เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็เอาชนะเธอไม่ได้ เจนสันจึงหยุดเดินวิทนีย์มาหยุดตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอโศกเศร้า “เธอชอบพวกผู้หญิงที่เรียนวิชามารยาทจริง ๆ เหรอ หรือว่าแค่เป็นข้ออ้างให้ฉันออกไปจากชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้?”เจนสันจ้องมองสายตาจริงจังของวิทนีย์ “ฉันแค่คิดว่าเธอควรไปเข้าชั้นเรียนมารยาทบ้าง จะได้ลบรังสีป่าเถื่อนในตัวเธอลงไป”วิทนีย์บอก “งั้นถ้าฉันไปเรียนมารยาทแล้วนายจะชอบฉันใช่ไหม?”เจนสันขมวดคิ้ว“ฉันไม่ยอมผู้หญิงที่เที่ยวไปทำตัวคลุกคลีกับพวกผู้ชาย” เจนสันบอกวิทนีย์นึกได้ว่าเธอมักจะไปแตะเนื้อต้องตัวกับพวกผู้ชายเสมอเวลาที่ต่อสู้ กลายเป็นว่านั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าเจนสันผู้เป็นโรคกลัวเชื้อโรคจะรับไหว“ก็ได้ งั้นฉันจะทำตามที่นายบอก เวรจริง ๆ จากนี้ไปฉันก็จะไม่สู้กับใครอีกแล้ว”เจนสันมองเธอ “ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่พูดคำหยาบเหมือนกัน”วิทนีย์รีบเอามือปิดปาก “โอเค ฉันยอมปัญญาอ่อนดีกว่าจะพูดคำหยาบ”เจนสันมองวิทนีย์…ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอมักจะมาอยู่เคียงข้างเขาเสมอในตอนที่เขาเหงาหรือคิดถึงบ้านเธอเป็นเหมือนนกกระจอกที่ร้องจิ๊บ ๆ ไม่หยุด เธอช่วยขับไล่ความเศร้าและความหงุดหงิดใจของเขาไป
”เจนสัน!”เสียงดังปานนางสิงห์ของวิทนีย์ดังก้องไปทั่วบริเวณหอพักนักเรียน“ออกมาเลยนะ เจ้ามารร้าย”เจนสันนั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ม้านั่งริมหน้าต่างของห้องในหอพักแบบธรรมดา มีขาตั้งวาดรูปวางอยู่ด้านหน้าเขาเจนสันมองไปยังรูปผู้หญิงที่สวยงามและอ่อนโยนในรูปด้วยดวงตาเอ่อคลอวิทนีย์บุกตะลุยเข้ามา ก่อนยืนเท้าเอวและกระทืบเท้าเดินเข้ามาหาเจนสัน “นายทำเรื่องที่เลวร้ายมากเลยนะ เจ้ามารร้าย”เจนสันเงยหน้ามองดูเธอ ท่ามกลางแสงอาทิตย์วิทนีย์เห็นว่าดวงตาสวยมีเสน่ห์ของเขานั้นแวววาวฉ่ำน้ำผิดปกติ“นายร้องไห้เหรอเจนส์?” วิทนีย์ถามอย่างกระวนกระวายเท่าที่เธอจำได้ เด็กชายตัวน้อยคนนี้มักจะดื้อรั้นและไม่สะทกสะเทือนต่อสิ่งใด นับจากวันที่เข้ามาในโรงเรียน เขาก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นไม่ว่าจะเจอความยากลำบากเพียงใดวิทนีย์หันไปมองที่รูปวาด เมื่อเธอเห็นว่าเป็นรูปผู้หญิงสวยที่ดูอ่อนโยน เธอก็แปลกใจจนทำให้จ้องอย่างตะลึงไปพักหนึ่ง“เธอสวยจังเลย ใครเหรอเจนส์?”“คุณแม่ฮะ” เจนสันตอบวิทนีย์แข็งค้าง…จากนั้นแววตาเธอก็มีรอยยิ้มเธอรู้ว่าเจนส์เป็นเด็กที่เคร่งขรึม แต่การที่เขาไม่พูดแบบเต็มประโยคในการที่แนะนำแม่เขาแบบ
วิทนีย์พูดอย่างมุ่งมั่นและอ่อนหวาน “ไม่ต้องห่วงเจนสัน ถึงฉันจะไม่แน่ใจแค่ไหน ฉันก็จะฝึกร่างกายที่แกร่งดุจเหล็กกล้าของฉัน ให้อ่อนนิ่มจนนายสามารถจับปั้นเป็นแบบที่นายชอบได้เลยล่ะ ถึงฉันจะต้องลงคลาน ฉันก็จะคลานไปหานาย”“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายเป็นเพนเนโลพีที่สองแน่นอน”เจนสันงึมงำ “เธอจะคลานมาหาฉันไหมมันก็เรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”วิทนีย์ “...”เมื่อวิทนีย์เห็นว่าใบหูของเจนสันเป็นสีชมพู เธอก็หลุดยิ้มออกมา“ฉันจะไปหัดเย็บผ้าแล้ว”“ฉันไปแล้วนะเจนส์”หลังพูดจบวิทนีย์ก็จากไปเจนสันมองภาพวาดแม่เงียบ ๆ รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งของเขาเขาพูดเสียงต่ำ “ผมจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ครับคุณแม่”แกรนด์ เอเซีย เมืองอิมพีเรียลค่ำคืนนี้ช่างยาวนานและเจย์ก็นอนไม่หลับทั้งคืนเขายืนอยู่ด้านหน้าบานหน้าต่างโค้งในห้องนอนขณะจ้องไปที่วิลล่าตรงข้ามด้วยแววตาลึกล้ำเขารู้สึกสับสนเขาชอบแม่ของเซ็ตตี้น้อย เมื่อไรก็ตามที่เขาเห็นเธอเขาก็มีความรู้สึกอยากเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอแองเจลีนเองก็ชอบเขา เป็นความรักแบบที่เธอสามารถสละทุกอย่างได้โดยไม่ลังเลผู้หญิงทั้งสองเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโ
ทันใดก็มีรถหลายคันพุ่งเข้ามาจอดตรงหน้าเจย์ขณะที่ล้อรถหมุนก็สาดน้ำขังบนพื้นสาดมาใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวของเจย์เจย์ขมวดคิ้ว และใช้ตาคมดุจเหยี่ยวจ้องไปยังรถคันนั้นประตูรถเปิดออก และมีประกายของมีดยาวพุ่งตรงมาหาเขาเจย์เอนตัวหลบมีดยาวได้อย่างรวดเร็วตอนนั้นเองประตูรถทุกคันต่างถูกเตะเปิดออก แล้วมีชายนับสิบคนออกมาจากรถชายเหล่านี้เข้ามาล้อมเจย์ไว้ เขาหันหลังพิงกำแพงของร้านสะดวกซื้อขณะที่กวาดสายตามองพวกชายตรงหน้าอย่างรวดเร็วเขาไม่รู้ว่าจะสู้พวกมันได้หรือไม่ เพราะว่าเขาต้องรับมือเพียงคนเดียว เขาอดหวั่นใจไม่ได้จังหวะนั้นเขาก็หวนนึกถึงตอนที่เล่นเกมต่อสู้กับแองเจลีนในห้องเกมอีสปอร์ตเขาเลยนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเกมมาปรับใช้…เจย์ยกขายาว ๆ ของเขาขึ้นและเตะไปที่เป้าของชายที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่บอกกล่าว ชายคนนั้นเจ็บมากเสียจนถือมีดต่อไปไม่ไหว เขาตัวงอลงนอนกับพื้นและร้องเสียงดัง“เอาจริงสิ? นายน้อยอย่างแกสิ้นท่าขนาดใช้ลูกไม้ใต้เข็มขัดแบบนี้เลยเหรอ?”เจย์ยิ้ม กระบวนท่าที่แองเจลีนสอนเขานับว่าใช้การได้ดีทีเดียวขณะที่ชายพวกนั้นเริ่มถอย เจย์ก็ก้าวไปด้านหน้าและฉวยมีดของชายคนแรกมา ทันใดนั้นมีดยา
เซร่าเกลียดแองเจลีนมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณอะไรของแองเจลีน เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหายูมิพร้อมพูดอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องแต่งงานของฉันคงต้องรบกวนเธอแล้วยูมิ”แอนน์จ้องเซร่าอย่างหัวเสียและพยายามอธิบายเหตุผล “แม่พยายามทั้งชีวิตเพื่อที่จะเข้าใจแองเจลีนพี่สาวลูก แม้ว่าเธอจะอารมณ์ร้อนและปากร้ายไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้าย แถมเธอยังรู้จักใส่ใจครอบครัว เซร่าลูกก็อย่าไปโมโหพี่เขาเลยไม่งั้นวันหนึ่งจะเสียใจ”แต่เซร่านั้นรับฟังแม่ของเธอไหม?เมื่อยูมิเห็นว่าเซร่าทำตัวห่างเหินจากแองเจลีนแค่ไหน รอยยิ้มชั่วร้ายก็เต้นระยิบในดวงตาเธอ“ฉันมีอะไรจะบอกเซร่า มากับฉันสิ”เพื่อเก็บให้เรื่องนี้เป็นความลับ ยูมิก็พาเซร่าออกมาที่สวนก่อนกอดอกและมองเซร่าหัวจดเท้า“เธอนี่สวยไม่เบานะ” เธอพูดอย่างเสแสร้ง“ถ้ารูปร่างหน้าตาสวย ๆ แบบนี้ไม่เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็เสียดายแย่”เซร่าจ้องเธอ และพูดอย่างหมดความอดทน “เลิกพูดจาไร้สาระเถอะน่า เข้าเรื่องสักที”ดวงตาของยูมิฉายแววยิ้มร้าย ทันใดนั้นเธอก็เอนตัวเข้าหาเซร่าแล้วกระซิบเบา ๆ “เธอรู้ไหมว่าเขากลับมาแล้ว?”
เซร่ามองยูมิอย่างมีลับลมคมในก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มตอนนี้เธอไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกอีกแล้ว แม้แต่ฝีเท้าทุกก้าวย่างก็เบาเหมือนขนนกยูมิยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแดงสด แววตาฉาบพิษร้ายเต้นระริกในดวงตา“โถ แองเจลีน ถึงเซร่าจะทำไม่สำเร็จแต่ฉันก็มั่นใจว่าสภาพร่างกายเธอคงทนรับความกดดันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ไหวแน่ใช่ไหม? เมื่อสุดท้ายเธอตาบอดหูหนวกแล้ว ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะจัดการกับแกรนด์เอเซียยังไง?”“สิ่งที่เธอแย่งชิงไปจากฉัน ฉันจะต้องให้เธอจ่ายคืนมาพร้อมดอกเบี้ยอย่างสาสม”วันต่อมาเซร่าก็มาที่วิลล่าคริสโซเพรส ในเมืองอิมพีเรียลวิลล่าคริสโซเพรสเป็นวิลล่าอีกแห่งที่แองเจลีนเตรียมไว้ให้พวกตระกูลอาเรส แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน แต่ที่นี่ก็เพียงพอให้พวกตระกูลอาเรสอยู่อย่างสงบปลอดภัยบางทีอาจจะเป็นเพราะการสูญเสียหลานชายไป หรือพวกตระกูลอาเรสอาจจะได้รับบทเรียนแล้ว พวกเขาก็เลยอยู่อย่างสงบทำตัวไม่โดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของพวกองค์กรโลกาวินาศนอกจากพวกหลานชายวัยหนุ่มไม่กี่คนที่ออกไปบริหารอาเรสฟิล์ม พวกรุ่นผู้ใหญ่ต่างก็อยู่อย่างกบดานและติดต่อกับค
”บอกสิว่าจะให้ฉันช่วยเธอยังไง?” คุณนายอาเรสปลอบเซร่าพูดทั้งน้ำตา “หนูแน่ใจว่าคุณรู้ว่าสิ่งเดียวในชีวิตที่หนูต้องการคืออะไร นั่นก็คือเจย์ หนูต้องทนทุกข์สารพัดและโดนเหยียดหยามมากมายเพื่อเขา หนูขอร้องนะคะคุณนายอาเรส ช่วยทำให้หนูสมปรารถนาได้ไหมคะ?” หลังจากพูดจบเซร่าก็เริ่มลงไปเกาะเท้าคุณนายอาเรสคุณนายอาเรสรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อเห็นแบบนี้ เธอดึงเซร่าให้ลุกขึ้นและแนะนำอย่างจริงจัง “เซร่า หนูรู้ดีกว่าใครว่าเจย์รักแค่แองเจลีนเท่านั้น”เซร่าตอบ “ถ้าเขายังเป็นเหมือนเดิม หนูก็ไม่ใจกล้าหน้าด้านมาขอหรือคาดหวังหรอกค่ะ คุณนายอาเรสคะ ตอนนี้เขาความจำเสื่อมแล้วก็มีข่าวลือมาว่าเขาเย็นชาแล้วก็ไม่ใส่ใจแองเจลีนแล้ว บางทีพระเจ้าอาจจะให้โอกาสหนูอีกครั้งก็ได้นะคะ?”คุณนายอาเรสเริ่มลังเลเซร่าอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “คุณเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ดูแลหนูอย่างดี คุณนายอาเรสคะถ้าแม้แต่คุณยังหันหลังให้หนู หนูก็คงเหลือแค่ทางตายเท่านั้น”“โอเค ฉันจะช่วยเธออีกสักครั้ง”เซร่าหลุดยิ้มคุณนายอาเรสถาม “หนูรู้เหรอว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”เซร่าพยักหน้าด้วยความช่วยเหลือของยูมิ เธอก็หาที่อยู่ของเจย์ได้ไม่ยากที่ห้องทำงาน
ทันใดนั้นออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น เจย์วางยี่หร่าไว้บนโต๊ะกาแฟก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูคุณนายอาเรสและเซร่ายืนอยู่หน้าประตู เซร่านั้นเกาะแขนของคุณนายไว้อย่างสนิทแนบแน่น วันนี้ตัวเธอเองก็ดูสวยสง่ามีระดับเพราะเธอทุ่มเทความคิดไปกับการแต่งตัววันนี้มากเจย์เปิดประตูที่มีระบบนิรภัยออกมาและงุนงงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพวกเธอ“ลูกแม่” เมื่อคุณนายอาเรสได้เห็นเจย์อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน เธอก็รู้สึกตื้นตันอารมณ์ท่วมท้นจนน้ำตาไหลพรากเธอพยายามจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเจย์ แต่เจย์ก็หันหน้าไปด้านข้างเพื่อหลบการสัมผัสนั้นเมื่อเซร่าเห็นว่าเจย์นิ่วหน้า เธอก็รีบอธิบายให้เขาฟังอย่างเร็วว่า “เธอเป็นแม่ของคุณค่ะ เจย์บี้”เจย์ยังคงจ้องพวกเธอหลังจากที่โดนมาริลินหลอกและยังมาโดนพวกนักฆ่าทำร้าย เจย์ก็ได้รับรู้ว่าเขามีตัวตนที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงระมัดระวังทุกคนที่เข้ามาหาเขาคุณนายอาเรสไม่รู้ถึงความกังวลใจของเจย์ เธอเริ่มแนะนำตนเองกับเขา “นี่ลูกจำพวกเราไม่ได้แล้วเหรอ ลูกแม่? แม่เป็นแม่ของลูกไงและนี่… เป็นผู้หญิงที่ลูกรักที่สุด”เจย์หันไปมองหน้าเซร่าพอเป็นพิธี ความรู้สึกเฉยชาในใจก็ทำให้ตัวเ