วิทนีย์เบิกตากว้างและมองเจนสันอย่างไม่อยากเชื่อ “นายมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครเลย ใช่ไหมเนี่ยเจนสัน? ชั้นเรียนวิชามารยาทที่ติดกันนี่เกือบจะโดนปิดคลาสแล้ว เพราะว่าเป็นวิชาเดียวในโรงเรียนที่ไม่มีใครอยากจะลงเรียน”ตอนนั้นเอง มีเด็กผู้หญิงจากชั้นเรียนมารยาทเดินผ่านมาใส่ชุดเป็นทางการเรียบร้อย มีกิริยามารยาทดูสูงสง่างดงามเพราะแบบนั้นเจนสันก็จ้องมองเด็กสาวพวกนั้นไม่วางตาวิทนีย์ยื่นมือไปปิดตาเจนสันไว้อย่างโมโห“มีอะไรให้ดูกันนักหนา? นายไม่เห็นกระบนหน้าเธอเหรอไง?”เจนสันดึงมือเธอออก “ตำหนิแค่อย่างเดียว ลดความงามของหยกแท้ไม่ได้หรอก”วิทนีย์ดูเสียใจมาก เห็นชัด ๆ ว่าเธอนั้นมีทั้งรูปร่าง หน้าตา และความเฉลียวฉลาด เธอดีกว่าแม่สาวตกกระนั้นเป็นไหน ๆ เจนสันชอบผู้หญิงที่ดูไม่เจริญตาแบบนั้นจริงเหรอ?วิทนีย์รู้สึกหงุดหงิดใจ ฟังดูเหมือนเธอจะตายมากกว่าแค่อับอายเท่านั้น “ยัยนั่นจะไปรู้อะไรกัน? ก็แค่ชงชาแล้วก็ถือเข็มปักผ้าใช่ไหม? ฉันเองก็ทำเป็นเหมือนกัน นายคอยดูเลย ฉันจะไปลงเรียนวิชามารยาทพรุ่งนี้เลย”เมื่อเห็นว่าเขาหลอกให้เธอตกหลุมพรางได้สำเร็จแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ฉายในดวงตาเจนสัน แต่เขาก็ยังล่อหลอ
”เจนสัน” จู่ ๆ ครูสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ก็เรียกเจนสันเจนสันหันกลับไปครูบอกว่า “เธอไม่เคยเข้าร่วมในการประลองเลย แบบนี้มันก็ไม่ช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเธอนะ วันนี้วิทนีย์จะออกจากชั้นศิลปะการต่อสู้แล้ว เธออยากมาประลองกับวิทนีย์ไหม? ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป ก็คงไม่ได้เจอคู่ต่อสู้เก่ง ๆ แบบวิทนีย์อีกแล้วนะ”เจนสันชำเลืองมองวิทนีย์ชั่วแว่บ วิทนีย์ยังคงนั่งทับอยู่บนหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น เมื่อเธอเห็นว่าเจนสันมองเธอ วิทนีย์ก็รู้สึกเหมือนมีสปริงดีดเธอให้ตัวลอยขึ้นไปในอากาศเมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าเจนสันชอบเด็กผู้หญิงแบบไหน เธอแค่รู้ว่าต้องปกป้องเขา คุยกับเขา และทำให้เขามีความสุขแต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว แม้ว่าเจนสันจะยังเด็กแต่เขากลับมีรสนิยมที่อนุรักษนิยมและออกจะเชยเขาชอบสาวอ่อนโยนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้วิทนีย์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงแบบที่เจนสันชอบเมื่อรู้ว่าเจนสันเป็นผู้ชายเงียบขรึมที่ไม่ชอบการต่อสู้ วิทนีย์ก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ เธอเลยช่วยให้เขาหลุดจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนด้วยการพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หนูว่าเจนส์น้อยไม่จำเป็นต้องมาสู้กับหนูหรอกค่ะครู ถ้าเขาอย
เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็เอาชนะเธอไม่ได้ เจนสันจึงหยุดเดินวิทนีย์มาหยุดตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอโศกเศร้า “เธอชอบพวกผู้หญิงที่เรียนวิชามารยาทจริง ๆ เหรอ หรือว่าแค่เป็นข้ออ้างให้ฉันออกไปจากชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้?”เจนสันจ้องมองสายตาจริงจังของวิทนีย์ “ฉันแค่คิดว่าเธอควรไปเข้าชั้นเรียนมารยาทบ้าง จะได้ลบรังสีป่าเถื่อนในตัวเธอลงไป”วิทนีย์บอก “งั้นถ้าฉันไปเรียนมารยาทแล้วนายจะชอบฉันใช่ไหม?”เจนสันขมวดคิ้ว“ฉันไม่ยอมผู้หญิงที่เที่ยวไปทำตัวคลุกคลีกับพวกผู้ชาย” เจนสันบอกวิทนีย์นึกได้ว่าเธอมักจะไปแตะเนื้อต้องตัวกับพวกผู้ชายเสมอเวลาที่ต่อสู้ กลายเป็นว่านั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าเจนสันผู้เป็นโรคกลัวเชื้อโรคจะรับไหว“ก็ได้ งั้นฉันจะทำตามที่นายบอก เวรจริง ๆ จากนี้ไปฉันก็จะไม่สู้กับใครอีกแล้ว”เจนสันมองเธอ “ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่พูดคำหยาบเหมือนกัน”วิทนีย์รีบเอามือปิดปาก “โอเค ฉันยอมปัญญาอ่อนดีกว่าจะพูดคำหยาบ”เจนสันมองวิทนีย์…ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอมักจะมาอยู่เคียงข้างเขาเสมอในตอนที่เขาเหงาหรือคิดถึงบ้านเธอเป็นเหมือนนกกระจอกที่ร้องจิ๊บ ๆ ไม่หยุด เธอช่วยขับไล่ความเศร้าและความหงุดหงิดใจของเขาไป
”เจนสัน!”เสียงดังปานนางสิงห์ของวิทนีย์ดังก้องไปทั่วบริเวณหอพักนักเรียน“ออกมาเลยนะ เจ้ามารร้าย”เจนสันนั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ม้านั่งริมหน้าต่างของห้องในหอพักแบบธรรมดา มีขาตั้งวาดรูปวางอยู่ด้านหน้าเขาเจนสันมองไปยังรูปผู้หญิงที่สวยงามและอ่อนโยนในรูปด้วยดวงตาเอ่อคลอวิทนีย์บุกตะลุยเข้ามา ก่อนยืนเท้าเอวและกระทืบเท้าเดินเข้ามาหาเจนสัน “นายทำเรื่องที่เลวร้ายมากเลยนะ เจ้ามารร้าย”เจนสันเงยหน้ามองดูเธอ ท่ามกลางแสงอาทิตย์วิทนีย์เห็นว่าดวงตาสวยมีเสน่ห์ของเขานั้นแวววาวฉ่ำน้ำผิดปกติ“นายร้องไห้เหรอเจนส์?” วิทนีย์ถามอย่างกระวนกระวายเท่าที่เธอจำได้ เด็กชายตัวน้อยคนนี้มักจะดื้อรั้นและไม่สะทกสะเทือนต่อสิ่งใด นับจากวันที่เข้ามาในโรงเรียน เขาก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นไม่ว่าจะเจอความยากลำบากเพียงใดวิทนีย์หันไปมองที่รูปวาด เมื่อเธอเห็นว่าเป็นรูปผู้หญิงสวยที่ดูอ่อนโยน เธอก็แปลกใจจนทำให้จ้องอย่างตะลึงไปพักหนึ่ง“เธอสวยจังเลย ใครเหรอเจนส์?”“คุณแม่ฮะ” เจนสันตอบวิทนีย์แข็งค้าง…จากนั้นแววตาเธอก็มีรอยยิ้มเธอรู้ว่าเจนส์เป็นเด็กที่เคร่งขรึม แต่การที่เขาไม่พูดแบบเต็มประโยคในการที่แนะนำแม่เขาแบบ
วิทนีย์พูดอย่างมุ่งมั่นและอ่อนหวาน “ไม่ต้องห่วงเจนสัน ถึงฉันจะไม่แน่ใจแค่ไหน ฉันก็จะฝึกร่างกายที่แกร่งดุจเหล็กกล้าของฉัน ให้อ่อนนิ่มจนนายสามารถจับปั้นเป็นแบบที่นายชอบได้เลยล่ะ ถึงฉันจะต้องลงคลาน ฉันก็จะคลานไปหานาย”“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายเป็นเพนเนโลพีที่สองแน่นอน”เจนสันงึมงำ “เธอจะคลานมาหาฉันไหมมันก็เรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”วิทนีย์ “...”เมื่อวิทนีย์เห็นว่าใบหูของเจนสันเป็นสีชมพู เธอก็หลุดยิ้มออกมา“ฉันจะไปหัดเย็บผ้าแล้ว”“ฉันไปแล้วนะเจนส์”หลังพูดจบวิทนีย์ก็จากไปเจนสันมองภาพวาดแม่เงียบ ๆ รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งของเขาเขาพูดเสียงต่ำ “ผมจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ครับคุณแม่”แกรนด์ เอเซีย เมืองอิมพีเรียลค่ำคืนนี้ช่างยาวนานและเจย์ก็นอนไม่หลับทั้งคืนเขายืนอยู่ด้านหน้าบานหน้าต่างโค้งในห้องนอนขณะจ้องไปที่วิลล่าตรงข้ามด้วยแววตาลึกล้ำเขารู้สึกสับสนเขาชอบแม่ของเซ็ตตี้น้อย เมื่อไรก็ตามที่เขาเห็นเธอเขาก็มีความรู้สึกอยากเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอแองเจลีนเองก็ชอบเขา เป็นความรักแบบที่เธอสามารถสละทุกอย่างได้โดยไม่ลังเลผู้หญิงทั้งสองเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโ
ทันใดก็มีรถหลายคันพุ่งเข้ามาจอดตรงหน้าเจย์ขณะที่ล้อรถหมุนก็สาดน้ำขังบนพื้นสาดมาใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวของเจย์เจย์ขมวดคิ้ว และใช้ตาคมดุจเหยี่ยวจ้องไปยังรถคันนั้นประตูรถเปิดออก และมีประกายของมีดยาวพุ่งตรงมาหาเขาเจย์เอนตัวหลบมีดยาวได้อย่างรวดเร็วตอนนั้นเองประตูรถทุกคันต่างถูกเตะเปิดออก แล้วมีชายนับสิบคนออกมาจากรถชายเหล่านี้เข้ามาล้อมเจย์ไว้ เขาหันหลังพิงกำแพงของร้านสะดวกซื้อขณะที่กวาดสายตามองพวกชายตรงหน้าอย่างรวดเร็วเขาไม่รู้ว่าจะสู้พวกมันได้หรือไม่ เพราะว่าเขาต้องรับมือเพียงคนเดียว เขาอดหวั่นใจไม่ได้จังหวะนั้นเขาก็หวนนึกถึงตอนที่เล่นเกมต่อสู้กับแองเจลีนในห้องเกมอีสปอร์ตเขาเลยนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเกมมาปรับใช้…เจย์ยกขายาว ๆ ของเขาขึ้นและเตะไปที่เป้าของชายที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่บอกกล่าว ชายคนนั้นเจ็บมากเสียจนถือมีดต่อไปไม่ไหว เขาตัวงอลงนอนกับพื้นและร้องเสียงดัง“เอาจริงสิ? นายน้อยอย่างแกสิ้นท่าขนาดใช้ลูกไม้ใต้เข็มขัดแบบนี้เลยเหรอ?”เจย์ยิ้ม กระบวนท่าที่แองเจลีนสอนเขานับว่าใช้การได้ดีทีเดียวขณะที่ชายพวกนั้นเริ่มถอย เจย์ก็ก้าวไปด้านหน้าและฉวยมีดของชายคนแรกมา ทันใดนั้นมีดยา
เซร่าเกลียดแองเจลีนมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณอะไรของแองเจลีน เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหายูมิพร้อมพูดอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องแต่งงานของฉันคงต้องรบกวนเธอแล้วยูมิ”แอนน์จ้องเซร่าอย่างหัวเสียและพยายามอธิบายเหตุผล “แม่พยายามทั้งชีวิตเพื่อที่จะเข้าใจแองเจลีนพี่สาวลูก แม้ว่าเธอจะอารมณ์ร้อนและปากร้ายไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้าย แถมเธอยังรู้จักใส่ใจครอบครัว เซร่าลูกก็อย่าไปโมโหพี่เขาเลยไม่งั้นวันหนึ่งจะเสียใจ”แต่เซร่านั้นรับฟังแม่ของเธอไหม?เมื่อยูมิเห็นว่าเซร่าทำตัวห่างเหินจากแองเจลีนแค่ไหน รอยยิ้มชั่วร้ายก็เต้นระยิบในดวงตาเธอ“ฉันมีอะไรจะบอกเซร่า มากับฉันสิ”เพื่อเก็บให้เรื่องนี้เป็นความลับ ยูมิก็พาเซร่าออกมาที่สวนก่อนกอดอกและมองเซร่าหัวจดเท้า“เธอนี่สวยไม่เบานะ” เธอพูดอย่างเสแสร้ง“ถ้ารูปร่างหน้าตาสวย ๆ แบบนี้ไม่เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็เสียดายแย่”เซร่าจ้องเธอ และพูดอย่างหมดความอดทน “เลิกพูดจาไร้สาระเถอะน่า เข้าเรื่องสักที”ดวงตาของยูมิฉายแววยิ้มร้าย ทันใดนั้นเธอก็เอนตัวเข้าหาเซร่าแล้วกระซิบเบา ๆ “เธอรู้ไหมว่าเขากลับมาแล้ว?”
เซร่ามองยูมิอย่างมีลับลมคมในก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มตอนนี้เธอไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกอีกแล้ว แม้แต่ฝีเท้าทุกก้าวย่างก็เบาเหมือนขนนกยูมิยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแดงสด แววตาฉาบพิษร้ายเต้นระริกในดวงตา“โถ แองเจลีน ถึงเซร่าจะทำไม่สำเร็จแต่ฉันก็มั่นใจว่าสภาพร่างกายเธอคงทนรับความกดดันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ไหวแน่ใช่ไหม? เมื่อสุดท้ายเธอตาบอดหูหนวกแล้ว ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะจัดการกับแกรนด์เอเซียยังไง?”“สิ่งที่เธอแย่งชิงไปจากฉัน ฉันจะต้องให้เธอจ่ายคืนมาพร้อมดอกเบี้ยอย่างสาสม”วันต่อมาเซร่าก็มาที่วิลล่าคริสโซเพรส ในเมืองอิมพีเรียลวิลล่าคริสโซเพรสเป็นวิลล่าอีกแห่งที่แองเจลีนเตรียมไว้ให้พวกตระกูลอาเรส แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน แต่ที่นี่ก็เพียงพอให้พวกตระกูลอาเรสอยู่อย่างสงบปลอดภัยบางทีอาจจะเป็นเพราะการสูญเสียหลานชายไป หรือพวกตระกูลอาเรสอาจจะได้รับบทเรียนแล้ว พวกเขาก็เลยอยู่อย่างสงบทำตัวไม่โดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของพวกองค์กรโลกาวินาศนอกจากพวกหลานชายวัยหนุ่มไม่กี่คนที่ออกไปบริหารอาเรสฟิล์ม พวกรุ่นผู้ใหญ่ต่างก็อยู่อย่างกบดานและติดต่อกับค