เธอดึงประตูระบบนิรภัยเปิดออกก่อนเดินจากมาด้วยความเสียใจสุดซึ้งตอนนั้นเองที่เสียงเปียโนไพเราะรื่นหู ดังแว่วออกมาจากในบ้านเจย์กำลังเล่นเพลงชื่อ ‘Mountain High River Deep’แม้คำพูดของเขาจะเย็นชาไม่ถนอมน้ำใจ แต่เสียงเปียโนที่เขาเล่นก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขานั้นยังรู้สึกขอบคุณมาริลินอยู่บ้าง เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไรกัน?มาริลินช่วยชีวิตเขาไว้ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเขาก็มีความรู้สึกขอบคุณเธอ แม้ว่าเธอจะทำผิดแต่ก็เถียงไม่ได้ว่าเธอเป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้เขาในที่สุดประตูที่แง้มอยู่ก็ปิดสนิทบานประตูที่ไม่หนานักนั้นเป็นเหมือนตัวกั้นระหว่างเบ็นและมาริลินที่อยู่ในโลกสองใบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงเจย์เล่นเพลง ‘Mountain High River Deep' ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเขากำลังเอ่ยอำลาให้กับอดีตที่แสนใสซื่อและโง่เขลาของตัวเองสุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนข้างหน้าบานหน้าต่างกระจกโค้งอย่างหงุดหงิดใจและเปิดม่านออกแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระทบขาตั้งไม้สีขาวดวงตาเหยี่ยวของเจย์หรี่ลงเล็กน้อย เขาดึงผ้าสีขาวที่คลุมขาตั้งไว้ด้วยมือสั่นเทาภาพใบห
”คุณแม่หนูไปไหนล่ะ?” เจย์ถามอย่างสงสัย“คุณแม่ไม่อยู่บ้านค่ะ” เซ็ตตี้น้อยตอบด้วยท่าทางน่าสงสาร“มาสิ ฉันจะทำอะไรให้หนูกินเอง” เจย์จับมือเซ็ตตี้และเดินลงมาชั้นล่างแต่ว่า…เจย์หยุดเดินเมื่อเขาผ่านห้องกระจกบริเวณระเบียงสวนด้วยดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขา เขามองทะลุเข้าไปในห้องกระจกและเห็นกล้องดูดาววางอยู่โดยหันไปทางบ้านของเขา“นั่นอะไรน่ะ?” เขาถามอย่างสงสัยโชคยังดีที่เขาคิดว่าแม่ของเซ็ตตี้น้อยนั้นตาบอด ไม่อย่างงั้นเขาคงจะคิดอะไรไปเลยเถิดใหญ่โตเซ็ตตี้น้อยอธิบายอาย ๆ “นั่นกล้องของป้าหนูเองค่ะ”พ่อจะรู้ไม่ได้ว่ากล้องนั้นเป็นของแม่ เขาต้องฉุนขาดแน่นอนถ้ารู้ว่าแม่คอยเฝ้าสอดส่องเขาอยู่แบบนั้นเส้นประสาทที่ผ่อนคลายไปแล้วของเจย์ตึงเขม็งขึ้นมาทันที “แองเจลีน เซเวียร์เหรอ?”เซ็ตตี้หัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ค่ะ”ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์มืดครึ้ม ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมแองเจลีนถึงได้พูดว่าเขาเอาแต่สนใจเรื่องอย่างว่าแถมเธอยังกังวลว่า เขาจะติดโรคไวรัสตับมาอีกนี่เธอคอยแอบดูเขาอย่างนั้นเหรอ?แต่เพราะว่าการมาสติแตกต่อหน้าเด็กเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เจย์จึงได้แต่กดข่มโทสะไว้แล้วพูดเบา
ผู้หญิงคนนี้จะยอมให้เขาไปเป็นพ่อของเซ็ตตี้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวหล่อนเองใช้เล่ห์กลสารพัดหว่านใส่เขา?เซ็ตตี้น้อยเป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องเธอนะ!แองเจลีนเห็นด้วยอย่างไม่คิด “แน่นอน”เจย์พูดย้อน “นี่สมองคุณผิดปกติเหรอไงกัน?”แองเจลีนถามอย่างไม่เข้าใจ “สมองฉันผิดปกติตรงไหน?”ก็เขาเป็นพ่อของเซ็ตตี้จริง ๆ นี่นา แล้วมันผิดปกติตรงไหน?เจย์แค่นเสียง “ท่าทางคุณจะปัญญาอ่อนแน่ ๆ “ถ้าเธอชอบเขามากขนาดนั้น แล้วทำไมถึงจะยกเขาให้เป็นพ่อของลูกกับผู้หญิงคนอื่นได้หน้าตาเฉยแบบนี้?แองเจลีนเกาหัว เมื่อทันใดนั้น เธอก็เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอรีบส่งสัญญาณทางสายตาให้เซ็ตตี้ “ไม่มีทางเลยเซ็ตตี้ อนาคตคุณเบ็นจะกลายมาเป็นสามีของคุณป้า หนูเรียกเขาได้แค่ลุงเบ็นเท่านั้น”พอได้เห็นสัญญาณลับที่แม่ส่งมาให้ เซ็ตตี้ก็ทำท่าน่าสงสารทันใด “เหรอคะ? งั้นก็แย่จัง!”เจย์มองแองเจลีนอย่างหมดคำพูด “ใครบอกกันว่าผมจะเป็นสามีคุณ?”แองเจลีนตอบอย่างมั่นใจ “ก็นายยอมให้ฉันตามจีบนายแล้วไม่ใช่เหรอ?”“ผมไปตกลงยอมตอนไหน?”“วันนี้ที่ห้องทำงานฉันตอน บ่าย 2 โมง 37 นาที”เซ็ตตี้น้อยหัวเราะคิกคัก “แหม ตัวเลขนี้มันแปลว่าฉันรั
แองเจลีนรู้สึกห่อเหี่ยวมากส่วนเซ็ตตี้น้อยนั้นกลับคึกคักเป็นที่สุดเซ็ตตี้น้อยตื่นเต้นดีใจ บอกเรื่องน่าปลื้มของเธอที่ว่า คุณพ่อนั้นกระโดดข้ามระเบียงมากอดเธอไว้“คุณแม่คะ ทั้ง ๆ ที่คุณพ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกสาวคุณพ่อแต่หนูก็บอกได้ว่า คุณพ่อรักหนูมากเลย วันนี้ตอนหนูวิ่งไปหาคุณพ่อ คุณพ่อกลัวว่าหนูจะตกจากระเบียงจนกระโดดข้ามมาหาหนูเร็วเหมือนพายุเลย คุณพ่อกระโดดข้ามช่องว่างกว้าง ๆ นั่นไม่ลังเลสักนิด เกือบทำให้หนูตกใจตายเลยล่ะค่ะ”เซ็ตตี้น้อยตบหน้าอกตัวเอง ความกลัวยังค้างอยู่ในใจแองเจลีนตะลึงไป“คุณแม่คะ” เซ็ตตี้น้อยเรียกเธออีกสองสามครั้ง ก่อนจะเรียกสติของแองเจลีนกลับมาได้ตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เริ่มแดง เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น “คุณพ่อเขารักหนูนะเซ็ตตี้น้อย เขารักลูก ๆ ทุกคน”แองเจลีนสูดจมูก จากนั้นก็ร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ “คุณแม่รู้สึกสงสารพ่อของลูก แม่ยังหาร็อบบี้ไม่เจอแถมยังไม่ได้ข่าวเรื่องเจนส์อีก ถ้าพ่อรู้ว่าแม่ทิ้งลูกอีกสองคนไว้ ไม่รู้ว่าเขาจะใจสลายแค่ไหน”เซ็ตตี้น้อยกอดแม่ของเธออย่างอ่อนโยน “อย่างร้องเลยนะคะ คุณแม่พยายามทำเต็มที่แล้ว อย่าตำหนิตัวเองเลย”น้ำตาแองเจลีนไหลพรากไม
”เล่นหมอนี่เลย”พอพูดจบ เด็กชายคนหนึ่งก็เดินเท้าเอวเข้ามาหาเจนสัน“ลุกขึ้นมาเจนสัน ฉันอยากจะสู้ตัวต่อตัวกับนาย”“ฉันขอปฏิเสธ” เจนสันตอบอย่างเย็นชา พร้อมปรายตามองเด็กคนนั้นอย่างเสียไม่ได้“นี่ มองตาหมอนี่สิ นี่นายกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม?” นักเรียนคนนั้นหันกลับไปถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ“ให้พูดตามตรง ไอ้ขยะไร้ประโยชน์นี่ไม่น่าจะมีสายตาคมกล้าแบบนั้นนะ แต่ก็ใช่เลยหัวหน้า หมอนี่มองเหยียดนายเมื่อกี้”“หึ ๆ เจนสัน นายคงอยากหาเรื่องตายมากสินะ รู้ตัวใช่ไหม?” พร้อมคำพูดนั้น เด็กชายยกเท้าขึ้นโดยไม่บอกกล่าวและเล็งเข้าที่ก้านคอของเจนสันลูกเตะของเขารวดเร็วรุนแรง พุ่งเขาหาเจนสันไวราวแสง“อ๊ากกกก!”ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง กลุ่มเพื่อนของเด็กชายคนนั้นที่ตอนแรกพากันยิ้มเยาะ ต่างก็อ้าปากค้าง และพากันหน้าซีดเผือดเหมือนเห็นผีเจนสันยังไม่ขยับตัวเลยสักนิดขาของเด็กเกเรคนนั้นข้อต่อหลุด และตัวเขายังลอยค้างในอากาศเหมือนอยู่บนชิงช้า“เกิดอะไรขึ้น หัวหน้า?”นักเรียนสองสามคนรีบเข้ามาช่วยหัวหน้า“พวกนายไม่เห็นเหรอ? หมอนี่มีผู้ช่วย”“ผู้ช่วยเหรอ? ไหนล่ะ?”
สายตาเจนสันเลื่อนไปมองที่มือวิทนีย์ “เอามือออกไป” เขาสั่งเสียงเย็นวิทนีย์กลับยิ่งจับแน่นไม่ปล่อยและยิ้มให้เขาจนตาหยี “ฉันมีอะไรจะบอกนาย เจนส์น้อย”“งั้นก็บอกมา” เจนสันดูหมดความอดทนแววยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏในตาของวิทนีย์ เธอยืนเขย่งเท้าและทาบริมฝีปากนุ่มนวลของเธอบนริมฝีปากเจนสันรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ เจนสันจ้องเธอด้วยตาขุ่นมัวและเกรี้ยวกราดเธอรู้สึกเหมือนเด็กที่ทำความผิด วิทนีย์เริ่มที่จะหน้าแดงด้วยความอาย “ฉันชอบนาย เจนสัน”เจนสันเช็ดริมฝีปากของตนที่เพิ่งโดนเธอจูบไปอย่างรังเกียจและฉุนขาด “เธอบ้าเหรอไง?”“ใช่ฉันบ้า ฉันชอบนายจนจะเป็นบ้าแล้วนี่ไง” วิทนีย์ยิ้มกริ่ม“เธอกินอะไรเข้าไปถึงได้แก่แดดแบบนี้เนี่ย?” เขาถามอย่างอารมณ์เสีย“ฉันคิดเรื่องนี้มาแล้วเจนส์ ฉันรู้ว่าเราสองคนยังเด็กมากและฉันก็อยากรอให้นายโตกว่านี้อีกหน่อยถึงจะสารภาพรักกับเธอ แต่ตอนนี้นายค่อย ๆ สูงขึ้น พวกสาว ๆ ในโรงเรียนก็เริ่มชอบนายเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ฉันก็เลยรู้สึกว่า คงไม่ได้การแล้ว”หลังหยุดไปครู่หนึ่ง วิทนีย์ก็กัดฟันเสี่ยงดวงพูดว่า “ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะจูบประทับตราจองไว้ ตอนนี้พอเราจูบกันแล้ว นายก็เป็นของฉัน พอนาย
วิทนีย์เบิกตากว้างและมองเจนสันอย่างไม่อยากเชื่อ “นายมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครเลย ใช่ไหมเนี่ยเจนสัน? ชั้นเรียนวิชามารยาทที่ติดกันนี่เกือบจะโดนปิดคลาสแล้ว เพราะว่าเป็นวิชาเดียวในโรงเรียนที่ไม่มีใครอยากจะลงเรียน”ตอนนั้นเอง มีเด็กผู้หญิงจากชั้นเรียนมารยาทเดินผ่านมาใส่ชุดเป็นทางการเรียบร้อย มีกิริยามารยาทดูสูงสง่างดงามเพราะแบบนั้นเจนสันก็จ้องมองเด็กสาวพวกนั้นไม่วางตาวิทนีย์ยื่นมือไปปิดตาเจนสันไว้อย่างโมโห“มีอะไรให้ดูกันนักหนา? นายไม่เห็นกระบนหน้าเธอเหรอไง?”เจนสันดึงมือเธอออก “ตำหนิแค่อย่างเดียว ลดความงามของหยกแท้ไม่ได้หรอก”วิทนีย์ดูเสียใจมาก เห็นชัด ๆ ว่าเธอนั้นมีทั้งรูปร่าง หน้าตา และความเฉลียวฉลาด เธอดีกว่าแม่สาวตกกระนั้นเป็นไหน ๆ เจนสันชอบผู้หญิงที่ดูไม่เจริญตาแบบนั้นจริงเหรอ?วิทนีย์รู้สึกหงุดหงิดใจ ฟังดูเหมือนเธอจะตายมากกว่าแค่อับอายเท่านั้น “ยัยนั่นจะไปรู้อะไรกัน? ก็แค่ชงชาแล้วก็ถือเข็มปักผ้าใช่ไหม? ฉันเองก็ทำเป็นเหมือนกัน นายคอยดูเลย ฉันจะไปลงเรียนวิชามารยาทพรุ่งนี้เลย”เมื่อเห็นว่าเขาหลอกให้เธอตกหลุมพรางได้สำเร็จแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ฉายในดวงตาเจนสัน แต่เขาก็ยังล่อหลอ
”เจนสัน” จู่ ๆ ครูสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ก็เรียกเจนสันเจนสันหันกลับไปครูบอกว่า “เธอไม่เคยเข้าร่วมในการประลองเลย แบบนี้มันก็ไม่ช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเธอนะ วันนี้วิทนีย์จะออกจากชั้นศิลปะการต่อสู้แล้ว เธออยากมาประลองกับวิทนีย์ไหม? ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป ก็คงไม่ได้เจอคู่ต่อสู้เก่ง ๆ แบบวิทนีย์อีกแล้วนะ”เจนสันชำเลืองมองวิทนีย์ชั่วแว่บ วิทนีย์ยังคงนั่งทับอยู่บนหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น เมื่อเธอเห็นว่าเจนสันมองเธอ วิทนีย์ก็รู้สึกเหมือนมีสปริงดีดเธอให้ตัวลอยขึ้นไปในอากาศเมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าเจนสันชอบเด็กผู้หญิงแบบไหน เธอแค่รู้ว่าต้องปกป้องเขา คุยกับเขา และทำให้เขามีความสุขแต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว แม้ว่าเจนสันจะยังเด็กแต่เขากลับมีรสนิยมที่อนุรักษนิยมและออกจะเชยเขาชอบสาวอ่อนโยนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้วิทนีย์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงแบบที่เจนสันชอบเมื่อรู้ว่าเจนสันเป็นผู้ชายเงียบขรึมที่ไม่ชอบการต่อสู้ วิทนีย์ก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ เธอเลยช่วยให้เขาหลุดจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนด้วยการพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หนูว่าเจนส์น้อยไม่จำเป็นต้องมาสู้กับหนูหรอกค่ะครู ถ้าเขาอย
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ