Share

บทที่ 14

Author: เมิ่งซานเชียน
“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้าปล่อยข้านะ!”

เห็นฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้แล้ว มู่หรงจิ่นก็ลนลาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่แผ่ออกมาจากตัวเขา มู่หรงจิ่นค่อนข้างขี้อาย ร่างกายอ่อนเปียกอยู่ในอ้อมอกของฉินอวิ๋นฟานแบบไม่รู้ตัว

“ปล่อยเจ้าหรือ? เจ้าเห็นข้ายังเป็นไอ้โง่คนเมื่อก่อนที่เจ้าพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟังหรือยังไง?”

ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ หันไปมองเสี่ยวจวี๋ที่ยังอึ้งอยู่ข้าง ๆ “ยังยืนทื่อทำอะไรอีก? รีบกลับตำหนักนอนสิ ข้าต้องการสนุกด้วยกัน!”

ถึงเสี่ยวจวี๋จะไม่โดดเด่นเท่ามู่หรงจิ่น แต่ก็เป็นดรุณีวัยแรกแย้ม ผอมเพรียวสะโอดสะอง หน้าตาคมสัน เนื่องจากนางเกิดมาก็มีชะตาต้องรับใช้นาย แต่เล็กจนโตถูกกรอกความคิดที่ต้องทำตามเท่านั้น

ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่ว่านางจะน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ได้แต่อดทน เพราะผู้ชายตรงหน้าคือรัชทายาทผู้อยู่ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน แถมยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ลำดับต่อไปของต้าเฉียน นางที่เป็นสาวใช้เช่นนี้ได้แต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

“หา อ้อ!”

เสี่ยวจวี๋ตระหนักได้แล้วว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่เป็นสาวใช้ นางไม่มีสิทธิ์เลือก รัชทายาทแข็งกร้าว นางได้แต่ยอมปรนนิบัติ!

ครั้นเห็นดวงหน้าเหนียมอายของมู่หรงจิ่น สัมผัสเรือนร่างหอมฉุยแล้วก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานสดชื่นกระชุ่มกระชวย จักจี้หัวใจยากจะทานทน!

“ฉินอวิ๋นฟาน ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอร้องละ ปล่อยข้าไปเถอะ”

เวลานี้มู่หรงจิ่นทั้งอายทั้งร้อนรน แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี พอนึกถึงว่าต้องเร่าร้อนเหมือนเมื่อคืน หัวใจนางก็ตื่นตระหนกลนลาน

“ทำไม? เมื่อกี้ยังท้าทายข้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้รู้จักมาขอร้องแล้ว? สายไปแล้ว!”

ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานเลือดสูบฉีด กระโจนเข้าไปใช้ปากใหญ่จุมพิตคอของมู่หรงจิ่นทันที!

“อื๊อ...”

เมื่อมู่หรงจิ่นรู้สึกถึงความเร่าร้อนและแรงกดดันจากกายแกร่งนั้นของฉินอวิ๋นฟานอีกครั้งก็ส่งเสียงครางหวานออกมา ร่างกายอ่อนระทวยโดยสมบูรณ์ สุดแต่ฉินอวิ๋นฟานจะกระทำ

ระหว่างนี้ ในห้องมีเสียงอื้ออ๊าดังค่อยสลับกันดังช่วงเวลาหนึ่ง

......

ปัง!!!

“นี่เขากำลังจะประกาศศึกกับตระกูลฮั่วข้าหรือ?”

ตระกูลฮั่ว ตระกูลนักรบชื่อดัง!

ฮั่วเจิ้นหลงที่เป็นผู้นำตระกูลฮั่วทุบถ้วยน้ำในมือแรง ๆ จนแตกละเอียด แผ่กลิ่นอายเผด็จการและพลังกดดันไร้รูปออกมาจากทั่วตัว นั่นคือกลิ่นอายของผู้เป็นใหญ่ ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างระมัดระวังที่สุด เงียบเป็นเป่าสาก

“ท่านพ่อตาระงับอารมณ์ด้วย!”

ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก้าวออกมาพูดปลอบ “เสียรองเจ้ากรมคลังไปสักคนก็ไม่เป็นไร อีกสามวันก็คือวันขึ้นครองราชย์ของข้าแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของไอ้ฉินอวิ๋นฟาน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฮั่วเจิ้นหลงจึงคลายอารมณ์โกรธลงเล็กน้อย เขาเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ การประลองคราวนี้สำคัญมาก เจ้าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?”

“การประลองด้านบู๊ พละกำลังกับการประลองกำลังยุทธ์เป็นเรื่องที่ข้าถนัด ในหมู่รุ่นเยาว์คงยากจะหาคู่ต่อสู้คนที่สองได้ เรื่องการยิงธนู ข้าเจาะจงให้เว่ยเยียนอาวุธสังหารลับของข้าลงสนาม แบบนี้จะประกันว่าไม่ผิดพลาด โดยรวมแล้วรับรองได้ว่าจะชนะการประลองด้านบู๊ทั้งสามรายการ”

ฉินอวิ๋นคังเอ่ย “แต่การประลองด้านบุ๋นไม่ใช่เรื่องที่เราถนัด เจ้ารองฉินอวิ๋นฮุยเก่งบุ๋นที่สุด น่ากลัวว่าเขาจะทุ่มกับการประลองด้านบุ๋น ข้าเชิญเหลียงคังจวิ้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของต้าเหลียงมาลงแข่งแล้ว ศึกนี้ต้องชนะแน่ ส่วนการประลองอีกสองรายการ ข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร!”

“อื่ม! เจ้าทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว แค่ประกันว่าจะชนะแน่หนึ่งรายการก็พอ ที่เหลือก็ดูว่าฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะเลือกยังไง”

ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “องค์ชายองค์อื่น ๆ มีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะรัชทายาทคนปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน!”

“ท่านพ่อตา สถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนอยู่แล้วนี่ เจ้ารองเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของข้า เขามีความเคลื่อนไหวจริง ๆ นั่นแหละ สำหรับองค์ชายองค์อื่น ๆ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย โดยรวมน่าจะยอมแพ้แล้วกระมัง!”

ฉินอวิ๋นคังกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ส่วนเจ้าเจ็ด ตอนนี้มันหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อให้ไม่โง่แล้วจะยังไง? ไม่มีใครอยากออกหน้าให้มันหรอก ตัวผอมแห้งอย่างมัน ถ้ามันกล้าขึ้นเวทีประลอง ข้าก็กล้าที่จะเอามันให้ตายไปซะ!”

ในสายตาของฉินอวิ๋นคัง นี่ก็คือการตัดสินระหว่างน้องรอง คนอื่น ๆ ไม่คู่ควรจะต่อสู้กับเขาหรอก เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้ของคนคนเดียว แต่เป็นการแข่งขันเรื่องเส้นสายด้วย

ดังนั้นชะตาของหลาย ๆ คนจึงถูกกำหนดตั้งแต่เริ่มแล้ว

จวนองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย!

ข้างกายฉินอวิ๋นฮุยมีบุรุษกำยำอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ข้าง ๆ ยังมีชายหนุ่มเคราแพะในชุดผาวมือถือพัดนั่งอยู่อีกคนหนึ่ง

“น้าสาม ท่านหาผู้มีพลังมาแล้วหรือ”

ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ยปากถาม

“เฮ้อ! รุ่นเยาว์ในต้าเฉียน คิดจะหาคนหนุ่มที่มีกำลังประลองด้านบู๊กับองค์ชายใหญ่ยากจริง ๆ ถือว่าพอได้คนหนึ่งแล้วกัน”

ชายที่ฉินอวิ๋นฮุยเรียกว่าน้าสามถอนหายใจพูด “การประลองด้านบุ๋นเป็นยังไงบ้างแล้ว? เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือ?”

คนผู้นี้มีชื่อเรียกว่าเหอเหวินเย่า บุตรชายคนที่สามของผู้เฒ่าตระกูลเหอ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ทำงานละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง แทบเป็นผู้สืบทอดรุ่นใหม่ที่ทุกคนในตระกูลเหอยอมรับ

“การประลองด้านบุ๋น อาสามวางใจได้ ต่อให้พี่ใหญ่เชิญเหลียงคังจวิ้นลงสู้ศึก ข้าก็มีวิธีเอาชนะเขาอยู่ดีนั่นแหละ!”

ฉินอวิ๋นฮุยยกยิ้มมั่นใจตรงมุมปาก เขามั่นใจเรื่องการประลองด้านบุ๋นที่สุด หากจะพูดเรื่องความสามารถด้านวรรณกรรม เขาไม่ด้อยไปกว่าเหลียงคังจวิ้น เรื่องความรู้ เขาก็รอบรู้ตำราคัมภีร์ต่าง ๆ เหมือนกัน อยู่ที่ว่าใครจะเตรียมตัวพร้อมที่สุด

“องค์ชายรอง ข้ามีความคิดหนึ่ง...”

จู่ ๆ ชายที่ถือพัดอยู่ในมือก็เอ่ยลอย ๆ ขึ้นมา

“อ้อ? ท่านลิ่งหูเชิญว่ามาได้!”

ฉินอวิ๋นฮุยดวงตาเป็นประกาย ท่านลิ่งหูกระซิบกระซาบข้างใบหูเขาครู่หนึ่ง และนั่นทำให้สีหน้าเขาตกตะลึงทันที โพล่งปากอุทานขึ้นมาว่า “ท่านลิ่งหูแผนเยี่ยมนัก ล้ำจริง ๆ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”

......

ที่เรือนรองเรียบสงบที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างและแม่ทัพฝ่ายขวาถังเจิ้นไห่กำลังยืนอยู่ในที่เรือนรองอย่างเคารพนบนอบ

เบื้องหน้าของพวกเขามีชายชราอายุห้าสิบร่างผอมนั่งอยู่คนหนึ่ง เขามีสายตาที่ต่างจากออกไปโดยสิ้นเชิง ท่วงท่าไม่ธรรมดา เพียงเคลื่อนไหวน้อย ๆ ก็ส่งกลิ่นอายเผด็จการของผู้เป็นราชันออกมาแล้ว

เขาก็คือเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าว อ๋องเพียงคนเดียวของราชวงศ์ต้าเฉียน!

“ท่านอ๋อง การประลองครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก เกี่ยวพันถึงการเลือกฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียน พวกเราควรทำอย่างไรดีขอรับ?”

ถังเจิ้นไห่ค้อมตัวขอคำชี้แนะ

เฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวลุกขึ้นยืนช้า ๆ เล่นผลถาวเหอ[footnoteRef:1]สองลูกอยู่ในมือไม่หยุด เดินวนเวียนไปมาอยู่ในเรือนรอง ครุ่นคิดเกือบครึ่งชั่วยามก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาทันใด “พวกเราทิ้งการประลองครั้งนี้!” [1: วอลนัต]

“อะไรนะ?”

“ทิ้งการประลองหรือ!”

ฉินอวิ๋นกว่างและถังเจิ้นไห่ตกตะลึงอย่างหนัก อดทนอดกลั้นอยู่นาน คิดไม่ถึงว่าพอถึงช่วงเวลาสำคัญท่านอ๋องจะให้พวกเขายอมแพ้? เช่นนั้นการเตรียมตัวเริ่มก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าทั้งหมดสิ?

“เสด็จอา ถ้ายอมแพ้ เกรงจะไร้วาสนากับบัลลังก์จริง ๆ แล้วนะ!”

เดิมทีฉินอวิ๋นกว่างอยากพยายามในครั้งสุดท้าย คิดไม่ถึงว่าท่าทีของฉินอ้าวจะแน่วแน่ เขาเอ่ยเสียงหนัก “สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่าจะไม่ธรรมดาอย่างที่เราคิดอย่างนั้น การเปิดเผยฐานะตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด คอยดูต่อไป รอการเปลี่ยนแปลง!”

ฉินอ้าวตัดสินใจ พวกเขาสองคนจึงได้แต่เลือกที่จะทำตาม

กำหนดสามวันเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไป พรุ่งนี้คือวันที่ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะเลือกราชบุตรเขยแล้ว ขณะม่านราตรีมาถึง หลู่หนีตะลีตะลานมาถึงฉินอวิ๋นฟานด้วยหัวใจร้อนรุ่มเป็นไฟ

“รัชทายาท ปืนสั้นที่ท่านต้องการทำเสร็จเสียที”

ครั้นรับปืนสั้นสีดำขลับมา ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกตื่นเต้นที่สุด เล่นอยู่ในมือไปมา พูดเลยว่าสมบูรณ์แบบ เขามองหลู่หนีด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม “เจ้าสงสัยในอานุภาพของมันไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นความน่ากลัวของเจ้าสิ่งนี้สักหน่อย”

ไม่รอให้หลู่หนีทันได้สติ เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเหนี่ยวนกไปด้านหลังเบา ๆ จากนั้นก็ยิงก้อนหินที่อยู่ไกลออกไปสามสิบเมตรโดยตรง

ปัง!

ได้ยินเพียงเสียงดังทุ้ม เขม่าควันพวยพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืน ส่วนตรงก้อนหินปรากฏรูลึกเท่านิ้วหัวแม่มือแล้ว เสียงระเบิดกะทันหันทำเอาหลู่หนีสะดุ้ง

“ปืน ปืนสั้นนี่ดูเหมือนของเล่น กลับมีพลังยิงน่ากลัวเช่นนี้เลยหรือ? แม้เป็นหน้าไม้ที่น่ากลัวก็ยังเทียบอานุภาพมันไม่ติดหนึ่งในสิบส่วน? นั่นมันก้อนหินนะ ยิงทีเดียวก็เป็นรูได้แล้ว? ร่างกายของคนจะแข็งแกร่งเพียงไรหรือจะแกร่งกว่าก้อนหิน?”

หลู่หนีคืนสติ ตกตะลึงมากแบบที่มิอาจมากได้อีก มิน่ารัชทายาทถึงบอกว่านี่คืออาวุธสังหารร้าย ร้ายกาจกว่าหน้าไม้ร้อยเท่า เป็นเช่นนี้นี่เอง ตอนนี้ ตอนนี้เขาหมอบราบคาบแก้วกับวิธีการของฉินอวิ๋นฟานโดยสิ้นเชิงแล้ว

ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากน้อย ๆ “พรุ่งนี้ก็ตัดสินแพ้ชนะแล้ว ใครจะได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ตำแหน่งสูงสุด ได้อุ้มสาวงามแห่งยุคกลับ ก็ต้องดูที่การประลองสุดท้ายแล้ว องค์ชายทั้งหลาย พวกเจ้าเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”

“คืนนี้ เกรงว่าจะนอนไม่หลับแน่กระมัง?”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ชาติ ฤทธี
ลูกกระสุนเอามาจากใหน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 15

    นัดหมายสามวันพริบตาเดียวก็มาถึง เรื่องเกี่ยวพันถึงตัวเลือกผู้จะได้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียน และคล้ายเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของทุกคน บรรดาขุนนางใหญ่ทั้งหมดในต้าเฉียนมาชุมนุมกันอยู่ที่ตำหนักว่านฉงแต่เช้าแล้วไท่เว่ยจางเต้าหลินที่พักครึ่งปีเต็ม ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ในราชสำนักแบบมหัศจรรย์ด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประลองคราวนี้ในใจทุกคนเมื่อฉินอวิ๋นฟานย่างเท้าเข้าตำหนักใหญ่ก็ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด เสายักษ์สูงชะลูดแปดต้นอลังการอย่างยิ่ง บนนั้นแกะสลักมังกรสีทองคำตัวมหึมาที่ราวกับมีชีวิตแปดตัว สง่างามน่าเกรงขาม ให้คนรู้สึกเหมือนมีความกดดันจากทวยเทพอย่างยิ่งตำหนักใหญ่มาก บรรจุได้สามร้อยกว่าคน ภาพแกะสลักวิจิตรทองอร่ามอยู่ถ้วนทั่ว หรูหราปานวิมานเซียน!ครั้นดึงสติกลับมา ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองรอบหนึ่ง ตรงกลางตำหนักใหญ่มีขุนนางใหญ่สำคัญยืนอยู่สองฟากฝั่งร้อยกว่าคน เช่นเดียวกัน ทุกสายตาต่างจับจดอยู่ที่ตัวของเขาด้วย“อ้าว นี่น้องเจ็ดไม่ใช่หรือ? หลายปีขนาดนี้ ในที่สุดเจ้าก็หวนคืนราชสำนักเป็นปกติสักที ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าจะนำการแสดงตลกอะไรมาให้พวกเราสิน่า? ชวนให้คนอยากรู้จริง ๆ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 16

    เห็นเพียงสตรีนางหนึ่งในชุดกระโปรงผ้าไหมสีแดงสดสะดุดตา คอเสื้อต่ำมาก หน้าอกอวบอั๋นอุดมสมบูรณ์โดดเด่นที่สุด เนื่องจากสวมเครื่องประดับเงินอยู่ตรงคอหลายเส้น จึงทำให้ร่องลึกวับ ๆ แวม ๆ ชวนให้คนมองจนหลงใหลนางสวมผ้าปิดหน้าสีขาวผืนบาง คิ้วโก่งดังใบหลิว ดวงตาที่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าดอกท้อล่อลวงหัวใจคนอย่างยิ่ง ผิวพรรณขาวสะอาดเนียนนุ่มปานหิมะ แบ่งผมดำเกล้าสูงทรงหญิงงาม สวมกวานหงส์และผ้าคลุมไหล่ โดดเด่นชวนมอง งามวิไลพาลให้ใจคนหวั่นเหมือนเซียนบนสรวงสวรรค์ลงมาจุติ!ตลอดทางที่ผ่าน กลิ่นหอมขจรขจาย สายตาเฒ่าหัวงูมิอาจเคลื่อนออกจากร่างฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้เลย บางคนยังถึงขึ้นน้ำลายไหลแบบไม่รู้ตัว“สุดยอดดังคาด!”ทันทีที่ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวปรากฏ ฉินอวิ๋นฟานก็ถูกบรรยากาศน่าทึ่งรอบตัว รูปร่างสมบูรณ์แบบและการแต่งหน้าประณีตของนางดึงดูดอย่างหนักเหมือนกัน เป็นตัวตนที่ไม่ว่าจะอยู่งานไหนก็งามหยาดเยิ้มสะกดข่มมวลชนหากเทียบกับความงามของมู่หรงจิ่น ความงามของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวกลับพกพาความเย็นชา หยิ่งและอำนาจมาด้วย มีความเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ยั่วยวนแผ่ออกมาจากตัว คุณลักษณะสมบูรณ์แบบเช่นนี้รวมอยู่ในตัวฮ่อ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 17

    ครั้นฉินอวิ๋นฟานพูดออกมาก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ากลางตำหนักใหญ่ ชักนำความไม่พอใจของเหล่าขุนนางใหญ่!“รัชทายาท ที่นี่คือราชสำนัก ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านจะกำแหงได้ กรุณาระวังคำพูดของท่านด้วย ท่านไม่อยากรักษาหน้า แต่พวกเราแก่ ๆ นี่ยังต้องการอยู่”“นั่นสิ รัชทายาท พวกเราชมท่วงทำนองแห่งยุคของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวมีอะไรไม่เหมาะสมหรือ? อีกอย่าง พวกเราก็ไม่ได้ล่วงเกินท่านกระมัง เหตุใดต้องลบหลู่พวกเราด้วย?”“ต่อให้ท่านเป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแต่จะกำเริบเสิบสานไม่ได้กระมัง? ไท่ซั่งหวงยังประทับอยู่เบื้องบน ท่านเพิ่งกลับมาเป็นปกติก็จะเป็นศัตรูกับทุกคน จะกำแหงไปแล้วกระมัง?”......เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทียโสและแววตาที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาและของฉินอวิ๋นฟาน ก็ทำเอาบรรดาขุนนางเดือดดาลด้วยจะผดุงคุณธรรม ไฟโทสะเต็มทรวง ใบหน้าชราอับอายจนแดงก่ำวันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งของราชวงศ์ต้าเฉียน ชะตาของทุกคนขึ้นอยู่กับวันนี้เจ้าก็แค่รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินหัวเดียวกระเทียมลีบ จะอยู่รอดเดินออกจากตำหนักนี้หรือไม่ยังอีกเรื่อง กลับกล้าโอหังเช่นนี้ มาถึงก็ล่วงเกินทุกคนในที่นี้รนหาที่ตายชัด ๆ!“น้องเจ็ด ฮ่อง

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 18

    “รนหาที่ตายหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น “ถึงตอนนั้นท่านก็รู้เองนั่นแหละ!”ในยุคปัจจุบัน เขาเป็นพวกเด็กเรียนดีสุดขั้ว มีคุณลักษณะทางร่างกายที่แกร่งมาก ดังนั้นจึงเลือกโรงเรียนทหาร และใช้คะแนนยอดเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นจัดการให้เข้าหน่วยความปลอดภัยระดับสูงสุดของชาติแบบลับ ๆ ด้วย!อย่าว่าแต่สมัยโบราณเลย แต่ให้เป็นสมัยปัจจุบันก็อยู่เหนือคนร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้า แค่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำนิดหน่อยก็ต่อกรกับพวกใช้แรงงานในสมัยโบราณแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของผลิตปืนสั้นเรียบร้อย ต่อกรกับพวกเขาแทบเป็นการลดมิติการต่อสู้เหมียวชิงอีขมวดคิ้วเอ่ย “รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานหรือ?”ในความทรงจำของนาง รัชทายาทต้าเฉียนเป็นคนโง่งมที่ชื่อว่าฉินอวิ๋นฟาน ปราศจากความรู้สึกมีตัวตนคิดไม่ถึงว่าเจอหน้าครั้งแรก ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่ไม่เหมือนโง่งม ยังจะแข็งกร้าวเช่นนี้ และบนตัวยังมีกลิ่นอายเผด็จการของราชันแผ่ออกมาด้วย!“ถูกต้อง ข้าก็คือฉินอวิ๋นฟาน!”ฉินอวิ๋นฟานยืนเอามือไพล่หลังเหมียวชิงอีมองประเมินฉินอวิ๋นฟานรอบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อรัชทายาทอดรนทนไม่ไหวแล้ว เ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 19

    “แม่ของเจ้าเป็นแค่สาวใช้ข้างห้องข้างตัวแม่เจ้ารองเท่านั้น นางได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมถือว่าอดีตฮ่องเต้ทรงพระเมตตามากแล้ว จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรอีกหรือ?”“ในหมู่องค์ชาย ฐานะของเจ้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุด ถ้าข้าอารมณ์ดีก็เรียกเจ้าว่าน้องแปด แต่ถ้าไม่ เจ้าก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งข้างเจ้ารอง เจ้าคุยใหญ่คุยโตหน้าด้าน ๆ ในราชสำนักได้ตั้งแต่เมื่อไร?”การประลองเพิ่งเริ่ม องค์ชายใหญ่ก็เข้าโหมดต่อสู้แล้ว ต่อหน้าองค์ชายแปดฉินอวิ๋นเซินผู้มีฐานะต้อยต่ำ เขาใช้ถ้อยคำเสียดแทงที่สุด พูดแทงใจดำองค์ชายแปดตรง ๆ“ท่าน ท่าน...”องค์ชายแปดโกรธจนหน้าเขียวปัด เขาในวัยเพียงสิบแปดเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหน เจอกับความใจดำและการหยามเหยียดลบหลู่ของพี่ใหญ่ ทำให้เขาอับอายจนเกิดเป็นโทสะ“น้องแปด!”องค์ชายรองหน้าตึงตบบ่าของฉินอวิ๋นเซิน ก่อนจะพูดปลอบว่า “เจ้าไม่ใช่คู่ปรับของเขา ถอยไปก่อน”“พี่ใหญ่พูดเกินไปแล้ว ถึงมารดาของน้องแปดจะมีฐานะต่ำต้อย หากเป็นโอรสแท้ ๆ ของเสด็จพ่อ ท่านกลับเปรียบเทียบเขากับสุนัข ขอถาม ท่านที่เป็นองค์ชายเหมือนกันดีไปกว่าสุนัขหรือ?”“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”องค์ชายใหญ่ต

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 20

    ฉินอวิ๋นฟานสองมือกอดอก มองการต่อสู้เข้มข้นระหว่างทั้งสองเงียบ ๆ และมองตรงฉากบังลมในตำหนักใหญ่เป็นระยะเมื่อก่อนเขาเห็นการต่อสู้ในราชสำนักจากหนังสือประวัติศาสตร์และละคร ตอนนี้ได้ประสบกับตัวเอง ทั้งยังไม่เข้าร่วมซะด้วย ได้อรรถรสอีกอย่างหนึ่งจริง ๆ“เพื่อไม่ให้ทุกท่านเสียเวลา ข้าจะเริ่มแต่งกลอนคู่ก่อนแล้วกัน ถ้าใครสามารถต่อให้จบได้ ก็ถือว่าข้าเหลียงคังจวิ้นแพ้ แต่ถ้าต่อไม่ได้ ก็ถือว่าข้าชนะ ไม่ทราบทุกท่านเห็นว่าอย่างไร?”เหลียงคังจวิ้นเดินไปอยู่ตรงกลางตำหนักเลย เปิดฉากการประลองด้านบุ๋นรอบแรก ท้าทายผู้เข้าร่วมแข่งขันโดยตรง!ซ่า...ครั้นสิ้นเสียง สถานที่แห่งนั้นก็อึกทึกครึกโครม เหลียงคังจวิ้นที่ขับกลอนกับผู้คนบ่อย ๆ ไม่เพียงแต่ข่มทับเหล่ายอดฝีมือ ทั้งยังเอาชนะด้วยคะแนนขาดลอย ชื่อเสียงระบือไกล กลอนที่เขาแต่งหากไม่ใช่ผลงานโดดเด่นน่าทึ่งถึงที่สุด ก็เรียกได้ว่าเป็นความยากระดับนรกการที่คนสามารถแต่งกลอนต่อจากเขาได้จะเพียงพอพิสูจน์ภูมิลึกซึ้งและรากฐานหยั่งลึกของเขา น่าเสียดาย ด้านการแต่งกลอนนี้ แทบไม่มีผู้ใดต่อกลอนจากเหลียงคังจวิ้นได้เลย! “นี่เจ้าพูดเองนะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอคำชี้แน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 21

    “กับอีแค่กลอนกระจอก มีอะไรยากกัน?”ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าประหลาดใจ ระดับวรรณกรรมในสมัยโบราณมันแค่นี้เองเหรอะ? ด้วยคลังกลอนโบราณของเขา พอเทียบกับผู้มีการศึกษาที่ว่าเหล่านี้มิใช่ชนะขาดลอยหรือ?“สามหาว!!!”“โอหัง!!!”“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!!!”......คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานชักนำโทสะมวลชน องค์ชายรองเป็นผู้มากสามารถที่ส่วนรวมยอมรับ เขายังแต่งกลอนที่เข้าคู่กับสุดยอดกลอนของเหลียงคังจวิ้นไม่ได้เลย แล้วเจ้าเป็นแค่ตัวโง่งมเอาอะไรมาคุยโม้?ต่อให้เจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นปกติแล้ว แต่การสั่งสมความรู้ด้านวรรณกรรมหรือจะทำได้ในเวลาอันสั้น?“ฟานเอ๋อร์ กลอนวรรคนี้วิเศษล้ำลึกนัก มีระดับสูงมาก เจ้าแน่ใจหรือว่าต่อวรรคถัดไปได้?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วกับเรื่องนี้เล็กน้อย แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์สูงเด่นในด้านวรรณกรรม กลับพอเข้าใจบ้าง ด้วยความเข้าใจของเขาต่อกลอนวรรคนี้ มันมีความยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์จริง ๆ กระทั่งเรียกได้ว่าที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะต่อได้“ทูลไท่ซั่งหวง!”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะต่อวรรค เหลียงคังจวิ้นกลับแทรกขึ้นมา เขายิ้มพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง “หลายปีมานี้มีใครไม่รู้บ้างว่ารัชทายาทไม

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 22

    หลายวันมานี้ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้อยู่เฉย สืบเรื่องของเหลียงคังจวิ้นอย่างลับ ๆ คนผู้นี้สํามะเลเทเมา มักมั่วกามหลังดื่มเป็นประจำ ร่วมการชุมนุมต่าง ๆ กินหรูอยู่สบาย สุรุ่ยสุร่ายที่สุดแล้วเขายังถึงกับทำเรื่องใช้กำลังขืนใจสาวใช้ ข่มเหงผู้อ่อนแอรังแกหญิงสาวบ่อยครั้งทั้งยังไม่รับผิดชอบอะไรด้วย ขุนนางใหญ่โตข้างตัวจัดการเรื่องยุ่งยากพรรค์นี้ให้เขาโดยเฉพาะ แน่นอน เบื้องหลังต้องมีเงาของฉินอวิ๋นคังอยู่แล้วในยุคปัจจุบันคนประเภทนี้ก็คือคนเลวในคนเลว ทุกคนฆ่าได้หมด ซือชง[footnoteRef:1]ยังเที่ยวสู้เขาไม่ได้เลย [1: หวังซือชง นักธุรกิจหนุ่มและเน็ตไอดอล ทายาทคนเดียวของวั่นต๋ากรุ๊ป] “เฮอะ มีอะไรไม่กล้า? ถ้าวันนี้ข้าเหลียงคังจวิ้นยอมแพ้ ข้าก็คือเดรัจฉานไอ้ลูกเต่า!”ฉินอวิ๋นฟานกระตุ้นโทสะของเหลียงคังจวิ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว รับคำท้าของฉินอวิ๋นฟานทันที ในสายตาของเขา การที่ฉินอวิ๋นฟานกล้าท้าเขาก็คือรนหาที่ตาย!“แต่ในเมื่อรับคำท้าจากข้าแล้ว ก็ต้องมีบทลงโทษที่สมควรนะ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”เห็นเหลียงคังจวิ้นหลงกล ฉินอวิ๋นฟานดีใจยกใหญ่ จัดการผู้ชายเลวพรรค์นี้เขาไม่มีจิตเมตตาใจอ่อนหรอก ไม่สยบเขาให้หมอบราบคาบแก้

Latest chapter

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1062

    ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1061

    การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1060

    “ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1059

    เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1058

    ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1057

    สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1056

    “พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1055

    ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1054

    การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status