แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: เมิ่งซานเชียน
คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝูงชนแตกตื่นทันที ทุกคนมองหน้ากัน เดาะลิ้นอยู่ในใจ เจ้านี่เป็นพวกหัวร้อนกระมัง?

เวลานี้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือไท่ซั่งหวง แล้วยังริอ่านล่วงเกินต่อหน้าอีก? ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะรนหาที่ตาย ทุกคนย่อมชมอย่างยินดีปรีดา

ไท่ซั่งหวงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ มองไปตามเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามกำลังสบตาเขาอยู่ แววตาใสสะอาดแน่วแน่ แผ่กลิ่นอายทระนงออกมาจากทั้งตัว ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้าคือ?”

พินิจอยู่ค่อนวัน ไท่ซั่งหวงกลับไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร

ออกห่างจากราชสำนักเกือบยี่สิบกว่าปี ฮ่องเต้จะพาองค์ชายที่ค่อนข้างสำคัญไปเยี่ยมเขาในช่วงเทศกาลเท่านั้น มีความทรงจำกับองค์ชายอยู่ไม่กี่องค์ ทว่าจากท่วงท่าและการแต่งตัวของชายหนุ่มตรงหน้า น่าจะเป็นองค์ชายอย่างไม่ต้องสงสัย

“รัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยกิริยาเหมาะสม

“อ้อ?”

ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานแบบเหนือคาดเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยปากถาม “ดูท่าทาง เจ้าดูไม่โง่นี่?”

“เสด็จปู่ หลายปีที่ผ่านมาน้องเจ็ดไม่ได้เบาปัญญาสักหน่อย เขาเสแสร้ง เขาหลอกทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายรองเสริมอีกดอก พูดตีไข่ใส่นม “ทรงเห็นศพสามศพนี่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? พวกเขาคือเสาหลักของต้าเฉียนทั้งนั้น แต่ถูกน้องเจ็ดสังหารหมด ไม่มีเหตุผลให้กล่าวถึง แค่พูดไม่ถูกหูก็ชักกระบี่สังหารคน กำเริบเสิบสานยิ่งนัก”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ไท่ซั่งหวง พวกกระหม่อมเห็นกับตาตัวเอง รัชทายาทไม่แยกแยะดีชั่ว เห็นชีวิตคนดังผักปลา เข่นฆ่าตามอำเภอใจ น่ากลัวเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”

“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมต่อหยางกุ้ยเฟย เจ้ากรมพิธีการหยางอี๋กับหัวหน้าหมอหลวงหัวจิ่งซานด้วย พวกเขาตายอย่างมีเงื่อนงำ ไม่ได้รับความเป็นธรรมนักพ่ะย่ะค่ะ!”

“อีกทั้งเขายังล่วงเกินไท่ซั่งหวง ไม่เห็นผู้ใหญ่อยู่ในสายตา ใช้อำนาจบาตรใหญ่ โทษให้อภัยไม่ได้ คนอหังการเช่นนี้จะละเว้นไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”

......

ด้วยการนำขององค์ชายรอง ทุกคนต่างส่งเสียงตำหนิฉินอวิ๋นฟานพร้อมให้ร้ายฉินอวิ๋นฟานอีกรอบ แน่จริงเจ้าก็เถียงต่อสิ แข็งต่อสิ ดูสิว่าวันนี้เจ้าจะตายหรือไม่

“ที่พวกเขาพูดเป็นความจริงหรือไม่ เจ้าเป็นคนฆ่าคนพวกนี้หรือ?”

ตอนนี้ไท่ซั่งหวงทึ่งมากกว่าเดิม มิน่าเมื่อกี้จึงเป็นบรรยากาศที่ชักกระบี่ง้างเกาทัณฑ์ ในความทรงจำของเขา ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทมิผิด แต่น่าเสียดายที่เป็นคนโง่เขลา ไร้สติปัญญาและการวางแผนที่ยิ่งใหญ่ ไร้ความสามารถในการปกครองบ้านเมือง ทว่ากมลสันดานมีจิตเมตตา

คิดไม่ถึงว่าจะทระนงตนเช่นนี้?

“มิผิด หม่อมฉันเป็นคนฆ่าเอง แต่นั่นเพราะพวกมันสมควรตาย ให้ร้ายหม่อมฉันก็คือท้าทายอำนาจแห่งราชวงศ์ ท้าทายอำนาจของหม่อมฉัน ไม่ฆ่าพวกมันยากจะระบายความแค้นในใจของหม่อมฉันได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก

ไท่ซั่งหวงไม่เพียงแต่เดือดดาลเพราะเหตุนี้ กลับเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา สำรวจตัวฉินอวิ๋นฟานบนล่าง เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ถึงได้เสแสร้งเป็นคนโง่งมได้สิบกว่าปีปานหนึ่งวัน?

เกิดในครอบครัวจักรพรรดิ คนที่มีนิสัยใจคออย่างนี้ได้ มีหรือจะเป็นคนธรรมดา?

ในบรรดาองค์ชายทั้งแปด พวกเขาเหล่านี้ล้วนยอดเยี่ยมมาก มีความสามารถที่จะเป็นผู้สืบทอด และปกครองบ้านเมือง จากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าจริง ๆ

ดังนั้น เขาจึงนึกอยากโค่นรัชทายาทเบาปัญญาผู้นี้

“ว่ามา ทำไมเจ้าจึงไม่เห็นด้วย”

ไท่ซั่งหวงเอ่ยปาก

“หม่อมฉันคือรัชทายาทที่อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่งตั้ง คือผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป นี่คือเรื่องที่มิต้องโต้แย้ง ตามธรรมเนียมพิธีการ วันพรุ่งนี้ก็คือวันที่หม่อมฉันขึ้นครองราชย์พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างมีพลังหนักแน่น “กลับคิดไม่ถึง กลับถูกคนวางยาในวังหลวงที่รัดกุม พาไปอยู่บนเตียงของหยางกุ้ยเฟย เหตุนี้หม่อมฉันที่เป็นรัชทายาทจึงถูกจับได้คาหนังคาเขา สอบสวนตัดสินความผิด นี่คือเรื่องที่เหลวไหลแค่ไหน เจตนาชั่วร้ายยิ่งนัก”

“หากปลดสิทธิ์การขึ้นครองราชย์ของหม่อมฉันเพราะเรื่องนี้ นี่จะไม่เป็นธรรม หม่อมฉันไม่ยอม ไม่ยอมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“เสด็จปู่ จะฟังความข้างเดียวจากน้องเจ็ดไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ยังไม่ได้สืบสาวเรื่องราวแน่ชัด อีกทั้งจู่ ๆ น้องเจ็ดกลับโหดเหี้ยมอำมหิต หากให้เขาขึ้นบัลลังก์ในวันพรุ่งนี้จะไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

หนังตาองค์ชายใหญ่กระตุกหนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้ ถ้าฉินอวิ๋นฟานได้ขึ้นครองราชย์ ไม่ช้าหรือเร็วเรื่องนี้ต้องถูกสอบสวน ถึงตอนนั้นเขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“เสด็จปู่ แต่ไหนมาต้าเฉียนเราก็แต่งตั้งจากผู้มีความสามารถมิใช่อายุ ผู้ได้รับเกียรติรั้งตำแหน่งต้องมีความสามารถและคิดแผนการใหญ่ เก่งกาจเหนือผู้คน”

องค์ชายรองเร่งผสมโรงตามมาติด ๆ รีบอธิบาย “น้องเจ็ดเบาปัญญาสิบกว่าปี มิเคยแสดงความสามารถเลย เดิมเสด็จพ่อก็ประสงค์จะเปลี่ยนรัชทายาทอยู่แล้วแต่สวรรคตก่อน จึงทำให้น้องเจ็ดฉวยช่องว่างนี้”

......

คนอื่น ๆ ยังอยากพูดต่อ กลับถูกไท่ซั่งหวงตัดบท “พวกเจ้าไม่ต้องพูดมาก ตามธรรมเนียมพิธีการ พรุ่งนี้คือวันที่รัชทายาทขึ้นครองราชย์จริง ๆ”

“แต่ที่เจ้าใหญ่กับเจ้ารองว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล ถ้าให้รัชทายาทขึ้นครองราชย์ในวันพรุ่งนี้ตามปกติ ยากจะให้ผู้คนยอมรับ และผิดต่อเจตนารมณ์เดิมของต้าเฉียนด้วย”

ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วมุ่น ลังเลครู่หนึ่งจึงเอ่ย “แต่บ้านเมืองจะขาดผู้ปกครองไม่ได้แม้เพียงหนึ่งวัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้สงบ และไม่ให้รัชทายาทเสียใจ ข้าตัดสินใจจะให้รัชทายาทว่าราชการแผ่นดิน”

“ให้รัชทายาทว่าราชการแผ่นดินหรือ?”

ทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบ การตัดสินใจอย่างนี้เท่ากับยอมให้รัชทายาทก้าวแล้วก้าวหนึ่ง แต่แค่ทำให้รัชทายาทขึ้นครองราชย์ไม่ได้ ก็ถือว่าพวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว

การตัดสินใจเช่นนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานโล่งอก การที่ไท่ซั่งหวงทำเช่นนี้ถือว่าไม่ล่วงเกินทั้งสองฝ่าย เลือกกลยุทธ์สายกลาง

ด้วยสถานการณ์ของเขาในเวลานี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นครองราชย์ในวันพรุ่ง ถ้าเขาดึงดันจะขึ้นให้ได้ ผลลัพธ์สุดท้ายจะต้องเป็นการนองเลือด ศพเกลื่อนวังหลวงแน่...

ในความโกลาหล องค์ชายองค์อื่นต้องทำร้ายเขาเป็นคนแรกแน่ สามารถทำให้เรื่องเป็นอย่างนี้ได้ก็ถือว่าฉินอวิ๋นฟานได้ขึ้นนำในศึกชิงบัลลังก์ระหว่างเก้าองค์ชายแล้ว

“อย่าเพิ่งรีบร้อน!”

ไท่ซั่งหวงพูดต่อ “ตอนที่เสด็จพ่อของพวกเจ้ายังอยู่ เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตก ดังนั้นทั้งสองแคว้นจึงเคยมีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน”

“น่าเสียดายฮ่องเต้แคว้นเหมียวมีพระธิดาแค่องค์เดียว เวลานี้นางสืบทอดบัลลังก์แคว้นเหมียวแล้ว ฮ่องเต้หญิงสืบทอดสัญญาจากพระบิดา รักษาคำมั่น เพื่อฝากฝังภาระยิ่งใหญ่ของบ้านเมือง อีกสามวันฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะมาเลือกราชบุตรเขยที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากบรรดาองค์ชายด้วยตัวเอง”

“อะไรนะ? ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว? ฝากฝังภาระยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองหรือ?”

“เห็นว่าแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกเลื่องชื่อเรื่องสาวงาม องค์หญิงแคว้นเหมียวยิ่งงามล่มเมือง งามปานเซียนสวรรค์ ผู้ได้ยลโฉมนางเกินมาชาตินี้ไม่เสียใจ ฮ่องเต้หญิงองค์นี้มิใช่องค์หญิงแคว้นเหมียวที่ร่ำลือหรอกหรือ?”

“แคว้นเหมียวทรัพยากรสมบูรณ์ เศรษฐกิจรุ่งเรือง แม้จะไม่เคยติดอันดับเก้าแคว้นใหญ่มาก่อน แต่โดยรวมศักยภาพมิอาจดูแคลน ถ้าเชื่อมสัมพันธ์เกี่ยวดองกับแคว้นเรา นั่นจะไม่ทำให้ศักยภาพต้าเฉียนเราเพิ่งพูนหรือ?”

......

ข่าวที่ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะเลือกราชบุตรเขยจากบรรดาองค์ชายสะเทือนเลือนลั่นในฝูงชนราวกับสายอสนีบาตฟาดผ่า เหล่าองค์ชายตื่นเต้นจนมือไม้อยู่สุข นั่นคือเซียนสวรรค์ในคำร่ำลือเชียวนะ พวกเขามีโอกาสจะได้แต่งงานกับนางหรือ?

“พวกเจ้าพูดถูกต้องแล้ว บัดนี้ต้าเฉียนเรากำลังอ่อนด้อย ในกังวลนอกมีภัย ถ้าแคว้นเหมียวเข้าร่วมจริงจะคลี่คลายวิกฤตใหญ่ในเวลานี้ของต้าเฉียนได้”

ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในหมู่พวกเจ้า อีกสามวันหากใครสามารถแต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ก็หมายถึงว่าคนผู้นี้มีความสามารถโดดเด่นเหนือคน เช่นนั้นเขาก็จะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปของต้าเฉียนเรา...”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 5

    ไท่ซั่งหวงเคาะโต๊ะลงมติ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างอีกฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จปู่ ไม่ทราบว่าแค่แต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็สืบทอดบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่สามารถแต่งกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะคุ้มครองให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น!”ไท่ซั่งหวงเด็ดขาดมีพลัง แฝงความเผด็จการและความแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิในวาที“เสด็จปู่ ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวคัดเลือกราชบุตรเขยมีกติกาอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นาน ฉินอวิ๋นฟานไม่เข้าใจรูปแบบการเลือกราชบุตรเขยในสมัยโบราณ ในภาพจำของเขายังหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการโยนบอลผ้า หรือไม่ก็หาคู่โดยการประลองยุทธ์ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกว่าการเลือกราชบุตรเขยของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวไม่น่าจะธรรมดาอย่างนั้น“ย่อมมีกติกา ทั้งหมดแบ่งออกเป็นประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊ โดยจะประลองสามด้านละสามรอบ”ไท่ซั่งหวงอธิบาย “ประลองด้านบุ๋นแบ่งออกเป็นกลอนคู่ การเขียนและดนตรี ประลองด้านบู๊แบ่งออกเป็นยิงธนู ประลองกำลังและประลองกำลังยุทธ์ ผู้ที่คว้าชัยทั้งสองการประลองก็คือผู้ชนะ แต่ในการประลองบุ๋นบู๊สามารถเชิญผู

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 6

    ในผ้าม่านผืนบาง ไอหมอกคละคลุ้งหญิงนางหนึ่งนอนอยู่ในถังอาบน้ำ เผยไหล่นวลเนียนชวนหลงใหล ขาวสะอาดและเรียบเนียน หยดน้ำแต่ละหยดใสแวววาวดังไข่มุก ใช้สองมือวักน้ำเนือง ๆภาพนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสั่นระรัว เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ท้องน้อยเร่าร้อนอย่างหาที่เปรียบมิได้อึก!ฉินอวิ๋นฟานลำคอแห้งผาก กลืนน้ำลายลงทีหนึ่ง สืบเท้าเข้าหาช้า ๆ“ถึงคุณมู่หรงจิ่นจะไม่ชอบฉัน แต่ต้องยอมรับเลย รูปร่างกับหน้าตาของมู่หรงจิ่นสุดยอดจริง ๆ สองปีแล้ว มาจนถึงขั้นนี้ ถ้าไม่เผด็จศึกอีกจะเสียทีกับจิตใต้สำนึกเกินไป”ฉินอวิ๋นฟานพูดในใจฉินอวิ๋นฟานยื่นมือออกมาบีบไหล่ของมู่หรงจิ่นเบา ๆ เนื่องจากควบคุมแรงไม่ดี มือหนักไปหน่อย มู่หรงจิ่นจึงร้อง ‘อ๊า’ ขึ้นมาทันที น้ำเสียงหวานฉ่ำทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสะท้าน“เสี่ยวจวี๋ เจ้าเบามือหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว”มู่หรงจิ่นยังไม่รู้ว่าที่อยู่เบื้องหลังคือฉินอวิ๋นฟานจึงพูดด้วยความขุ่นเคืองผิวเนียนนุ่มปานเด็กทารก บอบบางน่าถนอม รวมถึงกลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวนางยิ่งทำให้คนลุ่มหลงภาพจากบนลงล่างอยู่ในคลองจักษุทั้งหมด ภาพขาวหิมะวับ ๆ แวม ๆ ที่ช่วยให้คนเลือดกำเดาไ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 7

    “รัชทายาท ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้ากับคุณหนูยังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย!”เสี่ยวจวี๋ปกป้องนายโดยไม่สนใจเนื้อตัวเปียกปอนของตัวเอง ขวางอยู่หน้ามู่หรงจิ่นโดยตรงเดิมถังอาบน้ำทำขึ้นสำหรับสองคน ยามนี้อยู่ในนั้นสามคนจึงดูคับแคบทันที เสี่ยวจวี๋ที่อยู่ตรงกลางแทบจะตัวติดกับฉินอวิ๋นฟานแล้วครั้นเสี่ยวจวี๋แช่ตัวอยู่ในนั้น ชุดกระโปรงผ้าโปร่งแนบตัว กล้ามหน้าอกอวบอั๋นฟูขึ้นมาเรื่อย ๆ จนจะทิ่มหน้าฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว เช่นนี้ใครจะไปอดใจไหว?“เรื่องนี้ยังมีอะไรต้องเตรียมตัวอีก? ยิ่งคาดไม่ถึงยิ่งเร้าใจ”ฉินอวิ๋นฟานคว้ากระโปรงของเสี่ยวจวี๋แล้วกระชากแรง ๆ เรือนร่างขาวสะอาดดังหยกปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในบัดดล เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป หัวใจของสองนางจึงเต้นเร็วมากขึ้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงชัดเจนกว่าเดิมเวลานี้อะดรีนาลีนที่ไตของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ด ท้องน้อยร้อนรุ่มหนัก ความต้องการปราบพยศอันแรงกล้ากำลังกระตุ้นสมองของเขา“ไม่ อย่านะ!”เสี่ยวจวี๋หวีดร้องและขัดขืนอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้ามู่หรงจิ่น ยิ่งนางร้องมากเท่าไร ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก ภายใต้มืออันมีกำลังพละกำลังของเขา สองนางมิอาจขัดขืนได้เลย ต้องปล่อ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 8

    “เฮ่อชินอ๋องฉินอ้าว? เสด็จอาของข้าหรือ?” ฉินอวิ๋นฟานต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นี้อยู่แล้ว เขาคืออนุชาลำดับที่สิบสามของอดีตฮ่องเต้ คือผู้ที่ทำตัวไม่โดดเด่นที่สุด แทบจะไม่ยุ่งงานราชกิจเลย ขณะอดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ เขาคือผู้พิทักษ์ที่ภักดีที่สุดของอดีตฮ่องเต้หลังจากอดีตฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เขาถอยไปอยู่เบื้องหลัง ใช้ชีวิตปลดเกษียณ“ถ้าข้าจำไม่ผิด ยี่สิบปีก่อนถังเจิ้นไห่น่าจะเป็นรองแม่ทัพคนหนึ่งในกระโจมของเฮ่อชินอ๋อง ถ้าบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ข้าไม่เชื่อหรอก”อู่จ้านกล่าวอย่างหนักแน่น“อื่ม! เป็นข้า ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”คงเพราะการจัดระเบียบขั้วอิทธิพลในเวลานี้ หัวของฉินอวิ๋นฟานจึงแทบจะระเบิด ทางแจ้งมีสองใหญ่ ทางลับยังมีผู้แข็งแกร่งน่ากลัวอีกคนหนึ่งฉินอวิ๋นฟานถาม “แล้วพวกเราเล่า?”“หือ...พวกเรา?”อู่จ้านส่ายหน้าด้วยความจนใจ เอ่ย “พวกเราไม่มีอะไรเลย ไร้รากฐาน ไร้ความสามารถ ได้แต่พึ่งพาตัวเองแล้ว”“แย่ แย่เช่นนี้เชียวหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก นี่มันจะทุเรศไปแล้วมั้ง? เป็นถึงรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน แต่ไม่มีคนสนับสนุนเลยเนี่ยนะ?“ท่านคิดว่าอย่างไรเล

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 9

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์ของเจ้าจึงตั้งชื่อนี้ให้?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“หือ? ชื่อก็เป็นแค่สิ่งเรียกแทนไม่ใช่หรือ? ข้าติดตามอาจารย์สามสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน หรือว่าเจ้าจะรู้เหตุผลของชื่อ?”หลู่หนีถามอย่างไม่เข้าใจในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบศิษย์เด่นล้ำของหลู่กง หลู่หนีย่อมมีคุณสมบัติสามารถผยองได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวหรือว่าชื่อเสียงของอาจารย์ มันทำให้เขาเดินเบ่งในแคว้นใหญ่ ๆ ได้แบบไม่เป็นปัญหาแต่เขาย่อมไม่กล้าโอหังกับเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์“หนีก็คือดิน บ่งบอกว่าหลู่กงคาดหวังกับเจ้ามาก หวังว่าต่อไปเจ้าจะยืนได้อย่างมั่นคง พยายามสร้างสรรค์ แล้วเจ้าเล่า?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “งานฝีมือ เครื่องสำริดและกระบี่พกมากมายเหล่านี้ มีชิ้นไหนบ้างที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากอาจารย์เจ้า? มีชิ้นไหนบ้างที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นเอง? มีหรือไม่?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาหลู่หนีใบ้รับประทาน งานฝีมืออันประณีตคือคุณสมบัติที่เขาภูมิใจ ทว่าถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานแทงใจดำเขาโดยตรงหลู่หนีมองการจัดวางในร้าน ดวงตาหมองไปอย่างไม่มีสาเหตุเฉินม่อกับอู่จ้านเห็นดังนั้นตกตะลึงถึงที่สุด รัชท

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 10

    “รัชทายาท นี่ก็คือหน้าไม้ที่ให้ข้าทำหรือ? เสียเวลาข้าจริง ๆ เลย!”ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลู่หนีก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว ในมือถือหน้าไม้ประณีตที่เพิ่งทำเสร็จ เขามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นว่าเจ้าของสิ่งนี้จะมีความวิเศษวิโสอันใด“งั้น ๆ หรือ? ลองดูก็รู้แล้วนี่? เห็นป้ายภัตตาคารต้าเฉียนประมาณสองร้อยเมตรนั่นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานชี้ไปที่ป้ายร้านไกล ๆ พลางยิ้มพูดราบเรียบเขารับหน้าไม้มา วางลูกศรที่พกติดตัวมาแต่แรกไว้ตรงแล่ง มันแนบสนิทกับร่อง ต้องยอมรับแล้วว่าฝีมือของหลู่หนีละเอียดมากจริง ๆ“รัชทายาท นี่ นี่จะยิงป้ายร้านนั่นหรือ?”เฉินม่อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก สีหน้ามั่นใจ ในความทรงจำเดิม การยิงธนูในสมัยโบราณปกติแล้วจะยิงได้ในระยะประมาณร้อยยี่สิบเมตร ถ้าเป็นธนูชั้นดีและเป็นผู้ที่มีกำลังมาก จะยิงได้ประมาณร้อยเจ็ดสิบแปดสิบเมตรแต่ธนูมีจุดอ่อนที่แย่มากอย่างหนึ่ง ยิ่งระยะทางไกล พลังการโจมตีก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นระยะสองร้อยเมตรอยู่เหนือระยะการโจมตีสูงสุดแล้ว“รัชทายาทจะวู่วามไม่ได้นะขอรับ เวลานี้เป็นช่วงที่คนพลุกพล่านที่สุด ภัตตาคารต้าเฉียนไกลเกิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 11

    “หานซิ่น? น่าสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแฮะ!”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย แสดงสีหน้าเหนือคาด หานซิ่นในโลกคู่ขนานกับหานซิ่นในประวัติศาสตร์คล้ายกันจนน่าทึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหานซิ่นคนนี้จะต่างกับเทพนักรบหานซิ่นในประวัติศาสตร์มากหรือไม่แต่ในสมัยที่เกียรติสำคัญกว่าชีวิต คนที่รับความอัปยศใต้หว่างขาได้คงมีอยู่แค่คนเดียวแล้ว“เสี่ยวฟาน เจ้าสนใจคนผู้นี้หรือ?”อู่จ้านถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“ยังไง ท่านรู้จักคนที่ชื่อหานซิ่นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถาม“หานซิ่นผู้นี้ยากจนข้นแค้น เจอกับอุปสรรคทั้งชีวิต แต่เขามีจุดเด่นที่สุดคือชอบตำราทหาร เขาอดข้าวสามวันเพื่อเอาเงินมาซื้อตำราทหารได้ แล้วยังถึงขั้นว่าคลั่งไคล้เอามาก ๆ ด้วย”อู่จ้านกล่าวทันที “เพราะอย่างนี้คนผู้นี้จึงมีนิสัยอ่อนเปียก ทั้งยังรักการอ่านตำราทหาร ดังนั้นทุกคนจึงชอบรังแกเขา แต่เขามักยิ้มน้อย ๆ ตอบเสมอ วันนี้ที่ถูกคนขายเนื้อหาเรื่องก็คงเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ”“ไม่เลว ข้าชอบเขา!”ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือไม่ ฉินอวิ๋นฟานประทับใจต่อหานซิ่นมากด้วยความรู้สึก หานซิ่นในสมัยโบราณคือเทพนักรบแห่งยุคที่ฝังลึกอยู่ในใจคน แต่ที่น่า

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 12

    คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ากลางมวลชน!หลัวเหิงมองฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เห็นเขาไม่เหมือนล้อเล่นจึงเอ่ยปากถาม “ค่ายทานหลางมีทหารทั้งหมดสามพันคน เบี้ยหวัดครึ่งปีไม่ใช่น้อย ๆ นะ”“ถึงท่านจะเป็นรัชทายาทก็คงไม่มีอำนาจก้าวก่ายกรมคลังให้จ่ายเบี้ยหวัดกระมัง? เพราะกรมคลังอยู่ในการดูแลขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง”“ไป ตามข้าเข้าวัง รับเบี้ยหวัด!”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดไร้สาระอีก ถ้าอยากดึงค่ายทานหลางเข้าพวกจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของพวกเขาก่อน สำหรับเรื่องอื่น คงได้แต่รอให้จบเรื่องนี้แล้วค่อยว่ากัน“เอ่อ...”หลัวเหิงตะลึงงัน มองอู่จ้านแบบประหลาดใจเล็ก ๆ เพราะอู่จ้านไม่เพียงแต่เคยเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา ยังเป็นคนที่เขาเชื่อที่สุดด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอดีตหัวหน้าของเขา“ไป ไปเอาเบี้ยหวัด!”อู่จ้านตบบ่าของหลัวเหิง ทั้งสองตามไปเดี๋ยวนั้น!ไม่น่าพวกเขาก็มาถึงกรมคลัง สถานที่ดูเรื่องเงินของต้าเฉียน“เอ๋ นี่ไม่ใช่รัชทายาทฉินอวิ๋นฟานของต้าเฉียนเราหรือ? ลมอะไรหอบท่านมาได้เนี่ย?”พอเห็นพวกฉินอวิ๋นฟานมา ชายอ้วนตุ๊ต๊ะอายุสามสิบกว่าและมีไฝอยู่เหนือปากก็รีบมาต้อนรับ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1062

    ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1061

    การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1060

    “ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1059

    เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1058

    ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1057

    สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1056

    “พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1055

    ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1054

    การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status