“ฟานเอ๋อร์สามารถมีใจทำคุณประโยชน์โดยไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องเช่นนี้ได้ ข้าปลื้มใจยิ่งนัก! ต้าเฉียนสามารถมีองค์ชายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองเช่นนี้ คือวาสนาของต้าเฉียนเราแล้ว! ต่อไปพวกเจ้าพี่น้องต้องเรียนรู้จากฟานเอ๋อร์ให้มาก!”ไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีต่อกฤษฎีกาที่ฉินอวิ๋นฟานเสนอและความทุ่มเทชัดเจน เขาหาที่ติไม่ได้จริง ๆ องค์ชายที่สามารถควักเงินส่วนตัวมาทำเรื่องดีให้กับประชาชนเช่นนี้ได้ หายากล้ำค่ายิ่ง!ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของฉินอวิ๋นฟานอยู่เหนือจินตนาการของเขานัก ยิ่งทำให้เขาเห็นการมองการณ์ไกลที่คนทั่วไปมิอาจเทียบของฉินอวิ๋นฟานในภาพจำของไท่ซั่งหวง ฉินอวิ๋นฟานเกลียดขุนนางทุจริตที่สุด วันนี้ เขาไม่เพียงไม่เอาเรื่องการโกงกิน ยังออกเงินชดเชยส่วนที่พวกเขาโกงมาเองอีก จุดประสงค์ก็เพื่อขจัดปัญหาทุจริตจิตใจและวิสัยทัศน์เช่นนี้ ทำให้ไท่ซั่งหวงดีใจและทอดถอนใจนักไท่ซั่งหวงชื่นชมฉินอวิ๋นฟานมาก ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยที่อยู่ด้านข้างหน้าดำทะมึนจนน่ากลัว ในด้านการปกครอง เขามีสิทธิ์ในการพูดและประสบการณ์ที่ห่างชั้น แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง กฤษฎีกาฉบ
หลังจากไท่ซั่งหวงทำใจให้สงบได้แล้วก็ถามยืนยันอีกครั้ง“เสด็จปู่ เรื่องเฉพาะทางก็สมควรให้มืออาชีพที่สุดไปทำ ด้านนี้หม่อมฉันสู้พี่ใหญ่ พี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ไม่ได้จริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อย “อีกอย่าง พวกเราต่างเป็นส่วนหนึ่งของต้าเฉียน ต่างหวังให้บ้านเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองแข็งแกร่ง ไม่ว่าใครจะขึ้นนั่งบัลลังก์ก็มีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นการชิงบัลลังก์ก็ส่วนชิงบัลลังก์ จะบั่นทอนการพัฒนาบ้านเมืองไม่ได้!”คำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้องค์ชายทั้งหลายละอายยากจะเป็นคน พวกเขาไม่ปฏิเสธว่าคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานถูก นี่จึงจะเป็นวิสัยทัศน์และท่าทีซึ่งองค์ชายที่ได้มาตรฐานพึงมี“ดี ดี ดีมาก!”ไท่ซั่งหวงพูดว่าดีติดกันสามหน ใช้มันสื่ออารมณ์ตื่นเต้นของเขาในเวลานี้ หลายปีเช่นนี้ นานแล้วที่เขาไม่เคยฮึกเหิมเช่นนี้ยามนี้ สายตาที่เขามองฉินอวิ๋นฟานอัดแน่นไปด้วยประกาย จากนั้นก็กวาดมองทุกคนก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ ฮุยเอ๋อร์ กว่างเอ๋อร์ เรื่องนี้มอบให้พวกเจ้าสามคนพี่น้องไปจัดการ จะแบ่งงานอย่างไร จะใช้คนอย่างไร พวกเจ้าพี่น้องตัดสินใจกันเองเถอะ!”“แต่... วันนี้ ต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งหลายในราชสำน
เห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของฉินอวิ๋นฟาน จิตใจที่หวั่นวิตกของอู่จ้านสงบลงได้สักที ตามหลังเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักเหยียนเหนียนของไท่ซั่งหวง!พอพวกฉินอวิ๋นฟานสามคนเพิ่งมาถึงตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงนอนอยู่บนเก้าอี้ในลานตำหนักแล้ว กำลังอาบแดดอย่างสบายอารมณ์อยู่!เห็นฉินอวิ๋นฟานมาถึง ไท่ซั่งหวงจึงลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าแสงวสันต์ เขาถามอย่างสนอกสนใจ “ฟานเอ๋อร์ ด้วยการแสดงออกและการทุ่มเทของเจ้าในราชสำนักวันนี้ ทั้งที่สามารถเรียกร้องแบบเกินเลยได้สักหน่อย ไยเจ้าจึงเลือกละทิ้งเสียเล่า?”ฉินอวิ๋นฟานกลับยิ้มแห้งแล้วตอบ “เสด็จปู่ ความจริงหม่อมฉันไม่มีอะไรจะขอจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ต่อให้หม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องการจริง ก็ไม่ไปขอในราชสำนักหรอก”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการต่อสู้ชิงชัยในราชสำนัก ในสายตาของเขา สิ่งเหล่านั้นก็แค่ผลประโยชน์เท่าหัวแมลงวัน วิสัยทัศน์อยู่ที่ใด สมรภูมิก็อยู่ที่นั่น เรื่องพวกนี้ในราชสำนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก“อ้อ ดูท่าการที่ข้าเรียกเจ้ามาเดี่ยว ๆ จะถูกต้องแล้วสินะ?”ไท่ซั่งหวงเบ้ปากพูดฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ถึงเสด็จปู่มิทรงเรียกหม่อมฉันมา หม่อมฉันก็จะมาหาพระองค์อยู่ดี
“อ้อ? ภาษีรายหัวเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผนการของเจ้า? มิน่าเจ้าถึงทิ้งโอกาสแสดงฝีมือครั้งนี้!”ไท่ซั่งหวงทำหน้าประหลาดใจ ภาษีรายหัวปีหนึ่งสี่ร้อยล้าน บวกกับสวัสดิการของขุนนางท้องที่ ปีหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสี่ร้อยห้าสิบล้านตำลึงเงิน แล้วยังมีภาษีการค้า นี่ไม่ใช่จำนวนเล็ก ๆถ้าไม่มีวิธีการหาเงินที่ร้ายกาจ ยากจะดำเนินต่อจริง“เสด็จปู่ การใช้อุบายหลอกล่อต่อสู้ระหว่างองค์ชายทำให้หม่อมฉันรำคาญใจเหลือเกินแล้ว การคิดแผนการมอบสวัสดิการให้ประชาชนเดิมก็เป็นเรื่องที่องค์ชายทั้งหลายพึงกระทำ ส่วนผลงานจะเป็นของใครล้วนไม่สำคัญ”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด “เทียบกับการจะเอาผลประโยชน์น้อยนิดเพียงหัวแมลงวันไม่เลิก มิสู่กำหนดแผนการให้ดี ให้พวกเขาไปทำก็พอ ขณะเดียวกันจะได้ตรวจสอบคุณลักษณะและความสามารถของพวกเขาไปในตัว”“ส่วนหม่อมฉัน ขอเพียงสร้างระบบการค้าที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนเสร็จ ก็สามารถดำเนินการตามแผนงานของหม่อมฉันได้เลย ก็เหมือนกับอู่เหลียงเย่ มิใช่เปลี่ยนความเคยชินในการดื่มสุราของทุกคนแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ครั้นไท่ซั่งหวงได้ฟังก็สูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง เจ้าเด็กนี่อายุอานามน้อย ๆ กลับวางงานล้ำล
“แนวคิดขงจื๊อ?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้ว เขากลับไม่ปฏิเสธทัศนคติของฉินอวิ๋นฟานเส้นทางการเป็นจักรพรรดิสองทศวรรษ บวกกับสองทศวรรษที่ออกห่างราชสำนัก มองโลกด้วยฐานะคนนอก เห็นความรุ่งเรืองและความจอมปลอมของโลกใบนี้มาหมดแล้ว ย่อมเข้าใจเนื้อแท้ของการปกครองและระบบอย่างลึกซึ้งหลายศตวรรษที่ผ่านมาของต้าเฉียน ผลักดันแนวคิดขงจื๊อมาตลอด ปกครองบ้านเมือง รวมศูนย์อำนาจ ทำให้ราชวงศ์มั่นคงมากกว่าเดิมจริง นี่ก็คือหัวใจสำคัญพื้นฐานของระบบการปกครองด้วยจักรพรรดิแม้พสกนิกรจะยากเย็นแสนเข็ญมิอาจเอ่ย แต่ก็ทำให้ชนชั้นสูงสามารถมั่นคงและใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ในมุมของการได้ประโยชน์ ความคิดขงจื๊อคือสิ่งที่ถูกต้องโดยแท้ด้วยเหตุนี้ ทุกแคว้นต่างผลักดันแนวคิดขงจื๊อในระดับที่ต่างกัน แต่ก็มีข้อเสียเด่นชัด คนกลายเป็นไม่มีไฟอีก ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดล้วนเป็นไปตามการออกแบบของเบื้องบน หนีไม่พ้นกรงขังแห่งความคิดนี้ทันทีที่เจอสถานการณ์สุดโต่ง ประชาชนต้องหลุดจากการควบคุมแน่ ความโกลาหลยากจะควบคุม รองลงมาก็คือการเจอกับศัตรูแข็งแกร่งโจมตี แทบจะไม่มีกำลังต่อต้านใด ๆ“เสด็จปู่ อำนาจก็เหมือนกับสิ่งเสพติด เ
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยงเทียนเวิ่นคอยติดตามอยู่ข้างตัวฉินอวิ๋นฟานตลอดเวลา และสยบต่อลูกไม้น่าสะพรึงรวมถึงการมองการณ์ไกลของฉินอวิ๋นฟานด้วยเป็นเวลาเดียวกัน ฉินอวิ๋นฮุยพาผู้ติดตามปรากฏตัวอยู่ที่จวนตระกูลฮั่ว!“น้องรอง เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง? ตกลงกันแล้วว่าจะกดน้องเจ็ดด้วยกัน เจ้ากลับดีเลย พอถึงเวลาสำคัญเจ้าดันกลับลำเสียอย่างนั้น ทำเอาข้าทำอะไรไม่ถูก เป็นคนไม่ถือสัจจะเช่นนี้ไม่ได้กระมัง?!”ฉินอวิ๋นคังจ้ององค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย ใบหน้าขมึงทึง ไม่ปกปิดความโกรธของเขาสักนิดฉินอวิ๋นฮุยไม่แปลกใจเลยสักนิดกับการที่ฉินอวิ๋นคังจะมีปฏิกิริยาเดือดดาลเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็ไม่ใช่นิสัยวู่วามของพี่ใหญ่แล้ว เขารีบยิ้มให้ “พี่ใหญ่ ท่านก็พูดหนักเกินไป ข้าใช่ว่าไม่ถือสัจจะ แค่คิดว่าการเตรียมตัวไม่พอจะโจมตีน้องเจ็ดเท่านั้น”“อ่อ? เจ้ายังจะแก้ตัวอีก? ตอนนั้นข้า...”พอได้ยินการอธิบายของฉินอวิ๋นฮุย ฉินอวิ๋นคังก็ยิ่งโมโห ในตอนที่เขากำลังจะตอกกลับน้องรอง จู่ ๆ พ่อตาฮั่วเจิ้นหลงก็เอ่ยปากขึ้น “คังเอ๋อร์ ในเมื่อองค์ชายรองมาแล้วก็ต้องมีเรื่องพูด ไยเจ้าต้องถือสาเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วย?”
“ทำยังไง? องค์ชายรองก็มานี่แล้วมิใช่หรือ?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ สองมือไพล่หลัง พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก เขามองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยแล้วเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าองค์ชายรองคงมีแผนการรับมือแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยเหยียดมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ย “ย่อมมีวิธี ถ้าสำเร็จ น้องเจ็ดต้องจบเห่แน่ แต่ผิดพลาดหลายครั้งอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเที่ยวนี้จะเป็นยังไง”“อ้อ? ไหนลองว่ามาดู!”ฮั่วเจิ้นหลงเลิกคิ้ว ตามที่เขารู้จักองค์ชายรอง การที่เขาพูดเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีความมั่นใจประมาณหนึ่ง เพียงแต่ระยะนี้คงถูกฉินอวิ๋นฟานโจมตีจนเกิดปมในใจ คิดจะดึงพวกเขาลงน้ำด้วยรึ?หากฮั่วเจิ้นหลงสติแจ่มชัดนัก ย่อมมองเห็นความเสี่ยงว่ามีมากน้อย เนื่องจากองค์ชายรองไวเป็นกรด ช่ำชองการใช้อุบายแผนร้าย ดีไม่ดีจะเป็นหญ้าบนกำแพงอีก ถึงตอนนั้นกลับจะเป็นผลเสียต่อพวกเขา“ความจริงถ้าจะว่าไป ความได้เปรียบของน้องเจ็ดในตอนนี้ก็คือหัวการค้า กฤษฎีกาที่เขาเสนอเกี่ยวกับเรื่องเงินทั้งหมด ไยพวกเราไม่ลงมือกับธุรกิจของเขาเล่า ล้มเขาเสียก็จบแล้วนี่?!”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ย“หือ?”ฮั่วเจิ้นหลงตาเป็
“เขาคือใคร?”ฮั่วเจิ้นหลงมองไปทางองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยด้วยความแปลกใจเล็กน้อยแล้วถามฉินอวิ๋นฮุยรวบพัดพึ่บ สายตาคมกริบดังอินทรีย์ตกอยู่บนตัวชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าแนะนำตัวเองหน่อยเถอะ”อีกฝ่ายได้ยินก็รีบคุกเข่าลง พูดด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ขะ ข้าน้อยชื่อว่ามู่หรงฟู่สุ่ย เป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรง ทำงานอยู่ที่ภัตตาคารต้าเฉียนยี่สิบปีเศษแล้วขอรับ”“อ้อ? ที่แท้ท่านก็เตรียมการแต่แรกแล้ว?”ฮั่วเจิ้นหลงจ้องชายตรงหน้าด้วยความทึ่ง องค์ชายรองมากเล่ห์ดังคาด เดิมนึกว่าหลังจากถูกฉินอวิ๋นฟานเอาชนะจะสงบเสงี่ยม ไม่คิดว่าเขาจะยื่นมือเข้าภายในของฉินอวิ๋นฟานแล้ว?โบราณว่าไว้ ทวนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากกัน ถ้าฉินอวิ๋นฮุยใช้ไพ่ตายนี้ หันศรไปทางฉินอวิ๋นฟานกะทันหัน นั่นมิต้องเอาชีวิตกึ่งหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานเลยหรือ?“ข้าก็พาคนมาอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว อยู่ที่ว่าพวกท่านจะทำหรือไม่!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือกอดอก กระหยิ่มใจ“ฮ่า ๆ ๆ...”ฮั่วเจิ้นหลงพลันหัวเราะร่า “องค์ชายรองมีไพ่ในมือเช่นนี้ ยังดึงพวกเราเข้าร่วมอีก ดูท่าท่านจะถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ตกใจจนขวัญเสียแล้วนะ”ฮั่วเจิ้นหลงถากถาง ใบหน้าของฉิ