บรรดาหญิงสาวสนุกติดลมบนตามฉินอวิ๋นฟานโดยสมบูรณ์ ไม่นานพวกนางก็ล้อมวงกัน ยิ้มแย้มเริงร่า หญิงนางหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าผืนบางปิดดวงตาของฉินอวิ๋นฟานอย่างรู้ใจอย่างยิ่ง“พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย“ฮี่ ๆ เตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ!”เหล่าหญิงสาวครื้นเครงกระตู้วู้ ทั้งตื่นเต้น ทั้งคาดหวัง ไม่นานพวกนางก็พากันมามุงล้อมฉินอวิ๋นฟานเอาไว้ฉินอวิ๋นฟานกลับทำหน้าได้ใจ กระโจนไปข้างหน้า สองมือควานหาสะเปะสะปะ ถึงอย่างไรจับไปก็คือสาวงาม จับอย่างไรก็ไม่ขาดทุนว้าย ๆ...อยู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็กระโจนเข้ามาหา เหล่าหญิงสาวสะดุ้งรีบหลบ กลัวว่าจะถูกจับได้ ท่ามกลางภาพที่ตื่นเต้นเร้าใจเช่นนี้ เหล่าหญิงสาวหวีดร้องว้าย ๆ ด้วยความตื่นเต้นถึงครั้งแรกจะจับไม่ได้สักคน แต่ฉินอวิ๋นฟานกลับได้สัมผัสแขนเรียวเล็กเนียนละเอียด อย่าให้พูดเลยว่ามันเร้าใจแค่ไหน“หึ ๆ พวกเจ้าหนีไม่พ้นหรอก ข้ามาแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานจู่โจมอีกครั้ง ใต้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางสามารถมองเห็นได้ราง ๆ แม้จะเห็นดวงหน้าไม่ชัด กลับสามารถมองเห็นยอดสูงชันแกว่งอยู่ตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานผู้อยู่ตรงกลางเลือดลมปั่นป่วน หยุดไม่ได้เลย“อ๊า ๆ ๆ...”
แต่ก็สายไปแล้ว ถ้าห้ามตอนนี้จะเป็นนางที่ทำลายกฎไม่รู้จักมองการณ์ไกล ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะทำฉินอวิ๋นฟานหมดสนุกด้วย สำคัญคือนางเหล่านี้ถูกฉินอวิ๋นฟานลูบไปหมดแล้ว ห้ามแล้วจะมีประโยชน์อะไร?“เจ้าเด็กนี่จะหลงระเริงไปแล้วนะ?”อู่จ้านอยู่ด้านข้างเห็นแล้วกลับหลั่งน้ำตาแห่งความอิจฉา มิน่าคนรวยจึงมาสนุกที่หอวั่งเจียง ชีวิตที่มีเงินทองท่วมหัวนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ!แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงไปก็จ้องฉินอวิ๋นฟานเขม็งไป ในใจเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก พวกนางเห็นความสุขที่ไม่เคยสัมผัสจากตัวของฉินอวิ๋นฟานหลังจากหมดเวลาหนึ่งก้านธูป ฉินอวิ๋นฟานเหนื่อยจนกระหืดกระหอบ เหงื่อไคลท่วมตัว เล่นกับพวกนางจนคึกสุดโต่ง ระหว่างที่พวกเขากำลังสุขสันต์อย่างบ้าคลั่ง พวกนางต่างปราชัยสิ้น ผุดหยดเหงื่อหอมทั่วเรือนกาย“รัชทายาท ท่านเก่งจริง ๆ พวกเราพี่น้องหนีไม่พ้นเงื้อมมือมารของท่านเลยเจ้าค่ะ”“นั่นสิ ท่านราวกับดาวพิฆาตของพวกเราพี่น้องแน่ะ พวกเราสู้ไม่ได้เลยสักนิด”......หลังจากเล่นเกมสนิทสนมกันแล้ว พวกนางก็พบว่าฉินอวิ๋นฟานไม่วางมาดสักนิด กลับมีนิสัยร่าเริงรักสนุก พวกนางพี่น้องแทบจะกอดคอกับฉินอวิ๋นฟาน
“เอ่อ ได้!”แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงก็ถูกบรรยากาศสุขสันต์ผ่อนคลายเช่นนี้ส่งผลเหมือนกัน พวกนางสองคนกำลังหิวพอดีเลยจึงแลกสายตากันทีหนึ่ง ไม่เกรงใจอีก ไปร่วมวงกับเขาด้วย“เอ่อ...เจ้าหอหวง เจ้า...ไม่หิวหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานหันไปมองหวงต้าหยวนแล้วถามเสียงอ้อมแอ้มอย่างไรเสียหวงต้าหยวนก็ปิดหน้าตลอดเวลา แถมนางยังให้ความสำคัญกับการถูกคนอื่นเห็นโฉมหน้ามาก ถ้ากินอาหารจะต้องถอดผ้าออก ดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงไม่อยากฝืนใจ แต่จะให้ทุกคนนั่งล้อมวงกินด้วยกัน แล้วทิ้งเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้อยู่อีกทางหนึ่งก็ดูไม่เหมาะสมนัก“พวกท่านกินกันเถอะ ข้าจะออกไปสะสางงานอื่นสักหน่อยแล้วค่อยกลับมา”หวงต้าหยวนอยู่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานและนางอื่น ๆ ผ่อนคลายสบายใจสมานฉันท์ครื้นเครงทำให้นางเกิดความรู้ในที่บอกไม่ถูก และนางก็มิอาจเข้าวงพวกเขาได้ ดังนั้นจึงได้แต่จากไปแบบหยิ่ง ๆเห็นเงาหลังหวงต้าหยวนออกไป ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ไม่ยี่หระ“แม่นางต้าซวง แม่นางเสี่ยวซวง คืนนี้พวกเจ้ามีเวลาหรือไม่? ข้ามีการค้าหนึ่งคิดจะถ่ายทอดให้พวกเจ้าพี่น้อง รับรองว่าต้องทำให้พวกเจ้ามีรายได้เป็นกอบเป็นกำแน่”ฉินอวิ๋นฟานขยับไปถึ
ดวงหน้าของฉินอวิ๋นฟานเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ แม้เขาจะยังไม่รู้ตัวตนของหวงต้าหยวน แต่ด้วยประสบการณ์และสัมผัสที่หกของเขา นางผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่ ที่ร่วมมือกับเขาจะต้องมีจุดประสงค์ล้ำลึกมิอาจคาดเดาสตรีคนหนึ่งซึ่งดูธรรมดาเรียบง่ายกลับสามารถกำหอวั่งเจียงที่ลึกลับเช่นนี้ ฝีมือและความสามารถระดับนี้ใช่คนทั่วไปจะทำได้ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานระแวดระวังที่สุดคือ นางกลับสวมผ้าปิดหน้าผืนบางเหมือนฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวเหมียวชิงอี ทั้งหวงต้าหยวนยังรู้การสนทนาลับ ๆ ระหว่างเขากับเหมียวชิงอีอีก จากเรื่องนี้เห็นได้ว่านางผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ “เทียบกับองค์ชายที่อยู่กินรอความตาย วัน ๆ จมปลักอยู่กับอำนาจพวกนั้นแล้ว ท่านต่างออกไปโดยแท้ เละข้าก็มีจุดที่เหมือนกับท่าน นั่นคือเดินเส้นทางพิเศษ ชอบใช้วิธีการไม่เหมือนใคร ใช้เล็กพนันใหญ่”หวงต้าหยวนหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูด “อีกอย่าง ข้ามั่นใจในการตัดสินใจและสัญชาตญาณของตัวเองมาก กับท่านซึ่งมีความทะเยอทะยานรุนแรงแล้วเหมาะสมกันมาก”หวงต้าหยวนไม่ปกปิดการชื่นชมและชมเชยต่อฉินอวิ๋นฟานสักนิด แม้บางครั้งเขาจะไม่ต่างอะไรกับพวกหัวงู แต่นางดูออก ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่รู้จักความ
“เช่นนั้นหรือ? มันก็ไม่แน่!”แม่นางเสี่ยวซวงพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์“มาเถอะ แม่หวานใจ มีบางเรื่องพวกเราต้องคุยกันบนเตียงนะ”ฉินอวิ๋นฟานแทบอดรนทนไม่ไหวแล้ว ลากมือสองดรุณีไปยังส่วนในของห้องนอน แต่ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจเล็กน้อยคือ พวกนางสองพี่น้องมิใช่หญิงพรหมจรรย์รึ? ทำไมถึงไม่มีท่าทางเขินอายขัดขืนเลยล่ะ?ไม่รอให้ฉินอวิ๋นฟานตอบสนอง ขณะที่เขาเตรียมจะอุ้มพวกนางขึ้นพร้อมกัน กลับถูกพวกนางขัดจังหวะกะทันหันแม่นางต้าซวงพลันเอ่ย “รัชทายาท ท่านจะสอนการทำการค้ากับพวกเราพี่น้องมิใช่หรือ? มิเช่นนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันตรงขอบเตียงก่อนเถอะ?”“เอ่อ นั่นสิ ๆ”ฉินอวิ๋นฟานอึ้ง เกาศีรษะพลางพูดอย่างกระดาก “ข้ามีการค้าบางอย่างอยากคุยกับพวกเจ้าพี่น้องจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานที่ไฟร้อนพลุ่งพล่านดับสนิทเดี๋ยวนั้น อย่างไรพวกนางยังเป็นนักเรียนของเขา แม้ระหว่างพวกเขาจะบอกเป็นนัย ๆ แต่ถ้ารีบจนเกินไปจะเหมือนเดรัจฉาน ดูจะไม่ค่อยเหมาะฉินอวิ๋นฟานจึงได้แต่ทำเป็นจริงจัง เขากระแอมกระไอแล้วพูด “ว่ามาเถอะ พวกเจ้าพี่น้องมีคำถามอะไรก็ถามข้ามาได้เลย ข้าจะบอกหมดเปลือกแน่”สองดรุณีสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็แย้มยิ้มแห่งชัยชน
ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้มุมปากกระตุกหนัก จู่ ๆ เขาก็เอ๋อไปเล็กน้อย แม่สองคนนี่รู้แต่แกล้งไม่รู้หรือว่าไม่รู้จริง ๆ กันแน่? หรือว่าที่เขาพูดเป็นนัย ๆ ยังชัดเจนไม่พออีก? ทำให้พวกนางเข้าใจผิด?“น่าอาย? ไม่น่าอายนี่! วันนี้ท่านสอนได้ยอดเยี่ยมมาก พวกเราเลื่อมใสท่านนัก!”ต้าซวงพูดด้วยใบหน้างงงัน“คือว่า รัชทายาท ท่านยังมีเรื่องอะไรจะสอนอีกหรือไม่? พวกเราพี่น้องล้างหูรอฟัง จับเข่าคุยกันจนถึงรุ่งเช้าก็ไม่มีปัญหา!”แม่นางเสี่ยวซวงเสริมมีดให้อีกหนึ่ง เกือบทำให้ฉินอวิ๋นฟานไฟพิโรธโจมตีหัวใจ กระอักเลือดชราออกมา“เอ่อ ดึกมากแล้ว พวกเจ้าพี่น้องพักผ่อนกันเถอะ อดหลับอดนอนจะไม่ดีต่อสุขภาพ เช่นนั้นข้ากลับก่อนแล้วนะ!”ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าเปลี่ยนแปลงระยะหนึ่ง แม่เอ๊ยจับเข่าคุยกันทั้งคืน ไม่ต้องเอาชีวิตสุนัขของเขาหรือ? เรื่องที่ผู้ชายสมควรทำไม่ได้ทำสักกระติ๊ด มือยังไม่ได้แตะสักที ได้แต่คุยกันเฉย ๆ ใครไม่ทรมานบ้าง?ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้อยากแต่จะไปให้พ้น ๆ อยู่ต่ออีกหนึ่งนาทีล้วนเป็นความทรมานด้านจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง“รัชทายาท ไหนว่าจะจับเข่าคุยกันนาน ๆ อย่างไรเล่า? นี่จะไปแล้วหรือ?”แม่นางต้าซวงทำหน้าอาลัยอาวรณ
อู่จ้านนึกว่าฉินอวิ๋นฟานรังเกียจที่แม่นางทั้งสองมาจากหอคณิกา ดังนั้นหลังจากได้แล้วจึงไม่รับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นองครักษ์คนสนิทและมีฐานะเทียบเท่ากับพ่อบุญธรรม จึงได้แต่ตักเตือนด้วยความหวังดี กลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะพลาดพลั้งไปต้องเสียใจทั้งชาติ“เอ่อ คือว่านะอาจ้าน ตอนนี้ข้าง่วงจัดจริง ๆ เรารีบกลับไปเถอะ เรื่องนี้ท่านก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”ฉินอวิ๋นฟานจนใจเหลือแสน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่อยากเอ่ยถึงอีกสักนิด อับอายขายหน้าถึงบ้าน อาจ้านก็เอาแต่ถามไม่หยุด ทำให้เขาเปิดความหุนหันที่คิดจะตายอย่างหนึ่งเพื่อหนีออกจากหอวั่งเจียงให้เร็วที่สุด ฉินอวิ๋นฟานสับเท้าวิ่งออกไปข้างนอก อู่จ้านตามไปด้วยใบหน้าจนใจ“เจ้าหอ พวกเราทำอย่างนี้จะเกินไปหน่อยหรือไม่? ดูเหมือนรัชทายาทจะโกรธใหญ่เลย”แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงเห็นเงาวิ่งจู๊ดของฉินอวิ๋นฟาน รู้สึกสงสารเล็กน้อย“ทำไม? พวกเจ้าพี่น้องสงสารหรือ?”หวงต้าหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย ในวาจาเต็มไปด้วยรสเย็นชืด“พวกเรามิกล้า!”สองดรุณีรีบค้อมตัว ใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึง อยู่ต่อหน้าหวงต้าหยวน พวกนางพี่น้องมีท่าทีเคารพนบนอบที่สุด หวงต้าหยวนมองสองนางด้วยสายตาเย็นชาทีห
“ถ้าข้าจำไม่ผิด วิถียุทธ์ของเจ้าอู่จ้านน่าจะอยู่ที่ระดับเก้าสูงสุดกระมัง?”ชายชุดดำผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยปากชืด ๆ“อะไรนะ? เจ้า เจ้าถึงกับรู้ฝีมือของข้า?”อู่จ้านใบหน้าตะลึงงัน เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง คนพวกนี้กลับล่วงรู้ฝีมือของเขาดังฝ่ามือ ทั้งยังไม่กลัวเขาอีก คราวนี้ได้ยุ่งแล้วชายชุดดำหัวเราะเสียงเย็น ไม่ยี่หระกับอู่จ้านที่ตกตะลึง หากเอ่ยปากลอย ๆ “พวกเราพี่น้องสิบห้าคนล้วนวิถียุทธ์ระดับเก้า ไม่รู้ว่าเจ้าจะสู้ได้สักกี่คน?”“วิถียุทธ์ระดับเก้าสิบห้าคน?!”พอได้ยินข่าวนี้ ตอนนี้อู่จ้านสิ้นหวังเหลือประมาณ วิถียุทธ์ระดับเก้าแม้จะเป็นแค่การคลำธรณีประตูของการฝึกวิถียุทธ์ หากมิได้ก้าวข้ามวิถียุทธ์อย่างแท้จริง ฝีมือของทุกคนจึงไม่ต่างกันสักเท่าไรถ้าในยามปกติ เขาสามารถต่อสู้กับห้าคนเพียงลำพัง แต่วันนี้สถานการณ์พิเศษ เขานอกจากจะดื่มสุราไม่น้อย ยังขับเขี้ยวกับสาวของหอวั่งเจียงอีกคำรบ สมรรถภาพทางกายลดลงชัดเจนเผชิญหน้ากับผู้มีฝีมือสูสีกับตนสิบห้าคน อู่จ้านลนลานโดยสิ้นเชิง เขาจะอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าฉินอวิ๋นฟานตาย เช่นนั้นเขาเป็นผีก็ไม่ยอม!“พวกเจ้าจะรักษาเกียรติเองแบบรู้จักมองสถานการณ์ หรือว่า