โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้อง
อีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้น สวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น.. ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ “..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!” เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนกับว่าเขาได้นอนหลับเต็มอิ่ม.. “เบาๆ หน่อยสิโรแอนด์ ตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้วทุกคนน่าจะตื่นกันหมดแล้ว เพราะแบบนั้น..หากมีคนรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่กับข้าจนถึงช่วงเช้าคงไม่ดีแน่ๆ” เธอจับมือของเขาที่กำลังปิดปากของเธอออก โรแอนด์กัดลงไปเบาๆ บนฝ่ามือนั้น “ข้ายัง..ยังไม่ได้..” เอสวารู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร เพราะเขาตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย นั่นทำให้ในความฝันที่แสนหวานนั่น เขาเป็นฝ่าย..เสร็จสม ออกมาก่อนโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยมากไปกว่านั้นด้วยซ้ำ มันช่าง..น่าเศร้าที่เขาไม่ได้ทำให้เธอถึงที่หมายเหมือนกับที่เธอทำให้เขา.. แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน ทว่ามันคือความจริง..เขาไม่สามารถทำเรื่องราวเช่นนั้นต่อได้.. “ข้าติดค้างเจ้าเอาไว้หนึ่งครั้งก็แล้วกัน หากเหนื่อยล้าก็พักที่นี่สิ ในห้องนอนของข้า ข้าไม่ได้เข้ามานอนบ่อยๆ หรอก” เขาทำท่าจะลุกขึ้นแต่โรแอนด์ก็รีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ในทันที “จากนี้ไปท่านต้องนอนบ่อยๆ สิ..ไม่เอาแบบสองสัปดาห์นอนครั้งหนึ่งนะคะ ข้าได้ตายพอดี” นั่นสินะ เพราะว่าเธอต้องกินความฝันของเขาเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด.. “ข้ามีงานที่ต้องทำมากมายอาจจะนอนหลับทุกวันไม่ได้ เพราะแบบนั้น..เอาเป็นสัปดาห์ละสองครั้งก็แล้วกัน เจ้าเลือกได้ว่าจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่ห้องนอนของเจ้า..” เขาส่งมอบกุญแจบ้านพักหลังนี้ให้แก่เธอพร้อมกับสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ถูกสวมลงมา “หากเจ้าจะเดินออกไปจากห้องนี้ให้กดลงไปที่สร้อยคอเส้นนี้ มันเป็นสร้อยคอที่ช่วยให้เจ้าล่องหนได้” ว้าว..ดูเหมือนว่าพลังวิเศษของเอสวาจะน่าทึ่งมากทีเดียว “ตกลงค่ะ ข้าจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเตียงนอนในห้องนี้ก็ใหญ่มากกว่าเตียงนอนในห้องของข้า” เขาพยักหน้า “เช่นนั้น..อีกสามวันเจอกันนะโรแอนด์” เธอพยักหน้า “อย่าลืมนะคะว่าครั้งนี้ท่านติดค้างข้าเอาไว้!” เธอกล่าวเสียงแข็งอย่างไม่ยินยอมอ่อนข้อให้เขา เอสวามิได้กล่าวคำใดอีกเลยหลังจากนั้น เขาเปลี่ยนชุดบาทหลวงต่อหน้าเธอ โดยที่ไม่ลืมสวมสร้อยไม้กางเขนลงไปบนร่างกายเป็นสิ่งสุดท้าย อ่า..เอสวาในชุดบาทหลวงนี่ ช่างมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมากเกินไปแล้ว เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงนอนของเขาโดยที่ไม่รู้สึกหิวตรงไหนเลย อาจจะเพราะว่าเธอได้กินความฝันของเขาจนอิ่มหนำสำราญ นั่นอาจจะทำให้เธอไม่หิวไปอีกหลายวัน ตาลุงพูดมากคนนั้น ป่านนี้ท่านคงรู้แล้วใช่ไหมคะว่าข้าน่ะ..ได้กินฝันของผู้อื่นเรียบร้อยแล้ว อันที่จริงช่วงเวลาสองชั่วโมงในการอยู่ในความฝันนั้นไม่ตายตัวสินะ เธอจะหลุดออกมาจากความฝันของฝ่ายตรงข้ามก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายเสร็จสมออกมาเพราะแบบนั้น..หากยังอยากเสพสุขกับความวาบหวามพวกนั้นต้องไม่ให้เขา..ถึงฝั่งฝันง่ายๆ อีก.. เมื่อโรแอนด์หลับตาลงหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที เอสวา..มีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว เขาอ่อนโยนแต่ทว่าก็เร่าร้อนในช่วงเวลาที่เราสบตากันในระหว่างที่เรียวนิ้วของเขาเคลื่อนไหวในร่างกายของเธอมันช่าง..ล้ำค่ามากจริงๆ เขาทำให้เธอสั่นไหวไปทั้งร่างกายและ..หัวใจ คิดถูกจริงๆ ที่เลือกเขา... ....................... “สงครามสิ้นสุดลงแล้วครับทุกคน ทางจักรวรรดิของเราเป็นฝ่ายชนะ ในระหว่างนี้ทางพระราชวังจะส่งทหารมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในการซ่อมแซมบ้านเรือน ใครที่ต้องการประกาศหาคนหาย หรือว่าคนครอบครัวหายไป ติดต่อได้ที่กองทัพของเราได้เลยนะครับ” เสียงประกาศนั้นเต็มไปด้วยความน่ายินดี ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของชาวเมืองจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าลึกๆ ในใจของพวกเขามันไม่สามารถอิ่มเอมใจได้เลย เพราะญาติมิตรที่ตายไปในสงครามนั้น ยังคงสร้างความเจ็บปวดให้แก่ชาวบ้านอยู่ “อย่างน้อยนี่ก็คือเรื่องน่ายินดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา สงคราม..จบแล้วครับทุกคน จากนี้ไปเมื่อบ้านเรือนของพวกท่านซ่อมแซมเสร็จแล้ว ทุกคนจะได้กลับไปที่บ้านของตัวเอง..” มาลิคประกาศออกมาในระหว่างที่เขากำลังแจกจ่ายอาหารให้แก่ชาวบ้านที่มาพักอาศัยอยู่ที่โบสถ์เป็นการชั่วคราว “อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีใครต้องสังเวยชีวิตให้แก่สงครามอีกแล้ว..ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ..ชาวเมืองที่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามก็หลีกหนีไม่พ้นความเจ็บปวดอยู่ดี..จริงไหมเอสวา” เอสวาพยักหน้าเห็นด้วยกับคาดินันแคนนอนผู้ปกครองโบสถ์แห่งนี่ เอสวาเป็นบาทหลวงที่เดินทางสายนี้มาสิบกว่าปีตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ท่านคาดินันฉุดรั้งเขาให้ขึ้นมาจากโคลนตมเพื่อให้ได้พบเจอแสงสว่างแห่งการเริ่มต้นใหม่ “เจ้าจะได้ย้ายไปที่วิหารในเมืองหลวง..เพื่อรับตำแหน่งคาดินันเร็วขึ้น” เอสวาก้มหน้าลง “ข้า..ยังไม่อยากจากท่านไปเร็วมากขนาดนั้น..เรื่องของข้าไม่ต้องรีบหรอกครับ” คาดินันแคนนอนหัวเราะออกมาเบาๆ “ที่เจ้าต้องจากไปเร็วมากกว่าเดิม มันมิใช่พระประสงค์ของข้าเลยเอสวา แต่มันคือประสงค์ของพระเจ้า..ยิ่งเจ้าเปล่งประกายมากเท่าไหร่ ยิ่งถูกชักจูงไปในทางที่ผิดได้มากเท่านั้น..จงตั้งตนอยู่ในทางเดินที่ทอดยาวไปจนถึงสรวงสวรรค์ อย่าวอกแวกสิเอสวา..ไม่อย่างนั้นข้าคงจะเสียใจอย่างถึงที่สุดที่ไม่อาจมองดูเจ้าเป็นคาดินันที่ยิ่งใหญ่ได้” หัวใจของเอสวากำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ในอ่างน้ำที่ทั้งเยือกเย็นและเหน็บหนาว เขากำลังทำผิด..ทว่าความผิดบาปนั้นมันช่างหอมหวานมากเหลือเกินอีกทั้ง..โรแอนด์จะตายหากว่านางไม่ได้กินความในของเขา แล้วจะให้เขาทอดทิ้งนางไปได้อย่างไรกัน6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์นั่งอยู่บนโซฟาไม้ตัวยาวในบ้านพักของเอสวา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเธอเลย หัวไหล่ของเธอนั้นลู่ลงด้วยความห่อเหี่ยว เธออยู่คนเดียวมาวันที่สองแล้วเอสวาไม่ได้กลับมาที่นี่ ที่ด้านนอกก็กำลังวุ่นวายเพราะสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาพักอาศัยในโบสถ์เป็นการชั่วคราวกำลังทยอยกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตัวเอง..แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ได้มีบ้านให้กลับ..แถมไม่มีคนอื่นที่รู้จักนอกจากเอสวาเลย..มาลิคก็ดูจะไม่ค่อยชอบที่ฉันไปสนิทสนมกับเอสวาสักเท่าไหร่นัก เพราะแบบนั้นฉันจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เดินออกไปข้างนอกห้องนี้ พอมาลิคไม่พบเจอฉันที่ห้องพัก เขาคงคิดว่าฉันเดินทางออกไปจากที่นี่แล้วแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดี..เพียงแต่โรแอนด์รู้สึกเหมือนกับว่าความเดียวดายเป็นคำสาปที่ติดตัวเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะชีวิตที่แล้วหรือว่าชีวิตนี้เธอก็จะต้องอยู่คนเดียวเสมอเลยลองออกไปข้างนอกบ้างดีไหมนะ..เมื่อคิดได้ดังนั้นโรแอนด์ก็จับสร้อยคอที่เอสวามอบให้เธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะกดมันลงไปเบาๆโรแอนด์เดินออกมาจากที่พักของเอสวาโดยที่ไม่มีใครเห็น เธอเดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงด้านนอกของโบสถ์ ถนนที่ครั้งแรกมีแต่ผู้คนก
ในสองวันที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเอสวาไม่รู้จักหยุดหย่อน เขาคิดถึงเรื่องคำกล่าวของคาดินันแคนนอนไม่หยุดหย่อน เรื่องที่ว่าเขาจะถูกชักจูงได้โดยง่าย..ทุกคนมองเขาเช่นนั้นสินะ สายตาที่ถูกมองมาด้วยความสรรเสริญเยินยอ และสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันไร้ที่สิ้นสุด ในนามของบุตรแห่งพระเจ้าเขาคือบาทหลวงผู้ที่จะทำให้ประชาชนทุกคนพ้นทุกข์..และเป็นที่ยึดเหนี่ยวความศรัทธาที่แรงกล้าเอาไว้ให้ชาวเมืองทุกคนเอสวาใช้ชีวิตเช่นนั้นมาตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับท่านคาดินันแคนนอนเขาอายุ 25 ในปีนี้ เขาอยู่ในวิหารมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ใช้ทั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ผู้คน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องแย้มยิ้มออกมาถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้ามากก็ตามที แต่เพราะมีสายตาพวกนั้นมองมา เขาถึงแสดงออกไปไม่ได้ว่าต้องการสิ่งใดอยู่เขาอยากพัก..เป็นการพักชั่วคราวก็ยังดีเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการบ้างเอสวาผลักประตูบ้านพักของเขาเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่าวิ่งที่เขาเห็นมันคือความว่างเปล่า ที่นี่ไม่มีวี่แววของโรแอนด์เลยแม้แต่นิดเดียวเธอไปที่ไหนกัน? โรแอนด์หายตัวไปไหน! หัวใจของเขาเต้นระส่ำระสายในแบบที่ไม่เคยเป็น
เขากำลังทำอะไรอยู่..คำถามนั้นผุดขึ้นมาในใจพร้อมกับความสับสนที่เกิดขึ้นมา เอสวายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ ร่างกายของเขามันเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาอยากจะโอบกอดร่างกายเล็กๆ นั่นของเธอเอาไว้ไม่ให้ห่างไปไหนเธอหรี่ตามองหน้าเขาก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะปิดลง ในความรู้สึกต่อมาโรแอนด์ก็สัมผัสได้ถึงกลีบปากแสนหวานของเขาที่ทาบทับลงมาในทันทีสำหรับเธอแล้วเอสวาคือเรื่องแปลกใหม่เสมอ ครั้งที่แล้วเราเคยจูบกันแล้ว..ในความฝัน แต่ทว่าในครั้งนี้เรากำลังจูบกันในความจริง เขายังไม่หลับและเธอเองก็ไม่ได้คิดบังคับให้เขาหลับด้วย โรแอนด์อยากพิสูจน์คำพูดของเฟอน่าสักหน่อย เรื่องที่ว่าการทำ..เรื่องเช่นนั้นกับบุรุษในชีวิตจริง สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้มากกว่าการกระทำในความฝันหัวใจที่เต้นแรง ทำให้เธอรับรู้ได้เลยว่าคำกล่าวของเฟอน่ามิได้โกหก โพรงปากแทบจะละลายด้วยอุณหภูมิจากรสจูบเร่าร้อน เขาดูดเม้มปลายลิ้นและริมฝีปากอย่างนุ่มนวลชวนให้รู้สึกอยากได้มากกว่านั้น โพรงปากอ่อนนุ่มเสียดสีกันอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของเขาตามมาช่วงชิงลมหายใจจากเธอครั้งแล้วครั้งเล่าโรแอนด์ยกมือขึ้นมาเพื่อผลักเอสวาออก ริมฝีปากของเธอฉ่ำแย้มน
เอสวามองใบหน้างดงามที่กำลังฉายชัดถึงความต้องการที่ท่วมท้นนั้นด้วยแววตาที่อ่อนโยนเช่นเคย เราต่างลุ่มหลงและมัวเมาไปกับความรู้สึกเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นมาในร่างกาย ความเป็นชายของเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งราวกับโลหะที่หลอมขึ้นด้วยไฟร้อนมันเริ่มมาจากตรงไหนกันนะ ในวันที่เขารู้สึกได้ถึงความสุขสมและความต้องการที่เกิดขึ้นมาในร่างกาย วันนั้นคงเป็นวันที่เขาอายุ 20ปี ในวันที่เขาออกช่วยชาวบ้านมากมายที่ล้มป่วยเนื่องจากภาวะสงคราม“เพราะมีท่านบาทหลวงแท้ๆ เลยพวกเราจึงไม่เป็นอะไร ขอบคุณท่านบาทหลวงมากๆ นะครับที่เกิดมา..”คำชมเชยพวกนั้นถูกกล่าวออกมาในขณะที่เอสวาฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักขอบคุณที่เขาเกิดมาอย่างนั้นหรือ? แล้วในช่วงเวลาที่เขาถูกท่านแม่ทรมานและทำร้ายร่างกาย ไม่เห็นมีใครเข้าไปช่วยเหลือหรือว่าฉุดรั้งเขาออกมาจากนรกนั่นเลยล่ะ“ขอบคุณท่านเอสวามากนะคะ หากไม่ได้ท่าน พวกเราจะต้องแย่มากแน่ๆ”นั่นคงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำขอบคุณแล้วรู้สึกอึดอัดมากพอสมควร มันอึดอัดจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก อยากหลบหนีออกไปจากตรงนั้น..ในวันนั้นเอง เขานั่งลงในอ่างอาบน้ำเหมือนกับทุกวันแต่ทว่า..ส่วนนั้นของเขามันกลับตื่นตั
“โรแอนด์...”เขาเรียกชื่อของเธอในตลอดเวลาที่เราเริ่มทำเรื่องเช่นนั้น เอสวาแปลกไปและแตกต่างจากเอสวาแสนอ่อนโยนที่เธอรู้จัก เขาลุกขึ้นก่อนที่จับเธอให้ลุกขึ้นจากโซฟาที่เรานอนอยู่เอสวาจับให้โรแอนด์หันหลัง มือของเธอจับเข้าที่พนักพิงของโซฟา บั้นท้ายงอนงามแอ่นขึ้นเล็กน้อยเขาจุมพิตลงไปที่แนวกระดูกสันหลังของเธอ“โรแอนด์ ท่านี้คงทำให้เจ้าเจ็บน้อยลง..”ไหนว่าไม่เคยทำมาก่อนแล้วไปเรียนรู้ท่าทางมากมายพวกนี้มาจากไหนกันนะ เธอก่นด่าเขาในใจแต่ทว่าก็ยินยอมให้เขาได้โอบกอดและทำตามที่เขาต้องการได้มากเท่าที่เขาสามารถทำได้เอสวาใช้ส่วนหัวถูที่กลางรอยแยกจนชื้นแฉะ เขาจับใบหน้าของเธอให้หันหลังกลับมาเพื่อรับจุมพิตจากเขาอย่างเอาแต่ใจ ดวงตาถูกตรึงเอาไว้ด้วยกัน คลื่นอารมณ์ต่างๆ ที่แล่นริ้วพาดผ่านใบหน้าก็สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด เสียงลามกคลอครางในลำคอเมื่อเขาขยับเอวเพื่อให้ส่วนนั้นถุูไถไปตามร่องเนื้อ“โรแอนด์..ชอบรึเปล่า”ยามที่กดแทรกแก่นกายเข้าไป ช่องทางก็เยิ้มลื่นเสียแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันเข้าไปยากเย็นมากด้วยซ้ำ“ชอบสิ..ชอบมากที่สุดเลย แล้ว..ท่านล่ะคะ ชอบมันรึ..เปล่า?”เท้าของเธอพลันเขย่งลอย ส้นเท้าไม่ติดพื้น
โรแอนด์มองเห็นความเจ็บปวดผ่านสายตาของเฟอน่า.เพราะแบบนั้นสินะ เพราะว่าในครั้งอดีต คนรักของเฟอน่าคือบาทหลวงเพราะแบบนั้นนางถึงได้..เตือนเธอให้ระแวดระวังบาทหลวงและโบสถ์เอาไว้ไม่ใช่ว่าโรแอนด์จะไม่สนใจคำกล่าวของเฟอน่าหรอกนะ แต่เพราะว่าเธอเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และเอสวาไม่มีทางทำร้ายเธออย่างแน่นอน“ครั้งหนึ่งข้าเคยเป็นซักคิวบัสมือใหม่เหมือนกันกับเจ้า ข้าไร้ประสบการณ์และ..อ่อนต่อโลกมากทีเดียว..”เฟอน่าได้พบเจอกับเพื่อนที่เป็นซักคิวบัสด้วยกัน พวกเรามิได้มีสายเลือดเดียวกันเนื่องจากซักคิวบัสไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่เพราะพื้นเพของพวกเรานั้นคือปีศาจเหมือนกันๆ เพราะแบบนั้นเราจึงนับถือกันเป็นครอบครัวลิเดียคือเพื่อนสนิทของเฟอน่า นางให้คำแนะนำมากมายให้แก่เธอ ทั้งเรื่องการกลืนกินความฝันและเรื่องการใช้ชีวิต“เจ้าลองใช้ชีวิตดูสิเฟอน่า ไหนนี่ก็เป็นครั้งแรกเพราะแบบนั้นเจ้าลองใช้หัวใจนำทางดูสิ..”ใช้หัวใจนำทางอย่างนั้นหรือ? คราแรกเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่เมื่อเธอพบเจอกับบาทหลวงผู้หนึ่ง..เขาทำให้เธอรู้สึกสะดุดสายตามากทีเดียว หัวใจของเธอสั่นไหวและเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อา
ถึงจะตอบออกไปเช่นนั้นแต่ทว่าฉันอยากจะครอบครองเขาเอาไว้เพียงผู้เดียวเท่านั้น อยากกุมมือคู่นี้ไปในทุกวัน อยากจะ..โอบกอดเขาเอาไว้ในทุกครั้งที่หลับตาลง หากว่ามันเป็นไปไม่ได้ฉันก็อยากจะตายไปพร้อมกันกับเขา ให้ผืนดินฝังกลบใบหน้านี้โดยที่มือของเราทั้งคู่ยังคงกอบกุมกันเอาไว้อยู่แต่ทำแบบนั้นแล้วยังมีประโยชน์อะไรกัน เขาแหลกสลายส่วนฉันไร้ความสุข สู้ปล่อยให้ต่างคนต่างไป ปล่อยให้เขาได้อุทิศทุกอย่างให้แก่พระเจ้าตามเดิมนั้นดีแล้วเอสวาก้มลงหอมหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา ความอ่อนโยนในสัมผัสนั้นทำให้โรแอนด์รู้สึกอบอุ่นได้ถึงด้านในของหัวใจนี่แหละเอสวา ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ทำให้เธอลุ่มหลงได้ตลอดอยู่แล้ว“เจ้าเป็นปีศาจที่งดงามและใจดีมากที่สุดเท่าที่ข้ารู้จักเลย”โรแอนด์ส่งยิ้มให้แก่เอสวา คงเป็นเพราะว่าเธอพึ่งจะตายจากการเป็นมนุษย์ ในความรู้สึกหลายๆ อย่างของโรแอนด์ หัวใจและความเปราะบางของอารมณ์เธอยังคงเป็นมนุษย์อยู่“ไปกับข้านะ..ไปที่เมืองหลวงกับข้า”เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว“ไม่ค่ะ ข้าจะไม่ไปที่นั่น ข้าจะอยู่ที่นี่ที่บ้านหลังนี้ของท่าน”ชั่วขณะหนึ่งโรแอนด์คิดว่าเธอมองเห็นความเจ็บปวดในสายต
ฉันวิ่งไปข้างหน้าเท่าที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเองจะมีแรง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ แขนทั้งสองข้างกางออก แม้ว่ายังไม่แน่ใจว่านั่นใช่เอสวาหรือไม่ ทว่าความหวังเพียงริบหรี่พวกนั้นก็สามารถต่อเติมความรู้สึกในใจของฉันได้อย่างน้อยที่สุด หากเป็นเขาฉันก็พร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อโอบกอดเขาเอาไว้เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเท้าทั้งสองข้างก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองวิ่งไวแล้วแต่ทว่าอีกฝ่ายกับไวกว่า เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับช้อนตัวของฉันขึ้นไปสู่อ้อมกอดที่แสนปลอดภัยของเขาอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ในยามนี้ดวงตาทั้งสองข้างนี้ของฉันมันมืดบอดแต่ทว่าฉันก็แน่ใจว่าชายเบื้องหน้าคือเอสวาไม่ผิดแน่ ไม่มีอ้อมกอดของใครที่จะอบอุ่นได้เท่ากับอ้อมแขนของเขาอีกแล้ว“เอสวา..”มือของเขาลูบผมของโรแอนด์อย่างเบามือ เขาคือเอสวาไม่ผิดแน่ ใบหน้านั้นคือเอสวาอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆ ข้างของเอสวาจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแต่เขาก็คือเอสวา คนรักของฉันดวงตาของเอสวาเหลือบมองเท้าที่เปลือยเปล่าของโรแอนด์ ฝ่ามือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่มีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ลำคอของเธอนั้นมีรอยแดงราวกับถูกเหล็กบาด และเมื่อเขามองไ
“ต้องทานอาหารบ้างนะคะ การอดอาหาร นานๆ เช่นนี้จะทำให้ร่างกายของท่านเป็นอันตราย..”สาวใช้พยายามพดคุยกับโรแอนด์แต่ไม่ว่านางจะกล่าวคำใดออกมา สตรีงดงามผู้นั้นก็ยังคงนั่งกอดเข่าอยุ่บนเตียงเช่นเดิม ไม่ดื่มน้ำหรือว่าแตะต้องอาหาร ทำได้เพียงการนั่งมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่าง หากมิใช่ว่าองค์รัชทายาททรงรับสั่งให้นางดูแลสตรีผู้นี้เป็นอย่างดีแล้วละก็ นางเองก็คงจะเดินหนีออกไปแล้วไม่สนใจไยดีสตรีที่แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังไม่สนใจลีออนเดินเข้ามาในห้องพักข้างๆ ห้องนอนของเขา เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสายตาให้สาวใช้เดินออกไปให้หมด เขายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนเธอจากฝันร้าย“วันนี้ก็ไม่แตะต้องอาหารอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่หิวแน่หรือ? หรือว่าเจ้าต้องการที่จะกลืนกินพลังชีวิตของข้า เช่นนั้นก็ทำสิโรแอนด์ เจ้าต้องการสิ่งใดข้ายินดีจะมอบให้เจ้าทั้งนั้นเลย เจ้าเอ่ยปากออกมาแล้วร้องขอมันกับข้า..”เขาไม่ได้โกหกที่ว่าเขาส่งมอบให้เธอได้ทุกอย่าง ลีออนให้โรแอนด์ได้ทุกอย่างจริงๆ เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นซักคิวบัส แต่ทว่าทำไมเธอถึงไม่คิดกินฝันของเขาเลยล่ะ หรื
เฟอน่าเหลือบมองมีดที่วางเอาไว้ข้างๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ราวกับกำลังปลอบประโลมความโศกเศร้าของเอสวา ที่มุมปากเฟอน่าก็ถูกกดลึกเป็นรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเอสวาต้องการให้เธอทำอะไร และเธอเองก็ต้องการที่จะทำสิ่งนั้นอยู่พอดีเลย“โรแอนด์โชคดีที่มีท่านรักนาง..ข้าฝากดูแลหัวใจที่สั่นไหวของนางด้วยนะคะ"เอสวามิได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงส่งยิ้มให้เฟอน่าและท่านคาดินันก่อนที่ร่างกายของเขาจะจางหายไปราวกับกลุ่มควันขอให้ท่านเจ็บปวดปางตายอย่างที่ข้ารู้สึกนะครับท่านคาดินัน..ท่านทำให้ข้าเชื่อใจและหลอกใช้ข้าอย่างแนบเนียน ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าในยามที่ท่านแตกสลายแต่ข้าจะถือซะว่านี่คือความปรานีอย่างถึงที่สุดของข้าก็แล้วกันจงมอดไหม้ลงไปพร้อมกับเลือดแดงฉานที่อาบท่วมไปทั่วมือและร่างกายของท่านเถิดครับ โศกเศร้าจนหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายเลือด..จงมีชีวิตต่อไปด้วยความร้สึกผิดและเจ็บปวด..เฟอน่ายื่นมือไปจับมีดเล่มนั้นมาถือครองเอาไว้ เธอแย้มยิ้มออกมาราวกับว่ามีดเล่มนี้คือสิ่งที่เธอต้องการและตามหามาทั้งชีวิต“เฟอน่า..เจ้ารู้อยู่แก่ใจที่รักว่าข้าจะไม่ตายภายใต้คมมีดนั้นอย่างแน่นอน”เฟอน่าแค่นหัวเราะออกมาด้วยคว
มาลิคแทบจะอ้าปากค้างในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากยิ่งกว่าทุกครั้งในชีวิต เขาตกใจจนแทบสิ้นสติและถามตัวเองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเขามีดวงตาที่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงได้และเขามั่นใจมาก ว่าบุรุษที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นมันคือท่านเอสวาไม่ผิดแน่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือพลังทั้งหมดของท่านเอสวา ไม่มีพลังสีทองอย่างที่เขาเคยเห็น พลังในยามนี้คือพลังสีดำสนิทที่ทั้งชวนให้อึดอัดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายมาลิคมองเห็นเขาบนศีรษะและ..ปีกขนาดใหญ่ที่กลางแผ่นหลัง มันเหมือนกับรูปลักษณ์ของซาตานมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์“ฮะ..ฮ่า ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว”เอียนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่บาทหลวงเอสวา“ข้าคิดเอาไว้ว่าพวกท่านคนใดคนหนึ่งจะต้องเก็บโรแอนด์เอาไว้กินเอง เอ๊ะ..หรือว่าไม่ใช่แค่คนเดียวแค่พวกท่านผลัดกัน..อะ..เฮือก!!”กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งทะลุหน้าอกของเอียนไปอย่างรวดเร็ว และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือบนอกของเขาบริเวณที่ถูกกลุ่มควันพวกนั้นพุ่งผ่านมันเกิดเป็นรูโบ๋ราวกับถูกของมีคมคว้าน..เลีอดสีแดงไหลออกมาพร้อมๆ กับเศษเนื้อที่ร่วงหล่น“อะ..อ้าก!! ช่วยด้วย!!เจ้าทำอะไรกับข้ากัน ช่วยข้าสิมาลิค อ้าก!”
ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางฝุ่นควันมากมายที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย คนที่รอดคือคนที่หลบหนีออกมาก่อนที่ตัววิหารจะถล่ม ส่วนผู้ที่อยู่ด้านในนั้น..มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ได้อยากจะตอกย้ำความจริงที่กำลังตีแสกหน้า แต่ว่าฉันสัมผัสถึงพันธสัญญาที่ทำเอาไว้กับเอสวาไม่ได้เลย ไม่มีสัญญาณอะไรทั้งนั้นที่จะบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ พระเจ้าคงกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหม เพราะว่าฉันคือปีศาจที่โลภมากเกินไป ฉันอยากจะมีความรักกับลูกรักของพระองค์ เช่นนั้นแล้วนี่คือบทลงโทษของปีศาจที่ไม่รู้จักเจียมตัว โรแอนด์ปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาที่ดวงตาพร้อมกับท่าทีสิ้นหวังที่แม้แต่การก้าวเดิน ฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกระทำเช่นนั้นเลย องค์รัชทายาทลีออนเดินเข้ามาหาโรแอนด์ เขาอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะพาเธอเดินออกไปจากตรงนั้นเพราะทหารของพระราชวังกำลังจะเข้าไปจัดการค้นหาผู้รอดชีวิต..ทั้งที่ความจริงจะเป็นการตามหาศพของพระสันตะปาปามาคิวลัสก็เถอะ จริงอยู่ที่การตกลงของเขา
โรแอนด์ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอน ดูเหมือนว่าเธอจะฝันร้ายล่ะ ในความฝันนั้นเลือนลางมากทีเดียวแต่สิ่งที่เธอจำได้คือเอสวา..บนร่างกายของเอสวานั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาบาดเจ็บหรือว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ในใจรู้สึกสั่นไหวแบบแปลกๆ เธออยากพบเจอเขาตอนนี้เลย!!“ตื่นแล้วเหรอ?”ในห้องนอนของเธอกลับมีชายผู้หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ ถัดจากชายผู้นั้นคือสาวใช้อีกสองนางที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอโดยในมือของพวกนางถืออ่างล้างหน้าอยู่นี่มันอะไรกัน แล้วที่นี่ที่ไหน?“อ่า..เอสวาอยู่ที่ไหนกันคะ”องค์รัชทายาทมองหน้าของโรแอนด์ตาไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ เธองดงามมากเสียยิ่งกว่าในยามที่เธอนอนหลับอีก“เขากำลังไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า และข้าเองก็กำลังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือการดูแลเจ้าให้ดี”นี่มันอะไรกัน? เอสวาพาเธอมาหาชายผู้นี้อย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมถึงคิดว่าเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาล่ะ“ท่านใช้ให้เขาไปทำอะไรที่ไม่ปลอดภัยรึเปล่าคะ?”เธอเอ่ยถามออกมาด้วยแววตาที่หวาดระแวงและนั่นทำให้องค์รัชทายาทหัวเราะออกมาเสียงดัง“นั่นสินะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าการที่เขาอาสาจะไปจัดการพระสันตะปาปานั่นมันคือเรื่องที่
แคนนอนคุกเข่าและเฝ้าวิงวอนต่อผู้ที่อยู่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด เขามีความตั้งมั่นในศรัทธาอย่างแรงกล้าชนิดที่ว่าแผ่นดินจะถล่มลงมาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจของเขาได้ เพื่อความรักแล้ว..เขายินดีถวายทุกสิ่งอย่างที่เขามีให้เป็นเครื่องบูชายันแก่ท่านผู้นำศาสนาชีวิตของอินคิวบัสสองตนอาบชุ่มไปด้วยเลือดจากดาบที่ทำจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าเฟอน่าเองก็คงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นางจะต้องยินยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เราได้รักกันสิ ความคิดของเรานั้นคงตรงกัน..ดวงตาที่มืดบอดของแคนนอนไม่สนใจว่าเฟอน่าจะรู้สึกอย่างไรเพราะเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว เขาจับตัวของซักคิวบัสตนหนึ่งเพื่อไปถวายให้แก่พระสันตะปาปาที่2“คำมั่นสัญญาที่ข้าให้ไว้..ย่อมต้องเปิดเผยมันให้เจ้ารู้แคนนอน วิธีที่เจ้าจะสามารถครองรักกับปีศาจสายเลือดของซาตานเจ้าจะต้องตามหาเด็กคนหนึ่งให้พบเจอ..เด็กที่เกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าแต่ทว่าจิตใจของเขานั้นช่างดำมืด เขาจะสังหารมารดาของตัวเอง หลังจากนั้นหัวใจของเขาจะจมดิ่งลงไปยังความมืดมิดที่สุดหยั่ง..เด็กที่อ่อนโยนแต่ทว่ากลับโหดเหี้ยมไร้ปรานี เด็กที่จะทำให้โลกใบนี้เจิ่งนองไปด้วยเลือดของมนุษย์เพื่อสังเวยให้แก่ราชาปีศา
“เฟอน่ามีเรื่องราวในอดีตที่น่าเห็นใจมากๆ เลยค่ะ..”หลังจากนั้นโรแอนด์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เอสวาฟังว่าเรื่องในอดีตของโรแอนด์และท่านคาดินันแคนนอนมันเป็นเช่นไร“แบบนี้เองสินะ..ที่แท้ในอดีตก็มีเรื่องราวที่สุดแสนจะโศกเศร้าเช่นนั้นอยู่”เขากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ ด้วยความทะนุถนอม ในมือของโรแอนด์กำลังถือแก้วนมร้อนๆ ที่เอสวาจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอ“เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากนะโรแอนด์ นอนหลับซะเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะส่งคนมาดูแลเจ้าเอง..”เธอจับมือของเอสวาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“เขาส่งท่านมาที่นี่ทำไมกันคะ? ท่านถูกพระสันตะปาปารังแกหรือว่าบังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำรึเปล่า?”เอสวาส่งยิ้มให้กับโรแอนด์“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกโรแอนด์ ข้าแค่มาทำตามหน้าที่บาทหลวงของตัวเองเท่านั้น และหน้าที่นี้ของข้ามันกำลังจะจบลงแล้ว.อีกไม่นานเราทุกคนจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง..”โรแอนด์ไม่ค่อยเข้าใจที่เอสวาพูดเท่าไหร่นัก“ขอโทษนะคะ ขอโทษที่ข้าช่วยเหลือท่านไม่ได้เลย”เอสวาจุมพิตลงไปที่หน้าผากของเธอเบาๆ“เจ้าช่วยข้าได้มากเลยล่ะโรแอนด์ ไม่ต้องคิดมานะ นอนพักผ่อนเถอะเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ..”เขาแตะเบาๆ ที่หน้าผ
ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า สายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ร่างกายรับรู้ได้ถึงความเหน็บหนาวในยามราตรีโรแอนด์ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ทำไมกันนะ ทำไมฉันถึงทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ปกป้องใครก็ไม่ได้ช่วยเหลือเอสวาหรือแม้กระทั่งช่วยเหลือเฟอน่าก็ทำไม่ได้ ทุกคนเอาแต่ปกป้องฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่หนี..เธอหลับตาลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด“คุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกันคะ ในเมื่อหนูทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว หนูได้แต่รอคอยให้คนอื่นมาปกป้อง หนูไร้ค่ามากขนาดนั้นแล้วคุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกัน อย่างน้อยก็ให้พลังอะไรกับหนูบ้างสิ!!”เธอเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย..เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเช่นนี้เลย เธออยากจะช่วยเหลือคนอื่นได้บ้างก็ยังดี“สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่..นั่นแหละคือการช่วยเหลือเอสวาแล้ว..”โรแอนด์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็พบกับห้องว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด ในยามนี้เธอไม่ได้นั่งอยู่บนรถม้าแล้วแต่กลับอยู่ในสถานที่ที่เธอมาในตอนแรกหลังจากเธอตาย“ชะ..ช่วยยังไ