โจเซฟินกอดโรเซ็ตแน่น ใบหน้าของเธอเต็มเปี่ยมด้วยความสุข "หลานเป็นเด็กดี เซ็ตตี้"สายตาของเจย์ลึกซึ้งเมื่อมองโจเซฟิน ทำไมน้องสาวของเขาถึงรักโรเซ็ตนัก? สำหรับเขา เจนสันกับร็อบบี้ต่างหากที่จะสืบทอดสายเลือดอาเรสจอห์นเดินเข้ามาแล้วสังเกตเห็นปฏิมากรรมที่น่ารักทั้งสาม "ตุ๊กตาดินเผาสุดน่ารักคนนี้เป็นใคร เจย์? อย่าบอกนะว่าลูกสาวนาย?"เจย์เมินเขาจอห์นกล่าวต่อ "ฉันไม่คิดว่านายทำกรรมดีไว้มากขนาดนั้นนะ แต่ทำไมพระเจ้าถึงทำดีกับนายนัก? ประธานเจนสันให้นาย เด็กอัจฉริยะนั่น ต่อมาก็เด็กน่ารักและแข็งแรงอย่างร็อบบี้ปรากฏตัว มาตอนนี้ นายยังมีลูกสาวที่น่ารักน่าชังอีก ทุกคนอิจฉาอยู่นะ!""เธอไม่ใช่ลูกสาวฉัน" เจย์แก้ไขสายตาของจอห์นยังจ้องที่เซ็ตตี้ไม่ขยับใบหน้าของเธอเหมือนซาลาเปานิ่ม ๆ และผิวที่เงาดั่งเครื่องปั้นเซรามิกก็นุ่มจนเกือบชุ่มฉ่ำ ดวงตากลมโตเหมือนกระต่ายของเธอก็กระจ่างใสเหมือนน้ำพุร้อน และเจิดจ้าราวกับอัญมณี มันทำให้ทุกคนที่เห็นเธอต้องอยากปกป้องเธอจอห์นตบปากตัวเอง "เป็นไปไม่ได้ นายก็เห็นว่าหญิงสาวได้รับความสูงศักดิ์และสง่างามมาจากพัพนธุกรรม ทำไมเธอถึงจะไม่ใช่ลูกนาย?"เจย์โกรธ "ดวงตาเหมือนห
เมื่อโรสออกจากรถ เธอก็ไม่คาดคิดว่าจะพบกับความสนใจจากคนมากมายขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น เธอก็ไม่คิดว่าสีชุดของเธอจะเข้าคู่กับเจย์ด้วย เมื่อเธอเห็นสายตาคาดโทษของเจย์ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงโจเซฟินคิดว่ามันเป็นโชคชะตาที่ชุดของพวกเขาเข้าสีกัน เธอยกเสียงขึ้นแล้วตะโกน "โรส พี่ใส่ชุดเข้าคู่ แถมยังดัดผมแบบเดียวกับพี่ชายฉันอีก พวกพี่นี่เหมาะสมกันที่สุดไปเลย"เจย์จ้องโจเซฟินแล้วดุเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ "เธอไม่ใช่เหรอที่จัดการเรื่องนี้?"โจเซฟินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอส่ายหัวเหมือนกลองที่ถูกตีรัว "พี่ชาย ฉันบริสุทธิ์เหมือนกับลูกแกะ"เจย์มองโรสด้วยความสงสัย เสื้อผ้าและเครื่องประดับของเธอดูมีราคาแพง หากโจเซฟินไม่ได้จัดหาให้เธอ แล้วเธอจะไปหาเงินจากไหนมาซื้อพวกมัน?โรสเดินอย่างเชื่องช้าแล้วเสยผมที่ตกลงบนหน้าเธอไปด้านหลัง ท่าทางเล็กน้อยของเธอนี้ทำให้เธอดูเจ้าชู้มากจอห์นมองเจย์กับโรส เขาหยอกล้อทั้งคู่อย่างซุกซน "เสื้อผ้าก็เหมือน ทรงผมยังเหมือน… เจย์ ดูเหมือนถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาระหว่างนายกับคุณลอยล์นะ ยินดีด้วย"เจย์ขมวดคิ้ว "เราไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน แล้วไฟที่ไหนจะมาคุกรุ่นได้?"โรสบอกได้ว่าเจย์นั
ปาร์ตี้เริ่มขึ้นแล้วตรงกลางของห้องโถง มีแสงสีมากมาย พวกมันดูเหมือนไข่มุกและเพชร ที่ฟลอร์เต้นรำ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและคู่รักแสนสวยของเขากำลังเต้นรำกันอย่างงดงามอีกด้านของฟลอร์เต้นรำ เจย์ดื่มและอยู่ปะปนกับแขก การดื่มของเขาหนักและไม่สุภาพ แต่เขาก็ยังดูเซ็กซี่และสง่า ร่างของเขาแผ่รังสีของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ใคร ๆ ก็สามารถจดจำเขาได้ คนสังคมมากมายอยู่รอบเขา พวกเขาสวมชุดราคาแพงและเครื่องประดับรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น พวกเขาดูหรูหรามากโรสนั่งอยู่ที่มุมห้อง เธอดูเจียมตัว แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างที่สุดในการหลบในที่มืด แต่เพราะว่าเธอแต่งตัวสวยเกินไปในวันนี้ บวกกับความโดดเด่นในฝูงชนของเธอ เธอจึงเปล่งประกายราวกับร่างกายเธอแวววาวในความมืดในบางครั้ง จะมีชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอและชวนเธออย่างกระตือรือร้น "คุณผู้หญิง ให้เกียรติไปเต้นรำกับผมได้ไหมครับ?"แล้วโรสก็จะปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด "ฉันขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องเต้นรำยังไง"ไม่ใช่ว่าเธอเต้นรำไม่เป็น เธอเต้นรำเก่งมากด้วยซ้ำ เธอแค่ไม่ต้องการเต้นรำกับคนที่เธอไม่ชอบในชีวิตที่แล้วของเธอ เธอเต้นรำราวกับหงส์กับเจย์ มีเสียงปรบมือไม่หยุดหย่อนและเชียร์มา
โรสเผยรอยยิ้มให้เจนสันจากระยะไกลเพื่อบอกให้เขามั่นใจว่า 'ไม่ต้องห่วงแม่'ท่าทางกังวลของเจนสันดูดีขึ้นเล็กน้อยโรสพลันยืนขึ้น ดวงตาเธอร้อนเหมือนดวงอาทิตย์ ด้วยสายตาที่เผาไหม้ของหนุ่มสาว พวกมันสาดสายตาไปที่ชายทุกคนและสุดท้าย สายตาของเธอก็ไปตกที่จอห์นเธอเดินเซไปหาจอห์น โอบแขนเรียวยาวของเธอรอบไหล่ของจอห์น แล้วกระซิบ "ลุงสี่ เต้นกับฉัน แล้ววันหนึ่งฉันจะตอบแทนความเมตตาของคุณ"เหตุผลที่เธอเลือกจอห์นก็เพียงเพราะการที่เธอเต้นรำกับชายใดในตระกูลอาเรสจะทำให้เธอกำจัดทุกคนที่ใส่ร้ายและต้องการโจมตีเธอได้เธอไม่กล้าพอจะชวนเจย์ ต่อให้เธอกล้าพอจะชวนเขา แน่นอนว่าเขาจะทำให้เธออับอายโดยปฏิเสธเธอต่อหน้าธารกำนัลทุกคน โดยเฉพาะเจย์ ตะลึงกับการกระทำอย่างกะทันหันของโรสท่ามกลางบุรุษทุกคน เธอกลับเลือกจอห์น เสือผู้หญิงคนนั้น จอห์นนั้นโด่งดังมากในเมืองอิมพีเรียลเรื่องการเต้นรำของเขา แล้วแบบนี้ตัวตลกอย่างโรสจะไม่ทำให้ตัวเองอับอายที่เต้นรำกับเขาเหรอ?ทุกคนรอดูเธอถูกปฏิเสธจากจอห์น เพราะอย่างไรก็ตาม จอห์นเองก็พูดบ่อย ๆ ว่าเขาจะไม่รับคำเชิญของหญิงสาว สิ่งที่โรสทำไปคงจะเป็นการชวนเต้นรำ ใช่ไหมล่ะ?อย่างไรก็ตา
เจย์เดินไปหาโรสและเห็นชายหนุ่มชั้นสูงมากมายรอบเธอ พวกเขาต่างชื่นชมเธอมากมาย"คุณลอยล์ไม่ใช่เพียงแค่งดงาม แต่ยังเต้นรำได้ดีมาก ผมสงสัยว่าคุณเรียนมหาวิทยาลัยไหนเหรอ ต้องเป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศแน่ ใช่ไหม?"เจย์หยุดจ้องโรสพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ โรสจบมาด้วยคะแนนระดับต่ำ—และมันเป็นแค่มหาวิทยาลัยระดับสามดาดดื่นทั่วไปชายที่ตั้งคำถามเธอคือพี่ชายของแนนซี่ เกล เบล เขาต้องการทำให้โรสขายหน้าเจย์ลังเลว่าจะช่วยโรสดีไหม แต่โรสยิ้มแล้วโต้กลับสุขุม "ฉันได้ยินมาว่านายน้อยเบลเองก็เป็นนักเรียนที่ได้เกรดต่ำสมัยเรียนมัธยมปลาย และทำให้คุณครูปวดหัว อย่างไรก็ตาม นายน้อยเบลไปต่างประเทศเพื่อจุดไฟในตัวหลายปี ก่อนจะกลับมาอย่างองอาจ นายน้อยเบลมีประสบการณ์ในการเรียนแบบเดียวกับฉัน เราคิดน้อยเกี่ยวกับการเรียนของพวกเรา จนเมื่อพวกเราบินไปต่างประเทศ เราถึงได้เรียนรู้ว่าดวงจันทร์ของต่างประเทศนั้นไม่ได้กลมเหมือนที่บ้านเกิดพวกเรา พวกเราจึงต้องขยันทำงานเพื่อสร้างความก้าวหน้า"เธอเพียงแค่พูดไม่กี่คำแต่มันกลับอธิบายถึงอดีตอันน่ารังเกียจของเธอ และที่มาของการผลิบานของเธอในตอนนั้นได้หมดเกล เบล ปิดปา
"ใครเล่นตัว? นายเองไม่ใช่เหรอที่ชวนฉัน ไม่ใช่รึไง?" โรสโมโห"งั้นเหรอ? แล้วหกปีที่แล้วล่ะ? ใครกันที่ชวนฉันขึ้นเตียง?" เสียงอันน่าหลงไหลของเจย์ทำให้หน้าของเธอร้อนและหายใจหนักหน่วง มันทำให้เธอไม่สบายใจอย่างเหลือเชื่อ"ฉันยังเด็กและโง่เขลา ฉันมันตาบอด หัวใจของฉันถูกปกคลุมด้วยน้ำมัน มันมีอะไรผิดปกติกับฉัน นั่นจึงทำให้ฉันทำผิดพลาด ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่เลือกแบบนั้น ฉันจะเลือกเดินอ้อมไปหากเห็นนาย..." เธอกล่าวอย่างไม่เป็นธรรมชาติมีความหนาวเย็นในดวงตาของเจย์ เขายืดหลังตรง ยืนตัวตรงแล้วมองโรสด้วยการหมิ่นประมาท "จำสิ่งที่เธอพูดวันนี้ไว้ และเธอก็ไม่ควรจะมีความคิดน่าขันกับฉัน ไม่งั้น ฉันจะทำให้เธอทุกข์ทรมาน"โรสก้มหัวแล้วพึมพำ "นายก็ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้นอยู่แล้วตอนนี้""มันจะแย่ยิ่งกว่าตอนนี้อีก" โรสถึงกับสั่นสะท้านกับเสียงอันชั่วร้ายของเจย์ มันเหมือนเสียงร่ายคาถาสั่งตายของปีศาจโรสหยิบกระเป๋าของเธอแล้ววิ่งจากไป แต่เจย์พลันกล่าว "เต้นรำกับฉัน มันเป็นคำขอในวันเกิดของโจเซฟิน"เท้าของโรสหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ และหลังจากพักหนึ่ง เธอก็นำมันเหยียบลงพื้น"วอลซ์กับฉัน แล้วเธอจะไม่ต้องจ่าย
เจย์จับมือของโรสแล้วเดินไปสู่จุดศูนย์กลางของฟลอร์เต้นรำเสียงดังก่อนหน้าในโถงพลันเงียบลง ทุกคนให้ความสนใจกับกึ่งกลางของฟลอร์เต้นรำโรสเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกชักใยในขณะที่เธอสั่นเทาเมื่อมองเจย์ ดนตรีเริ่มขึ้น เธอยังคงตกใจและไม่ยอมขยับเจย์ขมวดคิ้ว เขาจับเธอสู่อ้อมแขนอย่างหยาบคายแล้วนำริมฝีปากไปที่ข้างหูของเธอ เขาขู่เธอเสียงต่ำ "โรส มันเรื่องของเธอถ้าจะทำให้ตัวเองขายขี้หน้า แต่อย่าลากฉันลงไปกับเธอ"โรสตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาเป็นบุคคลสาธารณะ ทุกการเคลื่อนไหวและทุกคำพูดของเขาอยู่ใต้ไมโครโฟนของสังคม หากพวกเธอทำให้ตัวเองขายหน้า เขาอาจไปปรากฏอยู่ในข่าววันหพรุ่งนี้สำหรับชายที่ไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอดทั้งชีวืต หากเขาเสียหน้า มันจะไม่เป็นการสูญเสียมหาศาลเหรอ?โรสพยายามตั้งใจ ด้วยทำนองเพลงที่คุ้นเคย ร่วมกับคู่ที่คุ้นเคย เธอสามารถทำให้ตัวเองเข้าสู่สภาพจิตใจที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วเจย์ไม่คิดว่าเธอจะเข้าคู่กับเขาได้ดีแบบนี้ เพราะยังไงซะ เพลงวอลซ์ก็ไม่ใช่จังหวะเต้นรำทั่วไป มันจำเป็นต้องมีสมาธิกับทำนองดนตรีมาก ทั้งสองคนมีจังหวะคงเส้นคงวา พวกเขาขยับพร้อมกันและก้าวตรงจุดที่ถูกต้อง ในขณะที่ปลดปล
นั่นทำให้เจย์โกรธยิ่งกว่าเดิม!โรสกลับไปที่มุมห้อง หัวใจเธอเต้นระรัว มันยังไม่สงบลงแม้จะผ่านไปนานกลายเป็นว่าเธอยังได้เต้นรำกับเจย์ในชีวิตนี้เพลงวอลซ์นั้น ผู้เต้นรำจำเป็นต้องเต้นหมุนเป็นจังหวะไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ซ้ำไปมาชะตาของเธอกับเจย์ก็เหมือนกับเพลงวอลซ์ มันหมุนเป็นวงกลม?ที่มุมมืด สายตาริษยาของแนนซี่ลึกดั่งทะเลที่ดับเปลวเพลิงเธอเป็นแฟนตัวจริงของเจย์ แต่โรสแย่งมันไปจากเธอในวันนั้น เธอจะทำให้โรสชดใช้สำหรับการอวดดีแนนซี่หันหลังแล้วหายไปในมุมที่เงียบสงบหลังจากพักหนึ่ง"คุณโรส!" ทันใดนั้น เสียงอันนุ่มนวลก็ดังขัดภวังค์ของโรส โรสมองที่หญิงสาวที่งดงามซึ่งปรากฏตัวหน้าเธอ "มีอะไรเหรอคะ?""คุณโรส มีใครบางคนต้องการพบคุณ ได้โปรดมากับฉันด้วย" ท่าทางขอเธอดูสุภาพและอ่อนโยนโรสไม่รู้เป้าหมายของเธอและลังเล"คุณโรส คุณปู่อาเรสต้องการพบคุณ" สวาสวยคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น และมีร่องรอยความรู้สึกผิดในสายตาโรสผงะเล็กน้อน 'นายท่านชราแห่งอาเรส?'นายท่านชราแห่งอาเรสนั้นเป็นเพื่อนที่ดีกับปู่ของเธอ สมัยที่เธอยังเด็ก เธอมักจะเห็นนายท่านชราแห่งอาเรสพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตรของเขา ในความเป็นจริง
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ