หานซิ่นโดดเดี่ยวทุกข์ยากมาทั้งชีวิต รับกับความอยุติธรรมและการหยามเหยียดมากมาย การปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานช่วยเขาจากหว่างขาคนขายเนื้อ ฟันเฟืองในชีวิตของเขาจึงเริ่มหมุนเดินอย่างเป็นทางการสำหรับเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือแสงสว่างในชีวิต ไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นเช่นไร เขาก็จะติดตามฉินอวิ๋นฟานอย่างจงรักภักดีหลังจากหานซิ่นแสดงจุดยืน หลิวเป้ยก็ลุกขึ้นพรวดแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “นับจากได้เห็นท่วงทำนองของรัชทายาทในการประลองยุทธ์ด้านบู๊ พวกเราก็เลื่อมใสในมนต์เสน่ห์นิสัยของรัชทายาทแล้ว”“อีกอย่าง ท่านทำเรื่องที่สัญญากับประชาชนผู้ประสบเคราะห์ในพื้นที่ภัยพิบัติเป็นจริงทีละเรื่อง ห่วงใยชาวประชา พวกเราสามคนพี่น้องเลื่อมใสยิ่งนัก อนาคตไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง พวกเราล้วนสมัครใจติดตามรัชทายาทขอรับ!”ได้รับคำมั่นอย่างจริงจังของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มพอใจ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มองคนผิด หลิวเป้ยที่เป็นแบบนี้คู่ควรแก่การเชื่อถือและมอบงานใหญ่“เจ้าล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางลิ่งหูเสี่ยวและถาม“ข้าน้อยมีภาพในอุดมคติอยู่ในใจมาตลอด ข้าน้อยอยากติดตามรัชทายาททำมันให้สำเร็จทีละก้าว ข้าน้อยหวังว่าจะได
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของลิ่งหูเสี่ยว โดยรวมฉินอวิ๋นฟานก็เข้าใจจุดสำคัญของเรื่องแล้ว เช่นเดียวกับที่ลิ่งหูเสี่ยวบอก ถ้าลิ่งหูชงเข้าร่วมกับพรรคพวกหนึ่ง เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะเข้าร่วมกับพี่รองฉินอวิ๋นฮุย“ถูกต้อง ศิษย์พี่ข้าเป็นคนมากเล่ห์ไม่เลือกวิธี แต่เขาเชี่ยวชาญการกบดาน วิเคราะห์สถานการณ์ ชี้กวางเป็นม้า กลับดำเป็นขาวเก่งที่สุด เรื่องการปลุกปั่นอารมณ์ผู้ประสบเคราะห์นี้ก็เหมือนเป็นฝีมือของเขามาก”ลิ่งหูเสี่ยวเอ่ย“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสอง เผยรอยยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก ปืนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากป้องกัน หลังจากผ่านเรื่องในครั้งนี้ ต้องระวังคนผู้นี้จึงจะดี“ในเมื่อแนวคิดชัดเจนแล้ว ต่อไปก็จัดการง่าย”ฉินอวิ๋นฟานราวกับยกภูเขาออกจากอก หันไปทางมู่หรงโหลวและยิ้มร้าย “พี่โหลว ท่านล่ะ? ดูท่าครั้งนี้ท่านจะตกใจไม่น้อยนะ ยังจะร่วมงานกับข้าต่ออีกหรือไม่? จะไปตอนนี้ยังทันนะ”“เฮอะ ทุกคนเลือกที่จะฝ่าฟันกับความลำบาก ถ้าข้าเลือกไปตอนนี้ ข้าจะไม่ดูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อขี้ขลาดตาขาวมากหรือ?”มู่หรงโหลวแข็งใจพูด “ถึงยังไงก็มีน้องสาวกับพ่อข้าอยู่ ถ้าเจ
“ทำไม? เจ้าไม่เชื่อ?”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อย ความมั่นใจล้นออกมาจากใบหน้าดังเดิม เขาที่รอบรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถโจมตีแบบลดมิติได้โดยสมบูรณ์ ต้าเยียนจะกร่างอย่างไร หรือจะเก่งไปกว่าเทคโนโลยีขั้นสูง?สำหรับฉินอวิ๋นฟาน การครองโลกขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เขาในเวลานี้ต้องการเวลาสะสมขุมกำลังของตัวเอง ปืนย่อมมีพลังการทำลายล้างสูง แต่มันคือมีดสองคม ทันทีที่ตกอยู่ในมือของพวกองค์ชายรอง มันจะเป็นอันตรายต่อเขาอย่างยิ่งยวดโดยมิต้องสงสัยดังนั้นในตอนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ เขาต้องระมัดระวังรอบคอบอย่าให้เกิดความผิดพลาดจึงจะดี“ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ อันดับหนึ่งของเก้าราชวงศ์ โลกในยามนี้มีแต่ต้าเยียนจะรุกรานคนอื่น แคว้นอื่นหรือจะกล้าส่งทหารไปต้าเยียน?”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเมืองจัวติดกับแคว้นเหมียวและต้าเยียน หลิวเป้ยรู้กำลังของต้าเยียนดี สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน สามารถรักษาเมืองจัวไว้ได้ก็โชคดีมากแล้ว การชิงห้าเมืองคืนแทบจะเป็นคนบ้าฝันละเมอ“อ้อ? ดูท่าเจ้าจะรู้เรื่องต้าเยียนดีมากนะ ไหนลองว่ามาสิ”หลิวเป้ยมีปฏิกิริยาหนักขนาดนี้จึงดึง
หลิวเป้ยเอ่ย “ทันทีที่พวกเขาบุกห้าเมืองจะต้องจุดไฟพิโรธของต้าเยียนแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะมีข้าอ้างส่งทหารมาเมืองจัวเรา กำลังของสองแคว้นต่างกันมาก เกรงว่าพวกเราจะต้านทานราชสีห์นับล้านของต้าเยียนไม่ไหว”หลังจากการวิเคราะห์ของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเห็นด้วย มิน่าอยู่ต่อหน้าค่ายหู่เปิน องค์ชายใหญ่ถึงไม่มีกำลังต่อต้านใด ๆ ไม่เพียงเพราะความต่างในด้านฝีมือ ที่มากกว่าคือความครั่นคร้ามจากขั้วหัวใจนึกถึงคำพูดนั้นของฮั่วเจิ้นหลงในตอนประลองด้านบู๊ ฉินอวิ๋นฟานกลับเริ่มเข้าใจแล้ว กับการล่มสลายของแคว้น เสียเมืองหนึ่งนับเป็นอะไร?สำหรับพวกเขาซึ่งสูงศักดิ์มีอำนาจอยู่ในมือเหล่านี้ อำนาจในมือคือที่หนึ่งเสมอ ถ้าเมืองหนึ่งสามารถแลกความสงบสุขและอภิสิทธิ์พิเศษหลายปีของพวกเขาได้ พวกเขาจะเลือกประนีประนอมอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยกับพวกที่พูดจาดีว่ายอมถอยเพราะหวังดีต่ออาณาประชาราษฎ์ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองพรรค์นี้ ความจริงแล้วก็คือรักตัวกลัวตาย เป็นโจรขายชาติตามแบบฉบับ หน้าไม่อาย กระดูกอ่อน[1] ไม่ซื่อตรงปราศจากคุณธรรม“อื่ม ข้ารู้แล้ว เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ ถึงเวลาข้าย่อมมีแผน สำหรับห้าเมือง ข้าจะเอ
ครั้นได้รับการรับรองจากมู่หรงโหลว ฉินอวิ๋นฟานก็ฉายรอยยิ้มพอใจ ผู้มีใจอันบริสุทธิ์จะทำงานใหญ่ไม่ได้ได้อย่างไร?“ดีมาก! มีพวกเจ้าอยู่ ยังจะกลัวงานใหญ่ไม่สำเร็จอีกรึ?”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากและพูด “หลัวเหิง เจ้ารับผิดชอบทุกเรื่องในค่ายทานหลางเป็นหลัก ข้าจะให้เงินเจ้ายี่สิบล้านตำลึง ต้องสร้างค่ายทานหลางให้เป็นกองทัพเหล็กให้ได้ ระหว่างการเร่งพัฒนา ความภักดีและคุณภาพก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกัน”“หา? ยี่สิบล้าน?!”หลัวเหิงสองตาเบิกโพลงเดี๋ยวนั้น เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากทีก็ยี่สิบล้านแล้ว ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดกับการพัฒนาค่ายทานหลาง จะต้องทำให้ค่ายทานหลางเลื่อนขึ้นอีกระดับชั้นแน่“เจ้ามีแค่ภารกิจเดียว นั่นก็คือทำทุกวิถีทางเสริมสร้างค่ายทานหลางให้ใหญ่โตและแข็งแกร่ง ยี่สิบล้านนับเป็นอะไร เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ใช้ยิ่งเยอะยิ่งดี มีให้ไม่อั้น!” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ได้! ข้าน้อยจะพัฒนาค่ายทานหลางอย่างเต็มกำลังแน่นอนขอรับ!” หลัวเหิงพูดด้วยความฮึกเหิมอย่างหาที่เปรียบมิได้“หลิวเป้ย ข้าจะให้เงินห้าสิบล้านตำลึงกับเมืองจังที่เจ้ารับผิดชอบ พวกเจ้าใช้กันให้เต็มที่ เงิน
ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินออกจากค่ายทานหลาง ต้าซวงและเสี่ยวซวงก็รีบมาคำนับตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ค้อมตัวลงในท่าทางของสาวใช้คนหนึ่ง คนที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากสองพี่น้องคงมีอยู่แค่หยิบมือ“แหมพวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว แถมยังเป็นศิษย์อาจารย์กันอีก ทำไมต้องยึดติดกับพิธีรีตองอย่างนี้ด้วยนะ?”ครั้งนี้ต้าซวงและเสี่ยวซวงสวมชุดกระโปรงยาวคอต่ำผ้าบางสีขาวสะอาดปานหิมะ และยังถึงกับโปร่งแสงราง ๆ ด้วย แสดงเค้าโครงสรีระเว้านูนงดงามของพวกนางออกมาจนหมด กอปรกับดวงหน้าแห่งยุค ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วพาลให้ลำคอแห้งผาก ร้อนรุ่มไปทั้งตัวฉินอวิ๋นฟานรีบเดินไปจับมือของสองดรุณี ลูบนางเบา ๆ เมื่อสัมผัสใกล้ชิดกันก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปะทะมาทันที ทำให้ฉินอวิ๋นฟานดุจคนโง่งม ดั่งเมาสุราเดี๋ยวนั้น สองมือเนียนละเอียดประดุจหยกขาวยิ่งมีความรู้สึก ทำเอาฉินอวิ๋นฟานลืมทุกสิ่งชั่วขณะ“อย่างไรข้าน้อยก็เป็นหญิงชาวบ้านจากหอคณิกา อยู่ต่อหน้ารัชทายาทย่อมต้องรู้ความแตกต่างสูงต่ำเจ้าค่ะ”ต้าซวงยิ้มสวยพลางพูด“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น”ฉินอวิ๋นฟานรีบกระชับระยะห่างระหว่างกัน ถึงขนาดลืมว่ามู่หรงจิ่นยังอยู่ข้างหลังเขาสองมือใหญ่ของเข
“เอ่อ...”เสี่ยวซวงดวงหน้าชะงักไป ลำคอพลันแดงซ่าน!“ยินดีกับรัชทายาทด้วยเจ้าค่ะ เจ้าหอเราจัดงานเลี้ยงฉลองให้ท่านแล้ว เชิญตามเราพี่น้องไปหอวั่งเจียงเถอะเจ้าค่ะ!” แม่นางต้าซวงเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยปากพูด “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ได้!”หลังจากหยอกแม่นางเสี่ยวซวงเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานก็อารมณ์ดีมาก ภายใต้การนำของสองดรุณี ไม่นานก็มาถึงหอวั่งเจียง ม่านรัตติกาลคืบคลานมาถึง ริมน้ำจุดไฟสว่างไสว ผู้คนพลุกพล่านครึกครื้นที่สุดครั้นมองไปยังแม่น้ำ หอใหญ่อลังการปรากฏอยู่ในคลองจักษุ ตั้งอยู่ตรงกลางโดดเดี่ยว มีเอกลักษณ์โดดเด่น ที่มีบรรยากาศรื่นเริงบันเทิงใจคือหอวั่งเจียงนั่นเอง“หอวั่งเจียงของพวกเจ้าทำงานไวจริง ๆ สร้างสะพานลอยเชื่อมต่อกับหอวั่งเจียงเสร็จแล้ว” เห็นสะพานสัญจรตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานอดสะท้อนใจไม่ได้ เงินทำได้ทุกอย่างจริง ๆ เพราะการสร้างสะพานยากกว่าการสร้างอาคารมากเทียบกันแล้วเรือในสมัยโบราณค่อนข้างล้าหลัง และไม่ชำนาญศึกทางน้ำ เมื่อเปรียบเทียบกัน การสร้างแพลอยน้ำยังถือว่าง่ายกว่า แต่สะพานลอยที่ไม่ส่งผลกับเรือสัญจรกลับยาก“ขอเพียงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พวกเราหอวั่งเจียงมักทำงานเร็วเสมอ อีกอย่าง การออกแบบข
แม่นางต้าซวงกับแม่นางเสี่ยวซวงเป็นคนดังของหอวั่งเจียง เทียบกับหญิงอื่น พวกนางย่อมอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า สายตาที่มองคนทะลุปรุโปร่งกว่าเป็นธรรมดา เพราะพวกนางเคยเห็นคนร่ำรวยมีฐานะมานักต่อนัก คนที่อยากหลับนอนกับพวกนางยิ่งมีมาไม่ขาดสายสามารถครองความบริสุทธิ์ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกนางมีความสามารถและวิธีการเหนือคน แต่บรรดาเฒ่าหัวงูกลับละเลยประเด็นสำคัญของปัญหานี้ นั่นคืออย่างไรพวกนางก็เป็นหญิงสาววัยแรกแย้มพูดถึงเงินทอง พวกนางเป็นหนึ่งในคนดังของหอวั่งเจียง มิได้ขาดเงิน และยังอาจมีมากกว่าขุนนางผู้สูงศักดิ์พวกนั้นด้วย การใช้เงินทองหลอกล่อต่อหน้าพวกนาง นั่นมิใช่พฤติกรรมตามแบบฉบับของตัวตลกหรือ?ถ้าพูดถึงฐานะและอิทธิพล หอวั่งเจียงลึกลับและมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้พวกนางจะเป็นแค่นางคณิกาชาวบ้านคนหนึ่ง แต่รอบรู้ตัวตนของเหล่าขุนนางคนใหญ่คนโตต่าง ๆ กระทั่งควบคุมพวกเขาเล่นสนุกได้ทั้งวัน ตัวตนเช่นนี้หรือจะดึงความสนใจของพวกนางพี่น้องได้?ดังนั้นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจในกลยุทธ์จีบสาวของตัวเอง ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์สำคัญในยุคสมัยนี้มาก หัวใจสาวน้อยอ่อนไหวนั้น ด้วยการเห