กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดไป ก็คือวันที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว
ฉันทำได้เพียงมองร่างของตัวเองที่กำลังถูกหมอปั๊มหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกคืนลมหายใจที่หายไปกลับคืนมา แต่ทว่าหมอท่านนั้นถึงแม้ว่าจะทำสุดความสามารถแต่พวกเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพให้กับคนตายได้.. ฉันตาย..แม่งเอ๊ย!! ถ้ารู้ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ฉันคงจะใช้ชีวิตที่อยากใช้ไปแล้ว เพราะเติบโตขึ้นมาในสถานสงเคราะห์ เมื่อโตขึ้นมาฉันถึงได้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลับไปในสถานที่เช่นนั้นอีก ฉันตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อวิ่งหนีความจนที่ตามติดเป็นเงา ฉันตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังที่เป็นของตัวเอง จะได้ทำงานน้อยลงเผื่ออายุมากขึ้นจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวและมีความรักกับเขาดูบ้าง แต่ฉันดันตายก่อน..ตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย “เจ้ามนุษย์ที่แสนโง่เขลาเอ๋ย ข้ามีชีวิตที่ยาวนานนับนิรันดรแต่กลับไม่เคยเห็นใครมีชีวิตที่จืดชืดและไร้สีสันเช่นเจ้ามาก่อนเลย” พอกะพริบตาอีกครั้งจากที่เมื่อครู่ฉันยืนอยู่ในโรงพยาบาลแต่ทว่าในยามนี้ฉันกลับกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ว่างเปล่าไปหมด รอบข้างเป็นสีรัตติกาลที่แทบมองอะไรไม่เห็นนอกจากตัวเอง “หรือว่าที่นี่คือปรโลกอย่างนั้นหรือคะ หนูไม่เคยทำร้ายหรือว่าคิดไม่ดีกับใครเลย เพราะแบบนั้นหนูจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขนลุกไม่น้อย “ก็เพราะแบบนั้นข้าถึงได้บอกว่าเจ้าคือมนุษย์ที่ใช้ชีวิตได้จืดชืดและไร้สีสันยังไงล่ะ เจ้าไม่เคยรู้จักกับ..ความสัมพันธ์แสนหวานในเรื่องของความรัก ไม่เคยคิดเกลียดชังหรือว่าริษยาผู้ใด อีกทั้งเจ้ายังตายโดยที่ตัวเองยังคงถือครองพรหมจรรย์อีกด้วย..เพราะฉะนั้นข้าจะส่งให้เจ้าไปใช้ชีวิตที่มีสีสันอีกครั้งหนึ่ง” เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบร่างกายของฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงในทันที มีปีกงอกขึ้นมาที่กลางหลังพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน มีปีกงั้นเหรอ? “นี่ท่าน..จะให้หนูเป็นนางฟ้าใช่ไหมคะ ท่านคือพระเจ้าใช่หรือไม่ ไม่เสียแรงที่หนูอุตส่าห์ทำความดีมาตลอดชีวิต” มีปีกแบบนี้ต้องเป็นนางฟ้าอย่างแน่นอน ให้ตายสิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเป็นนางฟ้า “ฮะ..ฮ่า! พระเจ้าอย่างนั้นหรือเด็กน้อย ข้ามิใช่พระเจ้าแต่อยู่ตรงข้ามกันต่างหาก อีกทั้งเจ้าก็มิใช่นางฟ้าด้วย..จงใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณอันแรงกล้าในใจของเจ้า ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องถูกผิด แต่จงคำนึงถึงความต้องการของตัวเองก็พอ” จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน จะให้ใช้ชีวิตโดยเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งเนี่ยนะ นั่นมันคือการกระทำที่เห็นแก่ตัวสุดๆไปเลยไม่ใช่เรอะ...ตาลุงเจ้าของเสียงนี่..คือใครกันนะ “ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตใหม่ จากนี้ไปชื่อของเจ้าคือโรแอนด์..จงกลืนกินความฝันอันแสนเร่าร้อนของบุรุษมาให้มากพอโรแอนด์ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย..” “ตู้ม!” เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมาก่อนที่เบื้องหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นบ้านเมืองที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไหร่นัก ปีกที่หลังของฉันหายไปแล้ว แต่ทว่าที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ฉันทอดสายตามองออกไปก็พบเจอกับทหารในชุดแปลกประหลาดที่กำลังสู้รบกัน นี่ฉัน..ย้อนเวลามางั้นเรอะ แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย “วิ่งเร็ว!!” นั่นสินะ ต้องวิ่งก่อนอย่างอื่นค่อยคิดทีหลัง ฉันพึ่งจะรอดตายเพราะแบบนั้นจะมาตายอีกครั้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด “!!!” เท้าทั้งสองข้างพลันชะงัก เมื่อฉันได้กลิ่นหอมหวานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน กลิ่นนั้นไม่ใช่กลิ่นของอาหารแต่มันคือกลิ่นอะไรฉันก็ไม่แน่ใจ รู้เพียงแต่ว่าร่างกายนี้ตอบสนองต่อกลิ่นนั้นจนมือทั้งสองข้างสั่นเทาไปหมด ฝีเท้าทั้งสองข้างหยุดลงที่หน้าโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่นี่มีทั้งผู้บาดเจ็บที่กำลังนั่งรอการรักษา และบาทหลวงที่กำลังช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ ถึงแม้ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่ตาลุงเจ้าของเสียงนั้นบอกให้ฉัน..กลืนกินความฝันอันเร่าร้อนของบุรุษมา.. หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเอาเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน กินฝัน มีปีก..เหลืออีกแค่อย่างเดียวเท่านั้น ฉันต้องการเปิดชุดเดรสที่สวมอยู่นี่ออกไป เพราะต้องการดูตรงหน้าท้องว่ามีตราในแบบที่ฉันคิดเอาไว้รึเปล่า “......” ในขณะที่ฉันกำลังจะถกกระโปรงขึ้นก็มีบาทหลวงผู้หนึ่งเดินเข้ามาจับมือของฉันเอาไว้ในทันที “ที่นี่ไม่ปลอดภัยนะครับเลดี้ หากท่านต้องการจะเปลี่ยนชุด..เข้าไปด้านใน..” กลิ่นนี้อีกแล้ว มันเป็นกลิ่นหอมหวานที่เหมือนกับไวน์เบลเดนที่ถูกบ่มอย่างได้ที่ เป็นกลิ่นที่ทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยความรู้สึกกระหายอยาก แล้วใบหน้านี้มันคืออะไรกัน เป็นบาทหลวงจำเป็นจะต้องหล่อเหลาถึงเพียงนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ? “อะ..เอ่อ..ข้ารู้สึก เหมือนจะไม่สบายเลยค่ะ เพราะแบบนั้นกะ..ก็เลยอยากจะ.." เพราะสกิลในการเข้าหาผู้ชายเป็น0 ฉันถึงได้แสดงท่าทีที่น่าตลกเช่นนั้นออกไป “ตามมาสิครับ หากว่าท่านต้องการที่พัก โบสถ์ของเราพอจะมีห้องว่างอยู่” ฉันมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยดวงตาละห้อย ความรู้สึกบ้าบอนี่มันคืออะไรกันนะ รู้สึกอยากจะกัด..ลงไปบนต้นคอนั้นจังเลย แล้วกลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายออกมานี่มันคือกลิ่นของน้ำหอมหรืออย่างไรกัน ฉันเอื้อมมือไปจับชายเสื้อคลุมของเขาขึ้นมาดมเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันกลับมาในทันที “...เลดี้ครับ?” ฉันรีบปล่อยมือออกจากชายเสื้อนั้นในทันทีด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนยิ่งกว่าเก่า “...คะ? มีอะไรรึเปล่า” เอสวาคิดว่าสตรีผู้นี้อาจจะพบเจอกับเรื่องกระทบกระเทือนในจิตใจมากพอสมควร นางถึงแสดงท่าทีที่แปลกประหลาดออกมาไม่หยุดหย่อน สตรีที่สติดีที่ไหนจะถลกกระโปรงของตัวเองขึ้นมาท่ามกลางสายตาของผู้อื่นเล่า.. เขาเอื้อมมือไปแตะลงบนหน้าผากของนาง และเอสวาก็ได้เห็นแผลบนนั้นพร้อมกับรอยเลือดที่แห้งกรัง นี่ก็บ่งบอกได้แล้วว่านางจะต้องได้รับการกระทบกระเทือนทั้งทางศีรษะและจิตใจ “ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ว่าท่านจะพบเจอเรื่องร้ายแรงมากแค่ไหน พระเจ้าจะสถิตอยู่กับท่านเสมอ” ฉันกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความขวยเขิน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรแต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่ว่าเรื่องที่ฉัน..ดมเสื้อเขา นี่ฉันทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่หมาสักหน่อยไปดมเสื้อเขาทำไมก่อน ทว่าสติของฉันดูเหมือนจะจางหายไปอีกครั้งเมื่อมือของเขาแตะลงบนศีรษะของฉันเบาๆ ปลายนิ้วนั้นลูบไล้ลงไปบนรอยแผลนั้นพร้อมกับสายตาที่มองด้วยความเป็นห่วง ข้อมือที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อนั้นมันขาวเนียนและยิ่งได้สูดดมกลิ่นจากร่างกายของเขาในระยะประชิดเช่นนี้มันยิ่งทำให้เธอ..รู้สึกแปลกมากทีเดียว “ท่านพักอยู่ที่ห้องนี้ก่อนสิครับ เดี๋ยวข้าจะไปเอายามาทาแผลพร้อมกับชุดใหม่..” ฉันตรงเข้าไปจับที่แขนของเขาเอาไว้ เพียงแค่คิดว่าจะต้องจากกัน เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้ดมกลิ่นที่แสนหอมหวานนั่นอีกครั้งในหัวใจก็เกิดความเสียดายขึ้นมา “เราพักอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอคะ ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว” “.....” เอสวามองใบหน้าของสตรีที่กำลังกอดแขนของเขาเอาไว้ เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมาเมื่อเขาจะเดินจากไป แผลในใจของเธอนั้นคงจะหนักหนามากสินะ เธอถึงได้..มีสภาพที่น่าเห็นใจเช่นนี้ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวข้าจะกลับมา..” เธอไม่ยินยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา “อย่าไปเลยนะคะ อยู่กับข้าที่นี่เถอะ”ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอนแต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก..เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียทีเขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน....................“เจ้านี่..
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่งอยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน“ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี”อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า..“โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย”มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพ
“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน“ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ”มาลิคขมวดคิ้วในทันที“จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้”โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้“แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..”มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ“บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ”วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!!“แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ”มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ“เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว
เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน“ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ”มาลิคขมวดคิ้วในทันที“จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้”โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้“แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..”มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ“บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ”วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!!“แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ”มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ“เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว
ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่งอยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน“ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี”อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า..“โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย”มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพ
ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอนแต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก..เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียทีเขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน....................“เจ้านี่..