ที่โรงพยาบาลเรย์ลี่เพราะฤทธิ์อันรุนแรงของยาสลบทำให้เจย์นั้นยังคงหลับลึกเมื่อเซร่าพาคุณนายอาเรสมาที่ห้องพักผู้ป่วยของเจย์ คุณนายอาเรสรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจย์ขมวดคิ้วแน่นด้วยความทรมาน“แล้วแม่ควรจะพูดอะไรกับเขาดีล่ะ เซร่า?”เซร่าตอบ “ก็แค่ยอมรับผิดค่ะแม่ ขอร้องเขาไปเรื่อย ๆ ถ้านายท่านอาเรสไม่ยอมให้อภัยแม่ แม่ก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ตราบใดที่แม่จริงใจพอ หนูแน่ใจว่าเขาจะต้องยอมใจอ่อน”คุณนายอาเรสพยักหน้าอย่างกระวนกระวายเจย์นั้นฝันอยู่ยาวนานในความฝันของเขานั้น ความตายได้พรากเขากับแองเจลีนที่รักจากกันหลายต่อหลายหน ความเจ็บปวดนั้นทำให้หัวใจเขาแหลกสลายเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นภายใต้ความเจ็บปวดราวกับโดนแยกร่างออกเป็นพัน ๆ ชิ้น เขาก็หลุดพ้นจากฤทธิ์ของยาสลบและลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงอย่างทันทีทันใด เขาตะโกนก้องคำรามราวกับสิงโตหนุ่มซึ่งเพิ่งตื่นจากการจำศีลมานานนับพันปี “แองเจลีน”เขานั่งตัวตรงด้วยตาแดงก่ำ มือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดสีเขียวเข้มบนหลังมือปูดโปนปรากฏให้เห็นเด่นชัดเซร่าและคุณนายอาเรสตกใจกลัวเมื่อเห็นความดุร้ายของเจย์คุณนายอาเรสกล่าวด้วยเสียงสั่นเทา “ตื่นแล้วเห
เมื่อขาขวาของเซร่าหัก เธอก็ล้มลงนอนกองกับพื้น ใบหน้าเซร่าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เธอมองเจย์ด้วยแววตาไม่ยินยอมชายโหดร้ายและไร้ความปรานีได้กลับมาแล้วคุณนายอาเรสจ้องเซร่าด้วยดวงตาหวาดกลัว ทั้งร่างเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง“เซร่า เซร่า…”บางทีการได้เห็นสภาพน่าสมเพชของลูกสาวก็กระตุ้นความรักฉันท์มารดาในตัวของคุณนายอาเรสขึ้นมา ทำให้เธอตะคอกใส่เจย์ “แกกล้าทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไงกัน เจย์? ให้ตายสิ ฉันเลี้ยงแกมาหลายปีแล้วแกตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ? ตอบแทนด้วยการทำร้ายลูกสาวฉันเนี่ยนะ?”เจย์หันไปมองคุณนายอาเรสด้วยสายตาคมกล้าเย็นเยียบ ก่อนเอื้อมมือไปบีบคอเธอไว้แน่นดุจคีมเหล็ก “เธอไม่มีค่าพอจะมาเป็นแม่ฉัน เธอฉวยโอกาสที่ฉันความจำเสื่อมแล้วก็ใช้ฉันทำร้ายแองเจลีน ให้เธอตายสัก 10,000 รอบก็ยังลบล้างความเกลียดในใจฉันไม่ได้เลย”คุณนายอาเรสจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาแต่จริงจังและไร้ปรานีของเจย์ จากนั้นเธอก็ได้เข้าใจลึกซึ้ง…จากวินาทีที่เธอทำร้ายแองเจลีน ตอนนั้นก็เท่ากับเธอตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างเธอกับเจย์ไปจนไม่เหลือซากแล้ว“เจย์ แองเจลีนป่วยอยู่นะ ลูกควรจะไปหาเธอ…” คุณนายอาเรสหาทางออกในช่วงคอขาดบ
ที่คฤหาสน์อาเรสเมื่อคุณนายอาเรสมาปรากฏกายที่หน้าประตูวิลล่า เธอก็โดนยามเฝ้าประตูขวางทางเอาไว้ “คุณนายอาเรสครับ คุณท่านแจ็คบอกว่าไม่ให้เปิดประตูให้คุณถ้าคุณกลับมาครับ”คุณนายอาเรสหน้าซีดเผือด “เขา… เขาหมายความว่ายังไงกัน? เรายังไม่ได้หย่ากันเลยนะ”ยามเฝ้าประตูตอบ “คุณท่านอาเรสบอกว่าเขายื่นส่งเอกสารขอหย่าไปที่ศาลแล้วครับ ขั้นตอนการหย่าของคุณทั้งสองคนจะมีมืออาชีพเป็นผู้จัดการเดินเรื่อง ดังนั้นพวกคุณทั้งคู่จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องพบหน้ากัน”คุณนายอาเรสร้องไห้โฮ เธอถอดสร้อยข้อมือทองที่สวมอยู่ออกมาแล้วยัดใส่มือยามหน้าประตู จากนั้นเธอก็อ้อนวอนขอร้องเขาว่า “ได้โปรดเถอะ ช่วยเข้าไปบอกเขาหน่อยว่าฉันมา บอกเขาว่าไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องพบเขาให้ได้ แม้ว่าเรากำลังจะหย่าขาดกันแต่เราก็ควรจะเลิกรากันในฐานะของสามีภรรยาด้วยดี ฉันแค่อยากพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น”ยามเฝ้าประตูคืนสร้อยทองให้เธอ “รับคืนไปเถอะครับคุณนายอาเรส ผมจะเข้าไปบอกคุณท่านแจ็คให้ว่าคุณมา แต่ผมบอกไม่ได้ว่าเขาจะยอมออกมาพบคุณไหมนะครับ”คุณนายอาเรสหลั่งน้ำตาด้วยความซึ้งใจ “ขอบคุณมาก”ยามเฝ้าประตูรุดเข้าไปในวิลล่าและบอกแจ็คว่าคุณ
คำก่นด่าของเซร่านั้นรุนแรงมาก “ด้วยความที่เป็น ‘แม่ของหนู’ คุณโอ๋และตามใจหนู คุณรู้อยู่แก่ใจดีว่าหนูอิจฉาแองเจลีน และไม่มีทางที่จะแย่งเจย์มาได้ แต่เพราะว่าต้องการจะแสดงความรักของแม่ คุณไม่เพียงไม่ห้ามหนู แต่คุณยังยิ่งส่งเสริมให้หนูจมดิ่งไปกับความต้องการนี้ คุณถึงกับขอให้หนูพลีกายให้แจ็ค ความคิดคุณมันบิดเบี้ยวแค่ไหน…”คุณนายอาเรสตัวสั่นเทาและยืนทื่อเหมือนต้นไม้ใกล้ล้มเซร่าดึงผ้าห่มออกและลากขาบาดเจ็บกะเผลกออกไปด้านนอกคุณนายอาเรสทรุดลงนั่งกองกับพื้นอย่างหมดหวังขณะที่ทั้งเซร่าและคุณนายอาเรสต่างก็จมอยู่กับความสิ้นหวัง มีอีกคนหนึ่งที่ทุกข์ทรมานและปวดร้าวยิ่งกว่าคนนั้นก็คือเจย์การมาคิดว่านิสัยหูเบาและไม่เชื่อใจเธอนั้นทำให้เจ้าหญิงที่แสนอิสรเสรีของเขา ผู้ที่เขาถนอมเหมือนประคองไว้ในอุ้งมือต้องพบจุดจบน่าเศร้า ถึงขนาดที่ทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอผิดปกติและเป็นอัมพาต ตอนนี้เขาก็แค่อยากจะซ้อมตัวเองให้ตายเท่านั้นเมื่อเขาออกมาจากโรงพยาบาลเรย์ลี่ เขาก็รีบพุ่งไปที่สวนบันทึกรักเหมือนคนบ้าแต่ว่าที่สวนบันทึกรักนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ที่นั่น ด้วยสาเหตุบางอย่างนี่ทำให้เจย์เกิดความ
เขาผลักเซย์นให้พ้นทางและพุ่งตัวขึ้นไปชั้นบนเสมือนอยู่ในบ้านตัวเองเซย์นพยายามเข้าไปขวางแต่คุณนายเซเวียร์ก็ส่ายหน้าให้เซย์นและบอกว่า “ปล่อยให้เขาไปเถอะ น้องสาวของลูกป่วยเพราะรัก และต้องรักษาด้วยความรัก เขาเป็นยาถอนพิษของน้อง”เซย์นกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ “ยาถอนพิษเหรอ? ผมว่าเป็นยาพิษมากกว่า”ที่ชั้นบนเจย์ไปที่ห้องนอนของแองเจลีนและเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยความหวาดหวั่นแองเจลีนนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผมสีดำเงางามของเธอยุ่งเหยิงและปรกใบหน้าซีดขาวของเธอไว้ มันยิ่งทำให้หน้าของเธอดูยิ่งซีดเซียวละผอมบางยิ่งขึ้นดวงตาของเธอเบิกกว้าง เผยให้เห็นตาดำสนิทคู่สวยของเธอ ตาของเธอลึกโหลทำให้เธอยิ่งดูผอม แววตาเธอเหม่อลอยและหม่นหมองเมื่อเข้ามาในห้อง เจย์ก็ปิดประตูอย่างแผ่วเบาเขาเดินลากขาที่หนักอึ้งไปที่เตียงจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า ก่อนนอนลงบนเตียงและจ้องมองไปที่ใบหน้างดงามของแองเจลีน น้ำตาเขาไหลอย่างห้ามไม่ได้นี่คือสาวน้อยที่เขาหลงรักตั้งแต่ยังเป็นเด็กเขานั้นไม่ได้มีเป้าหมายหรือแรงผลักดันในชีวิตอะไรนักหนา แต่มีเพียงข้อเดียวเท่านั้นก็คือการหาเงินเยอะ ๆ เพื่อให้เธอได้อย
เจย์ประกาศ “ฉันจะพาแองเจลีนกลับบ้าน”เซย์นมีทีท่าไม่ยินยอม “ที่นี่คือบ้านของเธอ”เจย์โอบแองเจลีนแน่นขึ้น แม้ว่าดวงตาเหยี่ยวของเขาจะดูฉุนเฉียวมืดทะมึน แต่น้ำเสียงเขาก็มีแววประนีประนอม “เซย์น ฉันไม่อยากทะเลาะกับนายต่อหน้าแองเจลีน หลบไป”เซย์นอึ้งไป เขารู้สึกแปลกใจที่เจย์คำนึงถึงความรู้สึกของแองเจลีนด้วย“คุณความจำกลับมาแล้วเหรอ?” เซย์นถามเจย์พยักหน้า “อืม”จากนั้นเซย์นก็หันไปถามแองเจลีน “เธอแน่ใจนะว่าอยากไปกับเขา แองเจิล? ฟังนะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเธออยากจะอยู่ที่นี่ ไม่มีใครที่นี่จะตัดสินเธอ ถ้าเธอไปกับเจ้าวายร้ายนี่ถ้าเขารังแกเธอ เธอก็จะพูดหรือขยับตัวไม่ได้ เธอได้แต่ทนกล้ำกลืนความทุกข์เท่านั้น…”พอพูดถึงตรงนี้เซย์นก็ไม่สบายใจอย่างมากและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของแองเจลีนเขาเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงอีกครั้ง “ไม่มีทาง คุณพาเธอไปไม่ได้ ถ้าคุณทำร้ายเธอล่ะ?”ดวงตาเจย์มืดหม่นและแววตาเยียบเย็นเสียดแทงกระดูก เขาจ้องหน้าเซย์นด้วยสายตาคมกล้าดุจมีด “นายคิดว่าฉันจะทำร้ายเธอเหรอ?”เซย์นหวาดหวั่นกับรังสีของเจย์ เขาตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ “ถ้าวันไหนคุณเกิดอารมณ
เจย์เอื้อมมือทัดปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าของแองเจลีนไปทัดหูเธอไว้ ก่อนที่จะไล้ใบหน้างดงามบอบบางของเธอ เขาพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “เธอผอมไปมาก แองเจลีน”เมื่อเซย์นเห็นว่าเจย์ทำตัวแตกต่างไปอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าแองเจลีน เขาก็รู้สึกไม่พอใจมากเซย์นมองเจย์ผ่านกระจกมองหลังอย่างหมดคำจะพูดและเสียดสีว่า “เลิกทำตัวคลั่งรักหวานแหววต่อหน้าผมสักทีเถอะ มันขัดหูขัดตาผมมาก”เจย์นิ่วหน้า “นายขัดหูขัดตาเรื่องอะไรกัน”เซย์นตอบ “จะไม่ให้ผมหงุดหงิดขัดตาได้ยังไง ในเมื่อน้องสาวที่รักของตัวเองต้องหมดสภาพแบบนี้ก็เพราะไอ้คนเฮงซวยแบบคุณ”เจย์ “...”จากนั้นเจย์ก็พูดแก้ด้วยสีหน้าท่าทางขรึมเครียดทะมึน “ขอโทษนะ เธอไม่ได้เป็นของนาย ฉันต่างหากที่เป็นคนเลี้ยงเธอมา”เซย์นอับจนคำพูด“คุณมันไร้เหตุผลสิ้นดี”เจย์ใช้น้ำเสียงแบบเหนือกว่ากดข่มเต็มที่ “ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะเซย์น ถ้านายพยายามห้ามฉันไม่ให้อยู่กับแองเจลีนอีกครั้ง ฉันจะทำให้แน่ใจเลยว่า นายจะไม่มีวันได้ก้าวเข้ามาเหยียบตระกูลอาเรสแม้แต่ก้าวเดียวได้อีกตลอดไป”เซย์นพูดอย่างไม่คิดอะไร “ไม่… ไม่มีใครอยากจะไปเหยียบตระกูลอาเรสสักหน่อย”เจย์ตอบ “งั้นนายคิดว่าจะเลิกไป
เจย์อุ้มแองเจลีนขึ้นไปที่ห้องนอนและวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล แม้เขาจะรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่เจย์ก็ยังพูดกับเธออย่างเป็นสุภาพบุรุษมาก“ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว แองเจลีน”เมื่อเขายื่นมือออกไปถอดเสื้อผ้าให้เธอ แองเจลีนก็กำกระดุมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เจย์กลัวว่าแองเจลีนจะไม่ได้ยินที่เขาพูด เขาจึงโน้มตัวไปใกล้ใบหูเธอและกระซิบว่า “แองเจลีน ฉันจะอาบน้ำให้เธอนะ”แองเจลีนอายมากจนใบหูแดงก่ำเจย์เผยรอยยิ้มสะกดใจออกมา เขานั้นหล่อเหลาราวเทพบุตรอยู่แล้ว เมื่อยามแย้มยิ้มเขาก็ยิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก “เธออายเหรอ แองเจลีน?” เขาแตะจมูกเธออย่างพึงพอใจตอนนี้เขารู้สึกราวอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นเจ็ด เพราะเขาแน่ใจแล้วว่าแองเจลีนต้องยังคงเหลือการได้ยินอยู่ในระดับหนึ่งที่จริงแล้วแองเจลีนไม่ได้สูญเสียการได้ยินไปเลยสักนิดเดียว แต่เป็นความหยิ่งทะนงที่รั้งเธอไว้ ความคิดที่ว่าเธออาจจะต้องลงเอยเหมือนปู่ของเธอ ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและเป็นภาระของคนอื่นไปชั่วชีวิต แองเจลีนรู้สึกทำใจรับผลข้อนี้ได้ยากนักดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดเจย์เอื้อมมือมาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเธอด้วยท่าทีประ