Share

บทที่ 7

Author: เมิ่งซานเชียน
“รัชทายาท ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้ากับคุณหนูยังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย!”

เสี่ยวจวี๋ปกป้องนายโดยไม่สนใจเนื้อตัวเปียกปอนของตัวเอง ขวางอยู่หน้ามู่หรงจิ่นโดยตรง

เดิมถังอาบน้ำทำขึ้นสำหรับสองคน ยามนี้อยู่ในนั้นสามคนจึงดูคับแคบทันที เสี่ยวจวี๋ที่อยู่ตรงกลางแทบจะตัวติดกับฉินอวิ๋นฟานแล้ว

ครั้นเสี่ยวจวี๋แช่ตัวอยู่ในนั้น ชุดกระโปรงผ้าโปร่งแนบตัว กล้ามหน้าอกอวบอั๋นฟูขึ้นมาเรื่อย ๆ จนจะทิ่มหน้าฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว เช่นนี้ใครจะไปอดใจไหว?

“เรื่องนี้ยังมีอะไรต้องเตรียมตัวอีก? ยิ่งคาดไม่ถึงยิ่งเร้าใจ”

ฉินอวิ๋นฟานคว้ากระโปรงของเสี่ยวจวี๋แล้วกระชากแรง ๆ เรือนร่างขาวสะอาดดังหยกปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในบัดดล เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป หัวใจของสองนางจึงเต้นเร็วมากขึ้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงชัดเจนกว่าเดิม

เวลานี้อะดรีนาลีนที่ไตของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ด ท้องน้อยร้อนรุ่มหนัก ความต้องการปราบพยศอันแรงกล้ากำลังกระตุ้นสมองของเขา

“ไม่ อย่านะ!”

เสี่ยวจวี๋หวีดร้องและขัดขืนอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้ามู่หรงจิ่น ยิ่งนางร้องมากเท่าไร ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก ภายใต้มืออันมีกำลังพละกำลังของเขา สองนางมิอาจขัดขืนได้เลย ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเหิมเกริมลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างอย่างจำยอม

“ปากว่าอย่า ๆ แต่ร่างกายซื่อตรงดีนี่!”

ฉินอวิ๋นฟานเห็นท่าทางอยากขัดขืนแต่ความจริงกลับยินดีต้อนรับของทั้งสอง มือทั้งคู่จึงเหิมกำเริบเสิบสานมากกว่าเดิม

ด้วยการลูบไล้อันหยาบกระด้างของมือฉินอวิ๋นฟานที่กำแหงมากขึ้น พวกนางเช่นกระดาษขาว ไหนเลยจะผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน? จึงต้านทานการบุกของฉินอวิ๋นฟานไม่ไหว

อืม...

ช่วงเวลานี้ พวกนางส่งเสียงหายใจหนักออกมาระยะหนึ่ง จากนั้นร่างกายของทั้งสองก็อ่อนระทวยโดยสมบูรณ์ ล้มอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของฉินอวิ๋นฟาน ไม่ดิ้นรนขัดขืนใด ๆ อีก

ฉินอวิ๋นฟานโต้รุ่ง กระทั่งฟ้าสางแล้วเพิ่งจะบรรเลงเพลงรักของคืนนี้จบอย่างลำบาก

สองดรุณีสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงนานแล้ว เนื่องจากอ่อนเพลียเกินไปจึงหลับปุ๋ยไปเลย

“คิดไม่ถึงว่ามู่หรงจิ่นยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ ดูท่านางยังรู้จักการวางตัวมีขอบเขต การจะมีใจให้อัจฉริยะถือว่าปกติ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่สมัครใจแต่งกับคนโง่อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่หรงจิ่นที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างนี้”

สีแดงสองวงบนเตียงเป็นเครื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกนาง ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่เอาความอีก เด็ดดวงขนาดนี้ เขาไม่เพียงแต่ได้ตัวของพวกนาง แต่อนาคตยังต้องได้ใจของพวกนางด้วย

ฉินอวิ๋นฟานทิ้งกระดาษไว้แผ่นหนึ่ง สวมเสื้อผ้าสะอาดและย่างเท้าออกจากห้องนอน

ในห้องหนังสือตำหนักรัชทายาท!

“เสี่ยวฟาน เจ้า เจ้าไม่ทึ่มแล้วจริง ๆ หรือ? กลับเป็นปกติแล้วจริงหรือ?”

หน้าโต๊ะหนังสือ ชายอายุสี่สิบต้น ๆ น้ำตาคลอ ถามด้วยความตื่นเต้นที่สุด

“อาจ้าน ข้าหายดีแล้วจริง ๆ สิบกว่าปีมานี้ลำบากท่านแล้ว”

ฉินอวิ๋นฟานรีบเดินขึ้นหน้า โค้งต่ำคำนับให้ชายตรงหน้าที่ชื่อว่าอู่จ้านทีหนึ่ง จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที โขกศีรษะหนหนึ่ง!

ในความทรงจำเดิมของฉินอวิ๋นฟาน อู่จ้านอยู่ข้างกายปกป้องเขาแต่เล็ก เห็นว่าอู่จ้านเป็นองครักษ์ที่มารดาพามาจากแคว้นต้าเหลียงและได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากมารดาเขาที่สุด

เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของเขา จึงต้องให้อีกฝ่ายลดตัวเป็นพ่อบ้านของตัวเอง จัดการงานในชีวิตประจำวัน ครั้นอยู่ก็ล่วงเลยมาสิบกว่าปี แม้มารดาจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังคอยปกป้องด้วยชีวิต ไม่เคยหวั่นไหว

เกิดอยู่ในตระกูลราชา หากไม่มีคนจงรักภักดีคอยช่วยเหลือ เขาที่เป็นรัชทายาทก็คงม่องเท่งไปนานแล้ว ดังนั้นอู่จ้านคู่ควรให้เขาคุกเข่าให้

“รัช รัชทายาท ไม่ได้นะขอรับ ข้ามีคุณงามความดีอะไรถึงให้รัชทายาทคุกเข่ากราบได้? ท่านกำลังทำให้ข้าอายุสั้นอยู่นะขอรับ”

อู่จ้านรีบเดินเข้าไปประคองฉินอวิ๋นฟานลุกขึ้น เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉินอวิ๋นฟานในวันนี้แล้ว เขาก็เกิดความรู้สึกตื้นตันอย่างที่พูดไม่ออก

“ถ้าไม่มีอาจ้าน ข้าคงถูกพวกคนใจโฉดเหล่านั้นทำให้ตายนานแล้ว”

ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูดด้วยหัวใจขื่นขม “บัดนี้ข้าหายเป็นปกติแล้ว รั้งตำแหน่งรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดิน แต่ศึกแข่งบัลลังก์เข้าขั้นรุนแรง สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อข้ามาก ดังนั้น อาจ้านโปรดไขข้อข้องใจ วิเคราะห์สถานการณ์ให้ข้าด้วยเถิด”

ฉินอวิ๋นฟานไม่เย่อหยิ่ง ไม่ร้อนรน ท่าทีอ่อนน้อมรับการชี้แนะอย่างถ่อมตน

เฉินม่อสบตากับอู่จ้านทีหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง เมื่อวานได้เห็นความแข็งกร้าวและฝีมือของรัชทายาทแล้ว เวลานี้ยังขอคำชี้แนะจากเขาด้วยท่าทีอ่อนน้อมเช่นนี้อีก

นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะ

อู่จ้านตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเป็นคนแข็งกร้าว ความสามารถน่าทึ่ง ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในคนหนุ่มแคว้นต้าเฉียนเลยทีเดียว”

“เบื้องหลังของเขามาจากตระกูลฮั่ว ตระกูลแม่ทัพชื่อดังในศตวรรษ ตระกูลฮั่วเป็นทหารทุกรุ่น มีตำแหน่งสูงส่ง มีคนตระกูลสายหลักอยู่ในกองทัพมากมาย ฮั่วเจิ้นหลงแม่ทัพฝ่ายซ้ายระดับหนึ่งชั้นเอกคือพ่อตาของเขา เรียกได้ว่ามีอำนาจมากในราชสำนัก”

“องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยเชี่ยวชาญการใช้ลูกไม้ วางแผน พร้อมกันนั้นยังเป็นคนที่มากด้วยความรู้ หากกล่าวถึงสติปัญญาจัดเป็นอันดับหนึ่งของเหล่าองค์ชายจริงแท้ คนรุ่นเยาว์ของต้าเฉียนที่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้มีอยู่แค่ไม่กี่คน”

“เบื้องหลังหลักของเขามาจากตระกูลเหอ ตระกูลเหอคือตระกูลใหญ่โบราณที่มีฐานมั่นคงอยู่ในต้าเฉียนสามศตวรรษ ศักยภาพรากฐานล้ำลึกยากจะคาดเดา มีศิษย์และผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ทั่วราชสำนัก หูหมิงชิงแห่งกรมอาญาก็คือศิษย์ของผู้เฒ่าเหอนั่นแหละ”

“บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเหอรุ่นก่อนออกเรือนกับอดีตฮ่องเต้ ได้ยศเป็นเหอกุ้ยเฟย รั้งตำแหน่งผู้นำในบรรดากุ้ยเฟย ตอนนี้บุตรสาวแก้วตาของตระกูลเหอรุ่นใหม่ออกเรือนกับองค์ชายรอง เรียกได้ว่าตระกูลเหอมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองกับราชวงศ์แน่นแฟ้น”

“พวกเขาสองคนต่างมีความสามารถเหนือคน มีเบื้องหลังลึกอย่างที่มิอาจคาดเดา ในศึกชิงบัลลังก์ พวกเขามีโอกาสมากที่สุด แต่...”

“แต่อะไรหรือ?”

ครั้นเห็นอาจ้านขมวดคิ้ว ฉินอวิ๋นฟานก็อดอยากรู้ไม่ได้ พวกเขาต่างมีเบื้องหลังน่ากลัวเช่นนี้ หรือว่ายังมีอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าหรือ?

“องค์ชายองค์อื่นแทบไม่มีโอกาสชิงเลย แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ข้ามักรู้สึกว่าต่างออกไป!”

อู่จ้านกล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย

“ใครหรือ?”

“องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่าง!”

ขณะได้ยินชื่อนี้ ฉินอวิ๋นฟานไม่มีความทรงจำเลย ในความทรงจำของเขา ชื่อนี้แทบไม่เคยปรากฏ คนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเช่นนี้กลับทำให้อาจ้านหวั่นใจได้เพียงนี้เชียวหรือ?

“ไหนท่านลองว่ามาดูเถิด!”

ฉินอวิ๋นฟานใคร่รู้

“องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างเก็บตัวมาก ไม่ร่วมการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นใดในราชสำนัก แต่พ่อตาของเขาถังเจิ้นไห่คือแม่ทัพฝ่ายขวาระดับหนึ่งชั้นเอก แม้มีอิทธิพลไม่เท่าฮั่วเจิ้นหลงที่เป็นแม่ทัพฝ่ายซ้าย แต่ก็เป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งชั้นเอกขนานแท้ มีชื่อเสียงและอำนาจสูงมาก”

“ท่านต้องรู้นะ องค์ชายเก่ง ๆ มากมายอย่างนั้น แต่ทำไมถังเจิ้นไห่ถึงต้องให้ลูกสาวตัวเองออกเรือนกับคนที่ไม่เด่นดังด้วย?”

“ตามหลัก ด้วยฐานะและหน้าที่การงานของเขา องค์ชายที่อยากเกี่ยวดองเป็นญาติกับเขามากมีคณานับ เขาไม่มีเหตุผลที่จะเลือกองค์ชายหกที่เก็บตัว”

อยู่ในตระกูลจ้าวสิบกว่าปี มีแต่รู้เขารู้เราจึงจะอยู่ในช่องแคบเล็ก ๆ ได้ ถึงอู่จ้านจะเป็นทหารนามหนึ่ง กลับมีความคิดละเอียดรอบคอบ ปฏิภาณเหนือคน เชี่ยวชาญการสังเกตและการวิเคราะห์

และนี่ก็คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาคุ้มครองความปลอดภัยรัชทายาทฉินอวิ๋นฟานได้ตลอดสิบกว่าปี

“ท่านสันนิษฐานมีเหตุผล!”

ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย

ที่ภายนอกดูอันตรายไม่น่ากลัว เพราะเดากลยุทธ์รับมือได้ ทว่าศรคมที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับต่างหากที่น่ากลัวที่สุด ไม่ลงมือก็แล้วไป แต่หากลงมือเมื่อไรคือตายในการโจมตีเดียว

อู่จ้านขมวดคิ้วมุ่น “ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากที่ข้ารู้สึกว่าองค์ชายหกไม่ธรรมดา นั่นคือเป็นไปได้มากว่าเบื้องหลังที่แท้จริงของเขาจะเป็นเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวในรัชกาลปัจจุบัน!!!”

Related chapters

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 8

    “เฮ่อชินอ๋องฉินอ้าว? เสด็จอาของข้าหรือ?” ฉินอวิ๋นฟานต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นี้อยู่แล้ว เขาคืออนุชาลำดับที่สิบสามของอดีตฮ่องเต้ คือผู้ที่ทำตัวไม่โดดเด่นที่สุด แทบจะไม่ยุ่งงานราชกิจเลย ขณะอดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ เขาคือผู้พิทักษ์ที่ภักดีที่สุดของอดีตฮ่องเต้หลังจากอดีตฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เขาถอยไปอยู่เบื้องหลัง ใช้ชีวิตปลดเกษียณ“ถ้าข้าจำไม่ผิด ยี่สิบปีก่อนถังเจิ้นไห่น่าจะเป็นรองแม่ทัพคนหนึ่งในกระโจมของเฮ่อชินอ๋อง ถ้าบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ข้าไม่เชื่อหรอก”อู่จ้านกล่าวอย่างหนักแน่น“อื่ม! เป็นข้า ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”คงเพราะการจัดระเบียบขั้วอิทธิพลในเวลานี้ หัวของฉินอวิ๋นฟานจึงแทบจะระเบิด ทางแจ้งมีสองใหญ่ ทางลับยังมีผู้แข็งแกร่งน่ากลัวอีกคนหนึ่งฉินอวิ๋นฟานถาม “แล้วพวกเราเล่า?”“หือ...พวกเรา?”อู่จ้านส่ายหน้าด้วยความจนใจ เอ่ย “พวกเราไม่มีอะไรเลย ไร้รากฐาน ไร้ความสามารถ ได้แต่พึ่งพาตัวเองแล้ว”“แย่ แย่เช่นนี้เชียวหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก นี่มันจะทุเรศไปแล้วมั้ง? เป็นถึงรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน แต่ไม่มีคนสนับสนุนเลยเนี่ยนะ?“ท่านคิดว่าอย่างไรเล

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 9

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์ของเจ้าจึงตั้งชื่อนี้ให้?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“หือ? ชื่อก็เป็นแค่สิ่งเรียกแทนไม่ใช่หรือ? ข้าติดตามอาจารย์สามสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน หรือว่าเจ้าจะรู้เหตุผลของชื่อ?”หลู่หนีถามอย่างไม่เข้าใจในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบศิษย์เด่นล้ำของหลู่กง หลู่หนีย่อมมีคุณสมบัติสามารถผยองได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวหรือว่าชื่อเสียงของอาจารย์ มันทำให้เขาเดินเบ่งในแคว้นใหญ่ ๆ ได้แบบไม่เป็นปัญหาแต่เขาย่อมไม่กล้าโอหังกับเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์“หนีก็คือดิน บ่งบอกว่าหลู่กงคาดหวังกับเจ้ามาก หวังว่าต่อไปเจ้าจะยืนได้อย่างมั่นคง พยายามสร้างสรรค์ แล้วเจ้าเล่า?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “งานฝีมือ เครื่องสำริดและกระบี่พกมากมายเหล่านี้ มีชิ้นไหนบ้างที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากอาจารย์เจ้า? มีชิ้นไหนบ้างที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นเอง? มีหรือไม่?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาหลู่หนีใบ้รับประทาน งานฝีมืออันประณีตคือคุณสมบัติที่เขาภูมิใจ ทว่าถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานแทงใจดำเขาโดยตรงหลู่หนีมองการจัดวางในร้าน ดวงตาหมองไปอย่างไม่มีสาเหตุเฉินม่อกับอู่จ้านเห็นดังนั้นตกตะลึงถึงที่สุด รัชท

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 10

    “รัชทายาท นี่ก็คือหน้าไม้ที่ให้ข้าทำหรือ? เสียเวลาข้าจริง ๆ เลย!”ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลู่หนีก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว ในมือถือหน้าไม้ประณีตที่เพิ่งทำเสร็จ เขามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นว่าเจ้าของสิ่งนี้จะมีความวิเศษวิโสอันใด“งั้น ๆ หรือ? ลองดูก็รู้แล้วนี่? เห็นป้ายภัตตาคารต้าเฉียนประมาณสองร้อยเมตรนั่นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานชี้ไปที่ป้ายร้านไกล ๆ พลางยิ้มพูดราบเรียบเขารับหน้าไม้มา วางลูกศรที่พกติดตัวมาแต่แรกไว้ตรงแล่ง มันแนบสนิทกับร่อง ต้องยอมรับแล้วว่าฝีมือของหลู่หนีละเอียดมากจริง ๆ“รัชทายาท นี่ นี่จะยิงป้ายร้านนั่นหรือ?”เฉินม่อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก สีหน้ามั่นใจ ในความทรงจำเดิม การยิงธนูในสมัยโบราณปกติแล้วจะยิงได้ในระยะประมาณร้อยยี่สิบเมตร ถ้าเป็นธนูชั้นดีและเป็นผู้ที่มีกำลังมาก จะยิงได้ประมาณร้อยเจ็ดสิบแปดสิบเมตรแต่ธนูมีจุดอ่อนที่แย่มากอย่างหนึ่ง ยิ่งระยะทางไกล พลังการโจมตีก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นระยะสองร้อยเมตรอยู่เหนือระยะการโจมตีสูงสุดแล้ว“รัชทายาทจะวู่วามไม่ได้นะขอรับ เวลานี้เป็นช่วงที่คนพลุกพล่านที่สุด ภัตตาคารต้าเฉียนไกลเกิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 11

    “หานซิ่น? น่าสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแฮะ!”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย แสดงสีหน้าเหนือคาด หานซิ่นในโลกคู่ขนานกับหานซิ่นในประวัติศาสตร์คล้ายกันจนน่าทึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหานซิ่นคนนี้จะต่างกับเทพนักรบหานซิ่นในประวัติศาสตร์มากหรือไม่แต่ในสมัยที่เกียรติสำคัญกว่าชีวิต คนที่รับความอัปยศใต้หว่างขาได้คงมีอยู่แค่คนเดียวแล้ว“เสี่ยวฟาน เจ้าสนใจคนผู้นี้หรือ?”อู่จ้านถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“ยังไง ท่านรู้จักคนที่ชื่อหานซิ่นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถาม“หานซิ่นผู้นี้ยากจนข้นแค้น เจอกับอุปสรรคทั้งชีวิต แต่เขามีจุดเด่นที่สุดคือชอบตำราทหาร เขาอดข้าวสามวันเพื่อเอาเงินมาซื้อตำราทหารได้ แล้วยังถึงขั้นว่าคลั่งไคล้เอามาก ๆ ด้วย”อู่จ้านกล่าวทันที “เพราะอย่างนี้คนผู้นี้จึงมีนิสัยอ่อนเปียก ทั้งยังรักการอ่านตำราทหาร ดังนั้นทุกคนจึงชอบรังแกเขา แต่เขามักยิ้มน้อย ๆ ตอบเสมอ วันนี้ที่ถูกคนขายเนื้อหาเรื่องก็คงเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ”“ไม่เลว ข้าชอบเขา!”ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือไม่ ฉินอวิ๋นฟานประทับใจต่อหานซิ่นมากด้วยความรู้สึก หานซิ่นในสมัยโบราณคือเทพนักรบแห่งยุคที่ฝังลึกอยู่ในใจคน แต่ที่น่า

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 12

    คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ากลางมวลชน!หลัวเหิงมองฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เห็นเขาไม่เหมือนล้อเล่นจึงเอ่ยปากถาม “ค่ายทานหลางมีทหารทั้งหมดสามพันคน เบี้ยหวัดครึ่งปีไม่ใช่น้อย ๆ นะ”“ถึงท่านจะเป็นรัชทายาทก็คงไม่มีอำนาจก้าวก่ายกรมคลังให้จ่ายเบี้ยหวัดกระมัง? เพราะกรมคลังอยู่ในการดูแลขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง”“ไป ตามข้าเข้าวัง รับเบี้ยหวัด!”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดไร้สาระอีก ถ้าอยากดึงค่ายทานหลางเข้าพวกจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของพวกเขาก่อน สำหรับเรื่องอื่น คงได้แต่รอให้จบเรื่องนี้แล้วค่อยว่ากัน“เอ่อ...”หลัวเหิงตะลึงงัน มองอู่จ้านแบบประหลาดใจเล็ก ๆ เพราะอู่จ้านไม่เพียงแต่เคยเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา ยังเป็นคนที่เขาเชื่อที่สุดด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอดีตหัวหน้าของเขา“ไป ไปเอาเบี้ยหวัด!”อู่จ้านตบบ่าของหลัวเหิง ทั้งสองตามไปเดี๋ยวนั้น!ไม่น่าพวกเขาก็มาถึงกรมคลัง สถานที่ดูเรื่องเงินของต้าเฉียน“เอ๋ นี่ไม่ใช่รัชทายาทฉินอวิ๋นฟานของต้าเฉียนเราหรือ? ลมอะไรหอบท่านมาได้เนี่ย?”พอเห็นพวกฉินอวิ๋นฟานมา ชายอ้วนตุ๊ต๊ะอายุสามสิบกว่าและมีไฝอยู่เหนือปากก็รีบมาต้อนรับ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 13

    “ยังไม่รีบขอบคุณรัชทายาทอีก!”อู่จ้านเห็นหลัวเหิงยังอึ้งอยู่จึงรีบเตือน“ขอบคุณพระคุณยิ่งใหญ่ของรัชทายาทมากขอรับ ข้าน้อยหลัวเหิงตัวแทนค่ายทานหลาง ขอสวามิภักดิ์แด่รัชทายาท จะจงรักภักดีจนตัวตาย!”ครั้นหลัวเหิงได้สติกลับคืนมาก็คุกเข่าลงทันที คำนับฉินอวิ๋นฟานแรง ๆ!ฉินอวิ๋นฟานประคองหลัวเหิงขึ้นมาและบอกว่า “คนที่ติดตามข้า ต่อไปก็คือพี่น้องบ้านเดียวกัน ขอเพียงข้าฉินอวิ๋นฟานยังมีหนึ่งเฮือกลมหายใจจะต้องไม่ให้เหล่าพี่น้องได้รับความอยุติธรรม ใครรังแกพวกเจ้าก็คือเป็นศัตรูกับข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะให้มันชดใช้อย่างแสนสาหัส”หลัวเหิงในเวลานี้ถูกมนต์เสน่ห์ของฉินอวิ๋นฟานสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว เวลานี้เขาเข้าใจสักที นานหลายปีอย่างนี้แล้วทำไมอู่จ้านยังคงจงรักภักดีต่อรัชทายาทรัชทายาทเช่นนี้ คู่ควรให้เหล่าพี่น้องทุ่มเทเพื่อเขา!“หานซิ่นเป็นทหารอัจฉริยะที่ข้ารับมาใหม่ ตอนนี้ข้าจะให้เขาเป็นกุนซือ พวกเจ้าร่วมมือกันดี ๆ พยายามทำให้ค่ายทานหลางแข็งแกร่ง เตรียมตัวทำงานใหญ่”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“น้อมรับคำสั่งรัชทายาท!”ตอนนี้หลัวเหิงเลื่อมใสฉินอวิ๋นฟานชนิดหมอบราบคาบแก้วแล้ว ย่อมทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง!“รัชทายาท..

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 14

    “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้าปล่อยข้านะ!”เห็นฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้แล้ว มู่หรงจิ่นก็ลนลาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่แผ่ออกมาจากตัวเขา มู่หรงจิ่นค่อนข้างขี้อาย ร่างกายอ่อนเปียกอยู่ในอ้อมอกของฉินอวิ๋นฟานแบบไม่รู้ตัว“ปล่อยเจ้าหรือ? เจ้าเห็นข้ายังเป็นไอ้โง่คนเมื่อก่อนที่เจ้าพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟังหรือยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ หันไปมองเสี่ยวจวี๋ที่ยังอึ้งอยู่ข้าง ๆ “ยังยืนทื่อทำอะไรอีก? รีบกลับตำหนักนอนสิ ข้าต้องการสนุกด้วยกัน!”ถึงเสี่ยวจวี๋จะไม่โดดเด่นเท่ามู่หรงจิ่น แต่ก็เป็นดรุณีวัยแรกแย้ม ผอมเพรียวสะโอดสะอง หน้าตาคมสัน เนื่องจากนางเกิดมาก็มีชะตาต้องรับใช้นาย แต่เล็กจนโตถูกกรอกความคิดที่ต้องทำตามเท่านั้นต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่ว่านางจะน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ได้แต่อดทน เพราะผู้ชายตรงหน้าคือรัชทายาทผู้อยู่ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน แถมยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ลำดับต่อไปของต้าเฉียน นางที่เป็นสาวใช้เช่นนี้ได้แต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น“หา อ้อ!”เสี่ยวจวี๋ตระหนักได้แล้วว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่เป็นสาวใช้ นางไม่มีสิทธิ์เลือก รัชทายาทแข็งกร้าว นางได้แต่ยอมปรนนิบัต

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 15

    นัดหมายสามวันพริบตาเดียวก็มาถึง เรื่องเกี่ยวพันถึงตัวเลือกผู้จะได้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียน และคล้ายเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของทุกคน บรรดาขุนนางใหญ่ทั้งหมดในต้าเฉียนมาชุมนุมกันอยู่ที่ตำหนักว่านฉงแต่เช้าแล้วไท่เว่ยจางเต้าหลินที่พักครึ่งปีเต็ม ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ในราชสำนักแบบมหัศจรรย์ด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประลองคราวนี้ในใจทุกคนเมื่อฉินอวิ๋นฟานย่างเท้าเข้าตำหนักใหญ่ก็ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด เสายักษ์สูงชะลูดแปดต้นอลังการอย่างยิ่ง บนนั้นแกะสลักมังกรสีทองคำตัวมหึมาที่ราวกับมีชีวิตแปดตัว สง่างามน่าเกรงขาม ให้คนรู้สึกเหมือนมีความกดดันจากทวยเทพอย่างยิ่งตำหนักใหญ่มาก บรรจุได้สามร้อยกว่าคน ภาพแกะสลักวิจิตรทองอร่ามอยู่ถ้วนทั่ว หรูหราปานวิมานเซียน!ครั้นดึงสติกลับมา ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองรอบหนึ่ง ตรงกลางตำหนักใหญ่มีขุนนางใหญ่สำคัญยืนอยู่สองฟากฝั่งร้อยกว่าคน เช่นเดียวกัน ทุกสายตาต่างจับจดอยู่ที่ตัวของเขาด้วย“อ้าว นี่น้องเจ็ดไม่ใช่หรือ? หลายปีขนาดนี้ ในที่สุดเจ้าก็หวนคืนราชสำนักเป็นปกติสักที ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าจะนำการแสดงตลกอะไรมาให้พวกเราสิน่า? ชวนให้คนอยากรู้จริง ๆ

Latest chapter

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1062

    ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1061

    การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1060

    “ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1059

    เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1058

    ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1057

    สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1056

    “พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1055

    ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1054

    การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status