“รัชทายาท เรื่องพวกนี้คือนโยบายบ้านเมืองที่ต้าเฉียนเรากำหนดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ ๆ ท่านก็เอามาพูดให้เป็นเรื่อง ความหมายว่ายังไงกันแน่? หรือว่าท่านคิดว่าระบบที่อดีตฮ่องเต้ทรงวางไว้ไม่ดีหรือ?!”ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฮั่วเจิ้นหลงก็ก้าวออกมา เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังมิใช่คู่ปรับเลยสักนิด แทบจะเป็นมวยคนละชั้น ถูกโจมตีแบบลดมิติขืนสู้กันแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นคังต้องถูกฉินอวิ๋นฟานขยี้เละไม่เหลือซากแน่!การแสดงท่าทีอย่างกะทันหันของฮั่วเจิ้นหลงทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจนิด ๆ ไม่นานก็สงบสติลง ชัดเจน ฮั่วเจิ้นหลงวางหลุมพรางเอาไว้ให้เขา โบ้ยจุดบกพร่องของต้าเฉียนในเวลานี้ว่าเป็นนโยบายบ้านเมืองที่อดีตฮ่องเต้กำหนดเช่นนั้นข้อสงสัยที่เขาพูดมาทั้งหมด ก็คือการปฏิเสธอำนาจของอดีตฮ่องเต้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พูดให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือการท้าทายอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ เมินความน่าเกรงขามของอดีตฮ่องเต้เขาหรือจะพลาดเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้? เพียงแต่เขาจำต้องยอมรับลูกไม้และความฉลาดของฮั่วเจิ้นหลง“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วอย่าโยนบาปให้ข้าเลย บาปนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก!”ฉินอวิ๋
ฉินอวิ๋นฟานถามต่อ“ดูจากสถานการณ์ที่ขุนนางท้องที่รายงานมา เมืองจัวเหมือนว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น ขอเพียงมีภัยพิบัติ ราชสำนักก็จะจ่ายเงินลงไป ส่วนภาษีรายหัวของประชาชน ถ้าไม่รุนแรงก็จะไม่ใช้นโยบายลดภาษี ถ้าหนักหนาสาหัส ปกติแล้วจะลดกึ่งหนึ่ง!”ไท่ซั่งหวงถามอย่างฉงนสงสัย “ฟานเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้นัก?”ยามนี้ บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างทำหน้าสงสัย ฉินอวิ๋นฟานรับช่วงต่อเรื่องบรรเทาภัยพิบัติแล้ว ทำไมจู่ ๆ เขาถึงสนใจเรื่องการเก็บภาษีเช่นนี้เล่า? หรือว่าเขาจะยื่นมือเข้ากรมคลังก็ขณะที่บรรดาขุนนางกำลังงุนงงและกังวลใจอยู่ จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โยนระเบิดใหญ่ออกมาในชนิดที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัวเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากกะทันหัน “ทูลเสด็จปู่ ตามที่หม่อมฉันศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนต้าเฉียน พบว่าชาวบ้านอยู่กันอย่างแร้นแค้นมากพ่ะย่ะค่ะ ภาษีรายหัวสูงเกินไป ทำให้พวกเขาลำบากยากจะเอ่ย”“ยามนี้สถานการณ์ระส่ำระสาย หากเกิดความขัดแย้งสงครามจะปะทุทันที ประชาชนต้าเฉียนอยู่อย่างลำบากนัก นี่มิใช่เรื่องดี ทันทีที่สงครามปะทุ เกรงว่าต้าเฉียนจะปราชัยพังพินาศอย่างรวดเร็ว!”“น้องเจ็ด จะพ
“เอ่อ...”จู่ ๆ ก็ถูกไท่ซั่งหวงตวาด ฉินอวิ๋นคังอึ้งกิมกี่ อยากจะพูดแต่จำต้องหุบปากเสีย ฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจมาก เหมือนกัน ไท่ซั่งหวงที่ปกติจะแค่ดู ฟังและพูดน้อยกลับให้ความสำคัญกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานเพียงนี้? นี่มันยังไงกันเนี่ย?!ยามนี้องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วแน่น ปฏิกิริยาของเสด็จปู่ผิดปกติ ทำให้หัวใจของเขารัดแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะท่าทีของไท่ซั่งหวงตัดสินผู้จะได้เป็นฮ่องเต้คนใหม่ หรือเขาจะแอบช่วยฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ จริง? ไม่น่านี่!ได้รับการผงกศีรษะของไท่ซั่งหวง ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง “เสด็จปู่ คนของเรามาจากชั้นรากหญ้าเป็นส่วนมาก พวกเขาเข้าใจความทุกข์ยากของประชาชนที่สุด ยิ่งรู้สภาพการดำรงชีวิตของพวกเขา ที่หม่อมฉันพูดไปเมื่อครู่มิได้พูดข่มขวัญ แต่มันคือเรื่องจริง! สถานการณ์ของต้าเฉียนในยามนี้น่ากลัวว่าจะร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิด!”ฉินอวิ๋นฟานที่มาจากยุคปัจจุบันรู้ประวัติศาสตร์ของในประเทศ นอกประเทศ โบราณ ปัจจุบัน รวมถึงสภาพการดำรงชีวิตของชาวบ้านดี กอปรกับเรื่องของเมืองจัว เขาได้ศึกษาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านคร่าว ๆ แล้ว ไม่ตรวจสอบยังไม่รู้ พอ
ตึง!!!ครั้นคำพูดนี้ออกมาจากปาก ทั้งราชสำนักจ้าละหวั่นในพริบตา!แม้จะเป็นไท่ซั่งหวงผู้สูงส่งก็มีสีหน้าปั้นยากเหมือนกัน ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานถึงกับเสนอว่าจะงดภาษีรายหัว?นี่คือรากฐานของบ้านเมือง เงินภาษีส่วนใหญ่ของต้าเฉียนก็มาจากภาษีรายหัวนี่แหละ ทันทีที่งด น่ากลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายเบี้ยหวัดของขุนนาง!“ฟานเอ๋อร์ การงดเก็บภาษีรายหัวจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วพูดองค์ชายรองเห็นเสด็จปู่ไม่สนับสนุนฉินอวิ๋นฟานจึงก้าวออกมาทันที พูดอย่างจริงจัง “เสด็จปู่ น้องเจ็ดเรียกได้ว่าเหลวไหล! การงดเก็บภาษีรายหัวก็คือนโยบายล่มแคว้น หม่อมฉันว่าเขามีจุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”โอกาสโยนหินลงบ่อดีขนาดนี้ ฉินอวิ๋นฮุยย่อมไม่พลาด! ในสถานการณ์ที่ไม่ส่งผลต่อผลประโยชน์ พยายามคว้าทุกโอกาสเล่นงานฉินอวิ๋นฟานให้ตาย!ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็ก้าวออกมาด้วย พูดอย่างดูแคลน “เฮอะ ข้ายังนึกว่าน้องเจ็ดจะมีแผนดีอะไร เอาไปมาเอากลับคิดจะงดภาษีรายหัว? พองด เจ้าจะกินลมหรือยังไง?”ทุกคนเห็นดังนั้นต่างเสนอหน้าสมทบ เพราะเบี้ยหวัดและสวัสดิการของพวกเขาในแต่ละปีก็มาจากการเก็บภาษีนี่แหละ ทันทีที
นอกจากจะเป็นความจนใจ ครั้งนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ด่ากราดและไม่ได้ระเบิดอารมณ์ เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เป็นวงกว้าง อยู่เหนือจินตนาการของเขานัก โยงใยถึงส่วนรวมถ้าเขาต้องการดำเนินแผนการยิ่งใหญ่ เขาจะต้องอาศัยกำลังของไท่ซั่งหวง และตอนนี้ก็คือโอกาสดี! ด้วยความสามารถของเขาในเวลานี้ เป็นไม่ได้เลยที่จะใช้กำลังเดียวเปลี่ยนแปลงนโยบายการเก็บภาษีของบ้านเมืองขวางทางทรัพย์คน ดุจสังหารบิดรมารดา การปฏิรูปการเก็บภาษีอย่างใหญ่หลวง จะต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและสะเทือนเหล่าขุนนางต้าเฉียนเป็นวงกว้าง อยากจะลดภาระของชาวบ้าน ยากยิ่งกว่าก้าวขึ้นสวรรค์ แต่สถานการณ์ของต้าเฉียนในเวลานี้รุนแรงกว่าที่เขาคิดมาก ทุกคนต่างจมอยู่กับการชิงบัลลังก์และการใช้เล่ห์กลหลอกกัน ไม่มีเวลาสนใจทิศทางของต้าเฉียน ในยามที่เหล่าองค์ชายต่อสู้กันภายใน เกรงว่าต้าเยียนจะเป็นฝ่ายตักตวงผลประโยชน์แล้วฉินอวิ๋นฟานเคยวิเคราะห์สถานการณ์ต้าเฉียนอย่างละเอียด องค์ชายใหญ่มีตระกูลฮั่วซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพชื่อดังและตระกูลฝั่งมารดาคอยสนับสนุน แม้ตระกูลจะไม่แข็งแกร่งเหมือนตระกูลเหอปานนั้น หากเป็นตระกูลใหญ่ที่เก่าแก่
ครั้นดำเนินงานจะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน การเก็บภาษีเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของขุนนางทุกคน ดีไม่ดีอาจทำให้ระบบการปกครองของทั้งต้าเฉียนพังทลาย กอปรกับศึกระหว่างองค์ชาย ครั้นเริ่มต้นจะส่งผลเป็นวงกว้าง เขาไม่กล้าเดิมพันง่าย ๆ ถ้าแพ้เดิมพัน สถานเบาต้าเฉียนจะต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ องค์ชายแบ่งแยก สถานหนักคือล่มสลาย“ฟานเอ๋อร์ เรื่องนี้เกี่ยวกับส่วนรวม ข้าให้คำตอบที่ชัดเจนกับเจ้าไม่ได้!”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าด้วยความจนใจ“เสด็จปู่ หม่อมฉันทราบดี ถ้างดเก็บภาษีรายหัวของประชาชนจะทำให้บรรดาขุนนางเสียผลประโยชน์มาก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นทุกปีหม่อมฉันจะเป็นคนออกภาษีรายหัวสี่ร้อยล้านของประชาชนเอง! เบี้ยหวัดของขุนนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนเดิม หม่อมฉันแค่ชดเชยสี่ร้อยล้านที่ขาดไปเท่านั้น สามารถลดภาระของขุนนางท้องที่ได้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ควบคู่พ่ะย่ะค่ะ”เพื่อไม่กระตุ้นต่อมโมโหของขุนนางพวกนี้ที่เห็นแก่ผลประโยชน์และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากฉินอวิ๋นฟานจะจ่ายเงินมหาศาลนี่แล้ว ยังปลอบอารมณ์พวกเขาได้อีกแม้จะไม่สบอารมณ์นัก แต่เขาก็ไม่มีทางอื่น การที่เขาทำเช่นนี
เห็นทุกคนทำหน้ากังวล ไท่ซั่งหวงเพียงหัวเราะชืด ๆ แล้วมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะเอ่ยปาก “ที่ฮุยเอ๋อร์ว่ามามีเหตุผลนัก ฟานเอ๋อร์ เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”ได้รับการยอมรับจากเสด็จปู่ ฉินอวิ๋นฮุยเชิดมุมปาก เผยสีหน้าย่ามใจ เขาย่อมรู้ว่านโยบายนี้ของฉินอวิ๋นฟานเป็นผลดีต่อประชาชนและบ้านเมืองมาก แต่เขาไม่อยากให้ใช้กฤษฎีกาฉบับนี้เป็นวงกว้างในต้าเฉียนเพราะหากสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานจะได้เป็นขุนนางผู้ทำคุณูปการใหญ่หลวงอย่างยิ่ง เพิ่มเบี้ยใหญ่ในการชิงบัลลังก์ นอกจากนี้ นโยบายนี้เสี่ยงมากเกินไป มีปัจจัยที่มิอาจควบคุมมาก อาทิเช่นเมื่อเจ้าหน้าที่ในที่ทำการไม่มีเงินใต้โต๊ะ พวกเขาย่อมเกิดความไม่พอใจโกรธแค้นการใช้ระบบเดิมจึงจะเป็นรูปแบบการปกครองที่มั่นคงที่สุด เขาไม่อยากให้ประชาชนกินอิ่มนัก โบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มท้องมักเกิดความปรารถนาคิดชั่ว ทันทีที่ทุกคนกินอิ่มก็จะมีกำลังทำเรื่องอื่นมากขึ้นความคิดของเขาก็คือมัดชาวบ้านติดกับผืนนา เก็บเกี่ยวผลจากการใช้แรงงานส่วนใหญ่ของพวกเขา ให้พวกเขาไม่มีเวลาเหลือที่จะคิด ไม่มีแรงเสพสุขกับชีวิต เช่นนี้พวกเขาก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อการปกครองของราชวงศ์ไม่เพียงแต่ให้พวกเขาต้อง
“ภัตตาคารต้าเฉียนทำมาค้าขึ้น ราชสำนักก็ออกประกาศอีกได้ว่าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ราชสำนักจึงตัดสินใจงดเก็บภาษีรายหัวต่ออีกหนึ่งปี ในปีต่อ ๆ ไปก็ใช้วิธีการทำนองนี้ก็พอ”“แบบนี้จะทำให้พวกเขาเห็นถึงความห่วงใยและเข้าใจที่ราชสำนักมีต่อประชาชนในทุก ๆ ปี พร้อมกันนั้นทุกคนจะเข้าใจว่าภาษีรายหัวยังคงอยู่”เมื่อได้ฟังการอธิบายของฉินอวิ๋นฟาน สีหน้าฉินอวิ๋นฮุยดำเป็นหมิ่นหม้อเดี๋ยวนั้น ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานไม่มีประสบการณ์ในการปกครองบ้านเมือง กลับเข้าใจสถานการณ์ชาวบ้านเช่นฝ่ามือ?โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนที่เขาเสนอเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก รุกรับตามต้องการ หาที่ติไม่ได้สักนิด“ฟานเอ๋อร์ตั้งใจจริง ๆ ดูท่าเจ้าคงตั้งใจทำการบ้านมานะ”ไท่ซั่งหวงพึงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก พยักหน้าหงึกหงัก ฉินอวิ๋นฟานนอกจากจะควักเงิน ยังมีข้อเสนอแนะที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาถึงกลับไม่เอาผลงานใด ๆ ยกให้เป็นของราชสำนักทั้งหมด ปุถุชนยากจะทำได้เช่นนี้“ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ชมเชย!”หลังจากฉินอวิ๋นฟานคำนับขอบคุณแล้ว ก็พูดต่อ “ตอนนี้ข้าจะตอบคำถามข้อแรกที่พี่รองกังวล โบราณว่าไว้ ไม่ต