ทรมานลำคอของเขาติดขัดและเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานานแองเจลีนพูดอีกครั้งว่า “ถ้านายมีปัญหาอะไรแต่ไม่เต็มใจที่จะเล่าให้ฉันฟัง ฉันจะรู้สึกว่านายไม่เชื่อใจฉันมากพอ หรือไม่ก็ฉันไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นภรรยาของนายได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันก็เลือกที่จะทิ้งนายไปนะ”หลังจากหยุดไปพักหนึ่ง ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดงก่ำ แต่ละคำและแต่ละประโยคนั้นล้วนมีพลัง “ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดที่ต้องทิ้งนายไป แต่ฉันจะทิ้งนายและไม่มีวันให้โอกา
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ