“เจ้า เจ้าจะเอาจริงหรือ?”เหอเหวินเย่าพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ“ท่านเห็นข้าเหมือนพูดล้อเล่นหรือ?”องค์ชายรองกล่าวด้วยใบหน้าชั่วร้าย “น้าสาม บอกอู๋อีฝาน ให้เขากำจัดฉินอวิ๋นฟานให้ข้า!”“อวิ๋นฮุย เจ้าใจเย็นก่อน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าอู๋อีฝานเป็นใคร เขาเป็นคนในยุทธภพ ถ้าให้อู๋อีฝานลงมือกับองค์ชายต้าเฉียนจะเท่ากับทำลายสัญญาระหว่างราชวงศ์กับยุทธภพ จะเกิดเรื่องใหญ่เอานะ!” เหอเหวินเย่าสีหน้าปั้นยากกว่าปกติ ใช่ว่าจะใช้ขั้วอิทธิพลของยุทธภพไม่ได้ แต่จะใช้ง่าย ๆ ไม่ได้ และจะใช้อย่างโจ่งแจ้งก็ไม่ได้ด้วย การสังหารองค์ชายยิ่งเป็นข้อห้ามร้ายแรง และไม่ต้องพูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานมีสถานะพิเศษเป็นรัชทายาทอีก “แล้วยังไง? ต่อให้ข้าฆ่าฉินอวิ๋นฟานแล้วพวกเขาจะทำอะไรข้าได้? ยังจะแก้แค้นกับข้าหรือ? อีกอย่าง อู๋อีฝานเป็นสุดยอดนักฆ่าที่ข้าฝึกฝนอย่างลับ ๆ เชี่ยวชาญการหลบซ่อนที่สุด ไม่มีใครรู้ข้อมูลตัวตนของเขาหรอก มันจะเกิดเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหน”ฉินอวิ๋นฮุยยิ้มร้ายพลางพูด“องค์ชายรอง ท่านจะไม่ไตร่ตรองอีกสักหน่อยจริง ๆ หรือ?”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายยังเตือนอีกคำ อย่างไรเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม และตอนนี้ยัง
หลัวเหิงซาบซึ้งใจเสียไม่มี กรอบดวงตาชื้นแฉะ“เรียนรัชทายาท พวกหานซิ่นมาแล้วขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนา ทหารคนหนึ่งรายงานอยู่นอกกระโจม“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”ได้รับการอนุญาตจากฉินอวิ๋นฟาน หานซิ่น หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามา หลังจากทำแผลบนตัวและกินข้าวแล้ว พวกเขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ากลับมามีสีเลือดเล็กน้อย“รัชทายาท!” พวกหานซิ่นคำนับฉินอวิ๋นฟานด้วยท่าทีเคารพนบนอบ“นั่งเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานแสดงเจตนารมณ์ “หลังจากผ่านปัญหาครั้งนี้ พวกเราสมควรนั่งลงคุยกันดี ๆ เริ่มจากหลัวเหิงก่อนเถอะ!”ยามนี้ไม่มีใครล่วงรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ และไม่รู้ว่าแผนการลำดับต่อไปของเขาคืออะไร กลับไม่รู้เลยว่าฉินอวิ๋นฟานมีแผนอยู่ในใจชัดเจนแล้วหลัวเหิงพูดอย่างจริงจัง “หลังจากพัฒนามาครึ่งเดือน ค่ายทานหลางมีพี่น้องหนึ่งหมื่นคนแล้ว และยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พี่น้องทุกคนต่างพยายามอย่างเต็มที่ ทุกหน่วยย่อยพัฒนาฝีมือไม่หยุดหย่อน ฝึกฝนจนชำนาญแล้วขอรับ”พอได้ยินการรายงานของหลัวเหิง ฉินอวิ๋นฟานพึงพอใจมาก เขามองไปทางหานซิ่นแล้วถาม “ทางเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง?”หานซิ่นตอบ
หานซิ่นโดดเดี่ยวทุกข์ยากมาทั้งชีวิต รับกับความอยุติธรรมและการหยามเหยียดมากมาย การปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานช่วยเขาจากหว่างขาคนขายเนื้อ ฟันเฟืองในชีวิตของเขาจึงเริ่มหมุนเดินอย่างเป็นทางการสำหรับเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือแสงสว่างในชีวิต ไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นเช่นไร เขาก็จะติดตามฉินอวิ๋นฟานอย่างจงรักภักดีหลังจากหานซิ่นแสดงจุดยืน หลิวเป้ยก็ลุกขึ้นพรวดแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “นับจากได้เห็นท่วงทำนองของรัชทายาทในการประลองยุทธ์ด้านบู๊ พวกเราก็เลื่อมใสในมนต์เสน่ห์นิสัยของรัชทายาทแล้ว”“อีกอย่าง ท่านทำเรื่องที่สัญญากับประชาชนผู้ประสบเคราะห์ในพื้นที่ภัยพิบัติเป็นจริงทีละเรื่อง ห่วงใยชาวประชา พวกเราสามคนพี่น้องเลื่อมใสยิ่งนัก อนาคตไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง พวกเราล้วนสมัครใจติดตามรัชทายาทขอรับ!”ได้รับคำมั่นอย่างจริงจังของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มพอใจ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มองคนผิด หลิวเป้ยที่เป็นแบบนี้คู่ควรแก่การเชื่อถือและมอบงานใหญ่“เจ้าล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางลิ่งหูเสี่ยวและถาม“ข้าน้อยมีภาพในอุดมคติอยู่ในใจมาตลอด ข้าน้อยอยากติดตามรัชทายาททำมันให้สำเร็จทีละก้าว ข้าน้อยหวังว่าจะได
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของลิ่งหูเสี่ยว โดยรวมฉินอวิ๋นฟานก็เข้าใจจุดสำคัญของเรื่องแล้ว เช่นเดียวกับที่ลิ่งหูเสี่ยวบอก ถ้าลิ่งหูชงเข้าร่วมกับพรรคพวกหนึ่ง เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะเข้าร่วมกับพี่รองฉินอวิ๋นฮุย“ถูกต้อง ศิษย์พี่ข้าเป็นคนมากเล่ห์ไม่เลือกวิธี แต่เขาเชี่ยวชาญการกบดาน วิเคราะห์สถานการณ์ ชี้กวางเป็นม้า กลับดำเป็นขาวเก่งที่สุด เรื่องการปลุกปั่นอารมณ์ผู้ประสบเคราะห์นี้ก็เหมือนเป็นฝีมือของเขามาก”ลิ่งหูเสี่ยวเอ่ย“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสอง เผยรอยยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก ปืนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากป้องกัน หลังจากผ่านเรื่องในครั้งนี้ ต้องระวังคนผู้นี้จึงจะดี“ในเมื่อแนวคิดชัดเจนแล้ว ต่อไปก็จัดการง่าย”ฉินอวิ๋นฟานราวกับยกภูเขาออกจากอก หันไปทางมู่หรงโหลวและยิ้มร้าย “พี่โหลว ท่านล่ะ? ดูท่าครั้งนี้ท่านจะตกใจไม่น้อยนะ ยังจะร่วมงานกับข้าต่ออีกหรือไม่? จะไปตอนนี้ยังทันนะ”“เฮอะ ทุกคนเลือกที่จะฝ่าฟันกับความลำบาก ถ้าข้าเลือกไปตอนนี้ ข้าจะไม่ดูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อขี้ขลาดตาขาวมากหรือ?”มู่หรงโหลวแข็งใจพูด “ถึงยังไงก็มีน้องสาวกับพ่อข้าอยู่ ถ้าเจ
“ทำไม? เจ้าไม่เชื่อ?”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อย ความมั่นใจล้นออกมาจากใบหน้าดังเดิม เขาที่รอบรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถโจมตีแบบลดมิติได้โดยสมบูรณ์ ต้าเยียนจะกร่างอย่างไร หรือจะเก่งไปกว่าเทคโนโลยีขั้นสูง?สำหรับฉินอวิ๋นฟาน การครองโลกขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เขาในเวลานี้ต้องการเวลาสะสมขุมกำลังของตัวเอง ปืนย่อมมีพลังการทำลายล้างสูง แต่มันคือมีดสองคม ทันทีที่ตกอยู่ในมือของพวกองค์ชายรอง มันจะเป็นอันตรายต่อเขาอย่างยิ่งยวดโดยมิต้องสงสัยดังนั้นในตอนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ เขาต้องระมัดระวังรอบคอบอย่าให้เกิดความผิดพลาดจึงจะดี“ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ อันดับหนึ่งของเก้าราชวงศ์ โลกในยามนี้มีแต่ต้าเยียนจะรุกรานคนอื่น แคว้นอื่นหรือจะกล้าส่งทหารไปต้าเยียน?”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเมืองจัวติดกับแคว้นเหมียวและต้าเยียน หลิวเป้ยรู้กำลังของต้าเยียนดี สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน สามารถรักษาเมืองจัวไว้ได้ก็โชคดีมากแล้ว การชิงห้าเมืองคืนแทบจะเป็นคนบ้าฝันละเมอ“อ้อ? ดูท่าเจ้าจะรู้เรื่องต้าเยียนดีมากนะ ไหนลองว่ามาสิ”หลิวเป้ยมีปฏิกิริยาหนักขนาดนี้จึงดึง
หลิวเป้ยเอ่ย “ทันทีที่พวกเขาบุกห้าเมืองจะต้องจุดไฟพิโรธของต้าเยียนแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะมีข้าอ้างส่งทหารมาเมืองจัวเรา กำลังของสองแคว้นต่างกันมาก เกรงว่าพวกเราจะต้านทานราชสีห์นับล้านของต้าเยียนไม่ไหว”หลังจากการวิเคราะห์ของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเห็นด้วย มิน่าอยู่ต่อหน้าค่ายหู่เปิน องค์ชายใหญ่ถึงไม่มีกำลังต่อต้านใด ๆ ไม่เพียงเพราะความต่างในด้านฝีมือ ที่มากกว่าคือความครั่นคร้ามจากขั้วหัวใจนึกถึงคำพูดนั้นของฮั่วเจิ้นหลงในตอนประลองด้านบู๊ ฉินอวิ๋นฟานกลับเริ่มเข้าใจแล้ว กับการล่มสลายของแคว้น เสียเมืองหนึ่งนับเป็นอะไร?สำหรับพวกเขาซึ่งสูงศักดิ์มีอำนาจอยู่ในมือเหล่านี้ อำนาจในมือคือที่หนึ่งเสมอ ถ้าเมืองหนึ่งสามารถแลกความสงบสุขและอภิสิทธิ์พิเศษหลายปีของพวกเขาได้ พวกเขาจะเลือกประนีประนอมอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยกับพวกที่พูดจาดีว่ายอมถอยเพราะหวังดีต่ออาณาประชาราษฎ์ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองพรรค์นี้ ความจริงแล้วก็คือรักตัวกลัวตาย เป็นโจรขายชาติตามแบบฉบับ หน้าไม่อาย กระดูกอ่อน[1] ไม่ซื่อตรงปราศจากคุณธรรม“อื่ม ข้ารู้แล้ว เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ ถึงเวลาข้าย่อมมีแผน สำหรับห้าเมือง ข้าจะเอ
ครั้นได้รับการรับรองจากมู่หรงโหลว ฉินอวิ๋นฟานก็ฉายรอยยิ้มพอใจ ผู้มีใจอันบริสุทธิ์จะทำงานใหญ่ไม่ได้ได้อย่างไร?“ดีมาก! มีพวกเจ้าอยู่ ยังจะกลัวงานใหญ่ไม่สำเร็จอีกรึ?”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากและพูด “หลัวเหิง เจ้ารับผิดชอบทุกเรื่องในค่ายทานหลางเป็นหลัก ข้าจะให้เงินเจ้ายี่สิบล้านตำลึง ต้องสร้างค่ายทานหลางให้เป็นกองทัพเหล็กให้ได้ ระหว่างการเร่งพัฒนา ความภักดีและคุณภาพก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกัน”“หา? ยี่สิบล้าน?!”หลัวเหิงสองตาเบิกโพลงเดี๋ยวนั้น เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากทีก็ยี่สิบล้านแล้ว ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดกับการพัฒนาค่ายทานหลาง จะต้องทำให้ค่ายทานหลางเลื่อนขึ้นอีกระดับชั้นแน่“เจ้ามีแค่ภารกิจเดียว นั่นก็คือทำทุกวิถีทางเสริมสร้างค่ายทานหลางให้ใหญ่โตและแข็งแกร่ง ยี่สิบล้านนับเป็นอะไร เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ใช้ยิ่งเยอะยิ่งดี มีให้ไม่อั้น!” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ได้! ข้าน้อยจะพัฒนาค่ายทานหลางอย่างเต็มกำลังแน่นอนขอรับ!” หลัวเหิงพูดด้วยความฮึกเหิมอย่างหาที่เปรียบมิได้“หลิวเป้ย ข้าจะให้เงินห้าสิบล้านตำลึงกับเมืองจังที่เจ้ารับผิดชอบ พวกเจ้าใช้กันให้เต็มที่ เงิน
ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินออกจากค่ายทานหลาง ต้าซวงและเสี่ยวซวงก็รีบมาคำนับตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ค้อมตัวลงในท่าทางของสาวใช้คนหนึ่ง คนที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากสองพี่น้องคงมีอยู่แค่หยิบมือ“แหมพวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว แถมยังเป็นศิษย์อาจารย์กันอีก ทำไมต้องยึดติดกับพิธีรีตองอย่างนี้ด้วยนะ?”ครั้งนี้ต้าซวงและเสี่ยวซวงสวมชุดกระโปรงยาวคอต่ำผ้าบางสีขาวสะอาดปานหิมะ และยังถึงกับโปร่งแสงราง ๆ ด้วย แสดงเค้าโครงสรีระเว้านูนงดงามของพวกนางออกมาจนหมด กอปรกับดวงหน้าแห่งยุค ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วพาลให้ลำคอแห้งผาก ร้อนรุ่มไปทั้งตัวฉินอวิ๋นฟานรีบเดินไปจับมือของสองดรุณี ลูบนางเบา ๆ เมื่อสัมผัสใกล้ชิดกันก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปะทะมาทันที ทำให้ฉินอวิ๋นฟานดุจคนโง่งม ดั่งเมาสุราเดี๋ยวนั้น สองมือเนียนละเอียดประดุจหยกขาวยิ่งมีความรู้สึก ทำเอาฉินอวิ๋นฟานลืมทุกสิ่งชั่วขณะ“อย่างไรข้าน้อยก็เป็นหญิงชาวบ้านจากหอคณิกา อยู่ต่อหน้ารัชทายาทย่อมต้องรู้ความแตกต่างสูงต่ำเจ้าค่ะ”ต้าซวงยิ้มสวยพลางพูด“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น”ฉินอวิ๋นฟานรีบกระชับระยะห่างระหว่างกัน ถึงขนาดลืมว่ามู่หรงจิ่นยังอยู่ข้างหลังเขาสองมือใหญ่ของเข
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว