จีนตอบ “ถ้าฉันบอกความจริงพี่ พี่แองเจลีนต้องฆ่าฉันตายอนาถแน่”เจย์บอกได้เลยว่า เขาไม่มีอำนาจและได้รับความนับถือเท่านางมารนั่นเรื่องนี้ได้กระทบต่อความนับถือตนเองของเขาอย่างแรง “ทำไมนายถึงกลัวเธอนัก?” เขาถามอย่างเดือดดาลจีนตอบ “ฉันไม่ได้กลัวอยู่คนเดียวซะหน่อย เมื่อก่อนพี่ก็กลัวเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอพี่ชาย?”“ฉันกลัวเธอเหรอ?” เจย์ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนได้ยินเรื่องโม้จีนตอบ “อย่าเพิ่งรีบพูดอะไรเลยพี่ หาทางออกไว้ให้ตัวเองก่อนเถอะ ไม่งั้นฉันว่าเปลือกทุเรียนในตลาดคงมีไม่มากพอให้พี่ไปนั่งคุกเข่าทับหรอก”เจย์ดูขุ่นเคือง ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกเขยที่ใช้ไม่ได้เลย?เมื่อจีนเห็นสีหน้าพ่ายแพ้ของเจย์ เขาก็ตบบ่าเจย์ปลอบใจแล้วกล่าวว่า “พี่น่าจะยอมทำตามการจัดการของพี่แองเจลีนไปนะพี่ชาย คนในโลกนี้อาจจะอยากทำร้ายพี่ แต่พี่แองเจลีนจะไม่มีวันทำ”“เธอให้นายเท่าไรถึงได้พูดแต่เรื่องดี ๆ ให้เธอขนาดนี้” เจย์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจีนคิดชั่วครู่ จากนั้นก็พูดหน้าตายว่า “ตามจริงเวลาพี่แองเจลีนเห็นฉัน เธอไม่ด่าก็ทำท่าจะด่าฉันตลอด เธอไม่ได้ให้อะไรฉันเลย ฉันพูดด้านดีของเธอก็เพราะว่าเธอดีกับพี่ แล้ว
เมื่อเจย์ก้าวเข้าไปในโถงด้านหน้า เขาก็เห็นแม่เลี้ยงและเซร่าต่างก็กอดกันร้องไห้ใบหน้างดงามของเซร่าบวมช้ำขณะที่ริมฝีปากแตกมีเลือดออกเจย์ขมวดคิ้ว “ใครตีคุณ?”เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของเจย์ ต่างก็เงยหน้าขึ้นทันที พอเขาได้เห็นเจย์ดวงตาก็ส่องประกายยินดีไม่นานหลังจากนั้น คุณนายอาเรสก็สะอื้นพร้อมกล่าว “ช่างมันเถอะลูก ถึงเราบอกไปลูกจะทำอะไรได้? ตอนนี้ตระกูลอาเรสเสียอำนาจและความยิ่งใหญ่ไปแล้ว เราก็เป็นคนผิดอยู่วันยังค่ำ”แววอิจฉาริษยาฉายแวบในดวงตาเซร่า แต่เธอก็ยังแสร้งทำท่าเป็นทุกข์ทน เธอร้องไห้คร่ำครวญ “คุณแม่พูดถูกค่ะ เพราะตอนนี้แองเจลีนเป็นประธานแกรนด์ เอเซียแล้วเธอก็มีอำนาจเป็นเหมือนผู้นำของเมืองอิมพีเรียล เราคงจะไปล่วงเกินเธอไม่ไหว อาการบาดเจ็บและความเสียใจของหนูไม่นับเป็นอะไรได้ ตราบใดที่เธอยอมละเว้นตระกูลอาเรส ความทุกข์ของหนูก็ถือว่าคุ้มค่า”ดวงตาเหยี่ยวของเจย์เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเย็นชา“ทำไมเธอถึงต้องตีคุณด้วย?” เจย์ถามเซร่าพูดทั้งน้ำตา “ตั้งแต่ที่แกรนด์ เอเซียเข้าครองอาเรส เอนเตอร์ไพรส์เมื่อสามปีก่อน สมาชิกตระกูลอาเรสก็ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ พอแม่กับฉันได้กลับมาอยู่ด้วย
เจย์จ้องมองเธอ ไหล่บอบบางทำให้เธอดูอ่อนแอแต่ดวงตาของเธอเจิดจ้า… จ้ามากเสียจนเห็นความมุ่งมั่นและความดื้อรั้น“นายไปไหนมา?” แองเจลีนถาม ก้มลงมองเขาเจย์ยกแขนขึ้นมาหนุนหัวแล้วก็มองแองเจลีนอย่างไร้อารมณ์ “บ้าน”แองเจลีนอึ้งไปเล็กน้อย “ไปเจอพวกอาเรสมาเหรอ?”“อืม”“พวกเขาบอกอะไรนายบ้าง?” ดวงตาแองเจลีนฉายแววกระวนกระวายดวงตาเจย์เย็นชาเล็กน้อย เมื่อเขาพูดน้ำเสียงก็ไร้ความอบอุ่น“คืนอาเรส เอนเตอร์ไพรส์ให้ตระกูลอาเรสซะ แองเจลีน”แองเจลีนมองเจย์ด้วยสายตาว่างเปล่า “ใครบอกให้คุณมาทำแบบนี้?”เจย์ทำท่าสง่ามีราศีก่อนบอกว่า “ผมเป็นผู้ก่อตั้งแกรนด์เอเซีย ผมมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าอาเรส เอนเตอร์ไพรส์จะอยู่หรือไป”ท่าทางอ่อนโยนของแองเจลีนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันใด “ถ้านายอยากตัดสินใจเรื่องแกรนด์เอเซีย ก็รอให้ความจำนายกลับคืนมาทั้งหมดก่อน ไม่ใช่ตอนนี้”เจย์หน้าเครียด “นั่นมันครอบครัวแล้วก็รากเหง้าผม แองเจลีน ผมไม่สามารถเป็นผู้ก่อตั้งแกรนด์เอเซียแล้วก็เหยียบย่ำตระกูลอาเรสที่เลี้ยงผมมาได้ คุณทำให้ผมกลายเป็นคนไร้หัวใจแล้วก็อกตัญญู”แองเจลีนพูด “ฉันเข้าใจแล้ว นายได้เจอแค่แม่เลี้ยงของนายสินะตอนที่กลับไปตร
แองเจลีนคว้าชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้องน้ำเธอก็หันกลับมายิ้มให้เจย์รู้สึกเสมอว่า รอยยิ้มของเธอนั้นมีความหมายลึกซึ้ง แต่ว่ารอยยิ้มที่เขาส่งกลับไปให้เธอมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้นหลังจากที่แองเจลีนเข้าห้องน้ำ เจย์ก็ปลดกุญแจมือแล้วก็รีบกระโดดลงจากเตียงเขาค้นกล่องต่าง ๆ ภายในห้องนอนโดยทำไปตามสัญชาตญาณ และได้พบกับตู้เซฟที่ติดอยู่ตรงผนัง เขามองเห็นกล่องตราประทับของแองเจลีนซึ่งมีตราประทับต่างกันอยู่ 2 อัน เจย์หยิบพวกมันออกมาแต่สุดท้ายก็จ้องมองค้างนิ่งไปเขาอยากจะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?แองเจลีนนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ เครื่องสำอางหนาเตอะบนหน้าโดนน้ำล้างออกไปจนหมด เผยให้เห็นใบหน้าใสสะอาดของเธอผิวเนียนใสลื่นราวเปลือกไข่ดูราวจะแตกได้หากโดนกระทบเบา ๆ เมื่อไม่มีการแต่งตาแบบสโมคกี้ ดวงตาของเธอก็ดูมีชีวิตชีวาและใสซื่อแองเจลีนใส่เสื้อคลุมสีขาวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมสีดำยาวเปียกคลอเคลียไหล่ของเธอ ดูราวกับว่าน้ำได้ชำระล้างคมหนามทั้งหลายบนตัวเธอออกไป เธอดูไร้พิษภัยอย่างสิ้นเชิงเธอเช็ดผม แล้วล้างหน้าอย่างตั้งใจ จากนั้นก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องน้ำอย่างกังวลใจเธอสงสั
เมื่อได้เห็นใบหน้าใสสะอาดราวเด็กน้อยของเธอ เจย์ก็อึ้งงันจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่แองเจลีนลืมตาขึ้นมองเขา “เจย์บี้” เธอเรียกเขาอย่างอาย ๆเจย์มองเธอราวต้องมนตร์ ตอนนั้นเขาไม่สามารถโยงภาพของแองเจลีนกับนางมารแสนโหดร้ายคนนั้นได้เขาต้องยอมรับว่าทักษะการแต่งหน้าของเธอนั้นเยี่ยมยอดจริง ๆหลังจากที่หายตะลึง เขาก็รู้สึกดีใจจนล้นปรี่กลายเป็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในฝันของเขา ผู้หญิงที่ติดแน่นอยู่ในใจ ก็คือแองเจลีนนั่นเองเขาโชคดีแค่ไหนกันที่สาวที่เขาชอบเองก็ชอบเขาเหมือนกันแต่ว่าสาวคนนี้ก็ทำให้เขาทรมานเหลือแสนด้วยการโกหกเขา“ทำไมคุณถึงดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องคุณเลยล่ะ แองเจลีน?” เขาหยอกเธอด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธแองเจลีนจับมือเขาและกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ “ฉันไม่มีลูกพี่ลูกน้องหรอก ตระกูลเซเวียร์มีแค่เซร่ากับฉันเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง…”ราวกับสายฝนฉ่ำในฤดูใบไม้ผลิ ท่าทางอ่อนหวานของเธอสลายไฟโทสะในใจเขาไปจนหมดสิ้นเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นชายของเขาได้กระตุ้นความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้ขึ้นมา จู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือไปโน้มคอเธอเข้ามา พอรู้ตัวอีกทีเธอก็นอนอยู่ใต้ร่างเขาแล้วเขาใช้แขนทั้งสองข้างค้ำตัวไว
ใบหน้าเจย์เย็นชาดุจน้ำแข็งทันที “แองเจลีน ไม่ต้องสนใจเรื่องลิ่มเลือดในสมองผมหรอก ถึงผมจะมีก้อนเนื้องอกร้ายแรงผมก็ยังไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่ารับความกดดันอะไรไม่ได้ ถ้าคุณยังมีความลับอะไรเก็บเอาไว้ คุณควรจะบอกออกมาให้หมดดีกว่า”แองเจลีนหัวเราะแห้ง ๆ “ฉันจะปิดเรื่องอะไรคุณได้อีกคะ? คุณความจำเสื่อมนี่ ก็มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ ฉันมีเรื่องต้องบอกคุณเยอะเสียจนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนเลย”ข้อแก้ตัวมักง่ายไร้สาระเจย์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหดหู่ “เราเป็นสามีภรรยากันนะแองเจลีน เราควรจะซื่อสัตย์ต่อกันสิ”แองเจลีนรู้สึกหัวใจบีบรัด เธอเคยพูดประโยคนี้เลยเมื่อตอนที่คาดคั้นเขาตอนนั้น แต่เขาก็ยังเลือกที่แบกรับภาระเอาไว้คนเดียวแต่ยังไงแองเจลีนก็มีเขาคอยสอนสั่งมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกันมีสองเรื่องที่เธอเลือกจะเก็บไว้เป็นความลับเรื่องหนึ่งคือ การหายตัวไปของร็อบบี้น้อยแล้วก็วันกลับมาของเจนสันซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ถ้าเขารู้ว่าการตัดสินใจของตนทำให้ลูก ๆ ต้องพบชะตากรรมที่เลวร้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาต้องใช้ทั้งชีวิตหมดไปกับการตำหนิตัวเองและรู้สึกผิดเรื่องที่สองคือ ความ
”ถึงเวลามื้อเช้าแล้วค่ะ เจย์บี้” แองเจลีนยิ้มให้อย่างสดใส สีหน้าดูร่าเริงเจย์ลุกขึ้นนั่ง โดยเขายังเปลือยท่อนบนแองเจลีนมองร่างกายแสนหล่อเหลาที่เหมือนเทพเจ้ากรีกของเขาแล้วเลียริมฝีปากเจย์ “...”“นี่คุณมองตรงไหนกัน? ไม่อายบ้างเลยเหรอ?”แองเจลีนแลบลิ้นแล้วพูดงึมงำ “ทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ”เจย์รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาทันทีเธอยังคงจำได้ว่ารูปร่างของเขาเป็นอย่างไร แต่เขากลับจำไม่ได้ว่ารูปร่างของเธอเป็นอย่างไร เมื่อคืนนี้เขามีโอกาสดีแล้วแท้ ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอไปก่อนเพราะเห็นว่าเธอหลับสนิทเจย์หันมามองหน้าแองเจลีน “เข้ามาสิ ขอผมมองคุณชัด ๆ หน่อย”แองเจลีนยกมือกุมหน้าอกแล้วหนีไปเมื่อเจย์ลงมาที่ห้องครัวหลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แองเจลีนกำลังปอกไข่และวางบนจานเขาอย่างระมัดระวังจากนั้นเธอก็ส่งถ้วยซุปเห็ดให้เขาซึ่งเธอเพิ่งอุ่นจนได้อุณหภูมิที่พอเหมาะเจย์มองเธอด้วยแววตาขุ่นเคือง “นี่คุณเห็นผมเป็นเด็กไม่ยอมโตเหรอไง?”แองเจลีนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าฉันประคบประหงมจนคุณทำอะไรไม่เป็น คุณก็จะไม่จากฉันไปไหนอีกไง”เจย์มองอาหารที่เปี่ยมคุณค่าทางอา
ตอนที่แองเจลีนกำลังรีบออกไปทำงาน เธอก็โทรเรียกคนขับรถให้มารับแต่เจย์ก็ตัดสายไป“ผมจะไปส่งคุณทำงานเอง”เมื่อแองเจลีนออกไป เจย์มองหน้าที่ไม่แต่งของเธอแล้วขมวดคิ้ว “วันนี้คุณไม่แต่งหน้าเหรอ?”แองเจลีนยกมือขึ้นแตะหน้าแล้วพูดด้วยสีหน้างุนงง “ก็คุณกลับมาแล้วฉันต้องแต่งหน้าไปทำไมล่ะคะ? ถ้าคุณอยู่ก็ไม่มีใครมารังแกฉันหรอก ฉันก็ไม่ต้องทำท่าเป็นนางเสือร้ายแล้วไง”เมื่อคิดว่าภรรยาแสนอ่อนหวานบอบบางของเขาต้องเปิดเผยความงามของเธอให้บรรดาชายอื่นเห็นตอนกลางวันแสก ๆ เจย์ก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ“ไม่มีทาง ตราบใดที่คุณยังเป็นประธานแกรนด์เอเซียอยู่ คุณต้องแต่งหน้า ไม่งั้น… คุณก็ดูไม่มีท่าทางข่มขวัญเอาซะเลย”แองเจลีนยอมแพ้ แล้วขึ้นห้องไปแต่งหน้าเมื่อเธอกลับลงมาพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มเรียบร้อย เจย์ก็วิจารณ์เธออย่างไม่มีเหตุผล “วันนี้คุณแต่งหน้าไม่สวยเลย”“ตรงไหนคะ?” แองเจลีนงง เธอก็ทำเหมือนเดิมกับทุกวัน ด้วยทักษะการแต่งหน้าที่เธอมี แล้วมันจะต่างไปจากวันอื่นได้ยังไง?เจย์มองดวงตาที่แต่งแบบสโมคกี้ของเธอ แล้วไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ดวงตาดำเหมือนแพนด้าที่เขาเคยเห็นว่ามันน่าขำ ช่างดูสวยเพลินตาเหลือเกิน“คุณยั