เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!
โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า! เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ! “ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ” เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน” เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ “เห็นว่าท่านบาทหลวงเอสวากำลังทำเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป..ความต้องการที่เกิดขึ้นมาในจิตใจนั้นของท่าน มันคือเรื่องปกติค่ะ..บุรุษย่อมมีความต้องการแผดเผาดวงใจที่เร่าร้อน..” เสียงนั้นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ และเมื่อปลายนิ้วของโรแอนด์ไล้ผ่านกล้ามท้องของเขา ความรู้สึกขนลุกก็เกิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “นี่คือเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นครับ และข้าก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ด้วยเพราะแบบนั้นมันคงจะดีกับเราหากว่าเจ้า..จดจำอะไรไม่ได้” เขาแตะลงไปบนหน้าผากของเธอก่อนจะเริ่มลบความทรงจำอย่างช้าๆ โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยความรอคอยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปกันแน่ เขาแตะลงที่หน้าผากของเธอแล้วก็ยืนอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง เธอกะพริบตาปริบๆ นี่คงไม่ใช่ว่าเขากำลังพยายามจะลบความทรงจำของเธอหรอกใช่ไหม เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปยังไงล่ะ แล้วดูใบหน้าที่กำลังตื่นตระหนกของเขาสิ อยากจะแกล้งชะมัดให้ตายเถอะ! “ท่านเอสวา กำลังทำอะไรอยู่คะ” เอสวาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เขาจะละฝ่ามือออกจากใบหน้านั้นของเธอ “โรแอนด์..นี่เจ้า..ไม่ลืมอย่างนั้นหรือ?” “อ่า..ข้าลืมไม่ลงเรื่องที่ท่านร้องครางออกมาด้วยน้ำเสียงสุดแซ่บในห้องอาบน้ำหรอกนะคะ” เธอเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยก่อนจะจุมพิตลงไปบนคอของเขาเบาๆ “เรามาทำสัญญากันดีไหมคะ อย่างน้อยในยามนี้ท่านก็ไม่สามารถลบความทรงจำของข้าได้ และข้าก็..มีบางอย่างที่อยากจะได้จากท่านอยู่พอดี” เขาจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ทว่าในยามราตรีเช่นนี้อากาศเย็นมากทีเดียวแล้วชุดที่โรแอนด์สวมอยู่ก็เปียกชุ่มไปหมด เอสวาถอดเสื้อคลุมของเขามาคลุมไหล่ให้เธอ “เช่นนั้น..ไปคุยกันก็ได้ครับ” เขาจับมือของเธอเอาไว้ก่อนที่จะพาโรแอนด์ไปยังที่พักของเขา “เจ้า..เปลี่ยนชุดก่อนสิครับ อยู่ในชุดที่เปียกชุ่มเช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่สบายได้” ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที โรแอนด์เดินเข้าไปในห้องนอนของเอสวา ที่นี่คือบ้านพักหลังเล็กที่แยกออกมาจากโบสถ์ มันมีความเป็นส่วนตัวมากทีเดียว โรแอนด์ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จเรียบร้อย เธอเดินออกมาหาเอสวาที่นั่งรออยู่ด้านนอก “ว่ามาสิครับว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่ แต่โรแอนด์รู้ใช่ไหมครับว่าข้ามีอำนาจที่นี่มากแค่ไหน ต่อให้เจ้าบอกออกไปว่าเห็นข้ากำลังทำอะไร ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อถือสตรีที่พึ่งเข้ามาอยู่ในวิหาร..” เขา..ไม่ใช่ผู้ชายใสซื่ออย่างที่ทุกคนเห็นสินะ นี่คือเรื่องแปลกใหม่ที่ดีมากทีเดียว เพราะหากไร้เดียงสามากไปอาจจะเป็นปัญหาได้ เธอเดินไปนั่งลงบนตักของเขาอย่างถือวิสาสะ มือของโรแอนด์คล้องคอของเขาเอาไว้หลวมๆ กลิ่นนี้อีกแล้ว..กลิ่นที่ทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัวไปหมด เขาไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นมาแตะต้องเธอด้วยซ้ำ เอสวามองโรแอนด์ที่กำลังนั่งลงบนตักของเขานิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย “ข้าไม่คิดนอนกับโรแอนด์หรอกนะครับ ถึงแม้ว่าร่างกายของข้าจะยังมีความต้องการแต่ข้าไม่คิดทอดทิ้งความศรัทธาอันแรงกล้าเพื่อสตรีเพียงผู้เดียวหรอกครับ” เธอรู้แล้วว่าเขาไม่สนใจแต่ก็ไม่เห็นจะต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้นก็ได้โว้ย! “สิ่งที่ข้าต้องการคือข้าต้องการให้ท่านทำสัญญากับข้าค่ะ” เอสวาหรี่ตามองหน้าของโรแอนด์ด้วยความไม่เข้าใจ “สัญญาอะไรกันครับ?” เขากล่าวอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรองเขาได้ แต่โรแอนด์ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก เธอต้องเข้าไปอยู่ในความฝันของเขาแล้วทำให้ใบหน้าที่อวดดีนี่ ยินยอมสยบให้เธอไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่หากบอกเขาว่าเธอเป็นซักคิวบัสไปตรงๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะถูกเขาจับไปเผาทั้งเป็นงั้นเรอะ “ข้าไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิตนี้ ความทรงจำของข้านั้นจางหายไปหมด หากว่าท่านบาทหลวงเอสวาสงสารข้า ข้าอยากจะขอเลือดของท่านสักหยดหนึ่งในการดื่มกิน ท่านมาลิคกล่าวเอาไว้ว่าท่านเอสวามีพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนในร่างกายมากทีเดียว เพราะแบบนั้นหากข้าได้ดื่มเลือดของท่านสักหยดอาการความหลงลืมและความทรงจำที่ขาดหาย..อาจจะเริ่มดีขึ้นมาก็ได้ค่ะ” นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย เลือดของเขานั้นนับเป็นยารักษาโรคได้อยู่ “ข้าจะไม่พูดเรื่องเมื่อครู่กับใครทั้งนั้นข้าขอสาบานต่อหน้าท่านเลยค่ะ..” เอสวาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เขาใช้มีดปอกผลไม้ที่วางอยู่กรีดลงไปบนปลายนิ้วของตัวเอง แค่เลือดไม่กี่หยดเขาให้ได้อยู่แล้ว..อีกทั้งสตรีผู้นี้ก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร.. โรแอนด์แสยะยิ้มออกมาเมื่อเธอเห็นเลือดสีแดงสดกำลังไหลรินออกมาจากบาดแผล เธอใช้ปลายลิ้นปาดเลียลงไปบนนั้นพร้อมกับออกมาแรงดูดดึงปลายนิ้วของเขาช้าๆ โดยที่ดวงตาทั้งสองข้างกำลังช้อนสายตามองหน้าของเอสวา พันธสัญญาเริ่มต้นขึ้นแล้วเอสวา เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีล่ะ บนร่างกายของเอสวาแปลกไปเล็กน้อยตรงที่เขารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ไหลวนบนกล้ามท้องของเขาด้านล่างสะดือปรากฏรอยสักคำสาปขึ้นมาอย่างช้าๆ เอสวาเบิกตากว้างเพื่อมองหน้าของโรแอนด์ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่กำลังคืบคลานอยู่รอบๆ “นี่เจ้าเป็น..ปีศาจกินฝันอย่างนั้นหรือ!!” เอสวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้ว!!ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดไป ก็คือวันที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้วฉันทำได้เพียงมองร่างของตัวเองที่กำลังถูกหมอปั๊มหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกคืนลมหายใจที่หายไปกลับคืนมา แต่ทว่าหมอท่านนั้นถึงแม้ว่าจะทำสุดความสามารถแต่พวกเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพให้กับคนตายได้..ฉันตาย..แม่งเอ๊ย!! ถ้ารู้ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ฉันคงจะใช้ชีวิตที่อยากใช้ไปแล้ว เพราะเติบโตขึ้นมาในสถานสงเคราะห์ เมื่อโตขึ้นมาฉันถึงได้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลับไปในสถานที่เช่นนั้นอีกฉันตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อวิ่งหนีความจนที่ตามติดเป็นเงา ฉันตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังที่เป็นของตัวเอง จะได้ทำงานน้อยลงเผื่ออายุมากขึ้นจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวและมีความรักกับเขาดูบ้างแต่ฉันดันตายก่อน..ตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย“เจ้ามนุษย์ที่แสนโง่เขลาเอ๋ย ข้ามีชีวิตที่ยาวนานนับนิรันดรแต่กลับไม่เคยเห็นใครมีชีวิตที่จืดชืดและไร้สีสันเช่นเจ้ามาก่อนเลย”พอกะพริบตาอีกครั้งจากที่เมื่อครู่ฉันยืนอยู่ในโรงพยาบาลแต่ทว่าในยามนี้ฉันกลับกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ว
ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอนแต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก..เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียทีเขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน....................“เจ้านี่..
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่งอยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน“ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี”อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า..“โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย”มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน“ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ”มาลิคขมวดคิ้วในทันที“จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้”โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้“แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..”มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ“บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ”วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!!“แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ”มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ“เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่งอยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน“ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี”อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า..“โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย”มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพ
ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอนแต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก..เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียทีเขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน....................“เจ้านี่..