”คุณแม่หนูไปไหนล่ะ?” เจย์ถามอย่างสงสัย“คุณแม่ไม่อยู่บ้านค่ะ” เซ็ตตี้น้อยตอบด้วยท่าทางน่าสงสาร“มาสิ ฉันจะทำอะไรให้หนูกินเอง” เจย์จับมือเซ็ตตี้และเดินลงมาชั้นล่างแต่ว่า…เจย์หยุดเดินเมื่อเขาผ่านห้องกระจกบริเวณระเบียงสวนด้วยดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขา เขามองทะลุเข้าไปในห้องกระจกและเห็นกล้องดูดาววางอยู่โดยหันไปทางบ้านของเขา“นั่นอะไรน่ะ?” เขาถามอย่างสงสัยโชคยังดีที่เขาคิดว่าแม่ของเซ็ตตี้น้อยนั้นตาบอด ไม่อย่างงั้นเขาคงจะคิดอะไรไปเลยเถิดใหญ่โตเซ็ตตี้น้อยอธิบายอาย ๆ “นั่นกล้องของป้าหนูเองค่ะ”พ่อจะรู้ไม่ได้ว่ากล้องนั้นเป็นของแม่ เขาต้องฉุนขาดแน่นอนถ้ารู้ว่าแม่คอยเฝ้าสอดส่องเขาอยู่แบบนั้นเส้นประสาทที่ผ่อนคลายไปแล้วของเจย์ตึงเขม็งขึ้นมาทันที “แองเจลีน เซเวียร์เหรอ?”เซ็ตตี้หัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ค่ะ”ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์มืดครึ้ม ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมแองเจลีนถึงได้พูดว่าเขาเอาแต่สนใจเรื่องอย่างว่าแถมเธอยังกังวลว่า เขาจะติดโรคไวรัสตับมาอีกนี่เธอคอยแอบดูเขาอย่างนั้นเหรอ?แต่เพราะว่าการมาสติแตกต่อหน้าเด็กเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เจย์จึงได้แต่กดข่มโทสะไว้แล้วพูดเบา
ผู้หญิงคนนี้จะยอมให้เขาไปเป็นพ่อของเซ็ตตี้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวหล่อนเองใช้เล่ห์กลสารพัดหว่านใส่เขา?เซ็ตตี้น้อยเป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องเธอนะ!แองเจลีนเห็นด้วยอย่างไม่คิด “แน่นอน”เจย์พูดย้อน “นี่สมองคุณผิดปกติเหรอไงกัน?”แองเจลีนถามอย่างไม่เข้าใจ “สมองฉันผิดปกติตรงไหน?”ก็เขาเป็นพ่อของเซ็ตตี้จริง ๆ นี่นา แล้วมันผิดปกติตรงไหน?เจย์แค่นเสียง “ท่าทางคุณจะปัญญาอ่อนแน่ ๆ “ถ้าเธอชอบเขามากขนาดนั้น แล้วทำไมถึงจะยกเขาให้เป็นพ่อของลูกกับผู้หญิงคนอื่นได้หน้าตาเฉยแบบนี้?แองเจลีนเกาหัว เมื่อทันใดนั้น เธอก็เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอรีบส่งสัญญาณทางสายตาให้เซ็ตตี้ “ไม่มีทางเลยเซ็ตตี้ อนาคตคุณเบ็นจะกลายมาเป็นสามีของคุณป้า หนูเรียกเขาได้แค่ลุงเบ็นเท่านั้น”พอได้เห็นสัญญาณลับที่แม่ส่งมาให้ เซ็ตตี้ก็ทำท่าน่าสงสารทันใด “เหรอคะ? งั้นก็แย่จัง!”เจย์มองแองเจลีนอย่างหมดคำพูด “ใครบอกกันว่าผมจะเป็นสามีคุณ?”แองเจลีนตอบอย่างมั่นใจ “ก็นายยอมให้ฉันตามจีบนายแล้วไม่ใช่เหรอ?”“ผมไปตกลงยอมตอนไหน?”“วันนี้ที่ห้องทำงานฉันตอน บ่าย 2 โมง 37 นาที”เซ็ตตี้น้อยหัวเราะคิกคัก “แหม ตัวเลขนี้มันแปลว่าฉันรั
แองเจลีนรู้สึกห่อเหี่ยวมากส่วนเซ็ตตี้น้อยนั้นกลับคึกคักเป็นที่สุดเซ็ตตี้น้อยตื่นเต้นดีใจ บอกเรื่องน่าปลื้มของเธอที่ว่า คุณพ่อนั้นกระโดดข้ามระเบียงมากอดเธอไว้“คุณแม่คะ ทั้ง ๆ ที่คุณพ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกสาวคุณพ่อแต่หนูก็บอกได้ว่า คุณพ่อรักหนูมากเลย วันนี้ตอนหนูวิ่งไปหาคุณพ่อ คุณพ่อกลัวว่าหนูจะตกจากระเบียงจนกระโดดข้ามมาหาหนูเร็วเหมือนพายุเลย คุณพ่อกระโดดข้ามช่องว่างกว้าง ๆ นั่นไม่ลังเลสักนิด เกือบทำให้หนูตกใจตายเลยล่ะค่ะ”เซ็ตตี้น้อยตบหน้าอกตัวเอง ความกลัวยังค้างอยู่ในใจแองเจลีนตะลึงไป“คุณแม่คะ” เซ็ตตี้น้อยเรียกเธออีกสองสามครั้ง ก่อนจะเรียกสติของแองเจลีนกลับมาได้ตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เริ่มแดง เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น “คุณพ่อเขารักหนูนะเซ็ตตี้น้อย เขารักลูก ๆ ทุกคน”แองเจลีนสูดจมูก จากนั้นก็ร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ “คุณแม่รู้สึกสงสารพ่อของลูก แม่ยังหาร็อบบี้ไม่เจอแถมยังไม่ได้ข่าวเรื่องเจนส์อีก ถ้าพ่อรู้ว่าแม่ทิ้งลูกอีกสองคนไว้ ไม่รู้ว่าเขาจะใจสลายแค่ไหน”เซ็ตตี้น้อยกอดแม่ของเธออย่างอ่อนโยน “อย่างร้องเลยนะคะ คุณแม่พยายามทำเต็มที่แล้ว อย่าตำหนิตัวเองเลย”น้ำตาแองเจลีนไหลพรากไม
”เล่นหมอนี่เลย”พอพูดจบ เด็กชายคนหนึ่งก็เดินเท้าเอวเข้ามาหาเจนสัน“ลุกขึ้นมาเจนสัน ฉันอยากจะสู้ตัวต่อตัวกับนาย”“ฉันขอปฏิเสธ” เจนสันตอบอย่างเย็นชา พร้อมปรายตามองเด็กคนนั้นอย่างเสียไม่ได้“นี่ มองตาหมอนี่สิ นี่นายกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม?” นักเรียนคนนั้นหันกลับไปถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ“ให้พูดตามตรง ไอ้ขยะไร้ประโยชน์นี่ไม่น่าจะมีสายตาคมกล้าแบบนั้นนะ แต่ก็ใช่เลยหัวหน้า หมอนี่มองเหยียดนายเมื่อกี้”“หึ ๆ เจนสัน นายคงอยากหาเรื่องตายมากสินะ รู้ตัวใช่ไหม?” พร้อมคำพูดนั้น เด็กชายยกเท้าขึ้นโดยไม่บอกกล่าวและเล็งเข้าที่ก้านคอของเจนสันลูกเตะของเขารวดเร็วรุนแรง พุ่งเขาหาเจนสันไวราวแสง“อ๊ากกกก!”ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง กลุ่มเพื่อนของเด็กชายคนนั้นที่ตอนแรกพากันยิ้มเยาะ ต่างก็อ้าปากค้าง และพากันหน้าซีดเผือดเหมือนเห็นผีเจนสันยังไม่ขยับตัวเลยสักนิดขาของเด็กเกเรคนนั้นข้อต่อหลุด และตัวเขายังลอยค้างในอากาศเหมือนอยู่บนชิงช้า“เกิดอะไรขึ้น หัวหน้า?”นักเรียนสองสามคนรีบเข้ามาช่วยหัวหน้า“พวกนายไม่เห็นเหรอ? หมอนี่มีผู้ช่วย”“ผู้ช่วยเหรอ? ไหนล่ะ?”
สายตาเจนสันเลื่อนไปมองที่มือวิทนีย์ “เอามือออกไป” เขาสั่งเสียงเย็นวิทนีย์กลับยิ่งจับแน่นไม่ปล่อยและยิ้มให้เขาจนตาหยี “ฉันมีอะไรจะบอกนาย เจนส์น้อย”“งั้นก็บอกมา” เจนสันดูหมดความอดทนแววยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏในตาของวิทนีย์ เธอยืนเขย่งเท้าและทาบริมฝีปากนุ่มนวลของเธอบนริมฝีปากเจนสันรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ เจนสันจ้องเธอด้วยตาขุ่นมัวและเกรี้ยวกราดเธอรู้สึกเหมือนเด็กที่ทำความผิด วิทนีย์เริ่มที่จะหน้าแดงด้วยความอาย “ฉันชอบนาย เจนสัน”เจนสันเช็ดริมฝีปากของตนที่เพิ่งโดนเธอจูบไปอย่างรังเกียจและฉุนขาด “เธอบ้าเหรอไง?”“ใช่ฉันบ้า ฉันชอบนายจนจะเป็นบ้าแล้วนี่ไง” วิทนีย์ยิ้มกริ่ม“เธอกินอะไรเข้าไปถึงได้แก่แดดแบบนี้เนี่ย?” เขาถามอย่างอารมณ์เสีย“ฉันคิดเรื่องนี้มาแล้วเจนส์ ฉันรู้ว่าเราสองคนยังเด็กมากและฉันก็อยากรอให้นายโตกว่านี้อีกหน่อยถึงจะสารภาพรักกับเธอ แต่ตอนนี้นายค่อย ๆ สูงขึ้น พวกสาว ๆ ในโรงเรียนก็เริ่มชอบนายเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ฉันก็เลยรู้สึกว่า คงไม่ได้การแล้ว”หลังหยุดไปครู่หนึ่ง วิทนีย์ก็กัดฟันเสี่ยงดวงพูดว่า “ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะจูบประทับตราจองไว้ ตอนนี้พอเราจูบกันแล้ว นายก็เป็นของฉัน พอนาย
วิทนีย์เบิกตากว้างและมองเจนสันอย่างไม่อยากเชื่อ “นายมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครเลย ใช่ไหมเนี่ยเจนสัน? ชั้นเรียนวิชามารยาทที่ติดกันนี่เกือบจะโดนปิดคลาสแล้ว เพราะว่าเป็นวิชาเดียวในโรงเรียนที่ไม่มีใครอยากจะลงเรียน”ตอนนั้นเอง มีเด็กผู้หญิงจากชั้นเรียนมารยาทเดินผ่านมาใส่ชุดเป็นทางการเรียบร้อย มีกิริยามารยาทดูสูงสง่างดงามเพราะแบบนั้นเจนสันก็จ้องมองเด็กสาวพวกนั้นไม่วางตาวิทนีย์ยื่นมือไปปิดตาเจนสันไว้อย่างโมโห“มีอะไรให้ดูกันนักหนา? นายไม่เห็นกระบนหน้าเธอเหรอไง?”เจนสันดึงมือเธอออก “ตำหนิแค่อย่างเดียว ลดความงามของหยกแท้ไม่ได้หรอก”วิทนีย์ดูเสียใจมาก เห็นชัด ๆ ว่าเธอนั้นมีทั้งรูปร่าง หน้าตา และความเฉลียวฉลาด เธอดีกว่าแม่สาวตกกระนั้นเป็นไหน ๆ เจนสันชอบผู้หญิงที่ดูไม่เจริญตาแบบนั้นจริงเหรอ?วิทนีย์รู้สึกหงุดหงิดใจ ฟังดูเหมือนเธอจะตายมากกว่าแค่อับอายเท่านั้น “ยัยนั่นจะไปรู้อะไรกัน? ก็แค่ชงชาแล้วก็ถือเข็มปักผ้าใช่ไหม? ฉันเองก็ทำเป็นเหมือนกัน นายคอยดูเลย ฉันจะไปลงเรียนวิชามารยาทพรุ่งนี้เลย”เมื่อเห็นว่าเขาหลอกให้เธอตกหลุมพรางได้สำเร็จแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ฉายในดวงตาเจนสัน แต่เขาก็ยังล่อหลอ
”เจนสัน” จู่ ๆ ครูสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ก็เรียกเจนสันเจนสันหันกลับไปครูบอกว่า “เธอไม่เคยเข้าร่วมในการประลองเลย แบบนี้มันก็ไม่ช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเธอนะ วันนี้วิทนีย์จะออกจากชั้นศิลปะการต่อสู้แล้ว เธออยากมาประลองกับวิทนีย์ไหม? ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป ก็คงไม่ได้เจอคู่ต่อสู้เก่ง ๆ แบบวิทนีย์อีกแล้วนะ”เจนสันชำเลืองมองวิทนีย์ชั่วแว่บ วิทนีย์ยังคงนั่งทับอยู่บนหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น เมื่อเธอเห็นว่าเจนสันมองเธอ วิทนีย์ก็รู้สึกเหมือนมีสปริงดีดเธอให้ตัวลอยขึ้นไปในอากาศเมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าเจนสันชอบเด็กผู้หญิงแบบไหน เธอแค่รู้ว่าต้องปกป้องเขา คุยกับเขา และทำให้เขามีความสุขแต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว แม้ว่าเจนสันจะยังเด็กแต่เขากลับมีรสนิยมที่อนุรักษนิยมและออกจะเชยเขาชอบสาวอ่อนโยนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้วิทนีย์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงแบบที่เจนสันชอบเมื่อรู้ว่าเจนสันเป็นผู้ชายเงียบขรึมที่ไม่ชอบการต่อสู้ วิทนีย์ก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ เธอเลยช่วยให้เขาหลุดจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนด้วยการพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หนูว่าเจนส์น้อยไม่จำเป็นต้องมาสู้กับหนูหรอกค่ะครู ถ้าเขาอย
เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็เอาชนะเธอไม่ได้ เจนสันจึงหยุดเดินวิทนีย์มาหยุดตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอโศกเศร้า “เธอชอบพวกผู้หญิงที่เรียนวิชามารยาทจริง ๆ เหรอ หรือว่าแค่เป็นข้ออ้างให้ฉันออกไปจากชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้?”เจนสันจ้องมองสายตาจริงจังของวิทนีย์ “ฉันแค่คิดว่าเธอควรไปเข้าชั้นเรียนมารยาทบ้าง จะได้ลบรังสีป่าเถื่อนในตัวเธอลงไป”วิทนีย์บอก “งั้นถ้าฉันไปเรียนมารยาทแล้วนายจะชอบฉันใช่ไหม?”เจนสันขมวดคิ้ว“ฉันไม่ยอมผู้หญิงที่เที่ยวไปทำตัวคลุกคลีกับพวกผู้ชาย” เจนสันบอกวิทนีย์นึกได้ว่าเธอมักจะไปแตะเนื้อต้องตัวกับพวกผู้ชายเสมอเวลาที่ต่อสู้ กลายเป็นว่านั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าเจนสันผู้เป็นโรคกลัวเชื้อโรคจะรับไหว“ก็ได้ งั้นฉันจะทำตามที่นายบอก เวรจริง ๆ จากนี้ไปฉันก็จะไม่สู้กับใครอีกแล้ว”เจนสันมองเธอ “ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่พูดคำหยาบเหมือนกัน”วิทนีย์รีบเอามือปิดปาก “โอเค ฉันยอมปัญญาอ่อนดีกว่าจะพูดคำหยาบ”เจนสันมองวิทนีย์…ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอมักจะมาอยู่เคียงข้างเขาเสมอในตอนที่เขาเหงาหรือคิดถึงบ้านเธอเป็นเหมือนนกกระจอกที่ร้องจิ๊บ ๆ ไม่หยุด เธอช่วยขับไล่ความเศร้าและความหงุดหงิดใจของเขาไป