ตอนที่แองเจลีนกำลังรีบออกไปทำงาน เธอก็โทรเรียกคนขับรถให้มารับแต่เจย์ก็ตัดสายไป“ผมจะไปส่งคุณทำงานเอง”เมื่อแองเจลีนออกไป เจย์มองหน้าที่ไม่แต่งของเธอแล้วขมวดคิ้ว “วันนี้คุณไม่แต่งหน้าเหรอ?”แองเจลีนยกมือขึ้นแตะหน้าแล้วพูดด้วยสีหน้างุนงง “ก็คุณกลับมาแล้วฉันต้องแต่งหน้าไปทำไมล่ะคะ? ถ้าคุณอยู่ก็ไม่มีใครมารังแกฉันหรอก ฉันก็ไม่ต้องทำท่าเป็นนางเสือร้ายแล้วไง”เมื่อคิดว่าภรรยาแสนอ่อนหวานบอบบางของเขาต้องเปิดเผยความงามของเธอให้บรรดาชายอื่นเห็นตอนกลางวันแสก ๆ เจย์ก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ“ไม่มีทาง ตราบใดที่คุณยังเป็นประธานแกรนด์เอเซียอยู่ คุณต้องแต่งหน้า ไม่งั้น… คุณก็ดูไม่มีท่าทางข่มขวัญเอาซะเลย”แองเจลีนยอมแพ้ แล้วขึ้นห้องไปแต่งหน้าเมื่อเธอกลับลงมาพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มเรียบร้อย เจย์ก็วิจารณ์เธออย่างไม่มีเหตุผล “วันนี้คุณแต่งหน้าไม่สวยเลย”“ตรงไหนคะ?” แองเจลีนงง เธอก็ทำเหมือนเดิมกับทุกวัน ด้วยทักษะการแต่งหน้าที่เธอมี แล้วมันจะต่างไปจากวันอื่นได้ยังไง?เจย์มองดวงตาที่แต่งแบบสโมคกี้ของเธอ แล้วไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ดวงตาดำเหมือนแพนด้าที่เขาเคยเห็นว่ามันน่าขำ ช่างดูสวยเพลินตาเหลือเกิน“คุณยั
เจย์มองแองเจลีนเดินเข้าไปในบริษัทก่อนที่จะกลับรถขับออกไปเขาไปที่ตลาดซึ่งรับแกะตราประทับ ก่อนเลือกร้านที่ดูมีอุปกรณ์ทันสมัยแล้วสั่งทำสินค้าด่วนสองชิ้นใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าของร้านก็ออกมาแล้วส่งตราประทับให้พร้อมพูดว่า “คุณครับ เราตั้งใจทำออกมาให้มีตำหนิเล็กน้อยบนตราประทับตามที่คุณสั่งแล้ว”“โอเคครับ ขอบคุณมาก” เจย์รับตราประทับมาแล้วเมื่อเขามองตัวหนังสือที่แกะอย่างพิถีพิถันลอกแบบตราประทับเก่า มุมปากเขาก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจพอออกจากร้านที่รับทำตราประทับ เจย์ก็ไปที่ตระกูลอาเรสคุณนายอาเรสและเซร่าต่างก็ทักทายเจย์อย่างยินดีเมื่อเห็นว่าเจย์กลับมาแล้ว“ได้ตราประทับของแองเจลีนมาไหมลูก?” คุณนายอาเรสถามอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทันทีเมื่อเธอเจอเจย์เจย์พยักหน้า เขาถามเสียงเรียบ “แล้วสัญญาอยู่ที่ไหนครับ?”คุณนายอาเรสหันไปส่งสายตาให้เซร่า ก่อนที่เซร่าจะหันหลังเดินเข้าไปในห้อง เวลาไม่นานเธอก็เดินออกมาพร้อมเอกสารปึกใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมเอกสารสำคัญพวกนี้ไว้รอล่วงหน้าแล้วเจย์หยิบตราประทับทั้งสองออกมาแล้วก็ประทับลงไปอย่างรวดเร็วในตำแหน่งที่เซร่าชี้ให้เซร่ารู้สึกโล่งใจ ตอนแรกเธอยังกังว
”ยินดีด้วยนะคะคุณพ่อ คุณพ่อกำลังจะได้เป็นชายที่รวยที่สุดในเมืองอิมพีเรียล” เซร่ากล่าวสตีเฟนยิ้มอย่างเจ่าเล่ห์ “เธอมีส่วนช่วยอย่างมากเลยเซร่า จากนี้เธอจะเป็นทายาทของเบล เอนเตอร์ไพรส์”เมื่อเซร่าจินตนาการภาพความมั่งคั่งของเบล เอนเตอร์ไพรส์หลังจากที่ยึดแกรนด์ เอเซียมาได้ ซึ่งไม่นานเธอจะเป็นทายาทที่ถูกต้องของเบล เอนเตอร์ไพรส์ เซร่าก็รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ได้ถูกรางวัลใหญ่เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอสาบานว่าจะเชิดหน้าไปหาแองเจลีน ถ้าหล่อนที่กำลังสิ้นท่าได้เห็นเซร่า เธอก็จะยิ่งสะใจหลังจากที่ออกมาจากตระกูลอาเรส เจย์ก็ขับเฟอร์รารีตรงไปที่โฮไรซอน คอลเลอร์ทันทีตอนนี้เขารู้สึกคึกคักหัวใจพองโตมาก เพราะว่ากำลังจะได้เจอลูกสาวของตนเมื่อเขากดออดหน้าบ้าน ฟินน์ก็ออกมาเปิดประตูและเมื่อได้เห็นเขาอยู่ที่นี่ เจย์ก็แปลกใจมาก แค่คิดว่าฟินน์อาศัยอยู่ด้วยกันกับเซ็ตตี้น้อยในใจของเจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ“คุณเบ็น” ฟินน์ดูแปลกใจ“เซ็ตตี้น้อยอยู่ที่ไหน?” เจย์ถามด้วยสีหน้าอึมครึมเขาเคยคิดว่าฟินน์นั้นดี แล้วก็คิดว่าหนุ่มคนนี้ทั้งมีความสามารถและหน้าตาดี แต่หลังจากได้รู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่อาจจะคว้าเซ็ตตี้น้อยไป เจย์ก
เซ็ตตี้รีบแก้คำพูดเขาว่า “ไม่ค่ะ พี่ฟินน์ค่ะ ไม่ใช่อาฟินน์”เจย์พูด “งั้นก็ปล่อยพี่ฟินน์ก่อน”เซ็ตตี้น้อยหน้ามุ่ย ก่อนปล่อยแขนฟินน์ฟินน์รู้สึกเหมือนภาระหนักหนาถูกปลดลงจากบ่าแล้วเมื่อเซ็ตตี้กลั่นแกล้งรังแกฟินน์จนหนำใจแล้ว เธอก็หันมาทรมานเจย์แทน“คุณลุงเบ็นคะ โรงเรียนหนูกำลังจะจัดงานประชุมระหว่างครูกับผู้ปกครอง แต่ว่าทั้งแม่หนูกับคุณฟินน์ก็ไปไม่ได้กันทั้งคู่เลย คุณช่วยแกล้งทำเป็นพ่อหนูแล้วไปประชุมแทนได้ไหมคะ?” เซ็ตตี้น้อยขอร้องฟินน์กลัวว่าเจย์จะอึดอัดกระอักกระอ่วน เขาเลยรีบเสนอตัว “ฉันว่างนะ”ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์มืดครึ้ม เซ็ตตี้โกหกจนติดนิสัยไปเสียแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยเซ็ตตี้น้อยเริ่มทำตัวโศกเศร้าเรียกร้องความเห็นใจ “ทุกครั้งที่มีประชุมระหว่างครูกับผู้ปกครอง เด็กคนอื่นก็หัวเราะเยาะหนูแล้วก็บอกว่าหนูเป็นกำพร้าที่ไม่มีพ่อ ทำไมคราวนี้คุณไม่ช่วยหนูล่ะคะ คุณเบ็น? ถ้าเพื่อนในห้องเห็นว่าหนูมีพ่อที่หล่อขนาดนี้ พวกเขาต้องไม่หัวเราะเยาะหนูอีกแล้ว”ฟินน์เปิดโปงแผนของเธอโดยบอกว่า “นี่มันข้ออ้างเดียวกับที่เธอบอกฉันตอนที่ให้ฉันไปประชุมครั้งก่อนเลยนี่นา”เมื่อเซ็ตตี้โดนฟินน์ทำแผนแ
ดวงตาคมปลาบของแองเจลีนเผยแววเย้ยหยัน “ใครบอกเธอว่าแกรนด์ เอเซีย อาเรส เอนเตอร์ไพรส์ จะแยกเป็นเอกเทศ? ฉันไม่เคยตัดสินใจอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ไสหัวไป”แทนที่จะโมโห เซร่ากลับหัวเราะ “ไม่เห็นเอกสารที่ฉันหอบมานี่เหรอ ประธานเซเวียร์?”แองเจลีนหยิบเอกสารออกมาจากอ้อมแขนเซร่าแล้วเปิดดูอย่างไม่ใด้ใส่ใจจริงจัง เมื่อเธอเห็นตราประทับส่วนตัวของเธอบนเอกสาร ดวงตาเธอก็หรี่ลง“ใครประทับตราพวกนี้?” แองเจลีนเค้นเสียงพูดอย่างฉุนเฉียวเซร่ายิ้มอย่างมีเล่ห์ร้าย “ฉันเดาว่าเธอก็คงยังไม่รู้สินะ ประธานเซเวียร์? เจย์บี้เอาตราประทับของเธอมาให้ฉันไงล่ะตะ”แองเจลีนนึกย้อนไปถึงตอนที่เจย์กลับมาบ้านเมื่อคืนนี้ พร้อมสีหน้าท่าทางจริงจังของเขาขณะที่ยืนกรานให้เธอคืนอาเรส เอนเตอร์ไพรส์ไป… ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าสันหลังเย็นวาบเมื่อเซร่าเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแองเจลีน เธอก็ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ “ประธานเซเวียร์ ชะตาคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ ตอนแรกเธออาจจะถือไพ่เหนือกว่า แต่ไพ่ของเธอมันใช้การไม่ได้แล้ว เพราะว่านายท่านอาเรสสูญเสียความทรงจำแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเธออีกแล้ว”แองเจลีนพยายามอย่างมากที่จะเก็บความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ภา
”ฉันควรทำยังไงดี?” แองเจลีนถอนใจอย่างหดหู่“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นคนที่ทำให้ฉันพ่ายแพ้”ร่างกายเธอเริ่มสั่นเทา เธอรู้สึกได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่มีกำลังค่อย ๆ หมดไปทันทีที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แองเจลีนก็รีบเรียกเซย์นมา “พาฉันไปโรงพยาบาลทีเซย์น”เซย์นแบกแองเจลีนขึ้นหลังแล้วรีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียที่อยู่ตึกตรงข้ามกันทางโรงพยาบาลสั่งให้แองเจลีนต้องเข้านอนพักเพื่อสังเกตอาการในโรงพยาบาล และด้วยหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในแกรนด์ เอเซียตอนนี้แองเจลีนจึงต้องการให้ทางโรงพยาบาลเก็บเรื่องอาการป่วยของเธอไว้เป็นความลับเซย์นถามแองเจลีน “เราควรบอกนายท่านอาเรสไหม?”แองเจลีนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับฉัน ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่สบายเขาอาจจะเอาไปบอกคุณนายอาเรส แล้วถ้าเป็นแบบนั้น เบล เอนเตอร์ไพรส์ก็จะฉวยโอกาสเข้าโจมตีแล้วอาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้แกรนด์ เอเซียได้”เมื่อได้ยินแบบนั้น เซย์นก็ถอนใจมาอย่างหม่นหมองหลังจากเข้าร่วมการประชุมครูและผู้ปกครองที่โรงเรียนเรียบร้อย เจย์ก็พาเซ็ตตี้กลับไปที่สวนบันทึกรักเมื่อมาถึงที่พักทั้งพ่อและลูกสาวต่างก็พากันผิด
เซ็ตตี้น้อยพูดพร้อมด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “คุณแม่ไม่ใช่คนโกหกนะคะ คุณแม่ต้องมีเหตุผลอะไรแน่ ๆ”เจย์มองเซ็ตตี้ ใจเขาอ่อนยวบเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนหวานน่ารักของเธอ เขารูัตัวว่าไม่ควรจะอารมณ์เสียต่อหน้าเด็กเจย์ลุกขึ้นจากโซฟาหลังเงียบไปชั่วครู่ ก่อนพูดว่า “เราไปรับคุณแม่กันดีกว่าเซ็ตตี้น้อย ทำไมหนูไม่โทรหาแม่ตอนนี้เลยล่ะแล้วถามว่าแม่อยู่ที่ไหน?”เซ็ตตี้ทำตามคำแนะนำของเจย์แล้วก็โทรหาแองเจลีน แต่คราวนี้โทรศัพท์ของแองเจลีนติดต่อไม่ได้แล้วไม่ต้องเดาว่าเจย์จะดูหงุดหงิดมากแค่ไหนที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียแองเจลีนกำลังนอนอยู่บนเตียงตรวจ แล้วกำลังให้หมอตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด ผลการตรวจก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง… “เราหาความผิดปกติของอวัยวะใด ๆ ไม่พบ อาการนั้นเกิดเพราะร่างกายของคุณตอบสนองกับความเครียดและอาการตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน พักผ่อนสักสองสามวันบางทีอาการที่เป็นอาจจะดีขึ้น”หมอรู้ดีว่าแองเจลีนไม่ชอบการทานยามากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สั่งจ่ายยาให้เธอ แต่แองเจลีนกลับทำให้เขาประหลาดใจด้วยการขอยาเอง “ช่วยสั่งจ่ายยาให้ด้วยค่ะ ขอยาที่แรง ๆ เลยนะเพราะว่าฉันต้องการหายให้ไวที่สุด”หมออึ้งไปเล็กน้อย
แองเจลีนรู้สึกหัวใจเจ็บแปลบขณะที่เธอแค่นหัวเราะพร้อมถาม “ทำไม?”เจย์รู้สึกขุ่นเคือง ทำไมชายสูง 7 ฟุตอย่างเขาต้องมานั่งยอมให้ภรรยาซักไซ้ ทั้งที่เขาควรเป็นคนถามเธอว่าทำไมถึงกลับบ้านดึก?“ตอบคำถามผมมาก่อน ทำไมคุณถึงกลับบ้านดึก?”แองเจลีนตอบ “ฉันทำงานล่วงเวลาน่ะ”เจย์แค่นเสียงเยาะ ข้อแก้ตัวของผู้หญิงคนนี้ช่างไร้น้ำหนักไม่น่าเชื่อถือ “งั้นทำไมคุณไม่รับสายผม?”แองเจลีนตอบ “ฉันไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”เจย์ผุดลุกจากที่นั่งและคำรามก้องด้วยความโกรธ “คุณช่วยซื่อสัตย์กับผมบ้างได้ไหม แองเจลีน?”แองเจลีนถามเสียงอ่อนล้า “แล้วคุณจะเชื่อฉัน 100 เปอร์เซ็นต์ไหม?”เจย์หันหลังแล้วจากไปอย่างเดือดดาล เมื่อเขาเดินผ่านเธอเขาก็กัดฟันพูดว่า “ตราประทับที่ผมให้เซร่าไปเป็นของปลอม”จากนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกแองเจลีนอึ้งงมโง่ เธอยื่นมือออกไปคว้ามือเขาไว้ทันทีอย่างไม่อาย“ปล่อยผม” เจย์สั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแองเจลีนโดนพลังของเขากดข่มจนกลัว แล้วยอมปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง“ฉันอธิบายได้ เจย์บี้” แองเจลีนกล้าวเจย์กัดฟันและแค่นเสียงพูด “ผมแม่งคงโคตรโง่ ถ้ายังเชื่อคุณอีก”พอพูดจบเขาก็ผลุนผลันจากไปแอ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ