แองเจลีนรู้สึกหัวใจเจ็บแปลบขณะที่เธอแค่นหัวเราะพร้อมถาม “ทำไม?”เจย์รู้สึกขุ่นเคือง ทำไมชายสูง 7 ฟุตอย่างเขาต้องมานั่งยอมให้ภรรยาซักไซ้ ทั้งที่เขาควรเป็นคนถามเธอว่าทำไมถึงกลับบ้านดึก?“ตอบคำถามผมมาก่อน ทำไมคุณถึงกลับบ้านดึก?”แองเจลีนตอบ “ฉันทำงานล่วงเวลาน่ะ”เจย์แค่นเสียงเยาะ ข้อแก้ตัวของผู้หญิงคนนี้ช่างไร้น้ำหนักไม่น่าเชื่อถือ “งั้นทำไมคุณไม่รับสายผม?”แองเจลีนตอบ “ฉันไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”เจย์ผุดลุกจากที่นั่งและคำรามก้องด้วยความโกรธ “คุณช่วยซื่อสัตย์กับผมบ้างได้ไหม แองเจลีน?”แองเจลีนถามเสียงอ่อนล้า “แล้วคุณจะเชื่อฉัน 100 เปอร์เซ็นต์ไหม?”เจย์หันหลังแล้วจากไปอย่างเดือดดาล เมื่อเขาเดินผ่านเธอเขาก็กัดฟันพูดว่า “ตราประทับที่ผมให้เซร่าไปเป็นของปลอม”จากนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกแองเจลีนอึ้งงมโง่ เธอยื่นมือออกไปคว้ามือเขาไว้ทันทีอย่างไม่อาย“ปล่อยผม” เจย์สั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแองเจลีนโดนพลังของเขากดข่มจนกลัว แล้วยอมปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง“ฉันอธิบายได้ เจย์บี้” แองเจลีนกล้าวเจย์กัดฟันและแค่นเสียงพูด “ผมแม่งคงโคตรโง่ ถ้ายังเชื่อคุณอีก”พอพูดจบเขาก็ผลุนผลันจากไปแอ
แองเจลีน : [ฉันผิดเองค่ะ เจย์บี้ ทั้งทุเรียน คีย์บอร์ดและก็ลูกคิดมีพร้อมแล้ว ฉันจะคุกเข่าทับไว้แล้วรอคุณกลับมา]น้ำแข็งเย็นเยียบในดวงตาของเจย์ละลายลง“โอ๊ย แม่สาวคนนี้”เห็นได้ชัดว่าเขานั้นยังโมโหไม่หาย แต่ว่าน้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงเจย์กลับไปที่สวนบันทึกรักตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือเซ็ตตี้น้อยที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าในห้องอาหารเพียงลำพังเมื่อเจย์มองหาแล้วไม่เห็นแองเจลีน เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “คุณแม่อยู่ไหนล่ะ?”“คุณลุงมารับคุณแม่ไปทำงานแล้วค่ะ” เซ็ตตี้น้อยตอบเจย์ขมวดคิ้ว เมื่อคืนนี้เธอเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจแต่ว่าเธอก็ยังคงออกไปทำงานแต่เช้าแล้วก็กลับมืดค่ำเหมือนเดิม โดยไม่มีความคิดว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อเซ็ตตี้น้อยสังเกตเห็นสีหน้าเย็นชาของพ่อ เธอก็รีบหยิบห่อยาออกมาจากลิ้นชักแล้วก็โยนไปให้เจย์พร้อมบอกว่า “คุณพ่อคะ ช่วงนี้ต้องมีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้นที่บริษัทแน่นอนที่กระตุ้นอาการวิตกกังวลของแม่อีกแล้ว เมื่อก่อนคุณแม่จะใช้แค่แรงใจก้าวผ่านอาการพวกนี้ไปได้ แต่คราวนี้คุณแม่ถึงกับเอ่ยปากขอให้หมอจ่ายยาให้”เจย์อ่านฉลากยาและเมื่อเขาเห็นผลข้างเคียงของยา สีหน
เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดกับเกรย์สันและเซย์นว่า “ออกไปทั้งสองคนเลย”เกรย์สันลากเซย์นไปด้วยกันแล้วรีบออกจากห้องทำงานไปเจย์ก้มลงมองแองเจลีนแล้วถามเธอ “เมื่อคืนคุณไปโรงพยาบาลมาใช่ไหม?”ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ถ้าโกหกเขาอีกเธอจะต้องเจอปัญหาแน่ ๆ ดังนั้นแองเจลีนจึงไม่กล้าโกหกแล้วพยักหน้า “อืม”บรรยากาศแบบเป็นศัตรูที่แผงอยู่ในแววตาของเจย์จางหายไป เหลือแต่ความห่วงใยเข้ามาแทนที่“แล้วหมอว่ายังไงบ้าง?”“หมอบอกว่าฉันไม่เป็นไร แค่ต้องกินยาให้ตรงเวลา” แองเจลีนพยายามพูดด้วยท่าทีที่ดูสงบนิ่งที่สุดเท่าที่เธอทำได้เจย์สั่งอย่างเด็ดขาด “หยุดกินยาซะ คุณไม่ต้องกินยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรงแบบนั้นหรอก”ดวงตาแองเจลีนน้ำตาเอ่อ “แต่ฉันจะมองไม่เห็นถ้าไม่กินยา ตอนนี้แกรนด์ เอเซียต้องการฉัน…”เจย์คำรามอย่างโมโห “แกรนด์ เอเซียไม่มีค่าอะไรถ้าเทียบกับสุขภาพของคุณ”เมื่อรู้ตัวว่าเขาอาจจะกำลังทำให้เธอกลัว เขาก็พูดให้นุ่มนวลขึ้นแล้วพูดต่อ “ตราบใดที่คุณสบายดี แองเจลีน แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่สำคัญ”แองเจลีนพยักหน้าพร้อมยิ้ม “อืม”เจย์ดึงเธอเข้ามากอด เสียงคาดคั้นเปี่ยมโทสะของเขาก็เปลี่ยนเป็นเสียง
เมื่อเจนสันเข้ามาในระบบของแกรนด์ เอเซีย เขาก็เห็นถึงความผิดปกติในทันที ระบบมันเป็นอัมพาตและกองทุนหุ้นก็ถูกโอนย้ายออกไปดวงตาสีดำเปี่ยมเสน่ห์ของเจนสันเย็นเยียบในทันใด“แกกล้าดียังไงมาสร้างปัญหาให้แม่?”“พวกแกคงอยากตายสินะ”เขาเป็นแฮกเกอร์ที่มีพรสวรรค์ รวมถึงได้รับการชี้แนะสั่งสอนจากคุณพ่อที่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเจนสันจึงมีทักษะและพรสวรรค์ของการแฮ็กที่โดดเด่นเมื่อเขาเข้ามาเรียนที่สถาบันเยาวชนแห่งตำนานครั้งแรก ทักษะความสามารถการแฮ็กของเจนสันก็เหนือชั้นกว่าครูและนักเรียนคนอื่นในชั้นเรียนวิชาแฮกเกอร์ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งศึกษาค้นคว้าลึกลงไป แล้วก็มีทักษะการแฮ็กที่เหนือชั้นล้ำหน้าขึ้นไปอีกเจนสันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็รู้ที่อยู่ไอพีของแฮกเกอร์คนนั้น เมื่อเห็นว่าที่อยู่ไอพีชี้ชัดไปที่เบล เอนเตอร์ไพรส์ ใบหน้าหล่อเหลาของเจนสันก็มืดครึ้ม“พวกแกต้องจ่ายค่าตอบแทนสาหัสเลยที่กล้ามารังแกคุณแม่”เพื่อเป็นการแก้แค้น เจนสันล้างกองทุนหุ้นของเบล เอนเตอร์ไพรส์จนไม่เหลือแล้วก็ปล่อยไวรัสที่รุนแรงน่ากลัวไว้ในหน้าเวปไซต์ของพวกเขาหลังจากแก้แค้นเรียบร้อย เขาก็เริ่มแก้ไขระบบของแก
”ถ้าเป็นแบบนั้นฉันแม่งก็จะเรียกนายว่า ‘ลูกพี่’ เอง” แดน คัลเลน นักเรียนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งกล่าวคำสัญญาออกมาอย่างมั่นใจเมื่อนักเรียนคนอื่นเห็นว่าแดนประกาศเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน คนอื่น ๆ ก็พากันขานรับ “ฉันด้วย”เจนสันตอบ “โอเค”ดวงตาแดนฉายแววขุ่นมัว เขาชี้ไปที่นักเรียนชายที่อ่อนแอที่สุดในชั้นเรียน “นาย ออกไปสู้”เด็กชายคนนั้นตีลังกากลับหลังขึ้นไปยืนบนลานประลองที่ยกพื้นสูง“นายปีนขึ้นมาไหวไหม เจนสัน? อยากให้ฉันอุ้มนายขึ้นมาไหม?” เด็กชายล้อเลียนประโยคนี้ทำให้นักเรียนคนอื่นหัวเราะกันอย่างฮาเฮเจนสันสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอร์มสีดำ ผิวของเขาขาว เส้นผมก็ปลิวไปตามลม เขามีสีหน้าท่าทางไม่แยแสสิ่งใดเหมือนพวกแมว แล้วเขาก็ดูเหมือนเป็นเจ้าชายผู้สูงส่งเดินหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูน เขาเหมือนเจ้าชายที่ต้องมีคนคอยปกป้องตอนนี้เจ้าชายร้องขอการต่อสู้ ทุกสิ่งดูขัดแย้งและผิดที่ผิดทาง ทำให้ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นยิ่งน่าจับตามองเวลานี้ทุกสายตาต่างจับจ้องที่เจนสัน ทุกคนสนใจใคร่รู้ว่าเจ้าชายผู้สูงส่งนี้จะทำตัวเองขายหน้าแบบไหนเจนสันเดินขึ้นหน้าไปสองสามก้าว แล้วกระโดดขึ้นไปประจำที่บนลานประ
เมื่อนักเรียนในชั้นศิลปะป้องกันตัวทั้งหมดพากันเข้ามารุมเขาในคราวเดียว บริเวณของห้องฝึกซ้อมรวมถึงผืนดินก็สะเทือนอย่างแรง ความปั่นป่วนนี้ดึงดูดนักเรียนจากชั้นอื่นจนพวกเขาพากันวิ่งมาดูสุดท้ายแม้แต่ครูสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ และวิทนีย์เองก็มาดูด้วย“ว้าว ห้องเรียนศิลปะป้องกันตัวต่อสู้กันเป็นกลุ่มใหญ่เลย”“ตั้งหลายคนรุมต่อสู้กับเจนสันคนเดียว นี่นักเรียนวิชาศิลปะป้องกันตัวลืมเป้าหมายของการเรียนศิลปะป้องกันตัวไปหมดแล้วเหรอ?”“นี่มันเกินไปจริง ๆ”นักเรียนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่างก็โมโหไม่พอใจกับความไม่เป็นธรรมที่เจนสันได้รับเจนสันยืนอยู่กลางลานประลองโดยมีนักเรียนจำนวน 29 คนรายล้อมไว้เมื่อวิทนีย์เข้ามาแล้วเห็นรูปแบบของการต่อสู้ เธอก็ฉุนเฉียวจนถกแขนเสื้อแล้วด่าพวกนั้น “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? พวกนายรังแกเจนส์ตอนฉันไม่อยู่ใช่ไหม?”จากนั้นเธอก็ตีลังกาหลายตลบขึ้นไปยืนอยู่ข้างเจนสัน แล้วพินิจดูใบหน้าของเขา “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจนส์?”หน้าหล่อเหลาของเจนสันมืดครึ้ม “ออกไป”วิทนีย์พูด “ให้ฉันช่วยนายเถอะ”“ไม่”วิทนีย์พูด “นายจะสู้กับพวกนั้นทั้งหมดนี่ตามลำพัง นายไม่มีทางสู้ได้หรอก แล้วถ้าพว
ครูคอร์นีเลียสพ่อของวิทนีย์มองเธออย่างไม่พอใจ “นี่ลูกร้องไห้ทำไม? พ่อว่าถ้าชายหนุ่มอย่างเจนสันมีทักษะการต่อสู้ที่สูงได้ขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งเริ่มฝึกได้ไม่นาน พ่อว่าอีกไม่กี่ปี เขาก็แซงหน้าลูกได้แล้ว”วิทนีย์ทำท่าเชิด “พ่อ หนูหาลูกเขยที่โดดเด่นไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะคะ?”ครูคอร์นีเลียสพูดไม่ออก “จะพูดตอนนี้ก็เร็วไป เรื่องต่าง ๆ ยังไม่ได้เข้าที่เข้าทางเลย เมื่อเขาได้กลับไปมีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าในเมืองอิมพีเรียล ตอนนั้นเขาก็ต้องเจอสาว ๆ มากหน้าหลายตา พอเขามองลูกอีกหนเขาก็จะเห็นแค่สาวที่รู้แต่ต่อสู้ทั้งวัน พ่อยังคิดอยู่ว่าเขาจะต้องตาลูกอยู่อีกเหรอ”วิทนีย์ดูสิ้นท่า “แล้วหนูควรทำยังไงดีคะ?”ครูคอร์นีเลียสขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของลูกสาว “มันก็ยังมีทางอยู่ พ่อจะกักเขาไว้ที่สถาบันเยาวชนแห่งตำนานเพื่อลูก ถ้าเจนสันโตขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสาวอื่นเลย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับลูก”ดวงหน้างดงามของวิทนีย์ดูราวกับจะร้องไห้ “ทำไมมันฟังดูน่าเศร้าจังคะพ่อ? ถ้าพ่อทำแบบนั้นก็แปลว่าเจนสันต้องแต่งงานกับหนูเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบหนู”ขณะที่พ่อและลูกกำลังคุยก
วิทนีย์พูดเสียงอ่อย “ฉันขอโทษ พ่อรู้ว่าฉันชอบนายมากเขาก็เลยอยากให้นายอยู่ในสถาบันต่อ เราจะได้สร้างสัมพันธ์กันน่ะ”เจนสันพูดตอบอย่างเย็นชา “วิทนีย์ ตอนนี้แม่ฉันกำลังเจอสถานการณ์ยากลำบาก ฉันจำเป็นต้องกลับไปช่วยแม่”วิทนีย์นั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี เธอจึงกล่าวสาบานอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องห่วงนะเจนส์ ฉันจะช่วยเธอหาทางเอาชนะพ่อเอง”เจนสันอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ “ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องท่จะมาฝึกกันข้ามวันแล้วได้เลย มันไม่มีทางลัดด้วย ฉันคงไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ถ้าเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้”วิทนีย์มองเจนสันแล้วยิ้ม “ตระกูลฉันมีตำราศิลปะการต่อสู้หายากที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แล้วก็เป็นของที่อยู่เฉพาะในตระกูลคอร์นีเลียสเท่านั้น ถ้านายได้หนังสือนี่มา แม้ว่านายจะไม่สามารถเรียนจนปรุโปร่งได้ทุกท่าในเวลาจำกัด แต่ถ้าดูจากความสามารถในการเรียนรู้ของนายแล้ว อย่างน้อยนายก็น่าจะมีวิธีที่รับมือท่าโจมตีของตระกูลคอร์นีเลียสได้ ถ้าเป็นแบบนั้น พ่อฉันก็ทำอะไรนายไม่ได้”เจนสันนิ่วหน้า “มันมีสงวนไว้สำหรับตระกูลคอร์นีเลียสเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?”วิทนีย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ทำไมเราไม่ทำสัญญาตกลงแต่งงานกันก่อนล่ะ? แบบนั้น