การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าเดรัจฉาน!!!”“อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนเราเพิ่งสวรรคตได้แค่เจ็ดวัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะปีนขึ้นเตียงของหยางกุ้ยเฟย อดสู มันคือความอดสูอย่างยิ่ง!”“ราชวงศ์ต้าเฉียนเราก่อตั้งมาสามร้อยกว่าปี ยึดหลักขงจื๊อโดยตลอด พิธีรีตอง ครองตัว รู้ยางอาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดศีลผิดธรรม ผิดต่อหลักการเป็นคนต่ำช้าเช่นนี้ เกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนต้องสิ้นเพราะรัชทายาทแล้ว...”“หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ จะต้องละอายจนกริ้วแน่ ประหารพวกมั่วโลกีย์ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน!”......ในตำหนักจื่อหลัวของราชวงศ์ต้าเฉียน บรรดาชายหญิงเด็กชราต่างมุงล้อมหน้าตั่งนอนทรงกลมที่ยุ่งเหยิงดูไม่จืด โจมตีชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าด้วยวาจาและตัวหนังสือ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เคืองแค้นในความไม่เป็นธรรมเต็มประดา เสียงเซ็งแซ่แต่ละเสียงทำให้ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างงัวเงียขมุกขมัว“เชี่ย แค่ความฝันทำไมเสียงดังขนาดนี้ล่ะ”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานปวดหัวจนแทบจะระเบิด มึนงงหนัก ๆ เขาส่ายหน้าแรง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “น่ารำค
ฉินอวิ๋นคัง “...”ฉินอวิ๋นฮุย “...”ทุกคน “...”ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!นี่มันอะไรกัน?ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?“ล่อลวงรัชทายาท?”ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้วเวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”องค์ชายใหญ
อะไรนะ...การที่หยางกุ้ยเฟยถูกสังหารทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นร้องอุทานขึ้นมา ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความครั่นคร้าม เขาคือรัชทายาท สังหารหัวหน้าหมอหลวงก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งนางสนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดก็กล้าฆ่าแกงตามอำเภอใจหรือ?“น้องเจ็ด เจ้า เจ้าจะเหิมเกริมไปแล้วนะ แม้แต่หยางกุ้ยเฟยก็ยังฆ่าหรือ?”องค์ชายใหญ่ก็ตกตะลึงกับการกระทำที่เด็ดขาดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฉินอวิ๋นฟานเหมือนกันผิดหูคำเดียวก็ฆ่า แววตาหนักแน่นและท่าทางที่ไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด กลับทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนราชันมาถึง“น้องเจ็ด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เวลานี้องค์ชายรองหน้าตามืดมนจนจะจับตัวเป็นน้ำหยดติ๋งได้อยู่แล้ว เดิมนึกว่าพวกเขาจะจัดการรัชทายาทโง่ได้ตามปรารถนา คิดไม่ถึง ในช่วงเวลาสำคัญกลับกลายเป็นเขาเล่นเด่นอยู่คนเดียวท่าทางเด็ดขาดฉับไว ท่วงทำนองแลมองเบื้องล่างและแววตาดูแคลนใต้หล้านั้นกลับทำให้เขาชักจะหวั่น ท่วงทำนองนี้ เขาเคยเห็นจากเสด็จพ่อผู้เป็นอดีตฮ่องเต้เท่านั้น“ข้าเคยบอกแล้ว ผู้ที่ป้ายมลทินให้ข้า ตายไม่เว้น!”ต่อหน้าเหล่าขุนนางและองค์ชายทั้งหลาย ฉินอวิ๋นฟานใจเย็นเป็นธรรมชาติ ความเผด็จการเ
คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝูงชนแตกตื่นทันที ทุกคนมองหน้ากัน เดาะลิ้นอยู่ในใจ เจ้านี่เป็นพวกหัวร้อนกระมัง?เวลานี้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือไท่ซั่งหวง แล้วยังริอ่านล่วงเกินต่อหน้าอีก? ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะรนหาที่ตาย ทุกคนย่อมชมอย่างยินดีปรีดาไท่ซั่งหวงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ มองไปตามเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามกำลังสบตาเขาอยู่ แววตาใสสะอาดแน่วแน่ แผ่กลิ่นอายทระนงออกมาจากทั้งตัว ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคือ?”พินิจอยู่ค่อนวัน ไท่ซั่งหวงกลับไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใครออกห่างจากราชสำนักเกือบยี่สิบกว่าปี ฮ่องเต้จะพาองค์ชายที่ค่อนข้างสำคัญไปเยี่ยมเขาในช่วงเทศกาลเท่านั้น มีความทรงจำกับองค์ชายอยู่ไม่กี่องค์ ทว่าจากท่วงท่าและการแต่งตัวของชายหนุ่มตรงหน้า น่าจะเป็นองค์ชายอย่างไม่ต้องสงสัย“รัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยกิริยาเหมาะสม“อ้อ?”ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานแบบเหนือคาดเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยปากถาม “ดูท่าทาง เจ้าดูไม่โง่นี่?”“เสด็จปู่ หลายปีที่ผ่านมาน้องเจ็ดไม่ได้เบาปัญญาสักหน่อย เขาเสแสร้ง เขาหลอกทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายรองเสริมอีกดอก พูดตี
ไท่ซั่งหวงเคาะโต๊ะลงมติ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างอีกฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จปู่ ไม่ทราบว่าแค่แต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็สืบทอดบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่สามารถแต่งกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะคุ้มครองให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น!”ไท่ซั่งหวงเด็ดขาดมีพลัง แฝงความเผด็จการและความแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิในวาที“เสด็จปู่ ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวคัดเลือกราชบุตรเขยมีกติกาอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นาน ฉินอวิ๋นฟานไม่เข้าใจรูปแบบการเลือกราชบุตรเขยในสมัยโบราณ ในภาพจำของเขายังหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการโยนบอลผ้า หรือไม่ก็หาคู่โดยการประลองยุทธ์ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกว่าการเลือกราชบุตรเขยของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวไม่น่าจะธรรมดาอย่างนั้น“ย่อมมีกติกา ทั้งหมดแบ่งออกเป็นประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊ โดยจะประลองสามด้านละสามรอบ”ไท่ซั่งหวงอธิบาย “ประลองด้านบุ๋นแบ่งออกเป็นกลอนคู่ การเขียนและดนตรี ประลองด้านบู๊แบ่งออกเป็นยิงธนู ประลองกำลังและประลองกำลังยุทธ์ ผู้ที่คว้าชัยทั้งสองการประลองก็คือผู้ชนะ แต่ในการประลองบุ๋นบู๊สามารถเชิญผู
ในผ้าม่านผืนบาง ไอหมอกคละคลุ้งหญิงนางหนึ่งนอนอยู่ในถังอาบน้ำ เผยไหล่นวลเนียนชวนหลงใหล ขาวสะอาดและเรียบเนียน หยดน้ำแต่ละหยดใสแวววาวดังไข่มุก ใช้สองมือวักน้ำเนือง ๆภาพนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสั่นระรัว เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ท้องน้อยเร่าร้อนอย่างหาที่เปรียบมิได้อึก!ฉินอวิ๋นฟานลำคอแห้งผาก กลืนน้ำลายลงทีหนึ่ง สืบเท้าเข้าหาช้า ๆ“ถึงคุณมู่หรงจิ่นจะไม่ชอบฉัน แต่ต้องยอมรับเลย รูปร่างกับหน้าตาของมู่หรงจิ่นสุดยอดจริง ๆ สองปีแล้ว มาจนถึงขั้นนี้ ถ้าไม่เผด็จศึกอีกจะเสียทีกับจิตใต้สำนึกเกินไป”ฉินอวิ๋นฟานพูดในใจฉินอวิ๋นฟานยื่นมือออกมาบีบไหล่ของมู่หรงจิ่นเบา ๆ เนื่องจากควบคุมแรงไม่ดี มือหนักไปหน่อย มู่หรงจิ่นจึงร้อง ‘อ๊า’ ขึ้นมาทันที น้ำเสียงหวานฉ่ำทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสะท้าน“เสี่ยวจวี๋ เจ้าเบามือหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว”มู่หรงจิ่นยังไม่รู้ว่าที่อยู่เบื้องหลังคือฉินอวิ๋นฟานจึงพูดด้วยความขุ่นเคืองผิวเนียนนุ่มปานเด็กทารก บอบบางน่าถนอม รวมถึงกลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวนางยิ่งทำให้คนลุ่มหลงภาพจากบนลงล่างอยู่ในคลองจักษุทั้งหมด ภาพขาวหิมะวับ ๆ แวม ๆ ที่ช่วยให้คนเลือดกำเดาไ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ