เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เจย์ก็เรียกฟินน์ให้เข้ามา“อีกไม่นาน เมืองอิมพีเรียลจะกลายเป็นสนามรบสำหรับตระกูลอาเรสกับองค์กรลึกลับนั้น” เจย์พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าที่รูปงามของฟินน์ก็มีรอยยิ้ม ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้“ท่านประธานอาเรส มันต้องมีทางครับ!”เจย์พูดว่า “พวกเราได้ฟาดฟันกับพวกเขาแล้ว และภูตผีของพวกเราก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ฟินน์ นายอย่าได้เชื่อในเรื่องโชคนักเลย”“ครับ ท่านประธานอาเรส”“ฉันอยากให้พวกนายพาเด็ก ๆ และออกจากเมืองอิมพีเรียลไปซะ”ฟินน์พูดอย่างกังวลว่า “ภรรยาของคุณจะไม่สงสัยเหรอครับถ้าพาเด็ก ๆ ออกไปในเวลาแบบนี้?”เจย์เคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะทำงานในขณะที่ท่าทางของเขาดูมั่นใจ “เด็กสามคนจะถูกส่งไปทีละคน และไปคนละที่กัน เจนสันเป็นคนอ่อนไหวเกินไป เขาต้องไปก่อนเป็นคนแรก ฉันคิดเหตุผลที่จะให้เขาไปออกแล้ว จากนี้ไป เด็กสามคนนี้จะได้รับการดูแลจากทีมภูตผี”มีน้ำตาเอ่อปรากฏขึ้นในดวงตาของเจย์ “เจนสันเป็นคนเงียบขรึม ให้เทมเพสที่เป็นคนร่าเริงดูแลเขา ร็อบบี้น้อยเป็นคนไร้เดียงสา ดังนั้นให้สตอร์มที่มีประสบการณ์ในโลกนี้สอนเขาสักหน่อย แล้วก็สำหรับเซ็ตตี้น้อย ฉันเกรงว่าฉันจะต้องรบกวนนาย
ดวงตาคล้ายกวางคู่นั้นกระพริบปริบ ๆ มันใสราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ไร้ฝุ่น“นี่เธอยั่วยวนฉันเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแต่กระนั้นเอง แองเจลีนก็เหยียดแขนไปคล้องคอของเขาและลูบใบหน้าที่เย็นกว่าประติมากรรมน้ำแข็งของเขาอย่างไม่เกรงกลัว “ท่านอาเรส มองฉันสิ”เธอหันใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลาของเขามาที่เธอ สายตาของเจย์ตกไปที่ต้นคอของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ และลูกกระเดือกที่เย้ายวนของเขาก็กระเพื่อมนี่มันก็เป็นแค่การกวนประสาท!“ออกไป” เขาสั่งแองเจลีนอึ้งไปเล็กน้อย ความผิดหวังฉายออกมาผ่านดวงตาของเธอ แต่มันก็หายวับไป แล้วเธอก็กลับมาแสดงท่าทีเย่อหยิ่งของเธอ “ท่านอาเรส นายไม่ได้อยากให้ฉันเป็นคนรักของนายหรอกเหรอ? ห้าพันล้านสำหรับเงินเดือนหนึ่งเดือน… นายคงไม่อยากจะแพ้นักหรอกใช่ไหม?”เจย์เงียบจริง ๆ แล้วเขาต้องการเธอแทบบ้าอย่างไม่ต้องสนใจสิ่งใด แต่เขากลัวว่าเธอจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็คงไม่ได้ฉลาดนักเมื่อเขาถูกกระตุ้นและพร้อมที่จะเปิดเผยความรักของเขาออกมา“ไม่จำเป็น” เขาระงับความต้องการของร่างกายของเขาอย่างหมดท่า“ท่าอาเรส พวกเราตระกูลเซเวียร์เป็นนักธุรกิจที่ซื่อตรง
“เมื่อนายเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเป็นต้นฝ้ายที่ยืนเคียงข้างนาย ฉันต้องการเป็นกำลังของนาย คอยสนับสนุนนายอย่างกล้าหาญเมื่อนายเผชิญกับบททดสอบต่าง ๆ และยังคงมอบไหล่ให้นายได้เอนพิงแทนที่จะกลายเป็นตัวภาระ ฉันอยากให้นายคิดเสมอว่านายจะปกป้องฉันในที่ที่ปลอดภัยได้ยังไง”“นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม? ไม่ว่าจะขมขื่นหรือหวานชื่น ฉันแค่อยากจะแบ่งเบาภาระกับคนที่ฉันรัก”...เจย์จ้องมองไปที่แองเจลีนอย่างว่างเปล่า จู่ ๆ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เขาวางไว้ในมือก็เติบโตขึ้นอย่างไม่คาดคิดเธอกลายเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ แข็งแกร่ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และไม่เกรงกลัวความทุกข์ทรมานลำคอของเขาติดขัดและเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานานแองเจลีนพูดอีกครั้งว่า “ถ้านายมีปัญหาอะไรแต่ไม่เต็มใจที่จะเล่าให้ฉันฟัง ฉันจะรู้สึกว่านายไม่เชื่อใจฉันมากพอ หรือไม่ก็ฉันไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นภรรยาของนายได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันก็เลือกที่จะทิ้งนายไปนะ”หลังจากหยุดไปพักหนึ่ง ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดงก่ำ แต่ละคำและแต่ละประโยคนั้นล้วนมีพลัง “ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดที่ต้องทิ้งนายไป แต่ฉันจะทิ้งนายและไม่มีวันให้โอกา
ในอดีต เธอคงจะพูดแค่ว่าที่เธออารมณ์เสียเป็นเพราะเขาตามใจเธอ อารมณ์เสียนี่กลายเป็นเรื่องปกติในตอนนี้แล้วงั้นเหรอ?เธอจะทิ้งอดีตของพวกเขาจริง ๆ ใช่ไหม?ฟินนขึ้นมายังชั้นบนและพูดว่า “ท่านประธานอาเรส รถพร้อมแล้วครับ”เจย์พยักหน้า “ไปกันเถอะ”แองเจลีน เซเวียร์กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ท่านอาเรส ได้โปรดหยุดเถอะ”เธอปฏิเสธที่จะให้เขาไปส่งเธอเจย์จ้องเธออย่างชั่วร้าย “เธอจะเอาแบบนี้ใช่ไหม?”แองเจลีนกล่าว “ฉันจะจำสัญญาของฉันกับท่านอาเรส ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ท่านอาเรสต้องการอะไรในเรื่องนั้น ฉันจะพร้อม แต่ในเวลาอื่น ๆ ฉันหวังว่าเราจะมีเวลาส่วนตัวบ้าง!”“แองเจลีน เซเวียร์”จู่ ๆ เจย์ก็พูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่มีอะไรจะสารภาพ สิ่งที่เรียกว่าความยากลำบากที่พูดไม่ได้พวกนั้นก็เป็นแค่การคาดเดาของเธอ และ-”ปากบาง ๆ ของเจย์ก็ยกขึ้น และหลังจากที่ได้พูดและทำไปหมดแล้ว เขาจึงพูดคำพูดที่โหดร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาออกมา“วิธีที่เธอทดสอบความรักของเราเมื่อคืนก่อนมันหยาบคาย เธอต้องรู้ว่าผู้ชายแตกต่างจากผู้หญิงนะ ผู้ชายสามารถแยกเซ็กส์ออกจากความรักได้ แต่ผู้หญิงไม่ พูดให้ตรงคือ เธอแยกไม่ได้”ดูเหมือนว่าเขากำ
คุณนายเซเวียร์ยิ้มและพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ เธอ เห็นได้ว่าเธอชอบเชอร์ลี่ย์เอามาก ๆ แอนเปล่งเสียงทางจมูกอย่างดูถูก “ลูกสาวของสามัญชนคนนี้จะเทียบกับลูกสาวของตระกูลเศรษฐีได้ยังไง?”แองเจลีนมีท่าทีที่ผิดหวัง “ฉันจะถือคำพูดแย่ ๆ ของคุณอาเป็นสำคัญ ลูกสะใภ้ของตระกูลเซเวียร์ของเราควรถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน วันนี้ฉันจะให้ 2 หมื่นล้านสำหรับงานแต่งงานของเซธ เมื่อตระกูลเซเวียร์ไม่ขายหน้าอีกต่อไป ฉันจะชดเชยให้กับเซย์นและเชอร์ลี่ย์เป็นเงินหนึ่งหมื่นล้านสำหรับงานของพวกเขา เมื่อเวลามาถึง คุณอาก็หยุดไม่ได้”ทันใดนั้น แอนก็หรี่ตาพร้อมกับหัวเราะ “2 หมื่นล้านเลยเหรอ? โอ้ นั่นมันเป็นสองเท่าของสิ่งที่ตระกูลไททัสกำลังเรียกมา ตอนนี้ เซธของฉันจะไม่ถูกวิจารณ์และจะไม่มีใครพูดวาเขากำลังเกาะผู้หญิงกิน”หล่อนเปลี่ยนท่าทีเป็นประจบสอพลอในทันทีและมองแองเจลีน “ตามที่นายหญิงบอกเลยค่ะ”แองเจลีนให้คำมั่นต่อเรื่องของเชอร์ลี่ย์และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “พี่สะใภ้คะ ไม่ต้องห่วงนะ ตระกูลเซเวียร์ของเราจะชดเชยให้กับพี่ด้วยงานแต่งงานที่งดงามอย่างแน่นอน”เชอร์ลี่ย์รู้สึกน้ำตาไหล “แองเจลีน เธอไม่ควรทำให้ตัวเองลำบากนะ”แองเจลี
“ผมไม่ได้ร้อง”“ชัดเจนอยู่ว่าลูกกำลังจะร้อง!” เจย์กล่าวเจนสันสงบสติอารมณ์ของเขาเจย์ถามเขาว่า “ตอนนี้ บอกคุณพ่อมาว่าลูกจะไปที่ไหน? ลูกจะทำอะไร?”เจนสันประหลาดใจ “คุณพ่อไม่รู้จริง ๆ เหรอ?”"คุณพ่อไม่ใช่หมอดู” เจย์กล่าว“ผมไม่เชื่อ คุณพ่อทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน! คุณพ่อทำให้ได้เข้าไปที่วิทยาลัยเยาชนในตำนาน ใช่ไหม?”“ยินดีด้วย! คุณพ่อไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ คุณพ่อไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้วิทยาลัยเยาชนในตำนานอันดับหนึ่งของโลกเปิดประตูรับลูกชายของคุณพ่อได้หรอกนะ”“ผมรู้ แต่คุณพ่อแอบส่งอีเมลงานของผมเข้าไป ไม่ใช่เหรอ?”เจย์พูดว่า “โอ้ คุณพ่อขอให้คุณลุงเกรสันทำให้น่ะ”“มันก็แค่ทดสอบระดับของลูก คุณพ่อไม่คิดว่าพวกเขาจะรับลูก” เจย์กล่าวหลังจากนั้น เขาก็มีท่าทีเชิงประชาธิปไตย “ลูกก็เลือกได้ว่าจะไปหรือไม่ไป”“ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ตุณพ่อต้องการ ผมจะไป” เจนสันเสียงเบา“หืม” เจย์พูดว่า “ลูกชาย คุณพ่อภูมิใจในตัวลูกนะ”และแล้วเวลาก็ผ่านไป ในที่สุดกำหนดการวันแต่งงานของเซธและยูมิก็มาถึงแองเจลีนยุ่งมาก ๆ ในวันนั้น มากพอที่เธอจนเธอไม่ได้บอกลากับเจนสันอย่างไรก็ตาม เธอใช้เวลาในช่วงสองสามวันที
เทมเพสยิ้มและพูดว่า “คุณไม่ชอบผมเพราะไม่ได้หุ่นยนต์อัจฉริยะใช่ไหม? และมันเป็นแบบ 99 ดอลลาร์”เจนสันมีท่าทีที่พ่ายแพ้ “นานแค่ไหนก่อนที่ผมจะกลับบ้านได้?”เทมเพสงุนงงเล็กน้อย“เอิ่ม มันก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาพักร้อนละโรงเรียนน่ะ”เจนสันมองเขาอย่างสงสัย “คุณทำตัวตื่นตะหนกเรื่องอะไร?”เทมเพสเล่นลิ้น “เปล่าซะหน่อย!”เจนสันพูดว่า “คุณดูออกอย่างชัดเจนเลยนะ”เทมเพสตอบกลับ “อะไรก็ช่าง”เจสันพูดไม่ออกเขาหันหัวเล็ก ๆ ไปยังนอกหน้าต่างของเครื่องบินและมองไปที่ท้องฟ้าสีครามและเมฆขาวข้างนอก แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา อย่างไรก็ตาม เขาฝืนที่จะกระพริบตากลับ“เจนส์ ไม่เป็นไรที่จะร้องไห้ถ้าคุณคิดถึงคุณแม่กับคุณพ่อ คุณอาจะไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก” เทมเพสรู้สึกว่าหัวใจของเขาขุ่นมัวเจนสันหันหลังและจ้องไปที่ชายคนนั้น “ใครบอกว่าผมจะร้องไห้? หลังจากที่คุณพาผมไปที่โรงเรียน คุณก็กลับไปที่เมืองอิมพีเรียลในทันทีเถอะ”เทมเพสกำลังจะร้องไห้ “เจนสัน คุณไม่ชอบผมใช่ไหม?”“ผมไม่ได้เกลียดคุณ”“แต่คุณไม่ชอบใช่ไหม?”“คุณพ่อต้องการคุณมากกว่าผม”เทมเพส “...”“เจนส์ คุณรู้บางอย่างงั้นเหรอ?” เทมเพสไถ่ถามอย่างระมัด
พูดเช่นนี้ เธอยื่นบัตรเชิญให้กับตระกูลไททัสเซย์นไม่สบายใจอย่างมาก “เราเลี้ยงดูคนเนรคุณ”เซร่าเดินอย่างนวยนาดจนกระทั่งเธออยู่ตรงหน้าของแองเจลีน เธอแต่งกายในชุดลิมิเต็ดอิดิชั่นของเหล่าสตรีผู้มั่งคั่ง ทั้งตัวเธอดูเหมือนจะเปล่งประกายความสง่างามอันทรงเสน่ห์ของสตรีที่เหมาะสมด้วยเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับแสนอลังการของเธอ“แองเจลีน ยินดีกับการได้เป็นนายท่านของตระกูลเซเวียร์ด้วยนะ” เธอจงใจยื่นมือออกไปเพื่อเผยให้มือที่สวมแหวนเพชรขนาดเท่ากับไข่ของนกพิราบที่กกอยู่แองเจลีนที่ไม่ถือตัวกำลังจะยื่นมือของเธอออกไปแต่ก็ถูกตบกลับโดยเซย์น “จับมือแล้วได้อะไร? เธอต้องพิจารณาก่อนว่าอีกคนเป็นใครก่อนที่จะจับมือ สิ่งสกปรกจะจับมือกับนายหญิงของตระกูลเซเวียร์ได้ยังไง?”เซร่าโกรธมากแต่ก็หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า ฉันสกปรก แล้วไงล่ะ? มีอะไรแตกต่างระหว่างคุณกับฉันงั้นเหรอ? ชายและหญิงที่แต่งงานแล้วที่ไม่มีการจัดงานแต่งทั้งคู่ ฮ่าฮ่า”ท่าทีของแองเจลีนดูขายหน้าเล็กน้อยในตอนนี้ มีเสียงคำรามของรถสปอร์ต เสียงของมันดูดุดัน สะเทือนภูเขาสายตาของทุกคนถูกดึงดูดด้วยเสียงดังกะทันหันจากทีมรถสปอร์ตสุดทางคือรถสปอร์ตลิมิตเ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ