ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมา
ทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย.. ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง.. “ถอดออก..ได้ไหมคะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้ เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น “ข้าควรจะ..ทำเช่นไรต่อไปดี” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำราวกับลูกมะเขือเทศ เรียวคิ้วคู่นั้นขมวดเข้าหากันด้วยความไม่มั่นใจ เขาเอ่ยถามออกมาเพื่อที่จะขอคำแนะนำจากเธอในเรื่องการทำรักแสนหวานที่เราทั้งคู่จะจับมือกันเดินข้ามไป..แต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต้องทำอย่างไรต่อไป.. ความพยายามที่อ่านคู่มือมาทั้งวันมันจางหายไปหมด เพียงแค่ได้มองสบตาเขา พระเจ้าช่วย..ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงรักและเอ็นดูเอสวามากเหลือเกินเพราะไม่ว่าส่วนใดบนใบหน้าของเขา มันล้วนแล้วแต่งดงามและบรรจงสร้างทั้งนั้น เธอเอื้อมมือไปจับเข้าที่เส้นผมสีรัตติกาลของเขา มันเงางามและนุ่มลื่นมากกว่าที่คิด แน่นอนว่าเธอไม่มีประสบการณ์เรื่องเช่นนี้..แต่จะให้เขารู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! กว่าเธอจะโน้มน้าวให้เขาคล้อยตามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแบบนั้น..ก่อนอื่นถอดชุดบาทหลวงเขาออกมาก่อน “ให้ข้าช่วยถอดมันออกนะคะ” เขาลูบไล้ลงไปเบาๆ ตามต้นแขน ทำให้เธอขนลุกทุกครั้งที่สัมผัส ในขณะที่เธอเอื้อมมือไปถอดชุดสีดำนั่นออกจากร่างกายของเขา ผิวกายของเอสวาขาวเนียนไปหมด ทว่าที่น่าตกใจคือเขามีรอยแผลเป็นจากการถูกตีที่แผ่นหลังมานับรอยไม่ถ้วน ในช่วงเวลาที่อยู่ในห้องอาบน้ำเธอไม่ทันได้สังเกตดีๆ แต่ในยามนี้ดูเหมือนกับว่ารอยเหล่านั้นมันจะเด่นชัดมากทีเดียว “มัน..ไม่เจ็บแล้วล่ะ..” เธอไม่กล้าเอ่ยถามด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา โรแอนด์คิดว่าในวันนี้เธอควรจะโฟกัสแค่ความรู้สึกของเราทั้งสองคนก็พอ เรื่องอื่นเอาไว้เราสนิทสนมกันมากกว่านี้ค่อยพูดคุย.. “ท่านจะไม่เป็นไร ในยามที่ท่านอยู่ในอ้อมแขนของข้านั้น ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายท่านไม่ได้ทั้งนั้น..” เอสวาจุดยิ้มที่มุมปาก โรแอนด์กำลังถอดเสื้อของเขาออก ขณะที่ลมหายใจของเธอเริ่มถี่ขึ้น เขาเคยคิดว่าจะไม่มีวันยินยอมให้ผู้อื่นมองเห็นร่างกายที่โสมมของตัวเองอย่างเด็ดขาด เอสวาไม่ชอบที่ตัวเองถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ ร่างกายของเขามีรอยแผลการถูกตีนับรอยไม่ถ้วน มันคือรอยแผลจากการถูกทารุณกรรมซ้ำๆจากมารดาที่รักของเขา..ถึงแม้ว่าในยามนี้มันจะไม่เจ็บปวด แต่ไม่ว่าจะพยายามลบรอยแผลพวกนั้นอย่างไรมันก็ยังคงลบล้างไม่ออก มันเหมือนกับความรู้สึกที่เจ็บปวดในใจของเขา.. ไม่ว่าจะลบล้างมาแค่ไหน ก็ไม่มีวันลืมเลือนวันเวลาที่เลวร้ายพวกนั้น..ชีวิตที่อยู่ในนรกที่แม่ของเขาสร้างขึ้นมา ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ผ่านลำตัวของเธออย่างเชื้องช้า ราวกับกำลังลิ้มรสในทุกความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านในร่างกายของโรแอนด์ เธอโบกมือขึ้นมาเบาๆ ปีกและหางพวกนั้นก็จางหายไปพร้อมกับชุดที่เธอสวม ในยามนี้เธอยืนเปลือยกายอยู่ด้านหน้าของเขา นี่คือซักคิวบัสที่ถูกจารึกเอาไว้ในหนังสือต้องห้ามที่เขาเคยศึกษามา รูปโฉมงดงามและมีความสามารถในการล่อลวงบุรุษเพื่อดูดกลืนความฝันไปเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเอง “ข้าเป็น..คนที่เท่าไหร่ของเจ้ากัน ก่อนหน้านี้เจ้าคงจะ..ทำเรื่องเช่นนี้กับบุรุษมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วใช่ไหม รสชาติความฝันของแต่ละคนมันแตกต่างกันมากรึเปล่า?” “......” คำถามพวกนั้น..เธอจะตอบอย่างไรดีว่าเขาเป็นคนแรก และในยามนี้เธอก็พึ่งจะเคยเห็น..ส่วนนั้นของบุรุษครั้งแรกเช่นเดียวกัน มันตั้งชันขนานไปกับหน้าท้องแถมยังมีเส้นเลือดมากมายปูดโปนขึ้นมา ลำแท่งแดงก่ำและ..ร้อนมากเมื่อได้เอื้อมมือไปสัมผัส เอสวาหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเขามองเห็น..โรแอนด์ที่กำลังนั่งจ้องส่วนนั้นของเขาด้วยดวงตาลุกวาว เธอยื่นมือมาสัมผัสมันเบาๆ ด้วยความกระหายใคร่รู้ราวกับว่าโรแอนด์ไม่เคยเห็นมันมากก่อน “โรแอนด์..อย่าบอกนะว่าข้าคือคนแรกอย่างนั้นหรือ?” เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่สั่นระริก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ด้วยความเขินอาย บนใบหน้างามขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากนั้นเม้มๆ คลายๆ ด้วยความไม่มั่นใจ เอสวานิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง บรรยากาศในห้องนี้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนแบบไม่คาดคิดมาก่อน เขาเองก็ใช่ว่าจะมีประสบการณ์ เอสวาคิดว่าโรแอนด์จะช่ำชองมากและนำพาเขาไปยังสรวงสวรรค์ที่เขาไม่เคยไปสัมผัส แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังนั่งทำหน้าไร้เดียงสาต่อเจ้าส่วนนั้นของเขาที่มันกำลังผงาดขึ้นมาและต้องการจะปลดปล่อย “...แล้วเจ้าไม่ตายอย่างนั้นหรือ ข้าได้ยินมาว่าหากซักคิวบัสมิได้กลืนกินความฝัน..มันจะตาย..” โรแอนด์พยักหน้า “เพราะว่าข้าจะตาย..อีกสองวัน ข้าพึ่งจะเป็นปีศาจซักคิวบัสไม่กี่วันนี่เอง วันที่เราพบเจอกันครั้งแรกมันคือวันที่ข้า..เป็นปีศาจวันแรก และบนร่างกายของท่านมันมีกลิ่นหอมหวานในแบบที่ข้าลืมไม่ลง เอสวา..ท่านคือบาทหลวงผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาเพราะแบบนั้น..ท่านจะมองดูข้าตายไปไม่ได้นะคะ..ท่านจะต้องช่วยเหลือข้า อย่างน้อยให้ข้าได้กลืนกินความฝันของท่านสักหน่อยก็ยังดี” เอสวาหลับตาลงช้าๆ แต่ไหนๆ เราทั้งคู่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันเดินทางต่อไปด้วยความต้องการที่ก่อตัวขึ้นมาเถิด..เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์นั่งอยู่บนโซฟาไม้ตัวยาวในบ้านพักของเอสวา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเธอเลย หัวไหล่ของเธอนั้นลู่ลงด้วยความห่อเหี่ยว เธออยู่คนเดียวมาวันที่สองแล้วเอสวาไม่ได้กลับมาที่นี่ ที่ด้านนอกก็กำลังวุ่นวายเพราะสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาพักอาศัยในโบสถ์เป็นการชั่วคราวกำลังทยอยกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตัวเอง..แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ได้มีบ้านให้กลับ..แถมไม่มีคนอื่นที่รู้จักนอกจากเอสวาเลย..มาลิคก็ดูจะไม่ค่อยชอบที่ฉันไปสนิทสนมกับเอสวาสักเท่าไหร่นัก เพราะแบบนั้นฉันจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เดินออกไปข้างนอกห้องนี้ พอมาลิคไม่พบเจอฉันที่ห้องพัก เขาคงคิดว่าฉันเดินทางออกไปจากที่นี่แล้วแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดี..เพียงแต่โรแอนด์รู้สึกเหมือนกับว่าความเดียวดายเป็นคำสาปที่ติดตัวเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะชีวิตที่แล้วหรือว่าชีวิตนี้เธอก็จะต้องอยู่คนเดียวเสมอเลยลองออกไปข้างนอกบ้างดีไหมนะ..เมื่อคิดได้ดังนั้นโรแอนด์ก็จับสร้อยคอที่เอสวามอบให้เธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะกดมันลงไปเบาๆโรแอนด์เดินออกมาจากที่พักของเอสวาโดยที่ไม่มีใครเห็น เธอเดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงด้านนอกของโบสถ์ ถนนที่ครั้งแรกมีแต่ผู้คนก
ในสองวันที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเอสวาไม่รู้จักหยุดหย่อน เขาคิดถึงเรื่องคำกล่าวของคาดินันแคนนอนไม่หยุดหย่อน เรื่องที่ว่าเขาจะถูกชักจูงได้โดยง่าย..ทุกคนมองเขาเช่นนั้นสินะ สายตาที่ถูกมองมาด้วยความสรรเสริญเยินยอ และสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันไร้ที่สิ้นสุด ในนามของบุตรแห่งพระเจ้าเขาคือบาทหลวงผู้ที่จะทำให้ประชาชนทุกคนพ้นทุกข์..และเป็นที่ยึดเหนี่ยวความศรัทธาที่แรงกล้าเอาไว้ให้ชาวเมืองทุกคนเอสวาใช้ชีวิตเช่นนั้นมาตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับท่านคาดินันแคนนอนเขาอายุ 25 ในปีนี้ เขาอยู่ในวิหารมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ใช้ทั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ผู้คน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องแย้มยิ้มออกมาถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้ามากก็ตามที แต่เพราะมีสายตาพวกนั้นมองมา เขาถึงแสดงออกไปไม่ได้ว่าต้องการสิ่งใดอยู่เขาอยากพัก..เป็นการพักชั่วคราวก็ยังดีเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการบ้างเอสวาผลักประตูบ้านพักของเขาเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่าวิ่งที่เขาเห็นมันคือความว่างเปล่า ที่นี่ไม่มีวี่แววของโรแอนด์เลยแม้แต่นิดเดียวเธอไปที่ไหนกัน? โรแอนด์หายตัวไปไหน! หัวใจของเขาเต้นระส่ำระสายในแบบที่ไม่เคยเป็น
เขากำลังทำอะไรอยู่..คำถามนั้นผุดขึ้นมาในใจพร้อมกับความสับสนที่เกิดขึ้นมา เอสวายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ ร่างกายของเขามันเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาอยากจะโอบกอดร่างกายเล็กๆ นั่นของเธอเอาไว้ไม่ให้ห่างไปไหนเธอหรี่ตามองหน้าเขาก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะปิดลง ในความรู้สึกต่อมาโรแอนด์ก็สัมผัสได้ถึงกลีบปากแสนหวานของเขาที่ทาบทับลงมาในทันทีสำหรับเธอแล้วเอสวาคือเรื่องแปลกใหม่เสมอ ครั้งที่แล้วเราเคยจูบกันแล้ว..ในความฝัน แต่ทว่าในครั้งนี้เรากำลังจูบกันในความจริง เขายังไม่หลับและเธอเองก็ไม่ได้คิดบังคับให้เขาหลับด้วย โรแอนด์อยากพิสูจน์คำพูดของเฟอน่าสักหน่อย เรื่องที่ว่าการทำ..เรื่องเช่นนั้นกับบุรุษในชีวิตจริง สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้มากกว่าการกระทำในความฝันหัวใจที่เต้นแรง ทำให้เธอรับรู้ได้เลยว่าคำกล่าวของเฟอน่ามิได้โกหก โพรงปากแทบจะละลายด้วยอุณหภูมิจากรสจูบเร่าร้อน เขาดูดเม้มปลายลิ้นและริมฝีปากอย่างนุ่มนวลชวนให้รู้สึกอยากได้มากกว่านั้น โพรงปากอ่อนนุ่มเสียดสีกันอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของเขาตามมาช่วงชิงลมหายใจจากเธอครั้งแล้วครั้งเล่าโรแอนด์ยกมือขึ้นมาเพื่อผลักเอสวาออก ริมฝีปากของเธอฉ่ำแย้มน
เอสวามองใบหน้างดงามที่กำลังฉายชัดถึงความต้องการที่ท่วมท้นนั้นด้วยแววตาที่อ่อนโยนเช่นเคย เราต่างลุ่มหลงและมัวเมาไปกับความรู้สึกเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นมาในร่างกาย ความเป็นชายของเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งราวกับโลหะที่หลอมขึ้นด้วยไฟร้อนมันเริ่มมาจากตรงไหนกันนะ ในวันที่เขารู้สึกได้ถึงความสุขสมและความต้องการที่เกิดขึ้นมาในร่างกาย วันนั้นคงเป็นวันที่เขาอายุ 20ปี ในวันที่เขาออกช่วยชาวบ้านมากมายที่ล้มป่วยเนื่องจากภาวะสงคราม“เพราะมีท่านบาทหลวงแท้ๆ เลยพวกเราจึงไม่เป็นอะไร ขอบคุณท่านบาทหลวงมากๆ นะครับที่เกิดมา..”คำชมเชยพวกนั้นถูกกล่าวออกมาในขณะที่เอสวาฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักขอบคุณที่เขาเกิดมาอย่างนั้นหรือ? แล้วในช่วงเวลาที่เขาถูกท่านแม่ทรมานและทำร้ายร่างกาย ไม่เห็นมีใครเข้าไปช่วยเหลือหรือว่าฉุดรั้งเขาออกมาจากนรกนั่นเลยล่ะ“ขอบคุณท่านเอสวามากนะคะ หากไม่ได้ท่าน พวกเราจะต้องแย่มากแน่ๆ”นั่นคงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำขอบคุณแล้วรู้สึกอึดอัดมากพอสมควร มันอึดอัดจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก อยากหลบหนีออกไปจากตรงนั้น..ในวันนั้นเอง เขานั่งลงในอ่างอาบน้ำเหมือนกับทุกวันแต่ทว่า..ส่วนนั้นของเขามันกลับตื่นตั
“โรแอนด์...”เขาเรียกชื่อของเธอในตลอดเวลาที่เราเริ่มทำเรื่องเช่นนั้น เอสวาแปลกไปและแตกต่างจากเอสวาแสนอ่อนโยนที่เธอรู้จัก เขาลุกขึ้นก่อนที่จับเธอให้ลุกขึ้นจากโซฟาที่เรานอนอยู่เอสวาจับให้โรแอนด์หันหลัง มือของเธอจับเข้าที่พนักพิงของโซฟา บั้นท้ายงอนงามแอ่นขึ้นเล็กน้อยเขาจุมพิตลงไปที่แนวกระดูกสันหลังของเธอ“โรแอนด์ ท่านี้คงทำให้เจ้าเจ็บน้อยลง..”ไหนว่าไม่เคยทำมาก่อนแล้วไปเรียนรู้ท่าทางมากมายพวกนี้มาจากไหนกันนะ เธอก่นด่าเขาในใจแต่ทว่าก็ยินยอมให้เขาได้โอบกอดและทำตามที่เขาต้องการได้มากเท่าที่เขาสามารถทำได้เอสวาใช้ส่วนหัวถูที่กลางรอยแยกจนชื้นแฉะ เขาจับใบหน้าของเธอให้หันหลังกลับมาเพื่อรับจุมพิตจากเขาอย่างเอาแต่ใจ ดวงตาถูกตรึงเอาไว้ด้วยกัน คลื่นอารมณ์ต่างๆ ที่แล่นริ้วพาดผ่านใบหน้าก็สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด เสียงลามกคลอครางในลำคอเมื่อเขาขยับเอวเพื่อให้ส่วนนั้นถุูไถไปตามร่องเนื้อ“โรแอนด์..ชอบรึเปล่า”ยามที่กดแทรกแก่นกายเข้าไป ช่องทางก็เยิ้มลื่นเสียแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันเข้าไปยากเย็นมากด้วยซ้ำ“ชอบสิ..ชอบมากที่สุดเลย แล้ว..ท่านล่ะคะ ชอบมันรึ..เปล่า?”เท้าของเธอพลันเขย่งลอย ส้นเท้าไม่ติดพื้น
ฉันวิ่งไปข้างหน้าเท่าที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเองจะมีแรง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ แขนทั้งสองข้างกางออก แม้ว่ายังไม่แน่ใจว่านั่นใช่เอสวาหรือไม่ ทว่าความหวังเพียงริบหรี่พวกนั้นก็สามารถต่อเติมความรู้สึกในใจของฉันได้อย่างน้อยที่สุด หากเป็นเขาฉันก็พร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อโอบกอดเขาเอาไว้เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเท้าทั้งสองข้างก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองวิ่งไวแล้วแต่ทว่าอีกฝ่ายกับไวกว่า เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับช้อนตัวของฉันขึ้นไปสู่อ้อมกอดที่แสนปลอดภัยของเขาอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ในยามนี้ดวงตาทั้งสองข้างนี้ของฉันมันมืดบอดแต่ทว่าฉันก็แน่ใจว่าชายเบื้องหน้าคือเอสวาไม่ผิดแน่ ไม่มีอ้อมกอดของใครที่จะอบอุ่นได้เท่ากับอ้อมแขนของเขาอีกแล้ว“เอสวา..”มือของเขาลูบผมของโรแอนด์อย่างเบามือ เขาคือเอสวาไม่ผิดแน่ ใบหน้านั้นคือเอสวาอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆ ข้างของเอสวาจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแต่เขาก็คือเอสวา คนรักของฉันดวงตาของเอสวาเหลือบมองเท้าที่เปลือยเปล่าของโรแอนด์ ฝ่ามือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่มีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ลำคอของเธอนั้นมีรอยแดงราวกับถูกเหล็กบาด และเมื่อเขามองไ
“ต้องทานอาหารบ้างนะคะ การอดอาหาร นานๆ เช่นนี้จะทำให้ร่างกายของท่านเป็นอันตราย..”สาวใช้พยายามพดคุยกับโรแอนด์แต่ไม่ว่านางจะกล่าวคำใดออกมา สตรีงดงามผู้นั้นก็ยังคงนั่งกอดเข่าอยุ่บนเตียงเช่นเดิม ไม่ดื่มน้ำหรือว่าแตะต้องอาหาร ทำได้เพียงการนั่งมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่าง หากมิใช่ว่าองค์รัชทายาททรงรับสั่งให้นางดูแลสตรีผู้นี้เป็นอย่างดีแล้วละก็ นางเองก็คงจะเดินหนีออกไปแล้วไม่สนใจไยดีสตรีที่แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังไม่สนใจลีออนเดินเข้ามาในห้องพักข้างๆ ห้องนอนของเขา เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสายตาให้สาวใช้เดินออกไปให้หมด เขายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนเธอจากฝันร้าย“วันนี้ก็ไม่แตะต้องอาหารอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่หิวแน่หรือ? หรือว่าเจ้าต้องการที่จะกลืนกินพลังชีวิตของข้า เช่นนั้นก็ทำสิโรแอนด์ เจ้าต้องการสิ่งใดข้ายินดีจะมอบให้เจ้าทั้งนั้นเลย เจ้าเอ่ยปากออกมาแล้วร้องขอมันกับข้า..”เขาไม่ได้โกหกที่ว่าเขาส่งมอบให้เธอได้ทุกอย่าง ลีออนให้โรแอนด์ได้ทุกอย่างจริงๆ เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นซักคิวบัส แต่ทว่าทำไมเธอถึงไม่คิดกินฝันของเขาเลยล่ะ หรื
เฟอน่าเหลือบมองมีดที่วางเอาไว้ข้างๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ราวกับกำลังปลอบประโลมความโศกเศร้าของเอสวา ที่มุมปากเฟอน่าก็ถูกกดลึกเป็นรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเอสวาต้องการให้เธอทำอะไร และเธอเองก็ต้องการที่จะทำสิ่งนั้นอยู่พอดีเลย“โรแอนด์โชคดีที่มีท่านรักนาง..ข้าฝากดูแลหัวใจที่สั่นไหวของนางด้วยนะคะ"เอสวามิได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงส่งยิ้มให้เฟอน่าและท่านคาดินันก่อนที่ร่างกายของเขาจะจางหายไปราวกับกลุ่มควันขอให้ท่านเจ็บปวดปางตายอย่างที่ข้ารู้สึกนะครับท่านคาดินัน..ท่านทำให้ข้าเชื่อใจและหลอกใช้ข้าอย่างแนบเนียน ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าในยามที่ท่านแตกสลายแต่ข้าจะถือซะว่านี่คือความปรานีอย่างถึงที่สุดของข้าก็แล้วกันจงมอดไหม้ลงไปพร้อมกับเลือดแดงฉานที่อาบท่วมไปทั่วมือและร่างกายของท่านเถิดครับ โศกเศร้าจนหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายเลือด..จงมีชีวิตต่อไปด้วยความร้สึกผิดและเจ็บปวด..เฟอน่ายื่นมือไปจับมีดเล่มนั้นมาถือครองเอาไว้ เธอแย้มยิ้มออกมาราวกับว่ามีดเล่มนี้คือสิ่งที่เธอต้องการและตามหามาทั้งชีวิต“เฟอน่า..เจ้ารู้อยู่แก่ใจที่รักว่าข้าจะไม่ตายภายใต้คมมีดนั้นอย่างแน่นอน”เฟอน่าแค่นหัวเราะออกมาด้วยคว
มาลิคแทบจะอ้าปากค้างในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากยิ่งกว่าทุกครั้งในชีวิต เขาตกใจจนแทบสิ้นสติและถามตัวเองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเขามีดวงตาที่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงได้และเขามั่นใจมาก ว่าบุรุษที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นมันคือท่านเอสวาไม่ผิดแน่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือพลังทั้งหมดของท่านเอสวา ไม่มีพลังสีทองอย่างที่เขาเคยเห็น พลังในยามนี้คือพลังสีดำสนิทที่ทั้งชวนให้อึดอัดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายมาลิคมองเห็นเขาบนศีรษะและ..ปีกขนาดใหญ่ที่กลางแผ่นหลัง มันเหมือนกับรูปลักษณ์ของซาตานมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์“ฮะ..ฮ่า ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว”เอียนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่บาทหลวงเอสวา“ข้าคิดเอาไว้ว่าพวกท่านคนใดคนหนึ่งจะต้องเก็บโรแอนด์เอาไว้กินเอง เอ๊ะ..หรือว่าไม่ใช่แค่คนเดียวแค่พวกท่านผลัดกัน..อะ..เฮือก!!”กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งทะลุหน้าอกของเอียนไปอย่างรวดเร็ว และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือบนอกของเขาบริเวณที่ถูกกลุ่มควันพวกนั้นพุ่งผ่านมันเกิดเป็นรูโบ๋ราวกับถูกของมีคมคว้าน..เลีอดสีแดงไหลออกมาพร้อมๆ กับเศษเนื้อที่ร่วงหล่น“อะ..อ้าก!! ช่วยด้วย!!เจ้าทำอะไรกับข้ากัน ช่วยข้าสิมาลิค อ้าก!”
ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางฝุ่นควันมากมายที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย คนที่รอดคือคนที่หลบหนีออกมาก่อนที่ตัววิหารจะถล่ม ส่วนผู้ที่อยู่ด้านในนั้น..มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ได้อยากจะตอกย้ำความจริงที่กำลังตีแสกหน้า แต่ว่าฉันสัมผัสถึงพันธสัญญาที่ทำเอาไว้กับเอสวาไม่ได้เลย ไม่มีสัญญาณอะไรทั้งนั้นที่จะบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ พระเจ้าคงกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหม เพราะว่าฉันคือปีศาจที่โลภมากเกินไป ฉันอยากจะมีความรักกับลูกรักของพระองค์ เช่นนั้นแล้วนี่คือบทลงโทษของปีศาจที่ไม่รู้จักเจียมตัว โรแอนด์ปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาที่ดวงตาพร้อมกับท่าทีสิ้นหวังที่แม้แต่การก้าวเดิน ฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกระทำเช่นนั้นเลย องค์รัชทายาทลีออนเดินเข้ามาหาโรแอนด์ เขาอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะพาเธอเดินออกไปจากตรงนั้นเพราะทหารของพระราชวังกำลังจะเข้าไปจัดการค้นหาผู้รอดชีวิต..ทั้งที่ความจริงจะเป็นการตามหาศพของพระสันตะปาปามาคิวลัสก็เถอะ จริงอยู่ที่การตกลงของเขา
โรแอนด์ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอน ดูเหมือนว่าเธอจะฝันร้ายล่ะ ในความฝันนั้นเลือนลางมากทีเดียวแต่สิ่งที่เธอจำได้คือเอสวา..บนร่างกายของเอสวานั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาบาดเจ็บหรือว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ในใจรู้สึกสั่นไหวแบบแปลกๆ เธออยากพบเจอเขาตอนนี้เลย!!“ตื่นแล้วเหรอ?”ในห้องนอนของเธอกลับมีชายผู้หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ ถัดจากชายผู้นั้นคือสาวใช้อีกสองนางที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอโดยในมือของพวกนางถืออ่างล้างหน้าอยู่นี่มันอะไรกัน แล้วที่นี่ที่ไหน?“อ่า..เอสวาอยู่ที่ไหนกันคะ”องค์รัชทายาทมองหน้าของโรแอนด์ตาไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ เธองดงามมากเสียยิ่งกว่าในยามที่เธอนอนหลับอีก“เขากำลังไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า และข้าเองก็กำลังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือการดูแลเจ้าให้ดี”นี่มันอะไรกัน? เอสวาพาเธอมาหาชายผู้นี้อย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมถึงคิดว่าเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาล่ะ“ท่านใช้ให้เขาไปทำอะไรที่ไม่ปลอดภัยรึเปล่าคะ?”เธอเอ่ยถามออกมาด้วยแววตาที่หวาดระแวงและนั่นทำให้องค์รัชทายาทหัวเราะออกมาเสียงดัง“นั่นสินะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าการที่เขาอาสาจะไปจัดการพระสันตะปาปานั่นมันคือเรื่องที่
แคนนอนคุกเข่าและเฝ้าวิงวอนต่อผู้ที่อยู่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด เขามีความตั้งมั่นในศรัทธาอย่างแรงกล้าชนิดที่ว่าแผ่นดินจะถล่มลงมาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจของเขาได้ เพื่อความรักแล้ว..เขายินดีถวายทุกสิ่งอย่างที่เขามีให้เป็นเครื่องบูชายันแก่ท่านผู้นำศาสนาชีวิตของอินคิวบัสสองตนอาบชุ่มไปด้วยเลือดจากดาบที่ทำจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าเฟอน่าเองก็คงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นางจะต้องยินยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เราได้รักกันสิ ความคิดของเรานั้นคงตรงกัน..ดวงตาที่มืดบอดของแคนนอนไม่สนใจว่าเฟอน่าจะรู้สึกอย่างไรเพราะเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว เขาจับตัวของซักคิวบัสตนหนึ่งเพื่อไปถวายให้แก่พระสันตะปาปาที่2“คำมั่นสัญญาที่ข้าให้ไว้..ย่อมต้องเปิดเผยมันให้เจ้ารู้แคนนอน วิธีที่เจ้าจะสามารถครองรักกับปีศาจสายเลือดของซาตานเจ้าจะต้องตามหาเด็กคนหนึ่งให้พบเจอ..เด็กที่เกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าแต่ทว่าจิตใจของเขานั้นช่างดำมืด เขาจะสังหารมารดาของตัวเอง หลังจากนั้นหัวใจของเขาจะจมดิ่งลงไปยังความมืดมิดที่สุดหยั่ง..เด็กที่อ่อนโยนแต่ทว่ากลับโหดเหี้ยมไร้ปรานี เด็กที่จะทำให้โลกใบนี้เจิ่งนองไปด้วยเลือดของมนุษย์เพื่อสังเวยให้แก่ราชาปีศา
“เฟอน่ามีเรื่องราวในอดีตที่น่าเห็นใจมากๆ เลยค่ะ..”หลังจากนั้นโรแอนด์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เอสวาฟังว่าเรื่องในอดีตของโรแอนด์และท่านคาดินันแคนนอนมันเป็นเช่นไร“แบบนี้เองสินะ..ที่แท้ในอดีตก็มีเรื่องราวที่สุดแสนจะโศกเศร้าเช่นนั้นอยู่”เขากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ ด้วยความทะนุถนอม ในมือของโรแอนด์กำลังถือแก้วนมร้อนๆ ที่เอสวาจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอ“เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากนะโรแอนด์ นอนหลับซะเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะส่งคนมาดูแลเจ้าเอง..”เธอจับมือของเอสวาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“เขาส่งท่านมาที่นี่ทำไมกันคะ? ท่านถูกพระสันตะปาปารังแกหรือว่าบังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำรึเปล่า?”เอสวาส่งยิ้มให้กับโรแอนด์“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกโรแอนด์ ข้าแค่มาทำตามหน้าที่บาทหลวงของตัวเองเท่านั้น และหน้าที่นี้ของข้ามันกำลังจะจบลงแล้ว.อีกไม่นานเราทุกคนจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง..”โรแอนด์ไม่ค่อยเข้าใจที่เอสวาพูดเท่าไหร่นัก“ขอโทษนะคะ ขอโทษที่ข้าช่วยเหลือท่านไม่ได้เลย”เอสวาจุมพิตลงไปที่หน้าผากของเธอเบาๆ“เจ้าช่วยข้าได้มากเลยล่ะโรแอนด์ ไม่ต้องคิดมานะ นอนพักผ่อนเถอะเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ..”เขาแตะเบาๆ ที่หน้าผ
ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า สายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ร่างกายรับรู้ได้ถึงความเหน็บหนาวในยามราตรีโรแอนด์ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ทำไมกันนะ ทำไมฉันถึงทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ปกป้องใครก็ไม่ได้ช่วยเหลือเอสวาหรือแม้กระทั่งช่วยเหลือเฟอน่าก็ทำไม่ได้ ทุกคนเอาแต่ปกป้องฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่หนี..เธอหลับตาลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด“คุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกันคะ ในเมื่อหนูทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว หนูได้แต่รอคอยให้คนอื่นมาปกป้อง หนูไร้ค่ามากขนาดนั้นแล้วคุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกัน อย่างน้อยก็ให้พลังอะไรกับหนูบ้างสิ!!”เธอเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย..เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเช่นนี้เลย เธออยากจะช่วยเหลือคนอื่นได้บ้างก็ยังดี“สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่..นั่นแหละคือการช่วยเหลือเอสวาแล้ว..”โรแอนด์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็พบกับห้องว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด ในยามนี้เธอไม่ได้นั่งอยู่บนรถม้าแล้วแต่กลับอยู่ในสถานที่ที่เธอมาในตอนแรกหลังจากเธอตาย“ชะ..ช่วยยังไ