“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน “ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ” มาลิคขมวดคิ้วในทันที “จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้” โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้ “แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..” มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ “บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ” วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!! “แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ” มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ “เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวของเขามากกว่าของคนอื่นๆ นั่นทำให้เขาอดทนได้มากกว่าบาทหลวงผู้อื่นมากทีเดียว” วิเศษไปเลย..แค่เจ็ดวันยังพอทน สิบสี่วันนี่พอเลย.. “อะ..อืม ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ข้าจะไปอาบน้ำแล้วรีบเข้านอน” มาลิคพยักหน้า “เขาเปล่งประกายมากเลยใช่ไหมเอสวาน่ะ เหมือนกับตัวแทนของพระเจ้าเลย เขาดูสง่างามและเป็นที่เคารพนับถือมากทีเดียว มีสตรีมากมายพยายามเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งไม่เว้นแม้แต่บุตรีของท่านเคาน์ แต่เอสวาก็ปฏิเสธมากตลอด เขาเลือกที่จะเดินทางเพื่อรับใช้พระเจ้า..ข้าแค่บอกเอาไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าถลำลึกไปมากกว่านั้น หนทางข้างหน้ามันไม่มีความสุขหรอกนะโรแอนด์ อย่าหลงไปกับความใจดีของเขาอย่างเด็ดขาด” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใบหน้าของเธอยามนี้มันถึงได้รู้สึกชาแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ ด้วยความหวังดีจากมาลิค “อื้อ..ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” “เช่นนั้นก็ฝันดีนะโรแอนด์” เขาโบกมือลาเธอพร้อมกับเดินจากไป ส่วนฉัน..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย ฉันคงเป็นซักคิวบัสที่ดวงตกขั้นสุด ถึงได้ไปชื่นชอบและคาดหวังว่าจะได้กลืนกินความฝันของบาทหลวงผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา.. เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ในตอนนี้น่าจะง่ายมากกว่า เป็นเอสวา..ไม่น่าจะสำเร็จ ข้อแรกเขาไม่นอน ข้อที่สองเขาไม่มีทางหวั่นไหวกับสตรีอย่างแน่นอน ให้ตายสิ เธอถูกความสมบูรณ์แบบของเขาบังตาจนมิดเลย..หาเหยื่อรายใหม่น่าจะดีกว่า ในวันพรุ่งนี้เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน ฉันจะไปจากที่นี่พร้อมกับไปหาเหยื่อรายใหม่ที่เขานอนทุกวันและลุ่มหลงในตัณหาแบบง่ายๆ “อะ..อึ่ก...” ฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินของฉันพลันหยุดลงในทันที เมื่อได้ยินเสียงต้องสงสัยนั้น ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมกับเดินเบาๆ เพื่อที่จะตามหาต้นตอของเสียงนั้น ก็ไม่ได้อยากจะคิดแบบนี้แต่เสียงนั้นมันเหมือนกับเสียงที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ฉันอาจจะได้ช่วยชีวิตคนอื่นเพื่อลบล้างความเลวร้ายที่จะต้องทำในอนาคตบ้างก็ได้ “ฮืม..อืม..” ที่อาบน้ำแห่งนี้เป็นลำธารที่มีน้ำไหลผ่านและมันถูกกั้นเอาไว้เป็นห้าห้องใหญ่ๆ แล้วเสียงที่ว่านั่นมันมาจากห้องไหนกันนะ.. “ฮู่..!” กลิ่นหอมสดชื่นถาโถมเข้ามาในจมูก มันเป็นกลิ่นที่สะอาดเหมือนกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า สายลมเย็นในยามค่ำคืนพัดผ่านมาทำให้โรแอนด์ห่อไหลเข้าหากัน เธอแอบดู..ไม่ใช่สิ เธอตามหาเสียงนั้นมาสามห้องแล้ว และนี่คือห้องที่สี่ มีถังไม้ขนาดใหญ่วาง อยู่เท่าที่เธอนั่งลงแล้วก้มมองที่ด้านล่าง สิ่งที่ใช้กั้นห้องอาบน้ำพวกนี้คือผ้าที่ผูกทับเอาไว้กับฟาง ที่ด้านล่างหากก้มมองดีๆ ก็จะเห็นด้านในห้องอื่นๆ แต่ห้องนี้กลับมีอ่างไม้วางอยู่ไม่เหมือนกับทั้งสามห้องที่ผ่านมาที่มีแค่ถังใส่น้ำเท่านั้น “อื้อ..ให้ตายสิ..จะถึงแล้ว..อ๊ะ!” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเพราะว่าบุรุษในถังน้ำดันหันหลังให้ฉันอยู่ แต่ฉันก็พอเดาได้ว่าเขากำลังทำอะไร เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ แต่ว่าเขากำลังต้องการความเป็นส่วนตัวต่างหาก มือคู่นั้นของเขากำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะเพื่อรูดรั้งส่วนนั้นของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นเพราะว่าเขานั่งอยู่ในอ่างแต่ทว่าเธอกลับจินตนาการได้ ใบหน้างามขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เธอไม่ควรมาแอบดูคนอื่นเขาทำเรื่องเช่นนี้เลยนะ ควรจะเดินหนีไปสิรออะไรอยู่ ในขณะที่โรแอนด์กำลังจะลุกขึ้นนั้น บุรุษในห้องอาบน้ำกลับยืนขึ้นแล้วเดินออกมาจากอ่าง จากจุดที่เธอกำลังนั่งอยู่เธอมองเห็น..ก้นของเขาได้อย่างชัดเจน หากว่านี่ไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป ช่วยหันหน้ามาหน่อยได้ไหมคะ..หันหน้ามาให้เธอได้เห็น.. “....!!!” “ตู้ม!!” เขากำลังหมุนตัวเพื่อที่จะหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา และเธอกำลังจะได้มองเห็น..เสากระโดงเรือของเขาแล้วหากว่าขาทั้งสองข้างนี่ไม่เป็นเหน็บซะก่อน เธอหงายท้องล้มลงโดยที่มือคว้าไปที่ถังน้ำเพื่อที่จะยันตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลังของเธอกระแทกลงไปบนพื้นหิน แต่ทว่าถังน้ำนั้นมันเล็กเกินกว่าที่จะรับน้ำหนักเธอ เมื่อเธอยื่นมือไปคว้า ถังน้ำนั้นก็ล้มลงมาในทันที "โครม!!" “..นั่นใครน่ะ” ไวกว่าอะไรทั้งหมดคือท่าทีตะเกียกตะกายเพื่อลุกขึ้นของโรแอนด์ เธอเปียกไปหมดทั่วทั้งตัวเพราะถังน้ำล้มใส่ และในขณะที่ได้ยินเสียงนั้นเธอก็คว้าตะกร้าเสื้อผ้าของตัวเองติดมือมาแล้วสับขาเพื่อวิ่งออกไปจากที่นี่.. เพราะเธอพึ่งจะเป็นเหน็บ..นั่นทำให้เท่าทั้งสองข้าก้าวเดินไม่สะดวกเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นนี่คือช่วงเวลาระทึกขวัญที่เธอจะต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้ เธอไม่อยากถูกจับได้ว่ามาแอบดูบุรุษผู้อื่นกำลัง..ทำเรื่องงามหน้าเช่นนั้น “หยุดนะ!!” ในขณะที่โรแอนด์วิ่งเข้าป่า เขาก็วิ่งตามเธอมาติดๆ และแน่นอนว่าเขาต้องวิ่งไวกว่าอยู่แล้วเพราะว่าเขาคือบุรุษ เขาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อนจะยื่นมือมาแตะที่หน้าผากของเธออย่างรวดเร็วหมายจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการลบความทรงจำ “โรแอนด์..” เสียงเรียกชื่อที่ตกใจนั้น มันไม่ได้ครึ่งความตกใจของเธอเลยด้วยซ้ำเมื่อเธอมองเห็นเอสวายืนอยู่เบื้องหน้าเช่นนี้? บุรุษที่กำลังทำเรื่องเช่นนั้นในห้องอาบน้ำคือเอสวาหรอกเรอะ!!เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์นั่งอยู่บนโซฟาไม้ตัวยาวในบ้านพักของเอสวา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเธอเลย หัวไหล่ของเธอนั้นลู่ลงด้วยความห่อเหี่ยว เธออยู่คนเดียวมาวันที่สองแล้วเอสวาไม่ได้กลับมาที่นี่ ที่ด้านนอกก็กำลังวุ่นวายเพราะสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาพักอาศัยในโบสถ์เป็นการชั่วคราวกำลังทยอยกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตัวเอง..แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ได้มีบ้านให้กลับ..แถมไม่มีคนอื่นที่รู้จักนอกจากเอสวาเลย..มาลิคก็ดูจะไม่ค่อยชอบที่ฉันไปสนิทสนมกับเอสวาสักเท่าไหร่นัก เพราะแบบนั้นฉันจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เดินออกไปข้างนอกห้องนี้ พอมาลิคไม่พบเจอฉันที่ห้องพัก เขาคงคิดว่าฉันเดินทางออกไปจากที่นี่แล้วแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดี..เพียงแต่โรแอนด์รู้สึกเหมือนกับว่าความเดียวดายเป็นคำสาปที่ติดตัวเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะชีวิตที่แล้วหรือว่าชีวิตนี้เธอก็จะต้องอยู่คนเดียวเสมอเลยลองออกไปข้างนอกบ้างดีไหมนะ..เมื่อคิดได้ดังนั้นโรแอนด์ก็จับสร้อยคอที่เอสวามอบให้เธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะกดมันลงไปเบาๆโรแอนด์เดินออกมาจากที่พักของเอสวาโดยที่ไม่มีใครเห็น เธอเดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงด้านนอกของโบสถ์ ถนนที่ครั้งแรกมีแต่ผู้คนก
ในสองวันที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเอสวาไม่รู้จักหยุดหย่อน เขาคิดถึงเรื่องคำกล่าวของคาดินันแคนนอนไม่หยุดหย่อน เรื่องที่ว่าเขาจะถูกชักจูงได้โดยง่าย..ทุกคนมองเขาเช่นนั้นสินะ สายตาที่ถูกมองมาด้วยความสรรเสริญเยินยอ และสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันไร้ที่สิ้นสุด ในนามของบุตรแห่งพระเจ้าเขาคือบาทหลวงผู้ที่จะทำให้ประชาชนทุกคนพ้นทุกข์..และเป็นที่ยึดเหนี่ยวความศรัทธาที่แรงกล้าเอาไว้ให้ชาวเมืองทุกคนเอสวาใช้ชีวิตเช่นนั้นมาตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับท่านคาดินันแคนนอนเขาอายุ 25 ในปีนี้ เขาอยู่ในวิหารมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ใช้ทั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ผู้คน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องแย้มยิ้มออกมาถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้ามากก็ตามที แต่เพราะมีสายตาพวกนั้นมองมา เขาถึงแสดงออกไปไม่ได้ว่าต้องการสิ่งใดอยู่เขาอยากพัก..เป็นการพักชั่วคราวก็ยังดีเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการบ้างเอสวาผลักประตูบ้านพักของเขาเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่าวิ่งที่เขาเห็นมันคือความว่างเปล่า ที่นี่ไม่มีวี่แววของโรแอนด์เลยแม้แต่นิดเดียวเธอไปที่ไหนกัน? โรแอนด์หายตัวไปไหน! หัวใจของเขาเต้นระส่ำระสายในแบบที่ไม่เคยเป็น
ฉันวิ่งไปข้างหน้าเท่าที่เท้าทั้งสองข้างของตัวเองจะมีแรง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ แขนทั้งสองข้างกางออก แม้ว่ายังไม่แน่ใจว่านั่นใช่เอสวาหรือไม่ ทว่าความหวังเพียงริบหรี่พวกนั้นก็สามารถต่อเติมความรู้สึกในใจของฉันได้อย่างน้อยที่สุด หากเป็นเขาฉันก็พร้อมจะทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อโอบกอดเขาเอาไว้เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเท้าทั้งสองข้างก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองวิ่งไวแล้วแต่ทว่าอีกฝ่ายกับไวกว่า เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับช้อนตัวของฉันขึ้นไปสู่อ้อมกอดที่แสนปลอดภัยของเขาอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ในยามนี้ดวงตาทั้งสองข้างนี้ของฉันมันมืดบอดแต่ทว่าฉันก็แน่ใจว่าชายเบื้องหน้าคือเอสวาไม่ผิดแน่ ไม่มีอ้อมกอดของใครที่จะอบอุ่นได้เท่ากับอ้อมแขนของเขาอีกแล้ว“เอสวา..”มือของเขาลูบผมของโรแอนด์อย่างเบามือ เขาคือเอสวาไม่ผิดแน่ ใบหน้านั้นคือเอสวาอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆ ข้างของเอสวาจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแต่เขาก็คือเอสวา คนรักของฉันดวงตาของเอสวาเหลือบมองเท้าที่เปลือยเปล่าของโรแอนด์ ฝ่ามือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่มีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ลำคอของเธอนั้นมีรอยแดงราวกับถูกเหล็กบาด และเมื่อเขามองไ
“ต้องทานอาหารบ้างนะคะ การอดอาหาร นานๆ เช่นนี้จะทำให้ร่างกายของท่านเป็นอันตราย..”สาวใช้พยายามพดคุยกับโรแอนด์แต่ไม่ว่านางจะกล่าวคำใดออกมา สตรีงดงามผู้นั้นก็ยังคงนั่งกอดเข่าอยุ่บนเตียงเช่นเดิม ไม่ดื่มน้ำหรือว่าแตะต้องอาหาร ทำได้เพียงการนั่งมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่าง หากมิใช่ว่าองค์รัชทายาททรงรับสั่งให้นางดูแลสตรีผู้นี้เป็นอย่างดีแล้วละก็ นางเองก็คงจะเดินหนีออกไปแล้วไม่สนใจไยดีสตรีที่แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังไม่สนใจลีออนเดินเข้ามาในห้องพักข้างๆ ห้องนอนของเขา เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสายตาให้สาวใช้เดินออกไปให้หมด เขายกมือขึ้นมาโอบกอดโรแอนด์เอาไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนเธอจากฝันร้าย“วันนี้ก็ไม่แตะต้องอาหารอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่หิวแน่หรือ? หรือว่าเจ้าต้องการที่จะกลืนกินพลังชีวิตของข้า เช่นนั้นก็ทำสิโรแอนด์ เจ้าต้องการสิ่งใดข้ายินดีจะมอบให้เจ้าทั้งนั้นเลย เจ้าเอ่ยปากออกมาแล้วร้องขอมันกับข้า..”เขาไม่ได้โกหกที่ว่าเขาส่งมอบให้เธอได้ทุกอย่าง ลีออนให้โรแอนด์ได้ทุกอย่างจริงๆ เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นซักคิวบัส แต่ทว่าทำไมเธอถึงไม่คิดกินฝันของเขาเลยล่ะ หรื
เฟอน่าเหลือบมองมีดที่วางเอาไว้ข้างๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ราวกับกำลังปลอบประโลมความโศกเศร้าของเอสวา ที่มุมปากเฟอน่าก็ถูกกดลึกเป็นรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเอสวาต้องการให้เธอทำอะไร และเธอเองก็ต้องการที่จะทำสิ่งนั้นอยู่พอดีเลย“โรแอนด์โชคดีที่มีท่านรักนาง..ข้าฝากดูแลหัวใจที่สั่นไหวของนางด้วยนะคะ"เอสวามิได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงส่งยิ้มให้เฟอน่าและท่านคาดินันก่อนที่ร่างกายของเขาจะจางหายไปราวกับกลุ่มควันขอให้ท่านเจ็บปวดปางตายอย่างที่ข้ารู้สึกนะครับท่านคาดินัน..ท่านทำให้ข้าเชื่อใจและหลอกใช้ข้าอย่างแนบเนียน ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าในยามที่ท่านแตกสลายแต่ข้าจะถือซะว่านี่คือความปรานีอย่างถึงที่สุดของข้าก็แล้วกันจงมอดไหม้ลงไปพร้อมกับเลือดแดงฉานที่อาบท่วมไปทั่วมือและร่างกายของท่านเถิดครับ โศกเศร้าจนหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายเลือด..จงมีชีวิตต่อไปด้วยความร้สึกผิดและเจ็บปวด..เฟอน่ายื่นมือไปจับมีดเล่มนั้นมาถือครองเอาไว้ เธอแย้มยิ้มออกมาราวกับว่ามีดเล่มนี้คือสิ่งที่เธอต้องการและตามหามาทั้งชีวิต“เฟอน่า..เจ้ารู้อยู่แก่ใจที่รักว่าข้าจะไม่ตายภายใต้คมมีดนั้นอย่างแน่นอน”เฟอน่าแค่นหัวเราะออกมาด้วยคว
มาลิคแทบจะอ้าปากค้างในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากยิ่งกว่าทุกครั้งในชีวิต เขาตกใจจนแทบสิ้นสติและถามตัวเองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเขามีดวงตาที่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงได้และเขามั่นใจมาก ว่าบุรุษที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นมันคือท่านเอสวาไม่ผิดแน่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือพลังทั้งหมดของท่านเอสวา ไม่มีพลังสีทองอย่างที่เขาเคยเห็น พลังในยามนี้คือพลังสีดำสนิทที่ทั้งชวนให้อึดอัดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายมาลิคมองเห็นเขาบนศีรษะและ..ปีกขนาดใหญ่ที่กลางแผ่นหลัง มันเหมือนกับรูปลักษณ์ของซาตานมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์“ฮะ..ฮ่า ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว”เอียนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่บาทหลวงเอสวา“ข้าคิดเอาไว้ว่าพวกท่านคนใดคนหนึ่งจะต้องเก็บโรแอนด์เอาไว้กินเอง เอ๊ะ..หรือว่าไม่ใช่แค่คนเดียวแค่พวกท่านผลัดกัน..อะ..เฮือก!!”กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งทะลุหน้าอกของเอียนไปอย่างรวดเร็ว และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือบนอกของเขาบริเวณที่ถูกกลุ่มควันพวกนั้นพุ่งผ่านมันเกิดเป็นรูโบ๋ราวกับถูกของมีคมคว้าน..เลีอดสีแดงไหลออกมาพร้อมๆ กับเศษเนื้อที่ร่วงหล่น“อะ..อ้าก!! ช่วยด้วย!!เจ้าทำอะไรกับข้ากัน ช่วยข้าสิมาลิค อ้าก!”
ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางฝุ่นควันมากมายที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย คนที่รอดคือคนที่หลบหนีออกมาก่อนที่ตัววิหารจะถล่ม ส่วนผู้ที่อยู่ด้านในนั้น..มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ได้อยากจะตอกย้ำความจริงที่กำลังตีแสกหน้า แต่ว่าฉันสัมผัสถึงพันธสัญญาที่ทำเอาไว้กับเอสวาไม่ได้เลย ไม่มีสัญญาณอะไรทั้งนั้นที่จะบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ พระเจ้าคงกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหม เพราะว่าฉันคือปีศาจที่โลภมากเกินไป ฉันอยากจะมีความรักกับลูกรักของพระองค์ เช่นนั้นแล้วนี่คือบทลงโทษของปีศาจที่ไม่รู้จักเจียมตัว โรแอนด์ปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาที่ดวงตาพร้อมกับท่าทีสิ้นหวังที่แม้แต่การก้าวเดิน ฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกระทำเช่นนั้นเลย องค์รัชทายาทลีออนเดินเข้ามาหาโรแอนด์ เขาอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะพาเธอเดินออกไปจากตรงนั้นเพราะทหารของพระราชวังกำลังจะเข้าไปจัดการค้นหาผู้รอดชีวิต..ทั้งที่ความจริงจะเป็นการตามหาศพของพระสันตะปาปามาคิวลัสก็เถอะ จริงอยู่ที่การตกลงของเขา
โรแอนด์ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอน ดูเหมือนว่าเธอจะฝันร้ายล่ะ ในความฝันนั้นเลือนลางมากทีเดียวแต่สิ่งที่เธอจำได้คือเอสวา..บนร่างกายของเอสวานั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาบาดเจ็บหรือว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ ในใจรู้สึกสั่นไหวแบบแปลกๆ เธออยากพบเจอเขาตอนนี้เลย!!“ตื่นแล้วเหรอ?”ในห้องนอนของเธอกลับมีชายผู้หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ ถัดจากชายผู้นั้นคือสาวใช้อีกสองนางที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอโดยในมือของพวกนางถืออ่างล้างหน้าอยู่นี่มันอะไรกัน แล้วที่นี่ที่ไหน?“อ่า..เอสวาอยู่ที่ไหนกันคะ”องค์รัชทายาทมองหน้าของโรแอนด์ตาไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ เธองดงามมากเสียยิ่งกว่าในยามที่เธอนอนหลับอีก“เขากำลังไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า และข้าเองก็กำลังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือการดูแลเจ้าให้ดี”นี่มันอะไรกัน? เอสวาพาเธอมาหาชายผู้นี้อย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมถึงคิดว่าเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาล่ะ“ท่านใช้ให้เขาไปทำอะไรที่ไม่ปลอดภัยรึเปล่าคะ?”เธอเอ่ยถามออกมาด้วยแววตาที่หวาดระแวงและนั่นทำให้องค์รัชทายาทหัวเราะออกมาเสียงดัง“นั่นสินะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าการที่เขาอาสาจะไปจัดการพระสันตะปาปานั่นมันคือเรื่องที่
แคนนอนคุกเข่าและเฝ้าวิงวอนต่อผู้ที่อยู่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด เขามีความตั้งมั่นในศรัทธาอย่างแรงกล้าชนิดที่ว่าแผ่นดินจะถล่มลงมาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจของเขาได้ เพื่อความรักแล้ว..เขายินดีถวายทุกสิ่งอย่างที่เขามีให้เป็นเครื่องบูชายันแก่ท่านผู้นำศาสนาชีวิตของอินคิวบัสสองตนอาบชุ่มไปด้วยเลือดจากดาบที่ทำจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าเฟอน่าเองก็คงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นางจะต้องยินยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เราได้รักกันสิ ความคิดของเรานั้นคงตรงกัน..ดวงตาที่มืดบอดของแคนนอนไม่สนใจว่าเฟอน่าจะรู้สึกอย่างไรเพราะเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว เขาจับตัวของซักคิวบัสตนหนึ่งเพื่อไปถวายให้แก่พระสันตะปาปาที่2“คำมั่นสัญญาที่ข้าให้ไว้..ย่อมต้องเปิดเผยมันให้เจ้ารู้แคนนอน วิธีที่เจ้าจะสามารถครองรักกับปีศาจสายเลือดของซาตานเจ้าจะต้องตามหาเด็กคนหนึ่งให้พบเจอ..เด็กที่เกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าแต่ทว่าจิตใจของเขานั้นช่างดำมืด เขาจะสังหารมารดาของตัวเอง หลังจากนั้นหัวใจของเขาจะจมดิ่งลงไปยังความมืดมิดที่สุดหยั่ง..เด็กที่อ่อนโยนแต่ทว่ากลับโหดเหี้ยมไร้ปรานี เด็กที่จะทำให้โลกใบนี้เจิ่งนองไปด้วยเลือดของมนุษย์เพื่อสังเวยให้แก่ราชาปีศา
“เฟอน่ามีเรื่องราวในอดีตที่น่าเห็นใจมากๆ เลยค่ะ..”หลังจากนั้นโรแอนด์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เอสวาฟังว่าเรื่องในอดีตของโรแอนด์และท่านคาดินันแคนนอนมันเป็นเช่นไร“แบบนี้เองสินะ..ที่แท้ในอดีตก็มีเรื่องราวที่สุดแสนจะโศกเศร้าเช่นนั้นอยู่”เขากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ ด้วยความทะนุถนอม ในมือของโรแอนด์กำลังถือแก้วนมร้อนๆ ที่เอสวาจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอ“เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากนะโรแอนด์ นอนหลับซะเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะส่งคนมาดูแลเจ้าเอง..”เธอจับมือของเอสวาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“เขาส่งท่านมาที่นี่ทำไมกันคะ? ท่านถูกพระสันตะปาปารังแกหรือว่าบังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำรึเปล่า?”เอสวาส่งยิ้มให้กับโรแอนด์“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกโรแอนด์ ข้าแค่มาทำตามหน้าที่บาทหลวงของตัวเองเท่านั้น และหน้าที่นี้ของข้ามันกำลังจะจบลงแล้ว.อีกไม่นานเราทุกคนจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง..”โรแอนด์ไม่ค่อยเข้าใจที่เอสวาพูดเท่าไหร่นัก“ขอโทษนะคะ ขอโทษที่ข้าช่วยเหลือท่านไม่ได้เลย”เอสวาจุมพิตลงไปที่หน้าผากของเธอเบาๆ“เจ้าช่วยข้าได้มากเลยล่ะโรแอนด์ ไม่ต้องคิดมานะ นอนพักผ่อนเถอะเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ..”เขาแตะเบาๆ ที่หน้าผ
ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า สายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ร่างกายรับรู้ได้ถึงความเหน็บหนาวในยามราตรีโรแอนด์ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ทำไมกันนะ ทำไมฉันถึงทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ปกป้องใครก็ไม่ได้ช่วยเหลือเอสวาหรือแม้กระทั่งช่วยเหลือเฟอน่าก็ทำไม่ได้ ทุกคนเอาแต่ปกป้องฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่หนี..เธอหลับตาลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด“คุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกันคะ ในเมื่อหนูทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว หนูได้แต่รอคอยให้คนอื่นมาปกป้อง หนูไร้ค่ามากขนาดนั้นแล้วคุณส่งหนูมาที่นี่ทำไมกัน อย่างน้อยก็ให้พลังอะไรกับหนูบ้างสิ!!”เธอเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย..เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเช่นนี้เลย เธออยากจะช่วยเหลือคนอื่นได้บ้างก็ยังดี“สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่..นั่นแหละคือการช่วยเหลือเอสวาแล้ว..”โรแอนด์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็พบกับห้องว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด ในยามนี้เธอไม่ได้นั่งอยู่บนรถม้าแล้วแต่กลับอยู่ในสถานที่ที่เธอมาในตอนแรกหลังจากเธอตาย“ชะ..ช่วยยังไ