ใบหน้าเจย์เย็นชาดุจน้ำแข็งทันที “แองเจลีน ไม่ต้องสนใจเรื่องลิ่มเลือดในสมองผมหรอก ถึงผมจะมีก้อนเนื้องอกร้ายแรงผมก็ยังไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่ารับความกดดันอะไรไม่ได้ ถ้าคุณยังมีความลับอะไรเก็บเอาไว้ คุณควรจะบอกออกมาให้หมดดีกว่า”แองเจลีนหัวเราะแห้ง ๆ “ฉันจะปิดเรื่องอะไรคุณได้อีกคะ? คุณความจำเสื่อมนี่ ก็มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ ฉันมีเรื่องต้องบอกคุณเยอะเสียจนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนเลย”ข้อแก้ตัวมักง่ายไร้สาระเจย์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหดหู่ “เราเป็นสามีภรรยากันนะแองเจลีน เราควรจะซื่อสัตย์ต่อกันสิ”แองเจลีนรู้สึกหัวใจบีบรัด เธอเคยพูดประโยคนี้เลยเมื่อตอนที่คาดคั้นเขาตอนนั้น แต่เขาก็ยังเลือกที่แบกรับภาระเอาไว้คนเดียวแต่ยังไงแองเจลีนก็มีเขาคอยสอนสั่งมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกันมีสองเรื่องที่เธอเลือกจะเก็บไว้เป็นความลับเรื่องหนึ่งคือ การหายตัวไปของร็อบบี้น้อยแล้วก็วันกลับมาของเจนสันซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ถ้าเขารู้ว่าการตัดสินใจของตนทำให้ลูก ๆ ต้องพบชะตากรรมที่เลวร้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาต้องใช้ทั้งชีวิตหมดไปกับการตำหนิตัวเองและรู้สึกผิดเรื่องที่สองคือ ความ
”ถึงเวลามื้อเช้าแล้วค่ะ เจย์บี้” แองเจลีนยิ้มให้อย่างสดใส สีหน้าดูร่าเริงเจย์ลุกขึ้นนั่ง โดยเขายังเปลือยท่อนบนแองเจลีนมองร่างกายแสนหล่อเหลาที่เหมือนเทพเจ้ากรีกของเขาแล้วเลียริมฝีปากเจย์ “...”“นี่คุณมองตรงไหนกัน? ไม่อายบ้างเลยเหรอ?”แองเจลีนแลบลิ้นแล้วพูดงึมงำ “ทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ”เจย์รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาทันทีเธอยังคงจำได้ว่ารูปร่างของเขาเป็นอย่างไร แต่เขากลับจำไม่ได้ว่ารูปร่างของเธอเป็นอย่างไร เมื่อคืนนี้เขามีโอกาสดีแล้วแท้ ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอไปก่อนเพราะเห็นว่าเธอหลับสนิทเจย์หันมามองหน้าแองเจลีน “เข้ามาสิ ขอผมมองคุณชัด ๆ หน่อย”แองเจลีนยกมือกุมหน้าอกแล้วหนีไปเมื่อเจย์ลงมาที่ห้องครัวหลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แองเจลีนกำลังปอกไข่และวางบนจานเขาอย่างระมัดระวังจากนั้นเธอก็ส่งถ้วยซุปเห็ดให้เขาซึ่งเธอเพิ่งอุ่นจนได้อุณหภูมิที่พอเหมาะเจย์มองเธอด้วยแววตาขุ่นเคือง “นี่คุณเห็นผมเป็นเด็กไม่ยอมโตเหรอไง?”แองเจลีนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าฉันประคบประหงมจนคุณทำอะไรไม่เป็น คุณก็จะไม่จากฉันไปไหนอีกไง”เจย์มองอาหารที่เปี่ยมคุณค่าทางอา
ตอนที่แองเจลีนกำลังรีบออกไปทำงาน เธอก็โทรเรียกคนขับรถให้มารับแต่เจย์ก็ตัดสายไป“ผมจะไปส่งคุณทำงานเอง”เมื่อแองเจลีนออกไป เจย์มองหน้าที่ไม่แต่งของเธอแล้วขมวดคิ้ว “วันนี้คุณไม่แต่งหน้าเหรอ?”แองเจลีนยกมือขึ้นแตะหน้าแล้วพูดด้วยสีหน้างุนงง “ก็คุณกลับมาแล้วฉันต้องแต่งหน้าไปทำไมล่ะคะ? ถ้าคุณอยู่ก็ไม่มีใครมารังแกฉันหรอก ฉันก็ไม่ต้องทำท่าเป็นนางเสือร้ายแล้วไง”เมื่อคิดว่าภรรยาแสนอ่อนหวานบอบบางของเขาต้องเปิดเผยความงามของเธอให้บรรดาชายอื่นเห็นตอนกลางวันแสก ๆ เจย์ก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ“ไม่มีทาง ตราบใดที่คุณยังเป็นประธานแกรนด์เอเซียอยู่ คุณต้องแต่งหน้า ไม่งั้น… คุณก็ดูไม่มีท่าทางข่มขวัญเอาซะเลย”แองเจลีนยอมแพ้ แล้วขึ้นห้องไปแต่งหน้าเมื่อเธอกลับลงมาพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มเรียบร้อย เจย์ก็วิจารณ์เธออย่างไม่มีเหตุผล “วันนี้คุณแต่งหน้าไม่สวยเลย”“ตรงไหนคะ?” แองเจลีนงง เธอก็ทำเหมือนเดิมกับทุกวัน ด้วยทักษะการแต่งหน้าที่เธอมี แล้วมันจะต่างไปจากวันอื่นได้ยังไง?เจย์มองดวงตาที่แต่งแบบสโมคกี้ของเธอ แล้วไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ดวงตาดำเหมือนแพนด้าที่เขาเคยเห็นว่ามันน่าขำ ช่างดูสวยเพลินตาเหลือเกิน“คุณยั
เจย์มองแองเจลีนเดินเข้าไปในบริษัทก่อนที่จะกลับรถขับออกไปเขาไปที่ตลาดซึ่งรับแกะตราประทับ ก่อนเลือกร้านที่ดูมีอุปกรณ์ทันสมัยแล้วสั่งทำสินค้าด่วนสองชิ้นใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าของร้านก็ออกมาแล้วส่งตราประทับให้พร้อมพูดว่า “คุณครับ เราตั้งใจทำออกมาให้มีตำหนิเล็กน้อยบนตราประทับตามที่คุณสั่งแล้ว”“โอเคครับ ขอบคุณมาก” เจย์รับตราประทับมาแล้วเมื่อเขามองตัวหนังสือที่แกะอย่างพิถีพิถันลอกแบบตราประทับเก่า มุมปากเขาก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจพอออกจากร้านที่รับทำตราประทับ เจย์ก็ไปที่ตระกูลอาเรสคุณนายอาเรสและเซร่าต่างก็ทักทายเจย์อย่างยินดีเมื่อเห็นว่าเจย์กลับมาแล้ว“ได้ตราประทับของแองเจลีนมาไหมลูก?” คุณนายอาเรสถามอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทันทีเมื่อเธอเจอเจย์เจย์พยักหน้า เขาถามเสียงเรียบ “แล้วสัญญาอยู่ที่ไหนครับ?”คุณนายอาเรสหันไปส่งสายตาให้เซร่า ก่อนที่เซร่าจะหันหลังเดินเข้าไปในห้อง เวลาไม่นานเธอก็เดินออกมาพร้อมเอกสารปึกใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมเอกสารสำคัญพวกนี้ไว้รอล่วงหน้าแล้วเจย์หยิบตราประทับทั้งสองออกมาแล้วก็ประทับลงไปอย่างรวดเร็วในตำแหน่งที่เซร่าชี้ให้เซร่ารู้สึกโล่งใจ ตอนแรกเธอยังกังว
”ยินดีด้วยนะคะคุณพ่อ คุณพ่อกำลังจะได้เป็นชายที่รวยที่สุดในเมืองอิมพีเรียล” เซร่ากล่าวสตีเฟนยิ้มอย่างเจ่าเล่ห์ “เธอมีส่วนช่วยอย่างมากเลยเซร่า จากนี้เธอจะเป็นทายาทของเบล เอนเตอร์ไพรส์”เมื่อเซร่าจินตนาการภาพความมั่งคั่งของเบล เอนเตอร์ไพรส์หลังจากที่ยึดแกรนด์ เอเซียมาได้ ซึ่งไม่นานเธอจะเป็นทายาทที่ถูกต้องของเบล เอนเตอร์ไพรส์ เซร่าก็รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ได้ถูกรางวัลใหญ่เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอสาบานว่าจะเชิดหน้าไปหาแองเจลีน ถ้าหล่อนที่กำลังสิ้นท่าได้เห็นเซร่า เธอก็จะยิ่งสะใจหลังจากที่ออกมาจากตระกูลอาเรส เจย์ก็ขับเฟอร์รารีตรงไปที่โฮไรซอน คอลเลอร์ทันทีตอนนี้เขารู้สึกคึกคักหัวใจพองโตมาก เพราะว่ากำลังจะได้เจอลูกสาวของตนเมื่อเขากดออดหน้าบ้าน ฟินน์ก็ออกมาเปิดประตูและเมื่อได้เห็นเขาอยู่ที่นี่ เจย์ก็แปลกใจมาก แค่คิดว่าฟินน์อาศัยอยู่ด้วยกันกับเซ็ตตี้น้อยในใจของเจย์ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ“คุณเบ็น” ฟินน์ดูแปลกใจ“เซ็ตตี้น้อยอยู่ที่ไหน?” เจย์ถามด้วยสีหน้าอึมครึมเขาเคยคิดว่าฟินน์นั้นดี แล้วก็คิดว่าหนุ่มคนนี้ทั้งมีความสามารถและหน้าตาดี แต่หลังจากได้รู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่อาจจะคว้าเซ็ตตี้น้อยไป เจย์ก
เซ็ตตี้รีบแก้คำพูดเขาว่า “ไม่ค่ะ พี่ฟินน์ค่ะ ไม่ใช่อาฟินน์”เจย์พูด “งั้นก็ปล่อยพี่ฟินน์ก่อน”เซ็ตตี้น้อยหน้ามุ่ย ก่อนปล่อยแขนฟินน์ฟินน์รู้สึกเหมือนภาระหนักหนาถูกปลดลงจากบ่าแล้วเมื่อเซ็ตตี้กลั่นแกล้งรังแกฟินน์จนหนำใจแล้ว เธอก็หันมาทรมานเจย์แทน“คุณลุงเบ็นคะ โรงเรียนหนูกำลังจะจัดงานประชุมระหว่างครูกับผู้ปกครอง แต่ว่าทั้งแม่หนูกับคุณฟินน์ก็ไปไม่ได้กันทั้งคู่เลย คุณช่วยแกล้งทำเป็นพ่อหนูแล้วไปประชุมแทนได้ไหมคะ?” เซ็ตตี้น้อยขอร้องฟินน์กลัวว่าเจย์จะอึดอัดกระอักกระอ่วน เขาเลยรีบเสนอตัว “ฉันว่างนะ”ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์มืดครึ้ม เซ็ตตี้โกหกจนติดนิสัยไปเสียแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยเซ็ตตี้น้อยเริ่มทำตัวโศกเศร้าเรียกร้องความเห็นใจ “ทุกครั้งที่มีประชุมระหว่างครูกับผู้ปกครอง เด็กคนอื่นก็หัวเราะเยาะหนูแล้วก็บอกว่าหนูเป็นกำพร้าที่ไม่มีพ่อ ทำไมคราวนี้คุณไม่ช่วยหนูล่ะคะ คุณเบ็น? ถ้าเพื่อนในห้องเห็นว่าหนูมีพ่อที่หล่อขนาดนี้ พวกเขาต้องไม่หัวเราะเยาะหนูอีกแล้ว”ฟินน์เปิดโปงแผนของเธอโดยบอกว่า “นี่มันข้ออ้างเดียวกับที่เธอบอกฉันตอนที่ให้ฉันไปประชุมครั้งก่อนเลยนี่นา”เมื่อเซ็ตตี้โดนฟินน์ทำแผนแ
ดวงตาคมปลาบของแองเจลีนเผยแววเย้ยหยัน “ใครบอกเธอว่าแกรนด์ เอเซีย อาเรส เอนเตอร์ไพรส์ จะแยกเป็นเอกเทศ? ฉันไม่เคยตัดสินใจอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ไสหัวไป”แทนที่จะโมโห เซร่ากลับหัวเราะ “ไม่เห็นเอกสารที่ฉันหอบมานี่เหรอ ประธานเซเวียร์?”แองเจลีนหยิบเอกสารออกมาจากอ้อมแขนเซร่าแล้วเปิดดูอย่างไม่ใด้ใส่ใจจริงจัง เมื่อเธอเห็นตราประทับส่วนตัวของเธอบนเอกสาร ดวงตาเธอก็หรี่ลง“ใครประทับตราพวกนี้?” แองเจลีนเค้นเสียงพูดอย่างฉุนเฉียวเซร่ายิ้มอย่างมีเล่ห์ร้าย “ฉันเดาว่าเธอก็คงยังไม่รู้สินะ ประธานเซเวียร์? เจย์บี้เอาตราประทับของเธอมาให้ฉันไงล่ะตะ”แองเจลีนนึกย้อนไปถึงตอนที่เจย์กลับมาบ้านเมื่อคืนนี้ พร้อมสีหน้าท่าทางจริงจังของเขาขณะที่ยืนกรานให้เธอคืนอาเรส เอนเตอร์ไพรส์ไป… ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าสันหลังเย็นวาบเมื่อเซร่าเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแองเจลีน เธอก็ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ “ประธานเซเวียร์ ชะตาคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ ตอนแรกเธออาจจะถือไพ่เหนือกว่า แต่ไพ่ของเธอมันใช้การไม่ได้แล้ว เพราะว่านายท่านอาเรสสูญเสียความทรงจำแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเธออีกแล้ว”แองเจลีนพยายามอย่างมากที่จะเก็บความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ภา
”ฉันควรทำยังไงดี?” แองเจลีนถอนใจอย่างหดหู่“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นคนที่ทำให้ฉันพ่ายแพ้”ร่างกายเธอเริ่มสั่นเทา เธอรู้สึกได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่มีกำลังค่อย ๆ หมดไปทันทีที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แองเจลีนก็รีบเรียกเซย์นมา “พาฉันไปโรงพยาบาลทีเซย์น”เซย์นแบกแองเจลีนขึ้นหลังแล้วรีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียที่อยู่ตึกตรงข้ามกันทางโรงพยาบาลสั่งให้แองเจลีนต้องเข้านอนพักเพื่อสังเกตอาการในโรงพยาบาล และด้วยหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในแกรนด์ เอเซียตอนนี้แองเจลีนจึงต้องการให้ทางโรงพยาบาลเก็บเรื่องอาการป่วยของเธอไว้เป็นความลับเซย์นถามแองเจลีน “เราควรบอกนายท่านอาเรสไหม?”แองเจลีนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับฉัน ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่สบายเขาอาจจะเอาไปบอกคุณนายอาเรส แล้วถ้าเป็นแบบนั้น เบล เอนเตอร์ไพรส์ก็จะฉวยโอกาสเข้าโจมตีแล้วอาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้แกรนด์ เอเซียได้”เมื่อได้ยินแบบนั้น เซย์นก็ถอนใจมาอย่างหม่นหมองหลังจากเข้าร่วมการประชุมครูและผู้ปกครองที่โรงเรียนเรียบร้อย เจย์ก็พาเซ็ตตี้กลับไปที่สวนบันทึกรักเมื่อมาถึงที่พักทั้งพ่อและลูกสาวต่างก็พากันผิด