ขณะที่เจย์และคนอื่น ๆ กำลังยืนรอลิฟต์ แองเจลีนนั้นโมโหมากจนเหมือนเลือดไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมองเมื่อเจย์ก้าวเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่ประตูจะปิด จู่ ๆ แองเจลีนก็ตะโกนก้อง “ฉันเป็นภรรยาตัวจริงของนายนะ”ดวงตาเซร่าฉายแววเยาะเย้น เธอคิดว่าเจย์ไม่มีทางเชื่อสิ่งที่แองเจลีนพูดมาแน่ ๆ ดูจากความเกลียดชังที่เขามีต่อแองเจลีนที่เธอเห็นวันนี้แองเจลีนก็แค่รนหาที่เท่านั้นหล่อนมีใบหน้าที่สวยสะกดใจ แต่ดันยืนกรานที่จะแต่งหน้าหนา ๆ น่าเกลียดกลบไว้แล้วเจย์จะไปชอบผู้หญิงบ้าแบบนี้ได้อย่างไรกัน?ขณะที่เซร่ากำลังคิดไปไกลนั้น เธอก็รู้สึกว่าแขนที่เธอกำลังเกาะไว้แน่นหลุดไปจากการเกาะกุมของเธอ ขณะต่อมาแขนเรียวนั้นก็ยื่นไปขวางประตูลิฟต์โดยไม่บอกกล่าวเจย์ก้าวออกไปเซร่ารีบดึงคุณนายอาเรสตามออกไปเจย์เดินไปหาแองเจลีนแล้วถามอย่างเกรี้ยวกราด “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”แองเจลีนจ้องลึกไปในดวงตาเขา…ดวงตาสีดำเข้มของเธอมีแววกระจ่าง สว่างใสทันใดนั้น เธอก็ยื่นมือออกมาจากด้านหลังแล้วใส่กุญแจมือเจย์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้อีกด้านใส่กุญแจมือตัวเองไว้เจย์ถอนหายใจ “ลูกไม้เดิมอีกแล้วเหรอ? นี่คุณไม่อายบ้างเลยเหรอไง?”แองเจลีน
เจย์ขมวดคิ้ว เมื่อเขาเห็นท่าทางแข็งขืนของหล่อนเมื่อได้ยินเรื่องการตรวจ DNA เขาก็รู้ทันทีเลยว่าหล่อนต้องไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขาเบื้องลึกเบื้องหลังต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่ด้วยสายตาคมกล้าของเจย์ที่มองมา คุณนายอาเรสจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ “ใช่แล้วลูก แม่เป็นแค่แม่เลี้ยง”เจย์นิ่งอึ้งและหันไปมองแองเจลีนเพื่อยืนยัน และเห็นว่าเธอก็ยอมรับอยู่ในทีเมื่อดูจากที่เธอไม่โวยวายอะไรเจย์พูด “ไม่ว่าเธอจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดผมหรือไม่ ผมก็ต้องมีความกตัญญูให้เธอเพราะว่าเธอก็เลี้ยงดูผมมา”คุณนายอาเรสตื้นตัน “แม่ดีใจมากเลยที่ลูกยอมรับแม่”แองเจลีนแค่นเสียง “ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่เลี้ยงของคุณ แต่ว่าแม่เลี้ยงในโลกนี้ก็มีทั้งที่ดีและเป็นนางมารนี่ อย่าเพิ่งผลีผลามมอบความรักให้ไปจะดีกว่านะ”คุณนายอาเรสโมโหมาก “นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน แองเจลีน เซเวียร์? เธอบอกว่าฉันจะทำร้ายเขาเหรอ?”แองเจลีนพูด “แหม ก็ถ้าเขาเป็นลูกชายคุณ คุณก็คงจะไม่ทำอันตรายอะไรเขาหรอก แต่ไม่ว่าเขาจะใกล้ชิดกับคุณแค่ไหน เขาก็คงจะเทียบลูกแท้ ๆ ของคุณไม่ได้ ทีนี้คุณจะทำร้ายลูกเลี้ยงเพื่อลูกแท้ ๆ ของตัวเองหรือไม่ นั่นมันก็อี
”หลบไปเกรย์สัน” เจย์ว่าเกรย์สันเกรย์สันกำลังจะขยับหลบเมื่อแองเจลีนสั่ง “คุณอย่าคิดเชียวนะ เธอตบฉัน ฉันอยากให้คุณตบเธอคืน ชื่อเสียงในฐานะประธานแกรนด์เอเซียของฉันไม่ใช่ของที่ใครหน้าไหนจะมาเหยียบย่ำได้”ความดุร้ายฉายวาบผ่านดวงตาเกรย์สันและเขาก็ตบหน้าคุณนายอาเรสฉาดใหญ่เจย์โมโหแทบคลั่ง เขายกมือที่มีกุญแจขึ้นและตะคอก “ปล่อยผม แองเจลีน เซเวียร์”แองเจลีนหายใจแรง “กลับบ้านกับฉัน”เจย์คำราม “ผมอยากกลับบ้าน แต่ไม่ใช้บ้านคุณ บ้านแม่ผมต่างหาก”แองเจลีนไม่สนใจเขาและกระชากกุญแจมืออย่างแรง จนเจย์ต้องตามมาเธอลากเจย์มาตลอดทางและยัดเขาเข้าไปที่เบาะหลังของรถเฟอร์รารี่เจย์มองกุญแจมือด้วยดวงตามืดครึ้ม…“ปลดกุญแจ แองเจลีน”“ฉันจะปลดให้ก็ต่อเมื่อนายเริ่มเชื่อฟังคำพูดของฉัน”เชื่อฟังคำพูดของเธออย่างนั้นเหรอ?ริมฝีปากเย้ายวนของเจย์แค่นยิ้ม “คงจะชาติหน้ามั้ง”แองเจลีนแค่นเสียง “งั้นฉันก็จะปลดให้นายชาติหน้าแล้วกัน”เจย์ “...”เจย์ยังคงคอยหันหลังไปมองแม่เลี้ยงที่โดนลากตัวออกไป เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกเวทนาสงสารยิ่งคุณนายอาเรสดูน่าสงสารแค่ไหน แองเจลีนก็ยิ่งดูดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น เจย์พูดด
เจย์ถือดอกทานตะวันขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย “ผมให้ดอกไม้นี่คุณเหรอ?”ดอกทานตะวันเพชรเป็นตัวแทนของความสุขชั่วนิรันดร์เขาคงจะรักเธอเขาก็เลยให้คำอวยพรที่แสนอบอุ่นแบบนี้กับเธอสินะ?แองเจลีนซึมและยังคงนั่งเงียบตลอดการเดินทางในเวลาเดียวกันนั้น…ทางด้านคุณนายอาเรส หลังจากที่เที่ยวตามหาเซร่าไปทั่ว หล่อนก็ได้พบเธอนั่งร้องไห้ปิ่มจะขาดใจอยู่ใต้สะพานเมื่อเซร่าเห็นคุณนายอาเรส สายตาเธอไม่มีทั้งความซาบซึ้งหรือความรู้ผูกพันฉันท์แม่ลูกอยู่เลย มีแค่เพียงความขมขื่นโศกเศร้าเท่านั้น เธอตะโกนต่อว่าคุณนายอาเรส“สรุปว่าที่คุณทำดีกับหนู ก็เพราะว่าคุณเป็นแม่หนู”“ในที่สุดหนูก็เข้าใจว่าทำไมถึงเอาชนะแองเจลีนไม่ได้สักเรื่อง เพราะว่าหนูแพ้มาตั้งแต่เกิด หนูมันเป็นแค่ลูกนอกสมรสที่คุณมีกับคนอื่น ด้วยสถานะแบบนี้หนูคงไม่มีทางจะเงยหน้ามองใครได้อีกแล้ว”“หนูเกลียดคุณ”คุณนายอาเรสน้ำตาอาบหน้า “ทำไมต้องด้อยค่าตัวเองแบบนั้นด้วยเซร่า? แม้ว่าหนูจะเป็นลูกนอกสมรส แต่พ่อของลูกก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงนะ”ดวงตาเซร่ามีความโหยหาอีกครั้ง “เขาเป็นใคร?”คุณนายอาเรสตอบ “เขาคืออดีตประธานของเบล เอนเตอร์ไพรส์ สตีเฟน เบล”เซร่าไม่เ
เจย์ชะงักไป อันที่จริงที่เธอพูดก็มีเหตุผลหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว แองเจลีนก็ล่ามเขาไว้กับขาเตียงอีกรอบ เขานั้นนั่งอยู่ขณะที่เธอยืนค้ำเขาอยู่พร้อมจ้องมองเขา“เราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เหรอ?” เจย์ถามอย่างระแวงสงสัยแองเจลีนพยักหน้าเจย์ดูจะทำใจรับความจริงข้อนี้ได้ยาก “ทำไมผมถึงไม่รู้สึกใจเต้นวูบวาบอะไรเลยล่ะ เวลาที่มองคุณ”แองเจลีนตีหน้าเข้ม “ก็เพราะคุณตาบอดไงล่ะ”เจย์ “...”เจย์มองแองเจลีนใกล้ ๆ ด้วยอารมณ์สับสน ผู้หญิงอย่างมาริลินและเซร่านั้นหน้าบางมาก เขาแค่พูดอะไรที่เปิดเผยนิดหน่อย พวกเธอก็เขินอายแล้วส่วนแองเจลีนนั้นหน้าหนาเหมือนกับกำแพงปูนเลย ไม่ว่าเขาจะล้อเลียนเธอแค่ไหน เธอก็ยังคงตอบโต้ได้โดยไม่สะทกสะท้านสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่ชอบที่เธอมักจะระเบิดอารมณ์ต่าง ๆ ท่วมท้น รวมถึงสีหน้าร้ายกาจบ้าอำนาจของเธอด้วย แต่เขาก็กลับไม่รู้สึกรังเกียจขยะแขยงตอนที่เธอจูบเขาบางทีพวกเขาอาจจะเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ก็ได้?เจย์นึกสนุกและคิดว่าจะทดลองดูว่าแองเจลีนจะทนได้แค่ไหน “ในเมื่อคุณบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ไหนล่ะหลักฐาน?”แองเจลีนเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเธอเจย์ตะลึงงัน “คุณจะทำอะไรเนี่ย?”
มีเสียงดังบี๊ปขึ้นสองครั้ง มือถือถูกปลดล็อกแล้วเจย์ลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตระหนก “เอามือถือผมมา”แองเจลีนยกมือถือขึ้นและกระโดดลงจากเตียง และเพราะว่าเขายังถูกล่ามกุญแจมือ เจย์จึงทำได้แค่เพียงมองเธออย่างกระวนกระวายแองเจลีนกดเข้าไปที่อัลบั้มรูปและเห็นรูปที่อยู่ในนั้น จังหวะที่เธอได้เห็นก็ทำให้อึ้งงันไปภาพนั้นคือภาพเธอที่ไม่ได้แต่งหน้า มีคิ้วที่ดูอ่อนโยนและสายตาเปี่ยมรัก ท่าทางไร้กังวลและเรียบง่ายทำให้เธอดูใสบริสุทธิ์ราวกับเด็ก ชัดเจนว่านี่คือรูปวาดของเธอสมัยที่ยังเป็นเด็กแม้ว่าเจย์บี้จะความจำเสื่อม แต่เขาก็ยังจำได้ว่าเธอเคยหน้าตาแบบไหนความอบอุ่นท่วมท้นหัวใจของแองเจลีน…ริมฝีปากบางของเจย์เม้มแน่น เมื่อเขาเห็นแองเจลีนสีหน้าแข็งทื่อ เขาก็ยิ่งตระหนก“นี่ เอาโทรศัพท์ผมคืนมา แองเจลีน”แองเจลีนยกมือถือขึ้นสูง “นายชอบเธอเหรอ?”เจย์เงียบไม่พูดอะไรแองเจลีนปกปิดแววตายินดีเอาไว้ไม่ได้เธอหยิบม้านั่งมาแล้วก็นั่งลงตรงหน้าเขา ก่อนเริ่มสอบสวน “ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญมากระหว่างสามีภรรยา ถ้านายยอมร่วมมือและตอบคำถามฉันดี ๆ ฉันก็ไม่ว่าอะไรที่นายนอกใจ”เจย์ดูสิ้นหวังมาก ชายหนุ่มตัวสูงแบบเ
แองเจลีนพูดด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ “คำว่า ‘หย่าร้าง’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฉัน ถ้านายต้องการจะหย่า ก็คงต้องรอชาติหน้า”เธอยกมือสัมผัสใบหน้าและมองรองพื้นหนาที่ติดปลายนิ้ว คิดว่าอาจจะถึงเวลาที่เธอต้องลบเครื่องสำอางแล้วแองเจลีนหลุดยิ้ม “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ รอฉันด้วยล่ะ” จากนั้นเธอก็หยิบชุดนอนและเดินเข้าห้องน้ำไปเมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้องน้ำ เธอหันกลับมาและยิ้มให้เจย์อย่างมีความหมาย “รอเซอร์ไพรส์จากฉันนะเจย์บี้”เมื่อเจย์มองเห็นชุดผ้าบางเบาในอ้อมแขนเธอ เขารู้สึกราวกับว่าจะมีไดโนเสาร์ใส่ชุดนอนนั่นออกมากระโจนใส่เขา เจย์ขนลุกไปทั่วร่าง“ผมเป็นคนขี้ขลาดนะแองเจลีน อย่าทำให้ผมกลัวสิ” เจย์พูดรอยยิ้มแองเจลีนยิ่งลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องน้ำและล็อกประตูเมื่อเจย์ได้ยินเสียงน้ำดังลอดออกมา สีหน้าเขาก็ยิ่งดำทะมึนขึ้นทุกทีเขาเริ่มที่จะศึกษาดูกุญแจมือที่ใส่อยู่เขาเป็นคนที่ออกแบบกุญแจมือพวกนี้แล้วก็กลไกของมันด้วย เหมือนว่าพระเจ้ายังเข้าข้างเขา ดังนั้นเขาจึงปลดกุญแจออกได้ในชั่วพริบตาเมื่อเจย์เป็นอิสระ เขาก็มองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทอยู่ด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมสบถเบา ๆ
สตีเฟนมองเซร่าด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหัวเราะอย่างชั่วร้าย “เธอพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นลูกสาวฉันจริง ๆ เธอนั้นทั้งอาฆาต เลือดร้อน บ้าคลั่ง แล้วก็ชั่วร้ายพอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะรับเธอเป็นลูกสาว”เซร่าอึ้งไป นี่มันเป็นตอนจบหักมุมแบบคาดไม่ถึงจริง ๆสตีเฟนบอก “ตระกูลเบลโดนพวกอาเรส เอนเตอร์ไพรส์กดหัวมานานหลายปีแล้ว แต่เราจะมีปัญญาทำอะไรได้ในเมื่อคนรุ่นหลังของตระกูลมีแต่พวกมือสมัครเล่น? เซร่า เธอมั่นใจไหมว่าจะสามารถล้มแกรนด์ เอเซียแล้วก็สร้างเบล เอนเตอร์ไพรส์ขึ้นมาใหม่กับฉันได้?”มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยานในดวงตาของเซร่า “ตลอดชีวิตของฉัน ฉันอยู่เพียงเพื่ออย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือล้มแองเจลีนค่ะ คุณพ่อ”สตีเฟนมองเห็นแววตามมุ่งมั่นที่ผุดขึ้นในดวงตาของเซร่าก่อนพูด “ฉันเคยได้ยินเรื่องเธอมาหมดแล้ว เธอพยายามจะเอาชนะแองเจลีน แล้วก็ต้องเสียพรหมจรรย์ไปอย่างไม่ตั้งใจตอนนั้น ฉันไม่โทษเธอหรอก ก่อนนี้ฉันก็แค่ทดสอบเธอ หวังว่าจะไม่ถือสา”เซร่ายิ้ม “ไม่ค่ะ”สตีเฟนพูด “ฉันได้ยินมาว่าแองเจลีนนั้นต้องทรมานจากอาการวิตกกังวลอย่างหนัก ถ้าเธอมีเรื่องสะเทือนอารมค์อาจจะส่งผลให้ตาบอดหรือเป็นอัมพาตได้”“ส่วนเจย์น
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ