เมื่อเห็นว่าแองเจลีนไม่ตอบอะไรหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เซย์นก็ดึงแขนของแองเจลีนมาคล้องคอของตนไว้ จากนั้นก็รีบพุ่งไปโรงพยาบาลโดยแบกแองเจลีนไว้บนหลังเขาวิ่งไปจนถึงลิฟต์ของโรงพยาบาลโดยมีแองเจลีนอยู่บนหลังจากนั้นเขาก็วางเธอลงแล้วก็จับแขนเธอไว้อย่างระมัดระวัง “เธอเป็นอะไรไหม แองเจลีน?”ใช้เวลาสักครู่ใหญ่กว่าที่แองเจลีนจะได้สติ ดวงตาสีดำสนิทของเธอเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งก่อนจะพึมพำ “ฉันไม่เป็นไร เซย์น”เซย์นเช็ดเหงื่อเม็ดโตออกจากหน้าผากของตน เมื่อเขาได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็โมโหจนแทบกระอัก“แล้วทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่พูดอะไรล่ะ แองเจลีน? รู้ไหมว่าฉันกังวลแค่ไหนตอนที่ฉันแบกเธอวิ่งจากสำนักงานมาที่โรงพยาบาลนี่น่ะ? ดูสิว่าฉันวิ่งจนเหงื่อท่วมตัวหมดแล้ว”แองเจลีนตอบ “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตัวฉันมีอะไรผิดปกติซะหน่อยนี่”เซย์นคำราม “แล้วทำไมเธอถึงอึ้งไปหลังจากที่รับโทรศัพท์ตอนที่อยู่บริษัทล่ะ? เธอรู้ไหมว่าดูน่ากลัวแค่ไหน?”แองเจลีนงึมงำ “มีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่สาว”ตอนนั้นเองที่เซย์นเป็นฝ่ายอึ้งเงียบไปเหมือนพระเข้าฌาณแองเจลีนลากเซย์นออกมาจากลิฟต์อย่างยากลำบากเชอร์ลีย์ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด ทั้งคุ
หมอตอบ “ถ้าเราพูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แต่เรื่องที่เรากังวลก็คืออวัยวะที่หายไปของคนไข้”“อะไรนะ?” แองเจลีนงงมากเซย์นก้มหน้า ท่าทางสำนึกผิดแองเจลีนถามเสียงเย็น “มีอะไรหายไป?”“ไตเธอครับ”แองเจลีนมองเซย์นด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อเธอเห็นเขาน้ำตาคลอ แองเจลีนก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเธอโบกมือให้หมอออกไป “ฉันเข้าใจแล้ว คุณไปได้”หมอถอยไปอย่างสงบเสงี่ยมแองเจลีนถามเซย์น “ไตของพี่ใหญ่หายไปไหน เซย์น?”น้ำตาเซย์นไหลพรากใบหน้าขณะที่เขาชี้เอวตนเอง “อยู่ที่ฉัน”แองเจลีนมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เธอเคยสงสัยว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายของเซย์น แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงแบบนี้“แล้วไตของนายล่ะ?” แองเจลีนถามเสียงสะอื้นเซย์นมองแองเจลีนด้วยสายตาเว้าวอน “เลิกถามเถอะ ฉันขอร้อง”แองเจลีนเริ่มร้องไห้ “อยู่ที่โจเซฟินใช่ไหม?”ดวงตาเซย์นเบิกกว้างด้วยความตระหนก “เธอ… เธอรู้ได้ยังไง?”แองเจลีนตอบ “โจเซฟินบอกฉันว่าเธออาการโคม่าหลังจากที่โดนรังแก แล้วเมื่อเธอตื่นขึ้นมามันก็ผ่านไป 20 วันแล้ว นายเคยบอกว่านายเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยโจเซฟินกลับมา หวังว่าเธอจะม
เมื่อเชอร์ลีย์ฟื้น เธอก็บอกกับหมอว่าขอพบแองเจลีนแองเจลีนเปลี่ยนมาใส่ชุดฆ่าเชื้อแล้วก็เข้าไปหาเชอร์ลีย์หัวของเชอร์ลีย์มีผ้าพันแผลพันไว้จนหนา ผมสีดำยาวของเธอปล่อยลงมาปรกหน้าอก ทำให้หน้าเธอยิ่งดูขาวซีด“พี่ใหญ่” แองเจลีนนั่งลงตรงหน้าเธอแล้วเรียกเสียงเบาเชอร์ลีย์ยิ้มอย่างอ่อนแรง “แองเจลีนน้อย ฉันคิดว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว มีบางเรื่องที่ฉันต้องบอกเธอไม่อย่างนั้นฉันคงตายไม่เป็นสุข”“พี่ต้องไม่เป็นอะไรพี่ใหญ่ เชื่อมั่นในเทคโนโลยีของโรงพยาบาลแกรนด์เอเซียเถอะ” แองเจลีนน้ำตาเอ่อเชอร์ลีย์เอื้อมมือสั่นเทาของเธอออกมา แองเจลีนรีบคว้าไว้ทันใด “พูดต่อเถอะค่ะ พี่”เชอร์ลีย์บอก “บอกเซย์นว่าเขาไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะว่าการที่ให้ไตเขาไปเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตฉันแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณเขาด้วยซ้ำเพราะในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาได้มอบบ้านที่อบอุ่นและเปี่ยมรักให้ฉัน บ้านที่มีพ่อเข้มงวด แม่ที่รักใคร่แล้วก็น้องสาวน้อย ๆ ใจดีน่ารักอย่างเธอ ชีวิตฉันไม่มีอะไรให้เสียใจแล้ว”แองเจลีนสะอื้นไห้ “อย่าพูดเรื่องอะไรร้าย ๆ แบบนั้นสิคะพี่ ฉันกลัวนะ ได้โปรดเถอะ พี่ต้องรอดมาให้ได้นะ ฉันขอร้อง”ถึงอย่างนั
แองเจลีนเดินตรงไปหาเซร่าด้วยดวงตาแดงก่ำ เธอยื่นมืออกไปแล้วเริ่มบีบคอเซร่าอย่างดุร้าย“พี่ใหญ่เกือบตายก็เพราะแก ฉันอยากให้แกตาย เซร่า”ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตนายท่านเซเวียร์และเซย์นต่างก็ไม่ยอมให้แองเจลีนปล่อยอารมณ์เข้าครอบงำและทำเรื่องผิดพลาด เซย์นจึงดึงเซร่าออกมา “ไม่คุ้มหรอกที่เธอจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพราะคนแบบนี้ แองเจลีน ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนแก้แค้นให้เชอร์ลีย์”แองเจลีนเริ่มรวบรวมสติได้แล้วปล่อยมือจากเซร่า ก่อนพูดอย่างมีโทสะ “เอาเธอไปให้พ้น เซย์น”จากนั้นแองเจลีนก็พาสมาชิกในครอบครัวเข้าไปใช้ห้องประชุมของโรงพยาบาล ตระกูลเซเวียร์ได้มีการประชุมปรึกษาเรื่องสำคัญที่จะตัดสินชะตาของตระกูลเซเวียร์แองเจลีนเป็นประธานในการประชุมโดยมีนายท่านเซเวียร์และแอนนั่งอยู่ด้านซ้าย และเซย์นกับเซร่าอยู่ด้านขวา เซย์นนั้นเฝ้าระวังตัวเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เซร่าฉวยโอกาสหนีไปได้แองเจลีนพูดด้วยความโศกเศร้าและโมโห “คุณพ่อคะ หนูต้องบอกความลับพ่อวันนี้ หนูอยากให้คุณพ่อเตรียมใจรับแล้วหวังว่าคุณพ่อจะรับได้”ทั้งแอนและเซร่าต่างก็หน้าซีดเผือดทันทีนายท่านเซเวียร์บอก “พ่อไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ว่ามาเล
เมื่อเซร่าทำร้ายเชอร์ลีย์ ความรักและความเห็นใจสุดท้ายที่ตระกูลเซเวียร์มีให้เธอก็มลายหายไปไม่เหลือนายท่านเซเวียร์มีสีหน้าเจ็บปวด “ในเมื่อใจเธอไม่ได้อยู่กับตระกูลเซเวียร์แล้ว ทำไมเธอถึงไม่กลับไปในที่ที่ควรอยู่ล่ะ ความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกของเราจบลงตรงนี้”เซร่ากัดริมฝีปาก รู้สึกใจปั่นป่วนเกินบรรยาย เธอเหมือนจอกแหนที่ลอยคว้างในทะเล ซึ่งกลับเข้าฝั่งมาเพียงเพื่อจะโดนโยนกลับออกไปอย่างไร้ความปรานี ให้เธอต้องลอยไร้ชะตากรรมเหมือนเรือไร้สมอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น เซร่าเป็นคนดื้อรั้นและยอมทนลำบากผ่านนรกไปได้โดยไม่ยอมเสียภาพลักษณ์ แม้ว่าเธอจะโดนขับไล่ออกจากตระกูลเซเวียร์ก็ตาม เธอก็จะจากไปอย่างสง่างามและไม่ยอมหวั่นเกรง“ในเมื่อพวกคุณรู้ตัวตนของฉันและไม่ยอมรับฉัน ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะบอกตรง ๆ ใช่แล้วตอนนี้ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลเบล แองเจลีน เซเวียร์ ความเป็นพี่น้องของเราสิ้นสุดลงวันนี้ จากนี้เป็นต้นไป เธอและฉันจะเจอกันในวงการธุรกิจ และฉันจะแสดงให้เธอเห็นเองว่า ฉันทำอะไรได้บ้าง คนที่ชนะหัวเราะทีหลังดังกว่า”นี่แปลว่าเธอตั้งใจจะแข่งกับแองเจลีนไปตลอดชีวิตใช่ไหม?แองเจลีนหัวเราออกม
แองเจลีนยิ้ม “เธอก็มีปัญญาทำแค่นั้นแหละ”เซร่าหน้าแดงด้วยความอับอายเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองพี่น้อง เธอรู้ได้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธอมีหลายครั้งที่เธอต้องยอมรับว่าแองเจลีนนั้นฉลาดมากจริง ๆเมื่อเซร่าโดนไล่ออกจากตระกูลเซเวียร์ เธอก็ตรงดิ่งกลับไปที่บ้านตระกูลเบลหลังจากที่รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลเซเวียร์ทั้งหมดให้สตีเฟนฟังแล้ว เขาก็พอใจมาก “แองเจลีนกับเชอร์ลีย์รักและใกล้ชิดกันมาก ตอนนี้ที่เชอร์ลีย์อาการร่อแร่ หล่อนก็คงต้องมัวแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแน่ ๆ เมื่อแกรนด์เอเซียไม่มีคนดูแล ก็ถึงเวลาที่เราจะลงมือ”สตีเฟนสั่งผู้ช่วยส่วนตัว “ไปโทรหาลุงแอนดี้ ถึงเวลาที่เราจะเปิดตัวคนที่เราส่งไปเป็นไส้ศึกอยู่ในแกรนด์เอเซียมานานหลายปีได้แล้ว”“รับทราบครับ” ผู้ช่วยตอบก่อนออกไปสตีเฟนมองเซร่าอย่างชื่นชม “เธอทำงานได้เยี่ยมมากเซร่า ฉันจะตอบแทนเธอเรื่องนี้ จากวันนี้ไปเธออยู่ที่บ้านเบลแล้วก็คอยจัดการงานบางเรื่องให้ฉัน”เซร่ามีความสุขมาก “ค่ะ คุณพ่อ”สวนบันทึกรักแองเจลีนยืนอยู่ตรงหน้าต่างเงียบ ๆ มองออกไปยังภูเขาที่อยู่ห่างไกลท่ามกลางความมืดสลัว เธอขยี้ตาเบา ๆเธอเคยคิดว่า ตราบใดที่เธอคุม
แองเจลีนเดินตรงไปหาลุงแอนดี้ด้วยสีหน้าบูดบึ้งแล้วถามเขาว่า “บอกฉันหน่อย ลุงแอนดี้ เขาจ่ายคุณเท่าไรให้คุณหักหลังแกรนด์เอเซีย?”ชายชราดูกระวนกระวาย “คุณพูดเรื่องอะไร ประธานเซเวียร์? ไม่มีใครสั่งให้ผมทำทั้งนั้น”ดวงตาแองเจลีนฉายแววหยามหยัน “โธ่ ลุงแอนดี้ พนักงานคนอื่น ๆ ของแกรนด์ เอเซียต่างก็มีสิทธิ์ที่จะมาด่าฉันยกเว้นคุณ”ลุงแอนดี้ดูงงงวยแองเจลีนพูดต่อ “ตั้งแต่ตอนที่คุณป่วยหนักเมื่อสองปีก่อนนะลุงแอนดี้ คุณก็ไม่มีความสามารถที่จะทำงานได้อีกแล้ว แกรนด์ เอเซียได้ยกเลิกสัญญาจ้างคุณไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน คุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอ?”ลุงแอนดี้ส่ายหน้า “คุณโกหก ผมไม่เคยเซ็นสัญญายกเลิกการจ้างงานอะไรทั้งนั้น”แองเจลีนชำเลืองมองเกรย์สัน เขาหันกลับแล้วเดินขึ้นตึกไปไม่นานนัก เกรย์สันก็กลับลงมาพร้อมเอกสารการเลิกจ้างงานของลุงแอนดี้ แล้วส่งให้แองเจลีนอย่างนอบน้อมแองเจลีนโยนเอกสารไปให้ลุงแอนดี้ “ลองดูสิว่านี่ใช่สัญญายกเลิกการจ้างงานไหม แล้วดูสิว่าใช่ลายเซ็นคุณไหม”ลุงแอนดี้เปิดดูเอกสารสัญญายกเลิกจ้างงานและมองที่ลายเซ็นของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อแองเจลีนพูด “เรื่องที่คุณทำก็แค่มานั่งที่ออฟฟิศ
จีนมองไปที่แองเจลีนที่ยืนอยู่ไม่ห่างชั่วแวบ และแววความรู้สึกผิดก็ฉายผ่านใบหน้าหล่อเหลาของเขาจากนั้นเขาก็หันหลังวิ่งหนีไปเจย์รีบวิ่งตามไปทันทีตอนนั้นแองเจลีนก็เดินเข้าไปหานักข่าวด้วยท่าทางที่ทั้งอ่อนโยนและคุกคาม เธอพูดว่า “แหม ๆ ๆ พวกคุณนี่เป็นสำนักข่าวที่โดดเด่นเหลือเกินที่รู้แต่จะมาทำข่างเรื่องอื้อฉาวไม่เป็นเรื่อง? พวกคุณทุกคนไม่มีใครควรค่าจะได้ทำข่าวเกี่ยวกับแกรนด์เอเซียหรอก ไหน ๆ พวกคุณก็มาที่นี่แล้ว ฉันก็คงไม่มีเหตุผลจะไล่พวกคุณกลับไป ทำไมเราไม่ทำแบบนี้แทนล่ะ? เกรย์สัน จดชื่อของสำนักข่าวพวกนี้มาให้หมด ถ้ามีใครเขียนข่าวที่ทำลายชื่อเสียงแกรนด์เอเซียไม่ว่าด้านไหนก็ตาม ฉันจะให้คุณฟ้องจนพวกเขาล้มละลายไปเลย”เกรย์สันก้าวออกมาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้ครับ”แองเจลีนหัวเราะ “แล้วก็พวกพนักงานที่พากันยื่นใบลาออกนี่ คุณถ่ายรูปให้เห็นหน้าพวกเขาชัด ๆ นะ แล้วก็เขียนชื่อพวกอกตัญญูนี่ไว้ด้วย จากนี้ไปแกรนด์ เอเซียทุกสาขา รวมถึงบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีของแกรนด์ เอเซีย ห้ามรับพวกไม่สำนึกบุญคุณนี่เข้าทำงานเด็ดขาด”เธอกวาดตาคมกริบมองบรรดาพนักงานพวกนั้นก่อนตำหนิ “แกรนด์ เอเซียจ่ายเงินไปมากมายอบรมพวกค
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ