“ในเมื่อรู้นามยิ่งใหญ่ของข้าแล้ว ยังไม่รีบขอโทษแม่นางเขาอีก? หรือว่าต้องให้ข้าตบเจ้าจนกว่าจะขอโทษ?” ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถงจินเฉิงสักนิด กับคนที่ดวงตาอยู่ปลายฟ้านึกว่าตัวเองเก่งด้านวรรณกรรมหนักหนาและทำตัวสูงไปทั่วแล้ว เขาไม่มีภาพจำดีอะไรทั้งนั้นไม่ว่ามันจะเป็นใคร แค่ยื่นกีบหมูเค็ม[1]ออกไปให้ฉินอวิ๋นฟานเห็น การซ้อมยกหนึ่งคือมารยาทตอบกลับขั้นพื้นฐาน เหิมเกริมโอหังวางก้าม ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ตัดมือของมันเสีย แต่แน่นอนว่าไม่นับรวมเขา เพราะการแต๊ะอั๋งมันเร้าใจมาก“ขอโทษ?”ถงจินเฉิงหรี่ดวงตาทั้งสอง “ข้าเป็นถึงจอหงวนบุ๋นแห่งต้าเยียน ความสามารถล้นหลาม ชื่อเสียงดังกระฉ่อนทั่วเก้าอาณาจักร จะก้มหัวขอโทษคนชั้นต่ำรึ? ต่อให้ข้ากล้าขอโทษ แต่นางกล้าจะรับหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวอย่างยิ่งยวด ท่าทีของถงจินเฉิงเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นมา ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนของต้าเยียน ย่อมมีความรู้สึกอยู่เหนือกว่ามากกว่าคนทั่วไปและต้าเยียนก็เป็นผู้นำในเก้าแคว้นใหญ่ นี่คือกำลังเด็ดขาดที่เห็นอยู่ชัด ๆ เป็นความมั่นใจและต้นทุนของเขาซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ต้าเยียน
แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงดูอย่างงุนงงอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเข้าใจที่พวกนางมีต่อฉินอวิ๋นฟาน เขาไม่น่าเป็นคนมุทะลุนี่ คนที่ห่วงใยผู้ประสบเคราะห์เช่นนี้จะรังแกผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?“เหอะ ๆ ฉินอวิ๋นฟาน นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? จะใช้กำลังแทรกแซงหรือ?”ถงจินเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา ในดวงตาเต็มไปด้วยการถากถาง ในสายตาของเขา พฤติกรรมของฉินอวิ๋นฟานก็คือสู้ไม่ได้ ขายหน้าแล้วก็เลยระบายไฟโกรธกับคนอื่น “ใช้กำลังแทรกแซง?”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “เจ้าคิดว่านางกลัวเจ้าจริงหรือ?”“อ้อ? หรือไม่ใช่?” ถงจินเฉิงแบมือออก“นางแค่กลัวความเจิดจ้าบนตัวชั้นของเจ้าเฉย ๆ ถ้าไม่มีความเจิดจ้าชั้นนั้นกับฐานะของเจ้า เจ้ายังเทียบขยะไม่ได้เลย”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น “นางเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งจะไปมีฐานะภูมิหลังอะไรได้? ถูกเจ้าลวนลามสารพัด เอาเปรียบสารเพยังไม่กล้าล่วงเกินสักกิ่งก้อย แถมยังจะก้มหัวขอโทษเจ้าอีก เจ้านึกว่าตัวเองคู่ควรจริงรึ?”“ด้วยสารรูปอ้วนอย่างกับหมูเช่นเจ้า ถ้าไม่ใช่เพื่อความอยู่รอด ใครจะไปอยากปรนนิบัติเจ้า? ตอนออกบ้านไม่ได้ฉี่มาส่องเงาหัวรึ? ใครเห็นก็อยากอ้วกทั
เห็นฉินอวิ๋นฟานซ้อมถงจินเฉิงอย่าบ้าคลั่ง คนโดยรอบต่างมองกันตาค้างไปเลย ต้าเยียนคือเจ้าแห่งเก้าแคว้น ยามพวกเขาเจอขุนนางใหญ่ต้าเยียน จิตใต้สำนึกจะรู้สึกครั่นคร้ามอย่างไม่มีเหตุผลคิดไม่ถึงว่าฉินอวิ๋นฟานกลับไม่หวั่นเกรง ใช้ถาดอาหาร กาสุรา หมูหันรวมไปถึงเก้าอี้อะไรต่าง ๆ ทุ่มไปทางถงจินเฉิง อัดจนถงจินเฉิงค้นหาฟันทั่วพื้น สะบักสะบอมที่สุด โอดครวญร่ำร้องอย่างหนัก“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ามารดามันกล้าซ้อมข้า? เจ้าคอยดูนะ แค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้!”ถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมอย่างหนักอีกครั้ง ถงจินเฉิงแค้นขั้นสุด ถ้าซ้อมโดยไม่รู้ตัวตนของเขาก็ช่างเถอะ แต่เขาประกาศตัวตนและฐานะของตัวเองออกไปแล้ว กลับยังถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเหยียดอัดน่วมเช่นนี้ จะให้เขาอดกลั้นแค้นนี้ได้อย่างไร?!“แก้แค้น? เจ้ากำลังรังแกคนอื่นอยู่ชัด ๆ เจ้าเอาหน้าที่ไหนกล้าพูดว่าแก้แค้น? ที่นี่คือต้าเฉียน ไม่ใช่ต้าเยียนของเจ้า! ใครมอบความกล้าให้เจ้าโอหังกำแหงในถิ่นของข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานซ้อมคนไปพลาง ปากก็ด่าทอด้วยโทสะไปพลาง “วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างจริงจัง อยู่ในแผ่นดินต้าเฉียน เป็นเสือเจ้าก็ต้องหมอบให้ข้า เป็นมังกรเจ้าก็ต้องเก็บหางให้ข้า ต
ฉินอวิ๋นฟานไต่ถามอย่างไม่สบอารมณ์“มีจุดประสงค์อะไร?”ถงจินเฉิงสะดุ้งในใจ นี่ฉินอวิ๋นฟานหมายความว่ายังไง? คงไม่คิดว่าเขาเป็นขั้วอำนาจฝั่งตรงข้าม จะจับกุมเขาด้วยเหตุผลที่มาลอบสืบความลับของแคว้นอื่นหรอกนะ? ถ้าเป็นแบบนี้ จะใส่ความกันมากเกินไปแล้วเขารีบพูด “ได้ยินว่ารัชทายาทแห่งต้าเฉียนมีภูมิปัญญาและมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมอย่างยิ่ง ต้าเยียนของข้ากว้างใหญ่ไพศาลทรัพยากรมากมี ผู้มีความสามารถเนืองแน่น เช่นนี้แล้วยังยอมได้หรือ? ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อเทศกาลโคมไฟในอีกสามวันให้หลัง!”“เทศกาลโคมไฟ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วแล้วหันไปมองอู่จ้านที่อยู่ด้านข้าง“เขาพูดถูก ต้าเฉียนซึ่งก่อตั้งบ้านเมืองด้วยหลักแห่งขงจื๊อจะจัดงานเทศกาลโคมไฟทุกปี บรรดาชายหนุ่มหญิงสวยจะรวมตัวกันที่งานเทศกาลโคมไฟอันยิ่งใหญ่ รำดาบร่ายทวน ประชันโคลงกลอน ชื่นชมบุปผา เดินเที่ยวสวน คึกคักที่สุด”อู่จ้านอธิบายอยู่ด้านข้าง “การที่ถงจินเฉิงมาต้าเฉียนครั้งนี้ คงเพราะอยากใช้โอกาสนี้ประลองกับเจ้า ถ้าชนะจะเป็นโอกาสดีในการสร้างชื่อเสียง สมัยก่อนเหลียงคังจวิ้นก็ได้ที่หนึ่งในงานนี้เหมือนกัน ชนะเป็นที่หนึ่ง ชื่อเสียงเกริกก้องนับจากนั้น
ครั้นฉินอวิ๋นฟานกล่าวจบ บรรดาหญิงสาวในหอวั่งเจียงก็มองมาด้วยสายตานับถือ หอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงแสดงศิลปะและจะเป็นเพื่อนกิน เพื่อนดื่ม เพื่อนเล่น เรียกกันโดยทั่วไปว่าสามเพื่อน ส่วนมากแล้วจะไม่ขายเรือนร่างแต่ผู้ชายที่มาที่นี่กลับเป็นพวกตัณหาจัดเสียส่วนใหญ่ มักชอบทำมือปลาหมึก ทำให้พวกนางลำบากใจแต่มิอาจปริปาก เพื่อความอยู่รอดกลับจำต้องยอมทน ฉินอวิ๋นฟานสามารถเป็นกระบอกเสียงให้พวกนางได้ ทำให้พวกนางตื้นตันใจทันทีแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงก็ไม่ต่าง สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง การให้เกียรติและอยู่กับความเป็นจริงในแต่เดิม จนถึงเต็มไปด้วยความเร่าร้อนในปัจจุบัน นั่นคือความรู้สึกของหัวใจเต้นพวกนางพี่น้องคือคนดังของหอวั่งเจียง แต่อย่างไรพวกนางก็คือนางคณิกา การที่หอวั่งเจียงบ่มเพาะพวกนางก็เพื่อผลประโยชน์ของหอวั่งเจียง พันธนาการแห่งโชคชะตาไม่ต่างจากหญิงเหล่านี้ที่เป็นเพื่อนดื่ม การปกป้องศักดิ์ศรีและการวิจารณ์ของฉินอวิ๋นฟานทำให้พวกนางพี่น้องปลาบปลื้มเป็นเท่าตัว“รัชทายาทสั่งสอนถูกต้องแล้ว ต้าหยวนต้องแก้ไขแน่นอน!”หวงต้าหยวนอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครามอ่อนซึ่งขับเน้นสรีระนูนเว้
ที่หอวั่งเจียงการค้าดีเทน้ำเทท่าอย่างนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะอู่เหลียงเย่ของฉินอวิ๋นฟาน เมื่อมีกรรมสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายอู่เหลียงเย่แต่เพียงผู้เดียว หอวั่งเจียงของพวกนางก็เรียกได้ว่ามีกำไรเป็นกอบเป็นกำ“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้า เค้นรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยนี่คือการประท้วงหวงต้าหยวนแบบไร้เสียง การปฏิบัติระดับสูงสุด การแสดงสุดล้ำของหอวั่งเจียงที่ว่าล่ะ? ในฐานะที่เป็นนางรำ ใส่เสื้อผ้าหนาเตอะอย่างนั้นมันใช่การแสดงที่ไหน!หวงต้าหยวนยิ้มอย่างรับรู้ นางหรือจะมองความคิดของฉินอวิ๋นฟานไม่ออก? ก็ผู้ชายนี่นะ มาที่นี่ก็เพื่อผ่อนคลายกับระบายความใคร่ด้วยกันทั้งนั้นมิใช่หรือ? การแสดงเช่นนี้ไม่เพียงพอดึงดูดใจจริง ๆ นั่นแหละแต่...นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!หลังจากพวกนางร่ายรำตามลำดับ จู่ ๆ หัวหน้านางรำก็ใช้มือสวย ๆ ปลดกระดุมตรงคอออก ไม่รอให้ฉินอวิ๋นฟานตอบสนอง นางก็ปลดกระดุมเม็ดบนสุดออกแล้วจากนั้นนางก็เคลื่อนมือลงไปห้าเซนติเมตรต่อ วางนิ้วมือหยกไว้ตรงกระดุมเม็ดที่สองจากด้านล่าง ด้วยการเคลื่อนไหวของนาง นางรำคนอื่น ๆ ต่างเลียนแบบทีละหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ในภาวะเบื่อหน่ายเต็มทนในแต่เดิม ตกตะลึงตาค
“แค่ก ๆ รัชทายาท ข้อเรียกร้องนี้ของท่านจะมากเกินไปหน่อยหรือไม่? อย่างไรพวกเราหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงก็ขายศิลปะไม่ขายตัว ถ้าถอดอีกก็คงไม่ต่างอะไรกับหอโคมเขียวแล้ว”หวงต้าหยวนได้แต่อธิบายด้วยความจนปัญญา“ถ้าที่นี่เหมือนกับพวกหอโคมเขียวข้าก็ไม่มาแล้ว ข้ายังแยกแยะการขายเนื้อหนังกับขายศิลปะได้ดีอยู่น่า ก็สัดส่วนของศิลปะมันมีสูงมาก เติมเต็มจิตใจคนได้ สง่างามไม่ธรรมดา ไม่เหมือนหอโคมเขียวที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายนังแมวยั่วสวาท”ฉินอวิ๋นฟานชมเชยพลางวิจารณ์ “แต่ถ้าจุดไฟให้ศิลปะสง่างามได้บ้าง จะมิยิ่งเข้าถึงมากกว่าหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานยังไม่ตายใจ คืบคลานทีละน้อย ความต้องการสืบเสาะสมควรตายนั่น ทำให้เขาคาดหวังกับการปอกหัวหอมมากขึ้น“รัชทายาทไม่เหมือนคนอื่นจริงแท้ ความคิดบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้ยังสามารถกล่าวออกมาได้ใสซื่อบริสุทธิ์ กลับทำให้ข้ารู้สึกว่าที่ท่านกล่าวมาเหมือนจะมีเหตุผลมาก”หวงต้าหยวนเกือบถูกการอธิบายของฉินอวิ๋นฟานชักนำความคิดแล้ว นางในเวลานี้อึดอัดใจยิ่งนัก ด้วยความเข้าใจในตัวอีกฝ่าย เขาคือคนที่ต่างจากคนอื่นมากและมีปัญญาสูงส่งยิ่งแม้ฉินอวิ๋นฟานจะตัณหาจัด กลับเป็นคนที่ให้เกียรติสตรีเ
หวงต้าหยวนประหลาดใจเล็กน้อย นางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมากเล่ห์เพทุบาย มักไม่เดินตามทาง แต่นางรำแปดคนนี้เป็นคนที่นางฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือบุคลิกล้วนไม่ต่างไปจากต้าซวงและเสี่ยวซวงสักเท่าไร ทั้งยังฝึกซ้อมอย่างมีแบบแผน คงไม่ถึงกับตกอยู่ในกำมือของฉินอวิ๋นฟาน“แน่ใจ เป็นยังไง? กล้าให้ข้าลองหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องเห็นฉินอวิ๋นฟานท่าทางมั่นอกมั่นใจจึงกระตุ้นความอยากเอาชนะของหวงต้าหยวนขึ้นมาโดยสมบูรณ์ นางไม่เชื่อหรอกว่าฉินอวิ๋นฟานจะมีไม้เด็ดอะไรจริง“ได้ แค่ทำตามได้ ข้าจะไม่ขวาง!”หวงต้าหยวนรับปากทันใด นางก็อยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะใช้ลูกไม้อะไร ทำให้ผู้หญิงที่ฝึกฝนมาอย่างมีระเบียบแบบแผนเหล่านี้ถอดชุดตัวบางเองเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานถอดชุดตัวนอกออก บิดร่างกายแล้วเดินตรงมาถึงท่ามกลางผู้หญิงเหล่านั้น ภาพนี้ทำเอาพวกนางตกตะลึงอย่างหนัก ต้าซวงและเสี่ยวซวงที่อยู่ด้านข้างมุมปากกระตุก แม่เจ้าโว้ย พอฉินอวิ๋นฟานจะร่านขึ้นมาผู้หญิงยังสู้ไม่ได้! ยังจะมีงานของผู้หญิงอีกที่ไหน?!“อ๊ะ นี่...”หวงต้าหยวนอ้าปากหวอ ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย นางแพ้ฉินอวิ๋นฟานราบคาบ
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว