ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินออกจากค่ายทานหลาง ต้าซวงและเสี่ยวซวงก็รีบมาคำนับตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ค้อมตัวลงในท่าทางของสาวใช้คนหนึ่ง คนที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากสองพี่น้องคงมีอยู่แค่หยิบมือ“แหมพวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว แถมยังเป็นศิษย์อาจารย์กันอีก ทำไมต้องยึดติดกับพิธีรีตองอย่างนี้ด้วยนะ?”ครั้งนี้ต้าซวงและเสี่ยวซวงสวมชุดกระโปรงยาวคอต่ำผ้าบางสีขาวสะอาดปานหิมะ และยังถึงกับโปร่งแสงราง ๆ ด้วย แสดงเค้าโครงสรีระเว้านูนงดงามของพวกนางออกมาจนหมด กอปรกับดวงหน้าแห่งยุค ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วพาลให้ลำคอแห้งผาก ร้อนรุ่มไปทั้งตัวฉินอวิ๋นฟานรีบเดินไปจับมือของสองดรุณี ลูบนางเบา ๆ เมื่อสัมผัสใกล้ชิดกันก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปะทะมาทันที ทำให้ฉินอวิ๋นฟานดุจคนโง่งม ดั่งเมาสุราเดี๋ยวนั้น สองมือเนียนละเอียดประดุจหยกขาวยิ่งมีความรู้สึก ทำเอาฉินอวิ๋นฟานลืมทุกสิ่งชั่วขณะ“อย่างไรข้าน้อยก็เป็นหญิงชาวบ้านจากหอคณิกา อยู่ต่อหน้ารัชทายาทย่อมต้องรู้ความแตกต่างสูงต่ำเจ้าค่ะ”ต้าซวงยิ้มสวยพลางพูด“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น”ฉินอวิ๋นฟานรีบกระชับระยะห่างระหว่างกัน ถึงขนาดลืมว่ามู่หรงจิ่นยังอยู่ข้างหลังเขาสองมือใหญ่ของเข
“เอ่อ...”เสี่ยวซวงดวงหน้าชะงักไป ลำคอพลันแดงซ่าน!“ยินดีกับรัชทายาทด้วยเจ้าค่ะ เจ้าหอเราจัดงานเลี้ยงฉลองให้ท่านแล้ว เชิญตามเราพี่น้องไปหอวั่งเจียงเถอะเจ้าค่ะ!” แม่นางต้าซวงเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยปากพูด “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ได้!”หลังจากหยอกแม่นางเสี่ยวซวงเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานก็อารมณ์ดีมาก ภายใต้การนำของสองดรุณี ไม่นานก็มาถึงหอวั่งเจียง ม่านรัตติกาลคืบคลานมาถึง ริมน้ำจุดไฟสว่างไสว ผู้คนพลุกพล่านครึกครื้นที่สุดครั้นมองไปยังแม่น้ำ หอใหญ่อลังการปรากฏอยู่ในคลองจักษุ ตั้งอยู่ตรงกลางโดดเดี่ยว มีเอกลักษณ์โดดเด่น ที่มีบรรยากาศรื่นเริงบันเทิงใจคือหอวั่งเจียงนั่นเอง“หอวั่งเจียงของพวกเจ้าทำงานไวจริง ๆ สร้างสะพานลอยเชื่อมต่อกับหอวั่งเจียงเสร็จแล้ว” เห็นสะพานสัญจรตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานอดสะท้อนใจไม่ได้ เงินทำได้ทุกอย่างจริง ๆ เพราะการสร้างสะพานยากกว่าการสร้างอาคารมากเทียบกันแล้วเรือในสมัยโบราณค่อนข้างล้าหลัง และไม่ชำนาญศึกทางน้ำ เมื่อเปรียบเทียบกัน การสร้างแพลอยน้ำยังถือว่าง่ายกว่า แต่สะพานลอยที่ไม่ส่งผลกับเรือสัญจรกลับยาก“ขอเพียงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พวกเราหอวั่งเจียงมักทำงานเร็วเสมอ อีกอย่าง การออกแบบข
แม่นางต้าซวงกับแม่นางเสี่ยวซวงเป็นคนดังของหอวั่งเจียง เทียบกับหญิงอื่น พวกนางย่อมอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า สายตาที่มองคนทะลุปรุโปร่งกว่าเป็นธรรมดา เพราะพวกนางเคยเห็นคนร่ำรวยมีฐานะมานักต่อนัก คนที่อยากหลับนอนกับพวกนางยิ่งมีมาไม่ขาดสายสามารถครองความบริสุทธิ์ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกนางมีความสามารถและวิธีการเหนือคน แต่บรรดาเฒ่าหัวงูกลับละเลยประเด็นสำคัญของปัญหานี้ นั่นคืออย่างไรพวกนางก็เป็นหญิงสาววัยแรกแย้มพูดถึงเงินทอง พวกนางเป็นหนึ่งในคนดังของหอวั่งเจียง มิได้ขาดเงิน และยังอาจมีมากกว่าขุนนางผู้สูงศักดิ์พวกนั้นด้วย การใช้เงินทองหลอกล่อต่อหน้าพวกนาง นั่นมิใช่พฤติกรรมตามแบบฉบับของตัวตลกหรือ?ถ้าพูดถึงฐานะและอิทธิพล หอวั่งเจียงลึกลับและมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้พวกนางจะเป็นแค่นางคณิกาชาวบ้านคนหนึ่ง แต่รอบรู้ตัวตนของเหล่าขุนนางคนใหญ่คนโตต่าง ๆ กระทั่งควบคุมพวกเขาเล่นสนุกได้ทั้งวัน ตัวตนเช่นนี้หรือจะดึงความสนใจของพวกนางพี่น้องได้?ดังนั้นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจในกลยุทธ์จีบสาวของตัวเอง ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์สำคัญในยุคสมัยนี้มาก หัวใจสาวน้อยอ่อนไหวนั้น ด้วยการเห
พฤติการณ์เผด็จการของฉินอวิ๋นฟานทำให้แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงเห็นแล้วตาโตอ้าปากค้างทันที ที่นี่คือหอวั่งเจียงนะ คนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่สูงส่งมั่งมี ใครที่ไหนจะกล้าสอดมือยุ่งไปเรื่อย?ในหอวั่งเจียงมักเกิดเรื่องเช่นนี้อยู่ประจำ ถ้าเจอเรื่องแบบนี้แล้วใช้วิธีการรุนแรงแก้ไข เช่นนั้นหอวั่งเจียงก็ไม่ต้องทำการค้าแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายเพียงหนึ่งเดียว“โอ๊ย...”หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นก็ดึงคนเข้ามามุงล้อมทันที ทุกคนอยากรู้ว่าใครกันไม่รู้จักมองตาม้าตาเรือ กล้าก่อเรื่องที่หอวั่งเจียงท่ามกลางสายตาของทุกคน เจ้าหมูตอนถูกเหยียบหน้าแรง ๆ โกรธจัดควันออกหูฉับพลัน เขาพยายามบิดร่างกายอย่างบ้าคลั่ง แต่เนื่องจากน้ำหนักตัวมากเกินไป ร่างกายอืดอาด ทั้งถูกคนเหยียบหน้าแรง จึงมิอาจหลุดพ้นเขาตะคอก “เจ้ามารดามันรู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร? กล้าลบหลู่ข้าอย่างนี้?! รีบเอาเท้าเหม็น ๆ ของเจ้าออกไปเลยนะ! ไม่อย่างนั้นต้องให้เจ้าไม่ตายดีแน่!”“อ้อ? ปากดีไม่เบานี่ มา ๆ ๆ ไหนลองว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใคร?”เห็นเจ้าหมูตอนเดือดจัด ทั้งพูดจาข่มขู่ เมื่อนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงนั่งยองลงอย่างรู้สึกสนุก ถาม
......ทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อถงจินเฉิงสามคำก็แตกตื่นทันที นั่นคือนักวรรณกรรมใหญ่ชื่อเสียงโด่งดังเชียวนะ แม้จะไม่เลื่องชื่อเป็นวงกว้าง แต่ในหมู่ผู้สูงศักดิ์กลับรู้จักคนผู้นี้เป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่ไม่เคยเห็นตัวจริงเท่านั้นพอได้ยินเสียงตกตะลึงของคนรอบข้างตลอดจนการชื่นชมไม่หยุด ถงจินเฉิงจึงทำหยิ่งกว่าเดิม เหยียดมุมปากเล็กน้อย สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความดูถูก“จอหงวนบุ๋นแห่งต้าเยียนถงจินเฉิง? ไม่เคยได้ยินแฮะ”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ พูดแบบไม่ยี่หระ“เอ่อ...”คำว่า ‘ไม่เคยได้ยิน’ ของฉินอวิ๋นฟานทำเอาถงจินเฉิงสำลักเกือบตาย เขานึกว่าพอฉินอวิ๋นฟานได้ยินนามยิ่งใหญ่ของเขาแล้วจะต้องก้มหัวค้อมเอว คุกเข่าวิงวอนร้องขออภัยทันที ไม่นึกว่าเจ้านี่กลับไม่รู้จักเขา?เขาพูดอย่างอัดอั้นตันใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ “หึ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นกบในกะลาหูตาคับแคบ ไม่คู่ควรรู้จักข้าซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านวรรณกรรมเหนือขั้นเช่นข้าหรอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนเช่นเจ้าเข้าหอวั่งเจียงมาได้ยังไง!”ยามนี้ ความรู้สึกเหนือกว่าของถงจินเฉิงเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที ละเลยสายตาประดุจคมมีดของฉินอวิ๋นฟานโดยสิ้นเชิง“เอ๋ เจ้านี่คงไม่ได้ป
“ในเมื่อรู้นามยิ่งใหญ่ของข้าแล้ว ยังไม่รีบขอโทษแม่นางเขาอีก? หรือว่าต้องให้ข้าตบเจ้าจนกว่าจะขอโทษ?” ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถงจินเฉิงสักนิด กับคนที่ดวงตาอยู่ปลายฟ้านึกว่าตัวเองเก่งด้านวรรณกรรมหนักหนาและทำตัวสูงไปทั่วแล้ว เขาไม่มีภาพจำดีอะไรทั้งนั้นไม่ว่ามันจะเป็นใคร แค่ยื่นกีบหมูเค็ม[1]ออกไปให้ฉินอวิ๋นฟานเห็น การซ้อมยกหนึ่งคือมารยาทตอบกลับขั้นพื้นฐาน เหิมเกริมโอหังวางก้าม ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ตัดมือของมันเสีย แต่แน่นอนว่าไม่นับรวมเขา เพราะการแต๊ะอั๋งมันเร้าใจมาก“ขอโทษ?”ถงจินเฉิงหรี่ดวงตาทั้งสอง “ข้าเป็นถึงจอหงวนบุ๋นแห่งต้าเยียน ความสามารถล้นหลาม ชื่อเสียงดังกระฉ่อนทั่วเก้าอาณาจักร จะก้มหัวขอโทษคนชั้นต่ำรึ? ต่อให้ข้ากล้าขอโทษ แต่นางกล้าจะรับหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวอย่างยิ่งยวด ท่าทีของถงจินเฉิงเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นมา ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนของต้าเยียน ย่อมมีความรู้สึกอยู่เหนือกว่ามากกว่าคนทั่วไปและต้าเยียนก็เป็นผู้นำในเก้าแคว้นใหญ่ นี่คือกำลังเด็ดขาดที่เห็นอยู่ชัด ๆ เป็นความมั่นใจและต้นทุนของเขาซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ต้าเยียน
แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงดูอย่างงุนงงอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเข้าใจที่พวกนางมีต่อฉินอวิ๋นฟาน เขาไม่น่าเป็นคนมุทะลุนี่ คนที่ห่วงใยผู้ประสบเคราะห์เช่นนี้จะรังแกผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?“เหอะ ๆ ฉินอวิ๋นฟาน นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? จะใช้กำลังแทรกแซงหรือ?”ถงจินเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา ในดวงตาเต็มไปด้วยการถากถาง ในสายตาของเขา พฤติกรรมของฉินอวิ๋นฟานก็คือสู้ไม่ได้ ขายหน้าแล้วก็เลยระบายไฟโกรธกับคนอื่น “ใช้กำลังแทรกแซง?”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “เจ้าคิดว่านางกลัวเจ้าจริงหรือ?”“อ้อ? หรือไม่ใช่?” ถงจินเฉิงแบมือออก“นางแค่กลัวความเจิดจ้าบนตัวชั้นของเจ้าเฉย ๆ ถ้าไม่มีความเจิดจ้าชั้นนั้นกับฐานะของเจ้า เจ้ายังเทียบขยะไม่ได้เลย”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น “นางเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งจะไปมีฐานะภูมิหลังอะไรได้? ถูกเจ้าลวนลามสารพัด เอาเปรียบสารเพยังไม่กล้าล่วงเกินสักกิ่งก้อย แถมยังจะก้มหัวขอโทษเจ้าอีก เจ้านึกว่าตัวเองคู่ควรจริงรึ?”“ด้วยสารรูปอ้วนอย่างกับหมูเช่นเจ้า ถ้าไม่ใช่เพื่อความอยู่รอด ใครจะไปอยากปรนนิบัติเจ้า? ตอนออกบ้านไม่ได้ฉี่มาส่องเงาหัวรึ? ใครเห็นก็อยากอ้วกทั
เห็นฉินอวิ๋นฟานซ้อมถงจินเฉิงอย่าบ้าคลั่ง คนโดยรอบต่างมองกันตาค้างไปเลย ต้าเยียนคือเจ้าแห่งเก้าแคว้น ยามพวกเขาเจอขุนนางใหญ่ต้าเยียน จิตใต้สำนึกจะรู้สึกครั่นคร้ามอย่างไม่มีเหตุผลคิดไม่ถึงว่าฉินอวิ๋นฟานกลับไม่หวั่นเกรง ใช้ถาดอาหาร กาสุรา หมูหันรวมไปถึงเก้าอี้อะไรต่าง ๆ ทุ่มไปทางถงจินเฉิง อัดจนถงจินเฉิงค้นหาฟันทั่วพื้น สะบักสะบอมที่สุด โอดครวญร่ำร้องอย่างหนัก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ามารดามันกล้าซ้อมข้า? เจ้าคอยดูนะ แค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้!”ถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมอย่างหนักอีกครั้ง ถงจินเฉิงแค้นขั้นสุด ถ้าซ้อมโดยไม่รู้ตัวตนของเขาก็ช่างเถอะ แต่เขาประกาศตัวตนและฐานะของตัวเองออกไปแล้ว กลับยังถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเหยียดอัดน่วมเช่นนี้ จะให้เขาอดกลั้นแค้นนี้ได้อย่างไร?!“แก้แค้น? เจ้ากำลังรังแกคนอื่นอยู่ชัด ๆ เจ้าเอาหน้าที่ไหนกล้าพูดว่าแก้แค้น? ที่นี่คือต้าเฉียน ไม่ใช่ต้าเยียนของเจ้า! ใครมอบความกล้าให้เจ้าโอหังกำแหงในถิ่นของข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานซ้อมคนไปพลาง ปากก็ด่าทอด้วยโทสะไปพลาง “วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างจริงจัง อยู่ในแผ่นดินต้าเฉียน เป็นเสือเจ้าก็ต้องหมอบให้ข้า เป็นมังกรเจ้าก็ต้องเก็บหางให้ข้า ต