เจย์ถือดอกทานตะวันขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย “ผมให้ดอกไม้นี่คุณเหรอ?”ดอกทานตะวันเพชรเป็นตัวแทนของความสุขชั่วนิรันดร์เขาคงจะรักเธอเขาก็เลยให้คำอวยพรที่แสนอบอุ่นแบบนี้กับเธอสินะ?แองเจลีนซึมและยังคงนั่งเงียบตลอดการเดินทางในเวลาเดียวกันนั้น…ทางด้านคุณนายอาเรส หลังจากที่เที่ยวตามหาเซร่าไปทั่ว หล่อนก็ได้พบเธอนั่งร้องไห้ปิ่มจะขาดใจอยู่ใต้สะพานเมื่อเซร่าเห็นคุณนายอาเรส สายตาเธอไม่มีทั้งความซาบซึ้งหรือความรู้ผูกพันฉันท์แม่ลูกอยู่เลย มีแค่เพียงความขมขื่นโศกเศร้าเท่านั้น เธอตะโกนต่อว่าคุณนายอาเรส“สรุปว่าที่คุณทำดีกับหนู ก็เพราะว่าคุณเป็นแม่หนู”“ในที่สุดหนูก็เข้าใจว่าทำไมถึงเอาชนะแองเจลีนไม่ได้สักเรื่อง เพราะว่าหนูแพ้มาตั้งแต่เกิด หนูมันเป็นแค่ลูกนอกสมรสที่คุณมีกับคนอื่น ด้วยสถานะแบบนี้หนูคงไม่มีทางจะเงยหน้ามองใครได้อีกแล้ว”“หนูเกลียดคุณ”คุณนายอาเรสน้ำตาอาบหน้า “ทำไมต้องด้อยค่าตัวเองแบบนั้นด้วยเซร่า? แม้ว่าหนูจะเป็นลูกนอกสมรส แต่พ่อของลูกก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงนะ”ดวงตาเซร่ามีความโหยหาอีกครั้ง “เขาเป็นใคร?”คุณนายอาเรสตอบ “เขาคืออดีตประธานของเบล เอนเตอร์ไพรส์ สตีเฟน เบล”เซร่าไม่เ
เจย์ชะงักไป อันที่จริงที่เธอพูดก็มีเหตุผลหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว แองเจลีนก็ล่ามเขาไว้กับขาเตียงอีกรอบ เขานั้นนั่งอยู่ขณะที่เธอยืนค้ำเขาอยู่พร้อมจ้องมองเขา“เราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เหรอ?” เจย์ถามอย่างระแวงสงสัยแองเจลีนพยักหน้าเจย์ดูจะทำใจรับความจริงข้อนี้ได้ยาก “ทำไมผมถึงไม่รู้สึกใจเต้นวูบวาบอะไรเลยล่ะ เวลาที่มองคุณ”แองเจลีนตีหน้าเข้ม “ก็เพราะคุณตาบอดไงล่ะ”เจย์ “...”เจย์มองแองเจลีนใกล้ ๆ ด้วยอารมณ์สับสน ผู้หญิงอย่างมาริลินและเซร่านั้นหน้าบางมาก เขาแค่พูดอะไรที่เปิดเผยนิดหน่อย พวกเธอก็เขินอายแล้วส่วนแองเจลีนนั้นหน้าหนาเหมือนกับกำแพงปูนเลย ไม่ว่าเขาจะล้อเลียนเธอแค่ไหน เธอก็ยังคงตอบโต้ได้โดยไม่สะทกสะท้านสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่ชอบที่เธอมักจะระเบิดอารมณ์ต่าง ๆ ท่วมท้น รวมถึงสีหน้าร้ายกาจบ้าอำนาจของเธอด้วย แต่เขาก็กลับไม่รู้สึกรังเกียจขยะแขยงตอนที่เธอจูบเขาบางทีพวกเขาอาจจะเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ก็ได้?เจย์นึกสนุกและคิดว่าจะทดลองดูว่าแองเจลีนจะทนได้แค่ไหน “ในเมื่อคุณบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ไหนล่ะหลักฐาน?”แองเจลีนเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเธอเจย์ตะลึงงัน “คุณจะทำอะไรเนี่ย?”
มีเสียงดังบี๊ปขึ้นสองครั้ง มือถือถูกปลดล็อกแล้วเจย์ลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตระหนก “เอามือถือผมมา”แองเจลีนยกมือถือขึ้นและกระโดดลงจากเตียง และเพราะว่าเขายังถูกล่ามกุญแจมือ เจย์จึงทำได้แค่เพียงมองเธออย่างกระวนกระวายแองเจลีนกดเข้าไปที่อัลบั้มรูปและเห็นรูปที่อยู่ในนั้น จังหวะที่เธอได้เห็นก็ทำให้อึ้งงันไปภาพนั้นคือภาพเธอที่ไม่ได้แต่งหน้า มีคิ้วที่ดูอ่อนโยนและสายตาเปี่ยมรัก ท่าทางไร้กังวลและเรียบง่ายทำให้เธอดูใสบริสุทธิ์ราวกับเด็ก ชัดเจนว่านี่คือรูปวาดของเธอสมัยที่ยังเป็นเด็กแม้ว่าเจย์บี้จะความจำเสื่อม แต่เขาก็ยังจำได้ว่าเธอเคยหน้าตาแบบไหนความอบอุ่นท่วมท้นหัวใจของแองเจลีน…ริมฝีปากบางของเจย์เม้มแน่น เมื่อเขาเห็นแองเจลีนสีหน้าแข็งทื่อ เขาก็ยิ่งตระหนก“นี่ เอาโทรศัพท์ผมคืนมา แองเจลีน”แองเจลีนยกมือถือขึ้นสูง “นายชอบเธอเหรอ?”เจย์เงียบไม่พูดอะไรแองเจลีนปกปิดแววตายินดีเอาไว้ไม่ได้เธอหยิบม้านั่งมาแล้วก็นั่งลงตรงหน้าเขา ก่อนเริ่มสอบสวน “ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญมากระหว่างสามีภรรยา ถ้านายยอมร่วมมือและตอบคำถามฉันดี ๆ ฉันก็ไม่ว่าอะไรที่นายนอกใจ”เจย์ดูสิ้นหวังมาก ชายหนุ่มตัวสูงแบบเ
แองเจลีนพูดด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ “คำว่า ‘หย่าร้าง’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฉัน ถ้านายต้องการจะหย่า ก็คงต้องรอชาติหน้า”เธอยกมือสัมผัสใบหน้าและมองรองพื้นหนาที่ติดปลายนิ้ว คิดว่าอาจจะถึงเวลาที่เธอต้องลบเครื่องสำอางแล้วแองเจลีนหลุดยิ้ม “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ รอฉันด้วยล่ะ” จากนั้นเธอก็หยิบชุดนอนและเดินเข้าห้องน้ำไปเมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้องน้ำ เธอหันกลับมาและยิ้มให้เจย์อย่างมีความหมาย “รอเซอร์ไพรส์จากฉันนะเจย์บี้”เมื่อเจย์มองเห็นชุดผ้าบางเบาในอ้อมแขนเธอ เขารู้สึกราวกับว่าจะมีไดโนเสาร์ใส่ชุดนอนนั่นออกมากระโจนใส่เขา เจย์ขนลุกไปทั่วร่าง“ผมเป็นคนขี้ขลาดนะแองเจลีน อย่าทำให้ผมกลัวสิ” เจย์พูดรอยยิ้มแองเจลีนยิ่งลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องน้ำและล็อกประตูเมื่อเจย์ได้ยินเสียงน้ำดังลอดออกมา สีหน้าเขาก็ยิ่งดำทะมึนขึ้นทุกทีเขาเริ่มที่จะศึกษาดูกุญแจมือที่ใส่อยู่เขาเป็นคนที่ออกแบบกุญแจมือพวกนี้แล้วก็กลไกของมันด้วย เหมือนว่าพระเจ้ายังเข้าข้างเขา ดังนั้นเขาจึงปลดกุญแจออกได้ในชั่วพริบตาเมื่อเจย์เป็นอิสระ เขาก็มองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทอยู่ด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมสบถเบา ๆ
สตีเฟนมองเซร่าด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหัวเราะอย่างชั่วร้าย “เธอพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นลูกสาวฉันจริง ๆ เธอนั้นทั้งอาฆาต เลือดร้อน บ้าคลั่ง แล้วก็ชั่วร้ายพอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะรับเธอเป็นลูกสาว”เซร่าอึ้งไป นี่มันเป็นตอนจบหักมุมแบบคาดไม่ถึงจริง ๆสตีเฟนบอก “ตระกูลเบลโดนพวกอาเรส เอนเตอร์ไพรส์กดหัวมานานหลายปีแล้ว แต่เราจะมีปัญญาทำอะไรได้ในเมื่อคนรุ่นหลังของตระกูลมีแต่พวกมือสมัครเล่น? เซร่า เธอมั่นใจไหมว่าจะสามารถล้มแกรนด์ เอเซียแล้วก็สร้างเบล เอนเตอร์ไพรส์ขึ้นมาใหม่กับฉันได้?”มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยานในดวงตาของเซร่า “ตลอดชีวิตของฉัน ฉันอยู่เพียงเพื่ออย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือล้มแองเจลีนค่ะ คุณพ่อ”สตีเฟนมองเห็นแววตามมุ่งมั่นที่ผุดขึ้นในดวงตาของเซร่าก่อนพูด “ฉันเคยได้ยินเรื่องเธอมาหมดแล้ว เธอพยายามจะเอาชนะแองเจลีน แล้วก็ต้องเสียพรหมจรรย์ไปอย่างไม่ตั้งใจตอนนั้น ฉันไม่โทษเธอหรอก ก่อนนี้ฉันก็แค่ทดสอบเธอ หวังว่าจะไม่ถือสา”เซร่ายิ้ม “ไม่ค่ะ”สตีเฟนพูด “ฉันได้ยินมาว่าแองเจลีนนั้นต้องทรมานจากอาการวิตกกังวลอย่างหนัก ถ้าเธอมีเรื่องสะเทือนอารมค์อาจจะส่งผลให้ตาบอดหรือเป็นอัมพาตได้”“ส่วนเจย์น
เมื่อคุณหญิงเซเวียร์และนายท่านเซเวียร์ได้ยินเสียงร้องของเชอร์ลีย์ดังเข้ามาในห้องนั่งเลย พวกเขาก็ตกใจจนรีบวิ่งผลุนผลันออกไปด้านนอกเซร่ารีบหลบอยู่ในครัวและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น เธอวิ่งออกไปที่ระเบียงครัวพร้อมกับคุณเซเวียร์และคนอื่น ๆ“นี่? เกิดอะไรขึ้นคะ?” เซร่าทำเป็นไม่รู้เรื่องเชอร์ลีย์นอนอยู่ที่ด้านล่างของบันได สลบไม่ได้สติคุณหญิงเซเวียร์นั้นตกใจมากจนเป็นลมไปทันทีนายท่านเซเวียร์สั่งให้คนรับใช้ในบ้านรีบพาเซอร์ลีย์ที่หมดสติอยู่ไปส่งที่โรงพยาบาลแกรนด์เอเซียในทันทีเมื่อเซร่าเห็นว่าครอบครัวเซเวียร์ปั่นป่วนกันแค่ไหน รอยยิ้มอย่างผู้ชนะก็ฉายในดวงตาเธอในเมื่อแองเจลีนและเชอร์ลีย์ต่างก็สนิทกันมาก แองเจลีนต้องใจสลายอย่างแน่นอนเมื่อได้รู้เรื่องอุบัติเหตุของเชอร์ลีย์ยิ่งเธอใจสลายมากเท่าไร เซร่าก็ยิ่งสบายใจมากเท่านั้นที่ตึกสำนักงานแกรนด์เอเซียในเมืองอิมพีเรียลการประชุมสรุปประจำเดือนของแกรนด์เอเซียกำลังเข้มข้นอยู่ แต่ละแผนกต่างก็ส่งตัวแทนของตนขึ้นไปรายงานผลการทำงานของเดือนที่ผ่านมา เมื่อถึงตาของแผนกการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เกรย์สันก็ขึ้นไปด้วยหน้าหม่นเศร้า“ผมเ
เมื่อเห็นว่าแองเจลีนไม่ตอบอะไรหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เซย์นก็ดึงแขนของแองเจลีนมาคล้องคอของตนไว้ จากนั้นก็รีบพุ่งไปโรงพยาบาลโดยแบกแองเจลีนไว้บนหลังเขาวิ่งไปจนถึงลิฟต์ของโรงพยาบาลโดยมีแองเจลีนอยู่บนหลังจากนั้นเขาก็วางเธอลงแล้วก็จับแขนเธอไว้อย่างระมัดระวัง “เธอเป็นอะไรไหม แองเจลีน?”ใช้เวลาสักครู่ใหญ่กว่าที่แองเจลีนจะได้สติ ดวงตาสีดำสนิทของเธอเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งก่อนจะพึมพำ “ฉันไม่เป็นไร เซย์น”เซย์นเช็ดเหงื่อเม็ดโตออกจากหน้าผากของตน เมื่อเขาได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็โมโหจนแทบกระอัก“แล้วทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่พูดอะไรล่ะ แองเจลีน? รู้ไหมว่าฉันกังวลแค่ไหนตอนที่ฉันแบกเธอวิ่งจากสำนักงานมาที่โรงพยาบาลนี่น่ะ? ดูสิว่าฉันวิ่งจนเหงื่อท่วมตัวหมดแล้ว”แองเจลีนตอบ “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตัวฉันมีอะไรผิดปกติซะหน่อยนี่”เซย์นคำราม “แล้วทำไมเธอถึงอึ้งไปหลังจากที่รับโทรศัพท์ตอนที่อยู่บริษัทล่ะ? เธอรู้ไหมว่าดูน่ากลัวแค่ไหน?”แองเจลีนงึมงำ “มีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่สาว”ตอนนั้นเองที่เซย์นเป็นฝ่ายอึ้งเงียบไปเหมือนพระเข้าฌาณแองเจลีนลากเซย์นออกมาจากลิฟต์อย่างยากลำบากเชอร์ลีย์ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด ทั้งคุ
หมอตอบ “ถ้าเราพูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แต่เรื่องที่เรากังวลก็คืออวัยวะที่หายไปของคนไข้”“อะไรนะ?” แองเจลีนงงมากเซย์นก้มหน้า ท่าทางสำนึกผิดแองเจลีนถามเสียงเย็น “มีอะไรหายไป?”“ไตเธอครับ”แองเจลีนมองเซย์นด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อเธอเห็นเขาน้ำตาคลอ แองเจลีนก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเธอโบกมือให้หมอออกไป “ฉันเข้าใจแล้ว คุณไปได้”หมอถอยไปอย่างสงบเสงี่ยมแองเจลีนถามเซย์น “ไตของพี่ใหญ่หายไปไหน เซย์น?”น้ำตาเซย์นไหลพรากใบหน้าขณะที่เขาชี้เอวตนเอง “อยู่ที่ฉัน”แองเจลีนมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เธอเคยสงสัยว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายของเซย์น แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงแบบนี้“แล้วไตของนายล่ะ?” แองเจลีนถามเสียงสะอื้นเซย์นมองแองเจลีนด้วยสายตาเว้าวอน “เลิกถามเถอะ ฉันขอร้อง”แองเจลีนเริ่มร้องไห้ “อยู่ที่โจเซฟินใช่ไหม?”ดวงตาเซย์นเบิกกว้างด้วยความตระหนก “เธอ… เธอรู้ได้ยังไง?”แองเจลีนตอบ “โจเซฟินบอกฉันว่าเธออาการโคม่าหลังจากที่โดนรังแก แล้วเมื่อเธอตื่นขึ้นมามันก็ผ่านไป 20 วันแล้ว นายเคยบอกว่านายเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยโจเซฟินกลับมา หวังว่าเธอจะม