นอกจากจะเป็นความจนใจ ครั้งนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ด่ากราดและไม่ได้ระเบิดอารมณ์ เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เป็นวงกว้าง อยู่เหนือจินตนาการของเขานัก โยงใยถึงส่วนรวมถ้าเขาต้องการดำเนินแผนการยิ่งใหญ่ เขาจะต้องอาศัยกำลังของไท่ซั่งหวง และตอนนี้ก็คือโอกาสดี! ด้วยความสามารถของเขาในเวลานี้ เป็นไม่ได้เลยที่จะใช้กำลังเดียวเปลี่ยนแปลงนโยบายการเก็บภาษีของบ้านเมืองขวางทางทรัพย์คน ดุจสังหารบิดรมารดา การปฏิรูปการเก็บภาษีอย่างใหญ่หลวง จะต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและสะเทือนเหล่าขุนนางต้าเฉียนเป็นวงกว้าง อยากจะลดภาระของชาวบ้าน ยากยิ่งกว่าก้าวขึ้นสวรรค์ แต่สถานการณ์ของต้าเฉียนในเวลานี้รุนแรงกว่าที่เขาคิดมาก ทุกคนต่างจมอยู่กับการชิงบัลลังก์และการใช้เล่ห์กลหลอกกัน ไม่มีเวลาสนใจทิศทางของต้าเฉียน ในยามที่เหล่าองค์ชายต่อสู้กันภายใน เกรงว่าต้าเยียนจะเป็นฝ่ายตักตวงผลประโยชน์แล้วฉินอวิ๋นฟานเคยวิเคราะห์สถานการณ์ต้าเฉียนอย่างละเอียด องค์ชายใหญ่มีตระกูลฮั่วซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพชื่อดังและตระกูลฝั่งมารดาคอยสนับสนุน แม้ตระกูลจะไม่แข็งแกร่งเหมือนตระกูลเหอปานนั้น หากเป็นตระกูลใหญ่ที่เก่าแก่
ครั้นดำเนินงานจะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน การเก็บภาษีเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของขุนนางทุกคน ดีไม่ดีอาจทำให้ระบบการปกครองของทั้งต้าเฉียนพังทลาย กอปรกับศึกระหว่างองค์ชาย ครั้นเริ่มต้นจะส่งผลเป็นวงกว้าง เขาไม่กล้าเดิมพันง่าย ๆ ถ้าแพ้เดิมพัน สถานเบาต้าเฉียนจะต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ องค์ชายแบ่งแยก สถานหนักคือล่มสลาย“ฟานเอ๋อร์ เรื่องนี้เกี่ยวกับส่วนรวม ข้าให้คำตอบที่ชัดเจนกับเจ้าไม่ได้!”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าด้วยความจนใจ“เสด็จปู่ หม่อมฉันทราบดี ถ้างดเก็บภาษีรายหัวของประชาชนจะทำให้บรรดาขุนนางเสียผลประโยชน์มาก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นทุกปีหม่อมฉันจะเป็นคนออกภาษีรายหัวสี่ร้อยล้านของประชาชนเอง! เบี้ยหวัดของขุนนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนเดิม หม่อมฉันแค่ชดเชยสี่ร้อยล้านที่ขาดไปเท่านั้น สามารถลดภาระของขุนนางท้องที่ได้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ควบคู่พ่ะย่ะค่ะ”เพื่อไม่กระตุ้นต่อมโมโหของขุนนางพวกนี้ที่เห็นแก่ผลประโยชน์และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากฉินอวิ๋นฟานจะจ่ายเงินมหาศาลนี่แล้ว ยังปลอบอารมณ์พวกเขาได้อีกแม้จะไม่สบอารมณ์นัก แต่เขาก็ไม่มีทางอื่น การที่เขาทำเช่นนี
เห็นทุกคนทำหน้ากังวล ไท่ซั่งหวงเพียงหัวเราะชืด ๆ แล้วมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน ก่อนจะเอ่ยปาก “ที่ฮุยเอ๋อร์ว่ามามีเหตุผลนัก ฟานเอ๋อร์ เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”ได้รับการยอมรับจากเสด็จปู่ ฉินอวิ๋นฮุยเชิดมุมปาก เผยสีหน้าย่ามใจ เขาย่อมรู้ว่านโยบายนี้ของฉินอวิ๋นฟานเป็นผลดีต่อประชาชนและบ้านเมืองมาก แต่เขาไม่อยากให้ใช้กฤษฎีกาฉบับนี้เป็นวงกว้างในต้าเฉียนเพราะหากสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานจะได้เป็นขุนนางผู้ทำคุณูปการใหญ่หลวงอย่างยิ่ง เพิ่มเบี้ยใหญ่ในการชิงบัลลังก์ นอกจากนี้ นโยบายนี้เสี่ยงมากเกินไป มีปัจจัยที่มิอาจควบคุมมาก อาทิเช่นเมื่อเจ้าหน้าที่ในที่ทำการไม่มีเงินใต้โต๊ะ พวกเขาย่อมเกิดความไม่พอใจโกรธแค้นการใช้ระบบเดิมจึงจะเป็นรูปแบบการปกครองที่มั่นคงที่สุด เขาไม่อยากให้ประชาชนกินอิ่มนัก โบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มท้องมักเกิดความปรารถนาคิดชั่ว ทันทีที่ทุกคนกินอิ่มก็จะมีกำลังทำเรื่องอื่นมากขึ้นความคิดของเขาก็คือมัดชาวบ้านติดกับผืนนา เก็บเกี่ยวผลจากการใช้แรงงานส่วนใหญ่ของพวกเขา ให้พวกเขาไม่มีเวลาเหลือที่จะคิด ไม่มีแรงเสพสุขกับชีวิต เช่นนี้พวกเขาก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อการปกครองของราชวงศ์ไม่เพียงแต่ให้พวกเขาต้อง
“ภัตตาคารต้าเฉียนทำมาค้าขึ้น ราชสำนักก็ออกประกาศอีกได้ว่าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ราชสำนักจึงตัดสินใจงดเก็บภาษีรายหัวต่ออีกหนึ่งปี ในปีต่อ ๆ ไปก็ใช้วิธีการทำนองนี้ก็พอ”“แบบนี้จะทำให้พวกเขาเห็นถึงความห่วงใยและเข้าใจที่ราชสำนักมีต่อประชาชนในทุก ๆ ปี พร้อมกันนั้นทุกคนจะเข้าใจว่าภาษีรายหัวยังคงอยู่”เมื่อได้ฟังการอธิบายของฉินอวิ๋นฟาน สีหน้าฉินอวิ๋นฮุยดำเป็นหมิ่นหม้อเดี๋ยวนั้น ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานไม่มีประสบการณ์ในการปกครองบ้านเมือง กลับเข้าใจสถานการณ์ชาวบ้านเช่นฝ่ามือ?โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนที่เขาเสนอเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก รุกรับตามต้องการ หาที่ติไม่ได้สักนิด“ฟานเอ๋อร์ตั้งใจจริง ๆ ดูท่าเจ้าคงตั้งใจทำการบ้านมานะ”ไท่ซั่งหวงพึงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก พยักหน้าหงึกหงัก ฉินอวิ๋นฟานนอกจากจะควักเงิน ยังมีข้อเสนอแนะที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาถึงกลับไม่เอาผลงานใด ๆ ยกให้เป็นของราชสำนักทั้งหมด ปุถุชนยากจะทำได้เช่นนี้“ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ชมเชย!”หลังจากฉินอวิ๋นฟานคำนับขอบคุณแล้ว ก็พูดต่อ “ตอนนี้ข้าจะตอบคำถามข้อแรกที่พี่รองกังวล โบราณว่าไว้ ไม่ต
“ฟานเอ๋อร์สามารถมีใจทำคุณประโยชน์โดยไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องเช่นนี้ได้ ข้าปลื้มใจยิ่งนัก! ต้าเฉียนสามารถมีองค์ชายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองเช่นนี้ คือวาสนาของต้าเฉียนเราแล้ว! ต่อไปพวกเจ้าพี่น้องต้องเรียนรู้จากฟานเอ๋อร์ให้มาก!”ไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีต่อกฤษฎีกาที่ฉินอวิ๋นฟานเสนอและความทุ่มเทชัดเจน เขาหาที่ติไม่ได้จริง ๆ องค์ชายที่สามารถควักเงินส่วนตัวมาทำเรื่องดีให้กับประชาชนเช่นนี้ได้ หายากล้ำค่ายิ่ง!ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของฉินอวิ๋นฟานอยู่เหนือจินตนาการของเขานัก ยิ่งทำให้เขาเห็นการมองการณ์ไกลที่คนทั่วไปมิอาจเทียบของฉินอวิ๋นฟานในภาพจำของไท่ซั่งหวง ฉินอวิ๋นฟานเกลียดขุนนางทุจริตที่สุด วันนี้ เขาไม่เพียงไม่เอาเรื่องการโกงกิน ยังออกเงินชดเชยส่วนที่พวกเขาโกงมาเองอีก จุดประสงค์ก็เพื่อขจัดปัญหาทุจริตจิตใจและวิสัยทัศน์เช่นนี้ ทำให้ไท่ซั่งหวงดีใจและทอดถอนใจนักไท่ซั่งหวงชื่นชมฉินอวิ๋นฟานมาก ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยที่อยู่ด้านข้างหน้าดำทะมึนจนน่ากลัว ในด้านการปกครอง เขามีสิทธิ์ในการพูดและประสบการณ์ที่ห่างชั้น แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง กฤษฎีกาฉบ
หลังจากไท่ซั่งหวงทำใจให้สงบได้แล้วก็ถามยืนยันอีกครั้ง“เสด็จปู่ เรื่องเฉพาะทางก็สมควรให้มืออาชีพที่สุดไปทำ ด้านนี้หม่อมฉันสู้พี่ใหญ่ พี่รองและพี่น้องคนอื่น ๆ ไม่ได้จริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อย “อีกอย่าง พวกเราต่างเป็นส่วนหนึ่งของต้าเฉียน ต่างหวังให้บ้านเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองแข็งแกร่ง ไม่ว่าใครจะขึ้นนั่งบัลลังก์ก็มีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นการชิงบัลลังก์ก็ส่วนชิงบัลลังก์ จะบั่นทอนการพัฒนาบ้านเมืองไม่ได้!”คำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้องค์ชายทั้งหลายละอายยากจะเป็นคน พวกเขาไม่ปฏิเสธว่าคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานถูก นี่จึงจะเป็นวิสัยทัศน์และท่าทีซึ่งองค์ชายที่ได้มาตรฐานพึงมี“ดี ดี ดีมาก!”ไท่ซั่งหวงพูดว่าดีติดกันสามหน ใช้มันสื่ออารมณ์ตื่นเต้นของเขาในเวลานี้ หลายปีเช่นนี้ นานแล้วที่เขาไม่เคยฮึกเหิมเช่นนี้ยามนี้ สายตาที่เขามองฉินอวิ๋นฟานอัดแน่นไปด้วยประกาย จากนั้นก็กวาดมองทุกคนก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ ฮุยเอ๋อร์ กว่างเอ๋อร์ เรื่องนี้มอบให้พวกเจ้าสามคนพี่น้องไปจัดการ จะแบ่งงานอย่างไร จะใช้คนอย่างไร พวกเจ้าพี่น้องตัดสินใจกันเองเถอะ!”“แต่... วันนี้ ต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งหลายในราชสำน
เห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของฉินอวิ๋นฟาน จิตใจที่หวั่นวิตกของอู่จ้านสงบลงได้สักที ตามหลังเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักเหยียนเหนียนของไท่ซั่งหวง!พอพวกฉินอวิ๋นฟานสามคนเพิ่งมาถึงตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงนอนอยู่บนเก้าอี้ในลานตำหนักแล้ว กำลังอาบแดดอย่างสบายอารมณ์อยู่!เห็นฉินอวิ๋นฟานมาถึง ไท่ซั่งหวงจึงลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าแสงวสันต์ เขาถามอย่างสนอกสนใจ “ฟานเอ๋อร์ ด้วยการแสดงออกและการทุ่มเทของเจ้าในราชสำนักวันนี้ ทั้งที่สามารถเรียกร้องแบบเกินเลยได้สักหน่อย ไยเจ้าจึงเลือกละทิ้งเสียเล่า?”ฉินอวิ๋นฟานกลับยิ้มแห้งแล้วตอบ “เสด็จปู่ ความจริงหม่อมฉันไม่มีอะไรจะขอจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ต่อให้หม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องการจริง ก็ไม่ไปขอในราชสำนักหรอก”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการต่อสู้ชิงชัยในราชสำนัก ในสายตาของเขา สิ่งเหล่านั้นก็แค่ผลประโยชน์เท่าหัวแมลงวัน วิสัยทัศน์อยู่ที่ใด สมรภูมิก็อยู่ที่นั่น เรื่องพวกนี้ในราชสำนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก“อ้อ ดูท่าการที่ข้าเรียกเจ้ามาเดี่ยว ๆ จะถูกต้องแล้วสินะ?”ไท่ซั่งหวงเบ้ปากพูดฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ถึงเสด็จปู่มิทรงเรียกหม่อมฉันมา หม่อมฉันก็จะมาหาพระองค์อยู่ดี
“อ้อ? ภาษีรายหัวเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผนการของเจ้า? มิน่าเจ้าถึงทิ้งโอกาสแสดงฝีมือครั้งนี้!”ไท่ซั่งหวงทำหน้าประหลาดใจ ภาษีรายหัวปีหนึ่งสี่ร้อยล้าน บวกกับสวัสดิการของขุนนางท้องที่ ปีหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสี่ร้อยห้าสิบล้านตำลึงเงิน แล้วยังมีภาษีการค้า นี่ไม่ใช่จำนวนเล็ก ๆถ้าไม่มีวิธีการหาเงินที่ร้ายกาจ ยากจะดำเนินต่อจริง“เสด็จปู่ การใช้อุบายหลอกล่อต่อสู้ระหว่างองค์ชายทำให้หม่อมฉันรำคาญใจเหลือเกินแล้ว การคิดแผนการมอบสวัสดิการให้ประชาชนเดิมก็เป็นเรื่องที่องค์ชายทั้งหลายพึงกระทำ ส่วนผลงานจะเป็นของใครล้วนไม่สำคัญ”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด “เทียบกับการจะเอาผลประโยชน์น้อยนิดเพียงหัวแมลงวันไม่เลิก มิสู่กำหนดแผนการให้ดี ให้พวกเขาไปทำก็พอ ขณะเดียวกันจะได้ตรวจสอบคุณลักษณะและความสามารถของพวกเขาไปในตัว”“ส่วนหม่อมฉัน ขอเพียงสร้างระบบการค้าที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนเสร็จ ก็สามารถดำเนินการตามแผนงานของหม่อมฉันได้เลย ก็เหมือนกับอู่เหลียงเย่ มิใช่เปลี่ยนความเคยชินในการดื่มสุราของทุกคนแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ครั้นไท่ซั่งหวงได้ฟังก็สูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง เจ้าเด็กนี่อายุอานามน้อย ๆ กลับวางงานล้ำล
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั