แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: เมิ่งซานเชียน
“ยังไม่รีบขอบคุณรัชทายาทอีก!”

อู่จ้านเห็นหลัวเหิงยังอึ้งอยู่จึงรีบเตือน

“ขอบคุณพระคุณยิ่งใหญ่ของรัชทายาทมากขอรับ ข้าน้อยหลัวเหิงตัวแทนค่ายทานหลาง ขอสวามิภักดิ์แด่รัชทายาท จะจงรักภักดีจนตัวตาย!”

ครั้นหลัวเหิงได้สติกลับคืนมาก็คุกเข่าลงทันที คำนับฉินอวิ๋นฟานแรง ๆ!

ฉินอวิ๋นฟานประคองหลัวเหิงขึ้นมาและบอกว่า “คนที่ติดตามข้า ต่อไปก็คือพี่น้องบ้านเดียวกัน ขอเพียงข้าฉินอวิ๋นฟานยังมีหนึ่งเฮือกลมหายใจจะต้องไม่ให้เหล่าพี่น้องได้รับความอยุติธรรม ใครรังแกพวกเจ้าก็คือเป็นศัตรูกับข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะให้มันชดใช้อย่างแสนสาหัส”

หลัวเหิงในเวลานี้ถูกมนต์เสน่ห์ของฉินอวิ๋นฟานสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว เวลานี้เขาเข้าใจสักที นานหลายปีอย่างนี้แล้วทำไมอู่จ้านยังคงจงรักภักดีต่อรัชทายาท

รัชทายาทเช่นนี้ คู่ควรให้เหล่าพี่น้องทุ่มเทเพื่อเขา!

“หานซิ่นเป็นทหารอัจฉริยะที่ข้ารับมาใหม่ ตอนนี้ข้าจะให้เขาเป็นกุนซือ พวกเจ้าร่วมมือกันดี ๆ พยายามทำให้ค่ายทานหลางแข็งแกร่ง เตรียมตัวทำงานใหญ่”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“น้อมรับคำสั่งรัชทายาท!”

ตอนนี้หลัวเหิงเลื่อมใสฉินอวิ๋นฟานชนิดหมอบราบคาบแก้วแล้ว ย่อมทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง!

“รัชทายาท...ท่านเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ”

หานซิ่นในชุดซอมซ่อปุปะกรอบตาแดง โชคดีแค่ไหนที่ได้พบนายผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ไม่มีการถามใด ๆ ไม่มีข้อสงสัย เชื่อเขาสนิทใจ รัชทายาทเช่นนี้ทำให้เขาประทับใจจากก้นบึ้งหัวใจ

“ข้าใช้คนไม่เคยระแวงมาก่อน หากระแวงจะไม่ใช้ หนึ่งทรยศไม่ใช่ชั่วชีวิต นี่คือการให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง และให้โอกาสข้าเองหนึ่งครั้งด้วย”

ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าของหานซิ่นและพูดว่า “ข้ามอบเวทีให้เจ้าแล้ว แสดงความสามารถบันลือโลกของเจ้าให้ข้าได้เห็นหน่อยเถิด หากมีความลำบากอะไรก็มาหาข้าโดยตรงก็พอ!”

หานซิ่นคุกเข่าลงตุบอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน กล่าวอย่างจริงจัง “หานซิ่นขอปฏิญาณว่าจะภักดีต่อรัชทายาท ชาตินี้ไม่เสียใจขอรับ!”

......

หลัวเหิงนำเงินแสนกว่าตำลึงกลับค่ายทานหลางพร้อมหานซิ่น ค่ายทานหลางดีใจลิงโลดกันยกใหญ่ ประทับใจกับการกระทำอันมีเมตตาละมีคุณธรรมของรัชทายาทอย่างยิ่ง!

ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานกลับถึงตำหนักรัชทายาทแล้ว เขาเดินตรงไปถึงตำหนักปีก หลู่หนีกลับพาลูกศิษย์มารออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นฉินอวิ๋นฟานก็รีบค้อมตัวต้อนรับ

“หลู่หนี ในเมื่อเจ้าเข้าร่วมกับข้าแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำสำคัญมาก ระหว่างเราสำเร็จร่วมกัน หากเล็ดลอดออกไปจะต้องจ่ายในราคามหาศาลแค่ไหนเจ้าน่าจะรู้ดี”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเข้ม

“รัชทายาทโปรดวางใจ เกี่ยวพันกับส่วนรวม ข้าย่อมรู้จักพอดี”

หลู่หนีไม่หยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่เอ่ยอย่างจริงจัง “ในเมื่อเลือกเข้าร่วมฝ่ายรัชทายาท ข้าขอรับประกันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี จะภักดีต่อรัชทายาท ร่วมกันสู่ความยิ่งใหญ่แน่นอน!”

มีคำพูดนี้ของหลู่หนี ฉินอวิ๋นฟานวางใจได้แล้ว เขาล้วงภาพวาดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางตรงหน้าหลู่หนี

“นี่ นี่คือ?”

หลู่หนีเมื่อเห็นภาพที่ละเอียดยิบ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นเล็กมาก ดูจะใหญ่เท่าฝ่ามือแล้วก็ทำเอามึนงงไปหมด

“ของสิ่งนี้เรียกว่าปืนสั้น เป็นสิ่งที่ไร้เทียมทานในการต่อสู้ระยะสั้น พลังการทำลายล้างสูงมาก เจ้าต้องตั้งใจให้ดี รักษาความลับให้ได้ อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก

“จริงหรือ?”

หลู่หนีตกตะลึงพรึงเพริด ของชิ้นเล็กอย่างนี้จะมีพลังทำลายล้างได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ? แต่เห็นรัชทายาทให้ความสำคัญเช่นนี้ เขาย่อมไม่กล้าละเลย

“จริงหรือไม่เจ้าทำออกมาก็รู้เอง ต้องให้เรียบร้อยในสามวัน ทำเสร็จแล้วก็มาหาข้าทันที ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นด้วยตัวเอง!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“รับทราบ!”

หลู่หนีไม่กล้าชักช้า สำหรับเขานี่คือความท้าทายใหม่ กับคนที่มีหัวใจช่างฝีมือ การสร้างของใหม่และล้ำยุคชิ้นแล้วชิ้นเล่าคือเกียรติในชีวิตของพวกเขา

ฉินอวิ๋นฟานไว้เนื้อเชื่อใจมอบโอกาสให้เขา เขาต้องถนอมมันสุดกำลังอยู่แล้ว

ครั้นมอบหมายงานทั้งหมดเรียบร้อย ฟ้าก็เริ่มค่ำแล้ว ฉินอวิ๋นฟานที่ยุ่งมาทั้งวันเริ่มอ่อนล้า เพิ่งกลับถึงตำหนักนอนก็เห็นมู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋นั่งซึมกะทือเหม่อลอยอยู่ในศาลาตรงลานบ้าน

ฉินอวิ๋นฟานยืนอยู่ตรงปากประตู มองสำรวจมู่หรงจิ่นบนล่าง เห็นเพียงนางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ รัดเอวด้วยเข็มขัดหยด เผยทรวดทรงองค์เอวของนางออกมาอย่างสมบูรณ์ งดงามปานนางฟ้าบนสวรรค์ที่ลงมาจุติ

ดวงตาดอกท้อคู่นั้นของนางใสสะอาดไร้สิ่งเจือปน หนึ่งเศร้าหมองหนึ่งแย้มยิ้มชวนให้หัวใจคนหวั่นไหว กอปรกับกระดูกไหปลาร้าขาวเนียนดังหยกขาวและต้นขาเรียวยาว แทบจะงดงามหยาดเยิ้มถึงที่สุด

เมื่อคืนแสงเทียนขมุกขมัวทำให้เขามองเห็นไม่ค่อยชัด ครั้นได้ยลโฉมหน้าเป็นหนึ่งของมู่หรงจิ่นอีกที ฉินอวิ๋นฟานก็ร้องว่าเพอร์เฟกต์เลย แม้จะเป็นดารากระจ่างในยามนี้ก็เทียบหนึ่งในสามส่วนของนางไม่ติด

“น้องหญิง ทำไมถึงเหม่อเล่า? กำลังคิดถึงข้าอยู่หรือ? หรือกำลังหวนคิดความเร่าร้อนเมื่อคืน?”

ฉินอวิ๋นฟานเดินเข้าหาเงียบ ๆ น้ำเสียงแฝงอารมณ์หยอกล้อ

มู่หรงจิ่นสะดุ้งตกใจทันที ดวงหน้าหมดจดแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน รีบรักษาระยะห่างกับฉินอวิ๋นฟานและเอ่ยเสียงหวานด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้ามันไร้ยางอาย!”

“ไร้ยางอายหรือ?”

คิดไม่ถึงว่ามู่หรงจิ่นที่ตะบึงตะบอนจะน่ารักปานนี้ ยั่วยวนปานนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงยิ้มร้ายพลางเอ่ย “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน เรื่องอย่างว่ามันพูดลำบากจริง ๆ นั่นแหละ แต่ที่นี่ก็ไม่มีใครสักหน่อย พูดได้ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ไม่รู้ว่าใครนะ เมื่อวานดูจะดื่มด่ำมากทีเดียว ไม่อย่างนั้นเราก็ไปศึกษาเชิงลึกกันหน่อยเป็นไง?”

“เจ้า เจ้า ต่อให้เจ้าได้ร่างกายข้าก็อย่าคิดว่าจะได้ใจข้า ฉินอวิ๋นฟาน ชาตินี้เจ้าอย่าคิดจะให้ข้ามู่หรงจิ่นปรนนิบัติด้วยความสมัครใจเลย!”

มู่หรงจิ่นกำหมัดแน่น ดวงหน้าสวยจ้องด้วยความโกรธ ในดวงตามีแต่ความแค้นเต็มประดา นางเห็นพรหมจรรย์ดั่งชีวิต แต่กลับถูกรัชทายาทโง่งมชิงไปง่าย ๆ นี่ทำให้นางปวดใจยิ่งนัก

“ไม่ได้ใจเจ้างั้นหรือ? คำพูดนี้เกรงว่าจะเร็วไปหน่อยกระมัง?”

ฉินอวิ๋นฟานท้า “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน นี่คือเรื่องที่เจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดชีวิต ข้าสามารถใช้สิทธิ์การเป็นสามีได้ทุกวัน แค่ข้าขยันพอ ทักษะและคุณภาพดีพอ ยังกลัวว่าจะไม่ได้ใจเจ้าหรือ?”

“เจ้า เจ้า เจ้าผีทะเล!”

มู่หรงจิ่นแพ้ให้กับความหน้าด้านของฉินอวิ๋นฟานโดยสิ้นเชิง นางทั้งอายทั้งโกรธอย่างหาที่เปรียบมิได้ก่อนจะพูดว่า “คิดไม่ถึง ข้ามู่หรงจิ่นจะต้องมาเสียตัวให้กับผีทะเลไร้ยางอายอย่างเจ้า ยังเป็นพี่จวิ้นที่ดี ถ้าเขาอยู่ จะต้องไม่หยาบคายเช่นนี้แน่ เทียบกับเขาแล้ว เจ้ามันไม่ใช่คน!”

ทันทีที่ได้ยินมู่หรงจิ่นพูดถึงเหลียงคังจวิ้นต่อหน้าเขา ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึงเดี๋ยวนั้น เรื่องต้องห้ามสำหรับผู้ชายก็คือมีสวนหญ้าเขียวขจีอยู่บนหัว[footnoteRef:1] จะร่างกายหรือจิตวิญญาณก็ไม่ได้ทั้งนั้น นี่มู่หรงจิ่นกำลังท้าทายเขาอย่างเปิดเผย [1: ในที่นี้หมายถึงมีชู้]

“ขี้เหล้าที่วัน ๆ เอาแต่ขับกลอนให้ท่า คู่ควรเอามาพูดเปรียบเทียบกับข้าหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น

มู่หรงจิ่นพูดดูถูก “เฮอะ แล้วจะยังไง? พี่จวิ้นมีความรู้การศึกษา ความสามารถเหนือคน เทียบกับพี่จวิ้นแล้วเจ้ามันไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น แม้แต่นิ้วเท้าเขานิ้วหนึ่งก็ยังเทียบไม่ติด นอกจะอิจฉา เจ้าก็ได้แต่อาละวาดแบบไม่มีปัญญาต่อหน้าข้า”

สำหรับการใช้วาจาถากถางของมู่หรงจิ่น ได้จุดชนวนไฟโทสะของฉินอวิ๋นฟานแล้ว

“ได้ เจ้าชอบแต่งกลอนมากไม่ใช่หรือ? วันนี้ข้าจะสอนเจ้าบนเตียงสักหน่อยว่าอะไรถึงจะเป็นกลอนที่แท้จริง ถ้าเจ้าฟังแล้วไม่ยอมรับ ข้าจะใช้แซ่ของเจ้าเลย!”

ฉินอวิ๋นฟานอุ้มร่างอ้อนแอ้นของมู่หรงจิ่นขึ้น ไม่ว่านางจะดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด นางยิ่งดิ้นฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก สาวเท้ายาวเข้าตำหนักนอน!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 14

    “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้าปล่อยข้านะ!”เห็นฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้แล้ว มู่หรงจิ่นก็ลนลาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่แผ่ออกมาจากตัวเขา มู่หรงจิ่นค่อนข้างขี้อาย ร่างกายอ่อนเปียกอยู่ในอ้อมอกของฉินอวิ๋นฟานแบบไม่รู้ตัว“ปล่อยเจ้าหรือ? เจ้าเห็นข้ายังเป็นไอ้โง่คนเมื่อก่อนที่เจ้าพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟังหรือยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ หันไปมองเสี่ยวจวี๋ที่ยังอึ้งอยู่ข้าง ๆ “ยังยืนทื่อทำอะไรอีก? รีบกลับตำหนักนอนสิ ข้าต้องการสนุกด้วยกัน!”ถึงเสี่ยวจวี๋จะไม่โดดเด่นเท่ามู่หรงจิ่น แต่ก็เป็นดรุณีวัยแรกแย้ม ผอมเพรียวสะโอดสะอง หน้าตาคมสัน เนื่องจากนางเกิดมาก็มีชะตาต้องรับใช้นาย แต่เล็กจนโตถูกกรอกความคิดที่ต้องทำตามเท่านั้นต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่ว่านางจะน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ได้แต่อดทน เพราะผู้ชายตรงหน้าคือรัชทายาทผู้อยู่ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน แถมยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ลำดับต่อไปของต้าเฉียน นางที่เป็นสาวใช้เช่นนี้ได้แต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น“หา อ้อ!”เสี่ยวจวี๋ตระหนักได้แล้วว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่เป็นสาวใช้ นางไม่มีสิทธิ์เลือก รัชทายาทแข็งกร้าว นางได้แต่ยอมปรนนิบัต

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 15

    นัดหมายสามวันพริบตาเดียวก็มาถึง เรื่องเกี่ยวพันถึงตัวเลือกผู้จะได้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียน และคล้ายเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของทุกคน บรรดาขุนนางใหญ่ทั้งหมดในต้าเฉียนมาชุมนุมกันอยู่ที่ตำหนักว่านฉงแต่เช้าแล้วไท่เว่ยจางเต้าหลินที่พักครึ่งปีเต็ม ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ในราชสำนักแบบมหัศจรรย์ด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประลองคราวนี้ในใจทุกคนเมื่อฉินอวิ๋นฟานย่างเท้าเข้าตำหนักใหญ่ก็ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด เสายักษ์สูงชะลูดแปดต้นอลังการอย่างยิ่ง บนนั้นแกะสลักมังกรสีทองคำตัวมหึมาที่ราวกับมีชีวิตแปดตัว สง่างามน่าเกรงขาม ให้คนรู้สึกเหมือนมีความกดดันจากทวยเทพอย่างยิ่งตำหนักใหญ่มาก บรรจุได้สามร้อยกว่าคน ภาพแกะสลักวิจิตรทองอร่ามอยู่ถ้วนทั่ว หรูหราปานวิมานเซียน!ครั้นดึงสติกลับมา ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองรอบหนึ่ง ตรงกลางตำหนักใหญ่มีขุนนางใหญ่สำคัญยืนอยู่สองฟากฝั่งร้อยกว่าคน เช่นเดียวกัน ทุกสายตาต่างจับจดอยู่ที่ตัวของเขาด้วย“อ้าว นี่น้องเจ็ดไม่ใช่หรือ? หลายปีขนาดนี้ ในที่สุดเจ้าก็หวนคืนราชสำนักเป็นปกติสักที ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าจะนำการแสดงตลกอะไรมาให้พวกเราสิน่า? ชวนให้คนอยากรู้จริง ๆ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 16

    เห็นเพียงสตรีนางหนึ่งในชุดกระโปรงผ้าไหมสีแดงสดสะดุดตา คอเสื้อต่ำมาก หน้าอกอวบอั๋นอุดมสมบูรณ์โดดเด่นที่สุด เนื่องจากสวมเครื่องประดับเงินอยู่ตรงคอหลายเส้น จึงทำให้ร่องลึกวับ ๆ แวม ๆ ชวนให้คนมองจนหลงใหลนางสวมผ้าปิดหน้าสีขาวผืนบาง คิ้วโก่งดังใบหลิว ดวงตาที่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าดอกท้อล่อลวงหัวใจคนอย่างยิ่ง ผิวพรรณขาวสะอาดเนียนนุ่มปานหิมะ แบ่งผมดำเกล้าสูงทรงหญิงงาม สวมกวานหงส์และผ้าคลุมไหล่ โดดเด่นชวนมอง งามวิไลพาลให้ใจคนหวั่นเหมือนเซียนบนสรวงสวรรค์ลงมาจุติ!ตลอดทางที่ผ่าน กลิ่นหอมขจรขจาย สายตาเฒ่าหัวงูมิอาจเคลื่อนออกจากร่างฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้เลย บางคนยังถึงขึ้นน้ำลายไหลแบบไม่รู้ตัว“สุดยอดดังคาด!”ทันทีที่ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวปรากฏ ฉินอวิ๋นฟานก็ถูกบรรยากาศน่าทึ่งรอบตัว รูปร่างสมบูรณ์แบบและการแต่งหน้าประณีตของนางดึงดูดอย่างหนักเหมือนกัน เป็นตัวตนที่ไม่ว่าจะอยู่งานไหนก็งามหยาดเยิ้มสะกดข่มมวลชนหากเทียบกับความงามของมู่หรงจิ่น ความงามของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวกลับพกพาความเย็นชา หยิ่งและอำนาจมาด้วย มีความเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ยั่วยวนแผ่ออกมาจากตัว คุณลักษณะสมบูรณ์แบบเช่นนี้รวมอยู่ในตัวฮ่อ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 17

    ครั้นฉินอวิ๋นฟานพูดออกมาก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ากลางตำหนักใหญ่ ชักนำความไม่พอใจของเหล่าขุนนางใหญ่!“รัชทายาท ที่นี่คือราชสำนัก ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านจะกำแหงได้ กรุณาระวังคำพูดของท่านด้วย ท่านไม่อยากรักษาหน้า แต่พวกเราแก่ ๆ นี่ยังต้องการอยู่”“นั่นสิ รัชทายาท พวกเราชมท่วงทำนองแห่งยุคของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวมีอะไรไม่เหมาะสมหรือ? อีกอย่าง พวกเราก็ไม่ได้ล่วงเกินท่านกระมัง เหตุใดต้องลบหลู่พวกเราด้วย?”“ต่อให้ท่านเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแต่จะกำเริบเสิบสานไม่ได้กระมัง? ไท่ซั่งหวงยังประทับอยู่เบื้องบน ท่านเพิ่งกลับมาเป็นปกติก็จะเป็นศัตรูกับทุกคน จะกำแหงไปแล้วกระมัง?”......เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทียโสและแววตาที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาและของฉินอวิ๋นฟาน ก็ทำเอาบรรดาขุนนางเดือดดาลด้วยจะผดุงคุณธรรม ไฟโทสะเต็มทรวง ใบหน้าชราอับอายจนแดงก่ำวันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งของราชวงศ์ต้าเฉียน ชะตาของทุกคนขึ้นอยู่กับวันนี้เจ้าก็แค่รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินหัวเดียวกระเทียมลีบ จะอยู่รอดเดินออกจากตำหนักนี้หรือไม่ยังอีกเรื่อง กลับกล้าโอหังเช่นนี้ มาถึงก็ล่วงเกินทุกคนในที่นี้รนหาที่ตายชัด ๆ!“น้องเจ็ด ฮ่อง

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 18

    “รนหาที่ตายหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น “ถึงตอนนั้นท่านก็รู้เองนั่นแหละ!”ในยุคปัจจุบัน เขาเป็นพวกเด็กเรียนดีสุดขั้ว มีคุณลักษณะทางร่างกายที่แกร่งมาก ดังนั้นจึงเลือกโรงเรียนทหาร และใช้คะแนนยอดเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นจัดการให้เข้าหน่วยความปลอดภัยระดับสูงสุดของชาติแบบลับ ๆ ด้วย!อย่าว่าแต่สมัยโบราณเลย แต่ให้เป็นสมัยปัจจุบันก็อยู่เหนือคนร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้า แค่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำนิดหน่อยก็ต่อกรกับพวกใช้แรงงานในสมัยโบราณแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของผลิตปืนสั้นเรียบร้อย ต่อกรกับพวกเขาแทบเป็นการลดมิติการต่อสู้เหมียวชิงอีขมวดคิ้วเอ่ย “รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานหรือ?”ในความทรงจำของนาง รัชทายาทต้าเฉียนเป็นคนโง่งมที่ชื่อว่าฉินอวิ๋นฟาน ปราศจากความรู้สึกมีตัวตนคิดไม่ถึงว่าเจอหน้าครั้งแรก ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่ไม่เหมือนโง่งม ยังจะแข็งกร้าวเช่นนี้ และบนตัวยังมีกลิ่นอายเผด็จการของราชันแผ่ออกมาด้วย!“ถูกต้อง ข้าก็คือฉินอวิ๋นฟาน!”ฉินอวิ๋นฟานยืนเอามือไพล่หลังเหมียวชิงอีมองประเมินฉินอวิ๋นฟานรอบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อรัชทายาทอดรนทนไม่ไหวแล้ว เ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 19

    “แม่ของเจ้าเป็นแค่สาวใช้ข้างห้องข้างตัวแม่เจ้ารองเท่านั้น นางได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมถือว่าอดีตฮ่องเต้ทรงพระเมตตามากแล้ว จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรอีกหรือ?”“ในหมู่องค์ชาย ฐานะของเจ้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุด ถ้าข้าอารมณ์ดีก็เรียกเจ้าว่าน้องแปด แต่ถ้าไม่ เจ้าก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งข้างเจ้ารอง เจ้าคุยใหญ่คุยโตหน้าด้าน ๆ ในราชสำนักได้ตั้งแต่เมื่อไร?”การประลองเพิ่งเริ่ม องค์ชายใหญ่ก็เข้าโหมดต่อสู้แล้ว ต่อหน้าองค์ชายแปดฉินอวิ๋นเซินผู้มีฐานะต้อยต่ำ เขาใช้ถ้อยคำเสียดแทงที่สุด พูดแทงใจดำองค์ชายแปดตรง ๆ“ท่าน ท่าน...”องค์ชายแปดโกรธจนหน้าเขียวปัด เขาในวัยเพียงสิบแปดเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหน เจอกับความใจดำและการหยามเหยียดลบหลู่ของพี่ใหญ่ ทำให้เขาอับอายจนเกิดเป็นโทสะ“น้องแปด!”องค์ชายรองหน้าตึงตบบ่าของฉินอวิ๋นเซิน ก่อนจะพูดปลอบว่า “เจ้าไม่ใช่คู่ปรับของเขา ถอยไปก่อน”“พี่ใหญ่พูดเกินไปแล้ว ถึงมารดาของน้องแปดจะมีฐานะต่ำต้อย หากเป็นโอรสแท้ ๆ ของเสด็จพ่อ ท่านกลับเปรียบเทียบเขากับสุนัข ขอถาม ท่านที่เป็นองค์ชายเหมือนกันดีไปกว่าสุนัขหรือ?”“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”องค์ชายใหญ่ต

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 20

    ฉินอวิ๋นฟานสองมือกอดอก มองการต่อสู้เข้มข้นระหว่างทั้งสองเงียบ ๆ และมองตรงฉากบังลมในตำหนักใหญ่เป็นระยะเมื่อก่อนเขาเห็นการต่อสู้ในราชสำนักจากหนังสือประวัติศาสตร์และละคร ตอนนี้ได้ประสบกับตัวเอง ทั้งยังไม่เข้าร่วมซะด้วย ได้อรรถรสอีกอย่างหนึ่งจริง ๆ“เพื่อไม่ให้ทุกท่านเสียเวลา ข้าจะเริ่มแต่งกลอนคู่ก่อนแล้วกัน ถ้าใครสามารถต่อให้จบได้ ก็ถือว่าข้าเหลียงคังจวิ้นแพ้ แต่ถ้าต่อไม่ได้ ก็ถือว่าข้าชนะ ไม่ทราบทุกท่านเห็นว่าอย่างไร?”เหลียงคังจวิ้นเดินไปอยู่ตรงกลางตำหนักเลย เปิดฉากการประลองด้านบุ๋นรอบแรก ท้าทายผู้เข้าร่วมแข่งขันโดยตรง!ซ่า...ครั้นสิ้นเสียง สถานที่แห่งนั้นก็อึกทึกครึกโครม เหลียงคังจวิ้นที่ขับกลอนกับผู้คนบ่อย ๆ ไม่เพียงแต่ข่มทับเหล่ายอดฝีมือ ทั้งยังเอาชนะด้วยคะแนนขาดลอย ชื่อเสียงระบือไกล กลอนที่เขาแต่งหากไม่ใช่ผลงานโดดเด่นน่าทึ่งถึงที่สุด ก็เรียกได้ว่าเป็นความยากระดับนรกการที่คนสามารถแต่งกลอนต่อจากเขาได้จะเพียงพอพิสูจน์ภูมิลึกซึ้งและรากฐานหยั่งลึกของเขา น่าเสียดาย ด้านการแต่งกลอนนี้ แทบไม่มีผู้ใดต่อกลอนจากเหลียงคังจวิ้นได้เลย! “นี่เจ้าพูดเองนะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอคำชี้แน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 21

    “กับอีแค่กลอนกระจอก มีอะไรยากกัน?”ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าประหลาดใจ ระดับวรรณกรรมในสมัยโบราณมันแค่นี้เองเหรอะ? ด้วยคลังกลอนโบราณของเขา พอเทียบกับผู้มีการศึกษาที่ว่าเหล่านี้มิใช่ชนะขาดลอยหรือ?“สามหาว!!!”“โอหัง!!!”“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!!!”......คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานชักนำโทสะมวลชน องค์ชายรองเป็นผู้มากสามารถที่ส่วนรวมยอมรับ เขายังแต่งกลอนที่เข้าคู่กับสุดยอดกลอนของเหลียงคังจวิ้นไม่ได้เลย แล้วเจ้าเป็นแค่ตัวโง่งมเอาอะไรมาคุยโม้?ต่อให้เจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นปกติแล้ว แต่การสั่งสมความรู้ด้านวรรณกรรมหรือจะทำได้ในเวลาอันสั้น?“ฟานเอ๋อร์ กลอนวรรคนี้วิเศษล้ำลึกนัก มีระดับสูงมาก เจ้าแน่ใจหรือว่าต่อวรรคถัดไปได้?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วกับเรื่องนี้เล็กน้อย แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์สูงเด่นในด้านวรรณกรรม กลับพอเข้าใจบ้าง ด้วยความเข้าใจของเขาต่อกลอนวรรคนี้ มันมีความยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์จริง ๆ กระทั่งเรียกได้ว่าที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะต่อได้“ทูลไท่ซั่งหวง!”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะต่อวรรค เหลียงคังจวิ้นกลับแทรกขึ้นมา เขายิ้มพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง “หลายปีมานี้มีใครไม่รู้บ้างว่ารัชทายาทไม

บทล่าสุด

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1062

    ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1061

    การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1060

    “ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1059

    เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1058

    ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1057

    สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1056

    “พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1055

    ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1054

    การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status