ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย สภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก.. เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียที เขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน .................... “เจ้านี่..ไม่ได้เรื่องมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก” ฉันกอดอกแน่นเมื่อได้ยินเสียงของตาลุงคนเก่าที่บ่นขึ้นมาอีกแล้ว “ไม่ได้เรื่องงั้นเรอะ ลุงนั่นแหละที่ส่งหนูไปที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วร่างกายนี้ทำอะไรได้บ้างก็ไม่บอก หนูเกือบจะวิ่งหนีระเบิดไม่ทันแล้วด้วยซ้ำ” เธอมองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนเดิม นอกจากความว่างเปล่ากับเสียงที่ดังก้องกังวลจนไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากทางไหน “ลุง..งั้นหรือ นี่เจ้ากล้าเรียกเจ้าแห่งนรกว่าลุงงั้นเรอะ ช่างอวดดียิ่งนัก!!” แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะโว้ย เธอได้ยินแค่เสียงเท่านั้นเอง จะเดาอายุหรือแม้กระทั่งเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะ “ส่งหนูไปที่อื่นได้ไหมคะ ขอให้โลกโรมานซ์แฟนตาซีแบบในนิยายที่เคยอ่านก็ได้ หนูอยากเป็นเมียท่านดยุค..ที่โบสถ์นั่นไม่มีอะไรดีสักอย่าง..นอกจากหน้าตาของบาทหลวงผู้นั้น..” เสียงนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฟังนะเจ้ามนุษย์ ในยามนี้เจ้าคือปีศาจซักคิวบัสที่ต้องกลืนกินความฝันอันโสมมของมนุษย์เพื่อมาเพิ่มพลังให้แก่ข้า ในช่วงเวลาสองวันหลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องกลืนกินความฝันของมนุษย์มาให้ข้าอย่างน้อยสักหนึ่งครั้งไม่อย่างนั้นข้าจะส่งเจ้าไปยังปรโลกจริงๆ ..ถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ได้กลับมามีชีวิตหรือแม้กระทั่งมานั่งอวดดีต่อหน้าข้าอีก” ทะ..ทำไมมันฟังดูน่ากลัวเหมือนกันแฮะ ฉันไม่ควรจะเถียงตาลุงจอมบงการคนนี้มากนักสินะ “หนู..ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง อย่างน้อยลุงก็ควรจะอธิบายให้หนูฟัง หรือไม่ก็ควรจะมีคู่มือในการชีวิตหรือว่าการใช้พลังของปีศาจซักคิวบัสให้บ้างสิคะ” “เรื่องนั้น..ก็พอจะมีคู่มืออยู่บ้าง” สิ้นเสียงนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมาในทันทีที่ห้องนอนเล็กๆในโบสถ์ที่เดิม สิ่งที่แตกต่างไปคงเป็นความรู้สึกหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ฉันไม่ได้รู้สึกเหนียวตัวหรือแต่อึดอัดเลยสักนิด ชุดเดรสที่สวมเป็นชุดเดิมก็จริงอยู่แต่ทว่ามันสะอาดขึ้นเล็กน้อย และที่สำคัญมากกว่านั้นคือในมือของฉันมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง หนังสือหน้าตาน่ากลัวที่มีปีกเล็กๆ กำลังกระพือไปมา เขียนที่หน้าปกเอาไว้ว่า ซักคิวบัส หากเป็นผู้ชายจะถูกเรียกว่าอินคิวบัส หากเป็นผู้หญิงจะถูกเรียกในชื่อของซักคิวบัส เป็นปีศาจที่คอยกลืนกินความฝันของมนุษย์และที่สำคัญกว่านั้นยังสามารถเข้าไปอยู่ในความฝันของมนุษย์ได้อีกต่างหาก.. เท่าที่อ่านดูก็ไม่แย่เท่าไหร่ เพราะหากอยู่ในความฝันนั่นหมายความว่า..จะทำอะไรกับผู้ที่กำลังฝันก็ได้นี่หว่า.. อิอิอิอิอิ.. เดี๋ยวนะเสียงหัวเราะที่แสนชั่วร้ายนั่นมันคืออะไรกัน ฉันไม่ได้จะคิดไม่ดีกับบาทหลวงรูปหล่อคนนั้นหรอกนะ แต่ว่านี่มันจำเป็น..เพราะหากไม่สามารถกินฝันได้ ฉันจะถูกส่งไปที่ปรโลกไง.. ฉันไม่อยากตายแล้วตายอีกตายซ้ำซ้อนหรอกนะ อยากจะมีชีวิตที่แสนน่ารักนี่ไปนานๆ *หมายเหตุ ในช่วงเวลาของการเข้าไปในความฝันนั้นจะมีช่วงเวลากำจัดเพราะฉะนั้นจงมั่นใจว่าซักคิวบัสจะสามารถทำให้ผู้ถูกกลืนกินปลดปล่อยในทุกอารมณ์ออกมา ก่อนที่ช่วงเวลาจะหมดลง ไม่อย่างนั้นความฝันพวกนั้นจะไม่ถูกกินอย่างสมบูรณ์ ตรงนี้..หมายความว่ายังไงกันนะ ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีจนถึงขีดสุดงั้นเรอะ ..แต่ละครั้งจะมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง..นั่นมันก็นานมากแล้วนะ หรือว่าคนเราใช้ช่วงเวลาในการทำเรื่องอย่าว่านานมากกว่านั้น.. ชีวิตครั้งที่แล้วอย่าว่าแต่รู้เรื่องเช่นนี้เลย แฟนยังไม่เคยมีสักคนด้วยซ้ำไป แล้วจะทำยังไงให้การเข้าไปในความฝันแต่ละครั้งมันสำเร็จล่ะเนี่ย *หมายเหตุอีกข้อ ในช่วงเวลาที่อยู่ในความฝันท่านจะปรากฏกายในรูปลักษณ์ที่แท้จริงไม่สามารถเก็บซ่อนปีกและหางได้ แฟนตาซีจัดเลยอันนี้ แต่หางเล็กๆ นั่นมันก็น่ารักดีเพราะแบบนั้นตรงนี้ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค อยากให้ฟ้ามืดเร็วๆ แล้วสิ หากว่าท่านบาทหลวงผู้นั้นหลับเมื่อไหร่ละก็ ฉันจะเริ่ม.. “ตื่นแล้วอย่างนั้นหรือครับ” ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับบาทหลวงผู้หนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา “หากเลดี้ตื่นแล้ว เช่นนั้นออกมาทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหารน่าจะดีกว่านะครับ” ฉันพยายามขยับจมูกเพื่อสูดดมกลิ่นของบาทหลวงผู้นี้แต่ทว่าเขากลับ..ไม่มีกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายสอเหมือนกับบาทหลวงคนแรกเลย “อ่า หากไม่เป็นการรบกวน ข้าอยากทราบชื่อของบาทหลวงที่ช่วยพาข้ามาที่นี่..เผื่อจะได้ตอบแทนเขา..ในวันข้างหน้า” มาลิคส่งยิ้มให้กับฉัน “ท่านนั้นมีชื่อว่าเอสวาครับ เอสวา ดิมุน ท่านกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นคาดินันในอีกสามเดือนข้างหน้านี้” ฉันส่งยิ้มให้กับบาทหลวงมาลิคที่กำลังเดินนำฉันไปที่โรงอาหาร เอสวาอย่างนั้นหรือ? เป็นชื่อที่เพราะมากจริงๆ อีกทั้งเขากำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นคาดินันด้วย เพียงแค่มองจากภายนอกก็รับรู้ได้ถึงความมีเมตตาและเอาใจใส่ผู้อื่นของเขาได้อย่างชัดเจน เขาคือบาทหลวงที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าโดยแท้ แล้วเธอกำลังจะทำให้บุรุษที่ไร้มลทินเช่นเขา แปดเปื้อนไปด้วยตราบาปอย่างนั้นหรือ? การเป็นพวกเดียวกับซาตานนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แฮะ ฉันไม่หวังว่าตัวเองจะได้รับการให้อภัย ขอแค่ให้ฉันได้มีชีวิตในร่างนี้ต่อไปก็พอ ได้โปรดอย่าโกรธเคืองฉันเลยนะคะ
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่งอยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน“ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี”อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า..“โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย”มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพ
“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน“ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ”มาลิคขมวดคิ้วในทันที“จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้”โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้“แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..”มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ“บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ”วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!!“แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ”มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ“เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว
เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
“แล้วก็ยังมีเรื่องของพิธีสาบานตนเพื่อรับใช้นายท่านของเหล่า4ตระกูลใหญ่ นายท่านต้องการให้จัดพิธีนั้นในวันงานเลี้ยงต้อนรับด้วยเลยไหมครับ หรือว่าจะจัดขึ้นแยกกัน”เอสวาหลุบตาลงเพื่อมองดูโรแอนด์ที่กำลังครอบครองส่วนนั้นของเขาเอาไว้ในปาก เธอดูน่ารักเสมอในสายตาของเขา..“เรื่องนั้นเอาตามที่สะดวกเถิด ข้าแค่ต้องการให้จัดพิธี..อะ..อึ่ก..”เธอรู้สึกมันเขี้ยวเขามากทีเดียวที่เขากล้าพูดคุยงานในขณะที่เรากำลังทำเรื่องเช่นนั้น เพราะแบบนั้นโรแอนด์จึงจงใจดูดดึงส่วนปลายนั้นแรงๆ พร้อมกับใช้ฟันหยอกล้อกับแท่งร้อนที่อยู่ในโพรงปากเบาๆ“เป็นอะไรรึเปล่าครับนายท่าน..”อาเดนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ดูคล้ายว่ากำลังเจ็บปวดของนายท่านเอสวาก้มหน้าลง เขาหลับตาก่อนจะที่มุมปากจะยกสูงขึ้น“ไม่มีอะไร ข้าอยากให้เจ้าจัดงานพิธีสาบานตนก่อน ข้าต้องการให้ทั้ง4ตระกูลกล่าวคำปฏิญาณว่าจะรับใช้ข้าและว่าที่ราชินีของข้าพร้อมๆ กัน”อาเดนพยักหน้าพร้อมกับจดรายละเอียดเรื่องงานที่เขากำลังพูดคุยกับนายท่านลงในสมุดเล่มเล็กที่พกติดตัวมาโรแอนด์แลบลิ้นออกมาเลียหยดหยาดที่ซึมออกมาจากปลายยอด ขณะที่ใช้ริมฝีปากเพื่อครอบครอง ปลายนิ้วก
“....การเข่นฆ่ามนุษย์นั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ ในความคิดเห็นของข้านั้น ข้าไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องขยายอาณาเขตของเมืองปีศาจเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนปีศาจที่แฝงอยู่กับหมู่มนุษย์ก็ต้องป้องกันตัวเองให้ดี ส่วนใหญ่ปีศาจที่ยังคงอยู่ที่นั่นก็คือพวกซักคิวบัสหรือว่าอินคิวบัสที่ต้องจะกินจิตวิญญาณของมนุษย์..”เอสวาคิดว่าเขาไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งมองอยู่ที่นี่เขาคาดว่าเขาน่าจะได้เห็นราชวงศ์ที่ล่มจมและประชาชนที่ทนไม่ไหวจนต้องก่อกบฏรัชทายาทโง่เขลาเช่นนั้นไม่คู่ควรให้เขาต้องมือเองด้วยซ้ำ“ครับนายท่าน จะมีการจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับการกลับมาของนายท่านด้วย อีกทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็กำลังรอคอยที่จะปฏิญาณตนเพื่อรับใช้นายท่านด้วย”เอสวามองหน้าของลุคคา“ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม โรแอนด์คือราชินีของข้า สิ่งนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เข้าใจรึเปล่า”ลุคคาก้มหน้าลงเพื่อตอบคำคำสั่งของนายท่าน ที่เมืองปีศาจแห่งนี้ประกอบไปด้วยสี่ตระกูลใหญ่ๆ ที่ต้องเป็นมือเป็นเท้ารับใช้ราชาปีศาจ และหนึ่งในนั้นคือตระกูลราชสีห์ ที่มีสัญญาหมั้นหมายกันมานานหลายร้อยปี ตัวเขาเป็นเพียงข้ารับใช้ตัวเล็กๆ เรื่องเช่นนี้เขาไม่คอยสอดมือเข้าไปย
เหมือนพายุกำลังพัดหมุนวนเวียนอยู่ในร่างกาย สัมผัสที่เอสวาส่งมอบให้มันช่างแสนหวานจับใจมากเกินกว่าที่เธอจะทำใจยอมรับไหว แน่นอนว่าเขานั้นหลงเสน่ห์อย่างมากในยามที่เขากำลังขยับเขยื้อนร่างกายของเขาอยู่บนตัวของฉันฝ่ามือนั้นลูบไล้ไปตามเนินอกที่นูนขึ้น เขาออกแรงที่ฝ่ามือเพื่อบีบเคล้นมันอย่างถึงใจ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมองเธอไม่วางสายตา เม็ดเหงื่อผุดพราวระยับบนใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเขา นั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกมนต์สะกด จนหัวใจร่ำร้องถึงความไม่ยุติธรรม เธอหลงใหลเขาถึงเพียงนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเอสวาจะรู้สึกเช่นไรกับเธอบ้าง ตัวของเขาจะหลงใหลเธอบ้างรึเปล่านะ เขาจะรักเธอเหมือนอย่างที่เธอรักเขา จะเทิดทูนและบูชาเธอเหมือนกับที่หัวใจของเธอรู้สึกบ้างรึเปล่า?“เอสวา..ท่านรักข้าบ้างรึเปล่า?”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นเลิกน้อย เรียวขาทั้งสองข้างของเธอกำลังพาดอยู่บนบ่าของเขาและนั่นทำให้เอสวาพรมจูบลงไปบนเท้าที่เปลือยเปล่าของโรแอนด์“มากกว่านั้นโรแอนด์มากกว่าคำว่ารัก..ข้ามอบให้เจ้าทั้งหมด..ทั้งลมหายใจ ชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่าง หากสายตาที่กำลังเป็นกังวลของเจ้ามองมาที่ข้า ข้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเจ้านำเอาเวลาที่แส
“หิวก็กินสิโรแอนด์..” หลังจากกล่าวจบเอสวาก็นั่งลงบนเตียง เขากางขาออกเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาตรงมุมปาก และนั่นทำให้โรแอนด์เข้าใจได้ในทันทีว่าเอสวาต้องการอะไร เธอนั่งลงบนพื้นก่อนจะเริ่มถอดกางเกงของเขาออกมา ดวงตากลมโตช้อนขึ้นเพื่อมองใบหน้าของเอสวาราวกับเธอต้องการคำยืนยันจากสายตาของเขา.. “โรแอนด์..ที่นี่มีแค่เราเท่านั้น ทำอย่างที่อยากทำก็พอ” ยังไม่ทันได้ทำอะไร ส่วนนั้นของเขาก็อยู่ในสภาพที่เตรียมพร้อมต่อการสู้รบแล้ว แน่นอนว่าเธอเคยเห็นส่วนนั้นของเขามานับครั้งไม่ถ้วน ที่แตกต่างออกไปคงเป็นเพราะว่าเธอมองเห็นส่วนนั้นของเขาในระยะประชิดมากกว่าทุกครั้ง ถึงแม้ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อนแต่โรแอนด์เองก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถทำมันได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก เธอกดจูบลงอย่างนุ่มนวลที่ส่วนปลายสีลูกพีช ลิ้นค่อยๆ ลากไล้ผ่านช้าๆ ตามลำแท่งและเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่กำลังพุ่งสูงขึ้น “อืม..โรแอนด์..สาบานได้เลยว่านี่มันดีจนข้าอยากให้เจ้าหิวบ่อยๆ เลยล่ะ” ลมหายใจที่อุ่นร้อนของเธอเป่ารดลงบนส่วนนั้นพร้อมกับปลายลิ้นที่ลากไล้ผ่านไปมา มันทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ร่างกายยิ่ง
อ้อมกอดของเอสวายังคงหนักแน่นและอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา มือเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบา เธอกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับต้องการส่งผ่านความรู้สึกในใจนี้ไปให้เขาเอสวาค่อยๆ เล่าเรื่องของเขาให้โรแอนด์ฟังอย่างช้าๆ เล่าตั้งแต่ตอนที่เขาพยายามจะตายเพราะชีวิตมันสิ้นหวังไปหมด เล่าให้เธอฟังทุกสิ่งอย่างโดยไม่คิดปิดบังเธอเริ่มกอดเขาแน่นขึ้นเมื่อได้ฟังถึงเรื่องราวความเจ็บปวดของเขา ในความฝันแรกของเอสวาเธอจำได้ดีว่าตัวเองมองเห็นเขาในวัยเด็กเป็นเช่นไร มันทั้งน่าสงสารและน่าเห็นใจมากแค่ไหน เธอรู้ว่าเขาภาวนาถึงพระเจ้าอย่างแรงกล้าเพื่อให้มีใครสักคนมาพาเขาออกไปจากวังวนที่แสนโหดร้ายในชีวิตนั้นของเขา“ทุกอย่าง..มันผ่านไปแล้วนะเอสวา เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นมานั้นมันผ่านไปแล้วเพราะฉะนั้น..อะไรที่เมื่อคิดถึงแล้วเจ็บปวดท่านควรจะปล่อยวางมัน..”โรแอนด์กล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับเข้าที่ใบหน้าของเขา ในยามนี้เราอยู่ดินแดนปีศาจ เธอเคยคิดว่าที่นี่คือปรโลกแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น ที่นี่มืดครึ้มและดูแล้วหดหู่ใจไม่น้อยแต่ทว่าเมื่อได้ลองออกออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างจริงๆ ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่น่าสงสาร ไม่เว้น
ฉันวิ่งไปข้างหน้าเท่าที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเองจะมีแรง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ แขนทั้งสองข้างกางออก แม้ว่ายังไม่แน่ใจว่านั่นใช่เอสวาหรือไม่ ทว่าความหวังเพียงริบหรี่พวกนั้นก็สามารถต่อเติมความรู้สึกในใจของฉันได้อย่างน้อยที่สุด หากเป็นเขาฉันก็พร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อโอบกอดเขาเอาไว้เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเท้าทั้งสองข้างก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองวิ่งไวแล้วแต่ทว่าอีกฝ่ายกับไวกว่า เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับช้อนตัวของฉันขึ้นไปสู่อ้อมกอดที่แสนปลอดภัยของเขาอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ในยามนี้ดวงตาทั้งสองข้างนี้ของฉันมันมืดบอดแต่ทว่าฉันก็แน่ใจว่าชายเบื้องหน้าคือเอสวาไม่ผิดแน่ ไม่มีอ้อมกอดของใครที่จะอบอุ่นได้เท่ากับอ้อมแขนของเขาอีกแล้ว“เอสวา..”มือของเขาลูบผมของโรแอนด์อย่างเบามือ เขาคือเอสวาไม่ผิดแน่ ใบหน้านั้นคือเอสวาอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆ ข้างของเอสวาจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแต่เขาก็คือเอสวา คนรักของฉันดวงตาของเอสวาเหลือบมองเท้าที่เปลือยเปล่าของโรแอนด์ ฝ่ามือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่มีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ลำคอของเธอนั้นมีรอยแดงราวกับถูกเหล็กบาด และเมื่อเขามองไ
“ต้องทานอาหารบ้างนะคะ การอดอาหาร นานๆ เช่นนี้จะทำให้ร่างกายของท่านเป็นอันตราย..”สาวใช้พยายามพดคุยกับโรแอนด์แต่ไม่ว่านางจะกล่าวคำใดออกมา สตรีงดงามผู้นั้นก็ยังคงนั่งกอดเข่าอยุ่บนเตียงเช่นเดิม ไม่ดื่มน้ำหรือว่าแตะต้องอาหาร ทำได้เพียงการนั่งมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่าง หากมิใช่ว่าองค์รัชทายาททรงรับสั่งให้นางดูแลสตรีผู้นี้เป็นอย่างดีแล้วละก็ นางเองก็คงจะเดินหนีออกไปแล้วไม่สนใจไยดีสตรีที่แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังไม่สนใจลีออนเดินเข้ามาในห้องพักข้างๆ ห้องนอนของเขา เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสายตาให้สาวใช้เดินออกไปให้หมด เขายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนเธอจากฝันร้าย“วันนี้ก็ไม่แตะต้องอาหารอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่หิวแน่หรือ? หรือว่าเจ้าต้องการที่จะกลืนกินพลังชีวิตของข้า เช่นนั้นก็ทำสิโรแอนด์ เจ้าต้องการสิ่งใดข้ายินดีจะมอบให้เจ้าทั้งนั้นเลย เจ้าเอ่ยปากออกมาแล้วร้องขอมันกับข้า..”เขาไม่ได้โกหกที่ว่าเขาส่งมอบให้เธอได้ทุกอย่าง ลีออนให้โรแอนด์ได้ทุกอย่างจริงๆ เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นซักคิวบัส แต่ทว่าทำไมเธอถึงไม่คิดกินฝันของเขาเลยล่ะ หรื
เฟอน่าเหลือบมองมีดที่วางเอาไว้ข้างๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ราวกับกำลังปลอบประโลมความโศกเศร้าของเอสวา ที่มุมปากเฟอน่าก็ถูกกดลึกเป็นรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเอสวาต้องการให้เธอทำอะไร และเธอเองก็ต้องการที่จะทำสิ่งนั้นอยู่พอดีเลย“โรแอนด์โชคดีที่มีท่านรักนาง..ข้าฝากดูแลหัวใจที่สั่นไหวของนางด้วยนะคะ"เอสวามิได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงส่งยิ้มให้เฟอน่าและท่านคาดินันก่อนที่ร่างกายของเขาจะจางหายไปราวกับกลุ่มควันขอให้ท่านเจ็บปวดปางตายอย่างที่ข้ารู้สึกนะครับท่านคาดินัน..ท่านทำให้ข้าเชื่อใจและหลอกใช้ข้าอย่างแนบเนียน ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าในยามที่ท่านแตกสลายแต่ข้าจะถือซะว่านี่คือความปรานีอย่างถึงที่สุดของข้าก็แล้วกันจงมอดไหม้ลงไปพร้อมกับเลือดแดงฉานที่อาบท่วมไปทั่วมือและร่างกายของท่านเถิดครับ โศกเศร้าจนหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายเลือด..จงมีชีวิตต่อไปด้วยความร้สึกผิดและเจ็บปวด..เฟอน่ายื่นมือไปจับมีดเล่มนั้นมาถือครองเอาไว้ เธอแย้มยิ้มออกมาราวกับว่ามีดเล่มนี้คือสิ่งที่เธอต้องการและตามหามาทั้งชีวิต“เฟอน่า..เจ้ารู้อยู่แก่ใจที่รักว่าข้าจะไม่ตายภายใต้คมมีดนั้นอย่างแน่นอน”เฟอน่าแค่นหัวเราะออกมาด้วยคว
มาลิคแทบจะอ้าปากค้างในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากยิ่งกว่าทุกครั้งในชีวิต เขาตกใจจนแทบสิ้นสติและถามตัวเองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเขามีดวงตาที่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงได้และเขามั่นใจมาก ว่าบุรุษที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นมันคือท่านเอสวาไม่ผิดแน่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือพลังทั้งหมดของท่านเอสวา ไม่มีพลังสีทองอย่างที่เขาเคยเห็น พลังในยามนี้คือพลังสีดำสนิทที่ทั้งชวนให้อึดอัดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายมาลิคมองเห็นเขาบนศีรษะและ..ปีกขนาดใหญ่ที่กลางแผ่นหลัง มันเหมือนกับรูปลักษณ์ของซาตานมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์“ฮะ..ฮ่า ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว”เอียนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่บาทหลวงเอสวา“ข้าคิดเอาไว้ว่าพวกท่านคนใดคนหนึ่งจะต้องเก็บโรแอนด์เอาไว้กินเอง เอ๊ะ..หรือว่าไม่ใช่แค่คนเดียวแค่พวกท่านผลัดกัน..อะ..เฮือก!!”กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งทะลุหน้าอกของเอียนไปอย่างรวดเร็ว และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือบนอกของเขาบริเวณที่ถูกกลุ่มควันพวกนั้นพุ่งผ่านมันเกิดเป็นรูโบ๋ราวกับถูกของมีคมคว้าน..เลีอดสีแดงไหลออกมาพร้อมๆ กับเศษเนื้อที่ร่วงหล่น“อะ..อ้าก!! ช่วยด้วย!!เจ้าทำอะไรกับข้ากัน ช่วยข้าสิมาลิค อ้าก!”