แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: เมิ่งซานเชียน
ไท่ซั่งหวงเคาะโต๊ะลงมติ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างอีก

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จปู่ ไม่ทราบว่าแค่แต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็สืบทอดบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่สามารถแต่งกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะคุ้มครองให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น!”

ไท่ซั่งหวงเด็ดขาดมีพลัง แฝงความเผด็จการและความแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิในวาที

“เสด็จปู่ ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวคัดเลือกราชบุตรเขยมีกติกาอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นาน ฉินอวิ๋นฟานไม่เข้าใจรูปแบบการเลือกราชบุตรเขยในสมัยโบราณ ในภาพจำของเขายังหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการโยนบอลผ้า หรือไม่ก็หาคู่โดยการประลองยุทธ์

ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกว่าการเลือกราชบุตรเขยของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวไม่น่าจะธรรมดาอย่างนั้น

“ย่อมมีกติกา ทั้งหมดแบ่งออกเป็นประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊ โดยจะประลองสามด้านละสามรอบ”

ไท่ซั่งหวงอธิบาย “ประลองด้านบุ๋นแบ่งออกเป็นกลอนคู่ การเขียนและดนตรี ประลองด้านบู๊แบ่งออกเป็นยิงธนู ประลองกำลังและประลองกำลังยุทธ์ ผู้ที่คว้าชัยทั้งสองการประลองก็คือผู้ชนะ แต่ในการประลองบุ๋นบู๊สามารถเชิญผู้ช่วยได้หนึ่งคน”

“เชิญผู้ช่วยก็ได้ด้วย? นั่นมิใช่ลดระดับความยากในการแข่งขันของเราได้มากหรือ?”

“เป็นเช่นนั้นจริง พวกเราแค่คว้าชัยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊อย่างละรอบก็พอ เลือกที่ตัวเองชำนาญที่สุดมิผ่านได้สบาย ๆ หรอกหรือ?”

......

ก็ขณะที่เหล่าองค์ชายกำลังตื่นเต้นอยู่นั้น องค์ชายรองกลับก้าวออกมาราดน้ำเย็นใส่ทุกคนตรง ๆ

เขาเอ่ยเสียงหนัก “ความจริงการประลองทั้งสองอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดหรอกนะ กลับกันยังจากยากเย็นยิ่งกว่า พวกเจ้าอย่าลืมสิ กติกาใช้กับองค์ชายทุกคน นั่นหมายถึงพวกเราต้องหากำลังเสริมสองคน”

“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องขับเคี่ยว แข่งขันกันไม่หยุด ต่อให้ตัดรายการที่ตัวเองถนัดที่สุดไป แต่อีกสองรายการจะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียว พร้อมกันนั้นยังต้องพยายามขัดขวางไม่ให้องค์ชายองค์อื่นเลือกคนที่เก่งอีกด้านหนึ่งที่สุดด้วย”

“ดังนั้น นับจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวกำหนดกติกานี้ ในหมู่พวกเราองค์ชายก็มีคนที่ถูกคัดออกไปแล้ว”

ซี้ด...

หลังจากองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยวิเคราะห์ ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างสูดลมเย็นกันหมด ครั้งคิดอย่างถี่ถ้วนกลับเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตำแหน่งประมุข ทุกคนต้องใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีและต้องเลือกคนที่ดีเด่นที่สุดแน่นอน

ในราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ที่เก่งกล้าสามารถในแต่ละด้านก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนแล้ว ตอนนี้คือการแข่งขันทั้งแบบทางลับและทางแจ้งระหว่างองค์ชาย หากไม่ได้ยอดผู้ช่วยมือดีมาก็เท่ากับถูกคัดออกก่อนกำหนด

ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวร้ายจริง ๆ!

ฉินอวิ๋นฟานยืนอยู่ด้านข้างไม่ยี่หระ สำหรับเขานี่ก็แค่ลดมิติเองมิใช่หรือ?

“อีกสามวัน พวกเจ้าก็แสดงฝีมือกันที่ตำหนักว่านฉงเถอะ!”

ไท่ซั่งหวงไม่พูดอะไรอีก โบกมือนั่งรถม้าและจากไป ขุนนางคนอื่น ๆ ก็ตามบรรดาองค์ชายฝ่ายตนแยกย้ายไปด้วย

“รัช รัชทายาท...”

ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะออกไปเหมือนกัน ชายหนุ่มอายุอานามยี่สิบต้น ๆ วิ่งพรวดเข้ามาด้วยความร้อนใจจนไม่อาจสนใจสิ่งอื่น ครั้นเห็นว่าฉินอวิ๋นฟานยังมีชีวิตอยู่ก็ร้องไห้จ้า “ฮือ ๆ ท่านยังอยู่ ดีจริง ๆ เลย ดีจริง ๆ”

ชายหนุ่มผู้นี้มีนามว่าเฉินม่อ เป็นเพื่อนร่วมเรียนแต่เล็กจนโตของฉินอวิ๋นฟาน จงรักภักดี ทุ่มเทกับเขาไม่เป็นสอง ตอนที่เขาโง่เขลา ปัญหาแทบทุกเรื่องล้วนเป็นเขาที่แก้ไขให้หมด

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่ใช่แค่รอดนะ ยังจะขึ้นนั่งประมุขนั่นด้วย”

ฉินอวิ๋นฟานแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังกับฟ้า “ไป ตามข้ากลับตำหนักรัชทายาทเถอะ!”

เฉินม่ออึ้งเดี๋ยวนั้น ทำไมรู้สึกเหมือนรัชทายาทเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยเล่า?

แววตานั้น บุคลิกนั้นมันยังไงกันเนี่ย?

ไม่มีเวลาคิดมาก เขารีบสาวเท้าตามไป

ตามความทรงจำที่ฟื้นคืน ฉินอวิ๋นฟานหวนคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคนรอบกายรอบหนึ่ง คิดถึงชีวิตที่ต้องคอยเอาใจผู้อื่นตลอดสองปี แม้แต่มือของพระชายารัชทายาทก็ยังไม่เคยลูบคลำ ช่างอนาถโดยแท้!

“รัชทายาท วันนี้ท่านจะไปตำหนักตะวันออกหรือว่าจะกลับตำหนักหลักเลยขอรับ?”

เฉินม่อเอ่ยปากถาม

“ถามมาได้ ข้าเป็นถึงรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินจะอยู่ที่ตำหนักข้างหรือ?”

ในความทรงจำของฉินอวิ๋นฟาน พระชายารัชทายาทมีชื่อเรียกว่ามู่หรงจิ่น เป็นบุตรีหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลมู่หรง ตระกูลวาณิชชื่อดังแห่งต้าเฉียน เป็นสตรีตระกูลใหญ่อันได้มาตรฐาน ไม่เพียงแต่มีบุคลิกยอดเยี่ยมแต่กำเนิด แต่ไม่ว่าพิณ หมาก พู่กันหรือการวาดภาพก็เชี่ยวชาญทั้งสิ้น

ครั้งนั้นอดีตฮ่องเต้ประทานสมรส มู่หรงจิ่นจำใจต้องแต่งงานกับเขา แต่สองปีมานี้มู่หรงจิ่นไม่เคยให้เขาได้เข้าใกล้เลย รังเกียจเดียดฉันท์เขาที่สุด กระทั่งจวนเจียนถึงขั้นว่าจงเกลียดจงชังแล้ว ถ้าไม่ให้เขาอยู่ที่ตำหนักข้าง ก็ให้เขานอนพื้น ไม่ให้เขาเฉียดข้างเตียง

“หา งั้นข้าน้อยจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เฉินม่อหัวใจเป็นสุข แต่ขณะที่เขากำลังจะวิ่งเหยาะไปแจ้งข่าวกลับถูกฉินอวิ๋นฟานคว้าเอาไว้ “ข้าแค่จะไปนอนต้องให้เจ้าไปแจ้งด้วยหรือ? ปกติอยู่ในบ้านข้ามีฐานะเช่นนี้หรือ?”

“เออ...รัชทายาท หรือว่านี่มิใช่ฐานะของพวกเราในบ้านยามปกติหรือ?”

เฉินม่อย้อนถามอย่างขื่นขม

“เฮ้ย! จำเอาไว้เลย ต่อไปข้าจะพลิกตัวจากขี้ข้าเป็นนายให้ดู เจ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้เช้าตามข้าไปทำธุระ”

ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างน่าเกรงขาม

เฉินม่อตกตะลึงอีกครั้ง ยืนทื่ออยู่กับที่สงบสติอารมณ์ไม่ได้ พูดให้เพราะหน่อยคือปกติรัชทายาทเป็นคนทื่อแข็งกระด้าง พูดให้แย่หน่อยก็คือมีปัญหาทางสติปัญญา เป็นคนโง่งมตามแบบแผน

เรื่องของหยางกุ้ยเฟยแพร่สะพัดไปทั่วรั้วกำแพงวังแล้ว เดิมคิดว่ารัชทายาทผู้โง่งมต้องมีอันตรายถึงชีวิต นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่ปลอดภัย ยังเปลี่ยนเป็นเผด็จการแข็งกร้าวกว่าเดิมด้วย

“เฮ้อ! หวังว่าจะไม่ได้คิดไม่เองนะ!”

ตำหนักหลักในตำหนักรัชทายาท สตรีนางหนึ่งกำลังชำระล้างร่างกายผล่อนคลายสบายใจ ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานย่างเท้าเข้าห้องมา กลิ่นหอมสดชื่นปะทะเข้าโพรงจมูกฉับพลัน เขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นเป็นร้อยเท่าเดี๋ยวนั้น

“เสี่ยวจวี๋ เอาผ้าเช็ดตัวมาเร็ว แล้วมานวดไหล่ให้ข้าด้วย!”

ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เบื้องหลังฉากบังลมแว่วเสียงดรุณีนางหนึ่งทันที น้ำเสียงใสกังวานอ่อนนุ่มนั้นราวกับเสียงแห่งธรรมชาติ เพียงยินเสียงนี้ก็วินิจฉัยได้แล้วว่าต้องเป็นหญิงงามแห่งยุคแน่นอน

ตามเสียงน้ำที่ดังซ่า อะดรีนาลีนในไตของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ดเป็นเส้นตรง ท้องน้อยร้อนรุ่ม

“เฮ้ย เร้าใจอย่างนี้เลยเหรอะ? เพิ่งจะทะลุมิติมาก็ลุ้นระทึกมารอบ เกือบเอาตัวไม่รอดแล้ว เพิ่งจะพ้นจากวิกฤตก็เจอกับความไฉไลอีก ไม่ถูก นี่มันเมียเรานี่ แน่ล่ะ เราเป็นพวกสวมรอยยึดของของคนอื่น”

เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฉินอวิ๋นฟานอารมณ์ดีขนาดไหน การทะลุมิติมาคราวนี้คุ้มจริง ๆ “ไอ้ผงหยินเหอฮวนบ้าเอ๊ย ฤทธิ์ยาเพิ่งมาออกเอาตอนนี้ ไม่สนแล้ว พิชิตสาวงามก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ฉินอวิ๋นฟานพกพาความทะยานอยากอันรุนแรงย่องเข้าไปหลังฉากบังลม ปรากฏเค้าโครงร่างเปลือยขาวสะอาดที่คล้ายเห็นคล้ายไม่เห็นตรงหน้าเขาผ่านผ้าม่านมากทุกที

“ทำไมวันนี้เจ้าชักช้าอย่างนี่นะ เรียกเจ้าค่อนวันแล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอีก”

มู่หรงจิ่นเริ่มหงุดหงิด น้ำเสียงแฝงความขุ่นเคืองเล็ก ๆ แต่นางกลับไม่รู้ว่าผู้ที่เข้ามาไม่ใช่เสี่ยวจวี๋ แต่เป็นสามีโง่ที่เชื่อฟังทุกสิ่งอย่างและทำให้นางรังเกียจที่สุดของนางนั่นเอง

“นังแพศยา เมื่อกี้ผัวเธอเกือบถูกคนทำตายแล้ว เธอยังมีกะจิตกะใจอาบน้ำสบายใจเฉิบอย่างนี้อีกเหรอ?”

“เธอต้องการปฏิกิริยาใช่ไหม? หึ ๆ ฉันก็กำลังมีปฏิกิริยาพอดี เดี๋ยวจะให้เธอได้สัมผัสสักหน่อยว่าอะไรเรียกว่าปฏิกิริยาทางกายภาพของจริง!”

ฉินอวิ๋นฟานมองมือใหญ่ทั้งสองของตัวเอง เผยยิ้มร้าย เขาเลิกผ้าม่านออกเป็นช่องเล็ก ๆ จากนั้นก็มุดเข้าไปเลย...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 6

    ในผ้าม่านผืนบาง ไอหมอกคละคลุ้งหญิงนางหนึ่งนอนอยู่ในถังอาบน้ำ เผยไหล่นวลเนียนชวนหลงใหล ขาวสะอาดและเรียบเนียน หยดน้ำแต่ละหยดใสแวววาวดังไข่มุก ใช้สองมือวักน้ำเนือง ๆภาพนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสั่นระรัว เลือดร้อนพลุ่งพล่าน ท้องน้อยเร่าร้อนอย่างหาที่เปรียบมิได้อึก!ฉินอวิ๋นฟานลำคอแห้งผาก กลืนน้ำลายลงทีหนึ่ง สืบเท้าเข้าหาช้า ๆ“ถึงคุณมู่หรงจิ่นจะไม่ชอบฉัน แต่ต้องยอมรับเลย รูปร่างกับหน้าตาของมู่หรงจิ่นสุดยอดจริง ๆ สองปีแล้ว มาจนถึงขั้นนี้ ถ้าไม่เผด็จศึกอีกจะเสียทีกับจิตใต้สำนึกเกินไป”ฉินอวิ๋นฟานพูดในใจฉินอวิ๋นฟานยื่นมือออกมาบีบไหล่ของมู่หรงจิ่นเบา ๆ เนื่องจากควบคุมแรงไม่ดี มือหนักไปหน่อย มู่หรงจิ่นจึงร้อง ‘อ๊า’ ขึ้นมาทันที น้ำเสียงหวานฉ่ำทำให้ฉินอวิ๋นฟานหัวใจสะท้าน“เสี่ยวจวี๋ เจ้าเบามือหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว”มู่หรงจิ่นยังไม่รู้ว่าที่อยู่เบื้องหลังคือฉินอวิ๋นฟานจึงพูดด้วยความขุ่นเคืองผิวเนียนนุ่มปานเด็กทารก บอบบางน่าถนอม รวมถึงกลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวนางยิ่งทำให้คนลุ่มหลงภาพจากบนลงล่างอยู่ในคลองจักษุทั้งหมด ภาพขาวหิมะวับ ๆ แวม ๆ ที่ช่วยให้คนเลือดกำเดาไ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 7

    “รัชทายาท ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้ากับคุณหนูยังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย!”เสี่ยวจวี๋ปกป้องนายโดยไม่สนใจเนื้อตัวเปียกปอนของตัวเอง ขวางอยู่หน้ามู่หรงจิ่นโดยตรงเดิมถังอาบน้ำทำขึ้นสำหรับสองคน ยามนี้อยู่ในนั้นสามคนจึงดูคับแคบทันที เสี่ยวจวี๋ที่อยู่ตรงกลางแทบจะตัวติดกับฉินอวิ๋นฟานแล้วครั้นเสี่ยวจวี๋แช่ตัวอยู่ในนั้น ชุดกระโปรงผ้าโปร่งแนบตัว กล้ามหน้าอกอวบอั๋นฟูขึ้นมาเรื่อย ๆ จนจะทิ่มหน้าฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว เช่นนี้ใครจะไปอดใจไหว?“เรื่องนี้ยังมีอะไรต้องเตรียมตัวอีก? ยิ่งคาดไม่ถึงยิ่งเร้าใจ”ฉินอวิ๋นฟานคว้ากระโปรงของเสี่ยวจวี๋แล้วกระชากแรง ๆ เรือนร่างขาวสะอาดดังหยกปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในบัดดล เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป หัวใจของสองนางจึงเต้นเร็วมากขึ้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงชัดเจนกว่าเดิมเวลานี้อะดรีนาลีนที่ไตของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ด ท้องน้อยร้อนรุ่มหนัก ความต้องการปราบพยศอันแรงกล้ากำลังกระตุ้นสมองของเขา“ไม่ อย่านะ!”เสี่ยวจวี๋หวีดร้องและขัดขืนอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้ามู่หรงจิ่น ยิ่งนางร้องมากเท่าไร ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก ภายใต้มืออันมีกำลังพละกำลังของเขา สองนางมิอาจขัดขืนได้เลย ต้องปล่อ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 8

    “เฮ่อชินอ๋องฉินอ้าว? เสด็จอาของข้าหรือ?” ฉินอวิ๋นฟานต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นี้อยู่แล้ว เขาคืออนุชาลำดับที่สิบสามของอดีตฮ่องเต้ คือผู้ที่ทำตัวไม่โดดเด่นที่สุด แทบจะไม่ยุ่งงานราชกิจเลย ขณะอดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ เขาคือผู้พิทักษ์ที่ภักดีที่สุดของอดีตฮ่องเต้หลังจากอดีตฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เขาถอยไปอยู่เบื้องหลัง ใช้ชีวิตปลดเกษียณ“ถ้าข้าจำไม่ผิด ยี่สิบปีก่อนถังเจิ้นไห่น่าจะเป็นรองแม่ทัพคนหนึ่งในกระโจมของเฮ่อชินอ๋อง ถ้าบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ข้าไม่เชื่อหรอก”อู่จ้านกล่าวอย่างหนักแน่น“อื่ม! เป็นข้า ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”คงเพราะการจัดระเบียบขั้วอิทธิพลในเวลานี้ หัวของฉินอวิ๋นฟานจึงแทบจะระเบิด ทางแจ้งมีสองใหญ่ ทางลับยังมีผู้แข็งแกร่งน่ากลัวอีกคนหนึ่งฉินอวิ๋นฟานถาม “แล้วพวกเราเล่า?”“หือ...พวกเรา?”อู่จ้านส่ายหน้าด้วยความจนใจ เอ่ย “พวกเราไม่มีอะไรเลย ไร้รากฐาน ไร้ความสามารถ ได้แต่พึ่งพาตัวเองแล้ว”“แย่ แย่เช่นนี้เชียวหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก นี่มันจะทุเรศไปแล้วมั้ง? เป็นถึงรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน แต่ไม่มีคนสนับสนุนเลยเนี่ยนะ?“ท่านคิดว่าอย่างไรเล

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 9

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์ของเจ้าจึงตั้งชื่อนี้ให้?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“หือ? ชื่อก็เป็นแค่สิ่งเรียกแทนไม่ใช่หรือ? ข้าติดตามอาจารย์สามสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน หรือว่าเจ้าจะรู้เหตุผลของชื่อ?”หลู่หนีถามอย่างไม่เข้าใจในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบศิษย์เด่นล้ำของหลู่กง หลู่หนีย่อมมีคุณสมบัติสามารถผยองได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวหรือว่าชื่อเสียงของอาจารย์ มันทำให้เขาเดินเบ่งในแคว้นใหญ่ ๆ ได้แบบไม่เป็นปัญหาแต่เขาย่อมไม่กล้าโอหังกับเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์“หนีก็คือดิน บ่งบอกว่าหลู่กงคาดหวังกับเจ้ามาก หวังว่าต่อไปเจ้าจะยืนได้อย่างมั่นคง พยายามสร้างสรรค์ แล้วเจ้าเล่า?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “งานฝีมือ เครื่องสำริดและกระบี่พกมากมายเหล่านี้ มีชิ้นไหนบ้างที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากอาจารย์เจ้า? มีชิ้นไหนบ้างที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นเอง? มีหรือไม่?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาหลู่หนีใบ้รับประทาน งานฝีมืออันประณีตคือคุณสมบัติที่เขาภูมิใจ ทว่าถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานแทงใจดำเขาโดยตรงหลู่หนีมองการจัดวางในร้าน ดวงตาหมองไปอย่างไม่มีสาเหตุเฉินม่อกับอู่จ้านเห็นดังนั้นตกตะลึงถึงที่สุด รัชท

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 10

    “รัชทายาท นี่ก็คือหน้าไม้ที่ให้ข้าทำหรือ? เสียเวลาข้าจริง ๆ เลย!”ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลู่หนีก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว ในมือถือหน้าไม้ประณีตที่เพิ่งทำเสร็จ เขามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นว่าเจ้าของสิ่งนี้จะมีความวิเศษวิโสอันใด“งั้น ๆ หรือ? ลองดูก็รู้แล้วนี่? เห็นป้ายภัตตาคารต้าเฉียนประมาณสองร้อยเมตรนั่นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานชี้ไปที่ป้ายร้านไกล ๆ พลางยิ้มพูดราบเรียบเขารับหน้าไม้มา วางลูกศรที่พกติดตัวมาแต่แรกไว้ตรงแล่ง มันแนบสนิทกับร่อง ต้องยอมรับแล้วว่าฝีมือของหลู่หนีละเอียดมากจริง ๆ“รัชทายาท นี่ นี่จะยิงป้ายร้านนั่นหรือ?”เฉินม่อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก สีหน้ามั่นใจ ในความทรงจำเดิม การยิงธนูในสมัยโบราณปกติแล้วจะยิงได้ในระยะประมาณร้อยยี่สิบเมตร ถ้าเป็นธนูชั้นดีและเป็นผู้ที่มีกำลังมาก จะยิงได้ประมาณร้อยเจ็ดสิบแปดสิบเมตรแต่ธนูมีจุดอ่อนที่แย่มากอย่างหนึ่ง ยิ่งระยะทางไกล พลังการโจมตีก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นระยะสองร้อยเมตรอยู่เหนือระยะการโจมตีสูงสุดแล้ว“รัชทายาทจะวู่วามไม่ได้นะขอรับ เวลานี้เป็นช่วงที่คนพลุกพล่านที่สุด ภัตตาคารต้าเฉียนไกลเกิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 11

    “หานซิ่น? น่าสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแฮะ!”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย แสดงสีหน้าเหนือคาด หานซิ่นในโลกคู่ขนานกับหานซิ่นในประวัติศาสตร์คล้ายกันจนน่าทึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหานซิ่นคนนี้จะต่างกับเทพนักรบหานซิ่นในประวัติศาสตร์มากหรือไม่แต่ในสมัยที่เกียรติสำคัญกว่าชีวิต คนที่รับความอัปยศใต้หว่างขาได้คงมีอยู่แค่คนเดียวแล้ว“เสี่ยวฟาน เจ้าสนใจคนผู้นี้หรือ?”อู่จ้านถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“ยังไง ท่านรู้จักคนที่ชื่อหานซิ่นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถาม“หานซิ่นผู้นี้ยากจนข้นแค้น เจอกับอุปสรรคทั้งชีวิต แต่เขามีจุดเด่นที่สุดคือชอบตำราทหาร เขาอดข้าวสามวันเพื่อเอาเงินมาซื้อตำราทหารได้ แล้วยังถึงขั้นว่าคลั่งไคล้เอามาก ๆ ด้วย”อู่จ้านกล่าวทันที “เพราะอย่างนี้คนผู้นี้จึงมีนิสัยอ่อนเปียก ทั้งยังรักการอ่านตำราทหาร ดังนั้นทุกคนจึงชอบรังแกเขา แต่เขามักยิ้มน้อย ๆ ตอบเสมอ วันนี้ที่ถูกคนขายเนื้อหาเรื่องก็คงเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ”“ไม่เลว ข้าชอบเขา!”ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือไม่ ฉินอวิ๋นฟานประทับใจต่อหานซิ่นมากด้วยความรู้สึก หานซิ่นในสมัยโบราณคือเทพนักรบแห่งยุคที่ฝังลึกอยู่ในใจคน แต่ที่น่า

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 12

    คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ากลางมวลชน!หลัวเหิงมองฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เห็นเขาไม่เหมือนล้อเล่นจึงเอ่ยปากถาม “ค่ายทานหลางมีทหารทั้งหมดสามพันคน เบี้ยหวัดครึ่งปีไม่ใช่น้อย ๆ นะ”“ถึงท่านจะเป็นรัชทายาทก็คงไม่มีอำนาจก้าวก่ายกรมคลังให้จ่ายเบี้ยหวัดกระมัง? เพราะกรมคลังอยู่ในการดูแลขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง”“ไป ตามข้าเข้าวัง รับเบี้ยหวัด!”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดไร้สาระอีก ถ้าอยากดึงค่ายทานหลางเข้าพวกจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของพวกเขาก่อน สำหรับเรื่องอื่น คงได้แต่รอให้จบเรื่องนี้แล้วค่อยว่ากัน“เอ่อ...”หลัวเหิงตะลึงงัน มองอู่จ้านแบบประหลาดใจเล็ก ๆ เพราะอู่จ้านไม่เพียงแต่เคยเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา ยังเป็นคนที่เขาเชื่อที่สุดด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอดีตหัวหน้าของเขา“ไป ไปเอาเบี้ยหวัด!”อู่จ้านตบบ่าของหลัวเหิง ทั้งสองตามไปเดี๋ยวนั้น!ไม่น่าพวกเขาก็มาถึงกรมคลัง สถานที่ดูเรื่องเงินของต้าเฉียน“เอ๋ นี่ไม่ใช่รัชทายาทฉินอวิ๋นฟานของต้าเฉียนเราหรือ? ลมอะไรหอบท่านมาได้เนี่ย?”พอเห็นพวกฉินอวิ๋นฟานมา ชายอ้วนตุ๊ต๊ะอายุสามสิบกว่าและมีไฝอยู่เหนือปากก็รีบมาต้อนรับ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 13

    “ยังไม่รีบขอบคุณรัชทายาทอีก!”อู่จ้านเห็นหลัวเหิงยังอึ้งอยู่จึงรีบเตือน“ขอบคุณพระคุณยิ่งใหญ่ของรัชทายาทมากขอรับ ข้าน้อยหลัวเหิงตัวแทนค่ายทานหลาง ขอสวามิภักดิ์แด่รัชทายาท จะจงรักภักดีจนตัวตาย!”ครั้นหลัวเหิงได้สติกลับคืนมาก็คุกเข่าลงทันที คำนับฉินอวิ๋นฟานแรง ๆ!ฉินอวิ๋นฟานประคองหลัวเหิงขึ้นมาและบอกว่า “คนที่ติดตามข้า ต่อไปก็คือพี่น้องบ้านเดียวกัน ขอเพียงข้าฉินอวิ๋นฟานยังมีหนึ่งเฮือกลมหายใจจะต้องไม่ให้เหล่าพี่น้องได้รับความอยุติธรรม ใครรังแกพวกเจ้าก็คือเป็นศัตรูกับข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะให้มันชดใช้อย่างแสนสาหัส”หลัวเหิงในเวลานี้ถูกมนต์เสน่ห์ของฉินอวิ๋นฟานสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว เวลานี้เขาเข้าใจสักที นานหลายปีอย่างนี้แล้วทำไมอู่จ้านยังคงจงรักภักดีต่อรัชทายาทรัชทายาทเช่นนี้ คู่ควรให้เหล่าพี่น้องทุ่มเทเพื่อเขา!“หานซิ่นเป็นทหารอัจฉริยะที่ข้ารับมาใหม่ ตอนนี้ข้าจะให้เขาเป็นกุนซือ พวกเจ้าร่วมมือกันดี ๆ พยายามทำให้ค่ายทานหลางแข็งแกร่ง เตรียมตัวทำงานใหญ่”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“น้อมรับคำสั่งรัชทายาท!”ตอนนี้หลัวเหิงเลื่อมใสฉินอวิ๋นฟานชนิดหมอบราบคาบแก้วแล้ว ย่อมทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง!“รัชทายาท..

บทล่าสุด

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1062

    ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1061

    การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1060

    “ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1059

    เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1058

    ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1057

    สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1056

    “พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1055

    ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี

  • รัชทายาทชะตาฟ้า   บทที่ 1054

    การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status