Share

บทที่ 12

Author: ไห่ตงชิง
เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”

“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”

หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

แม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชา

ท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันที

เฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนาง

แม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแล้ว ราชสำนักก็เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ โดยปกติไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ แต่ถ้าหากองค์รัชทายาทจับจุดอ่อนได้ นี่จะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

ไร้เขา ไร้อำนาจ

เขาอธิบายเสียงสั่นเครือ “กระหม่อมถูกใส่ความ บ้านหลังนี้เช่าโดยกระหม่อม ไม่ได้ซื้อมา กระหม่อมยินดีที่จะยกเลิกสัญญาเช่าทันที...”

“เหยียบย่ำกฎเกณฑ์ที่บรรพชนกำหนด แค่ยกเลิกสัญญาเช่าก็สิ้นเรื่องแล้วหรือ?”

หลี่เฉินยิ้มเยาะ จ้องมองไปที่เฉินจิ้งชวน และพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่อยากฟังเจ้าอธิบาย ข้าไม่อยากรู้ว่าใครเป็นคนให้เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือเพื่อประจบประแจงข้า แต่ข้าอยากจะยืมหัวของตระกูลเฉิน แสดงให้คนเหล่านั้นเห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากทำให้ข้าขุ่นเคือง”

เฉินจิ้งชวนใจสลายเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เมื่อมองดูองครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาที่ดุร้ายรอบตัว เขาก็รู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แค่พูดเท่านั้น

เวลานี้ เขารู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ เขารีบอ้อนวอนทันที “ได้โปรดองค์รัชทายาท ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ!”

ด้านหลังเฉินจิ้งชวน มีผู้หญิงตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา ทันใดนั้นก็เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้น ชี้ไปที่หลี่เฉินแล้วตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “แม้ว่าท่านจะเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง แต่ตระกูลเฉินของพวกเราก็เป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน หากไม่เห็นด้วยกับท่าน ท่านก็จะฆ่าหรือไร เช่นนั้น คนในใต้หล้าจะสบายใตได้เยี่ยงไร? ท่านอย่าลืมสิ ผู้คนในเมืองหลวงต่างเฝ้าดูท่านจากด้านหลัง!”

เฉินจิ้งชวนเห็นลูกชายของเขากระโดดออกมาและพูดคำเหล่านี้ เขาก็โกรธมาก เขาตบทันที และตะโกนด่าด้วยความโมโห “หุบปาก ไอ้ลูกเนรคุณ! เจ้าอยากให้ตระกูลเฉินเราตายทั้งหมดใช่ไหม!?”

พูดจบ เฉินจิ้งชวนก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลี่เฉิน แล้วร่ำไห้ออกมา “องค์รัชทายาท กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ดี ได้โปรดเมตาพวกเราด้วย”

หลี่เฉินมองไปที่เด็กหนุ่มที่แสดงอาการไม่พอใจที่โดนตบหน้า กล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่เลว ใจกล้าไม่เบา”

“ตระกูลเฉินพวกเจ้า ในฐานะพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทุกวันนี้ ภัยพิบัติมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องแลกลูกกันกิน แม้แต่ผู้คนในเมืองหลวงก็ทำงานหนักเพื่ออาหารสามมื้อต่อวัน แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเป็นพ่อธัญพืชที่ยอมให้ข้าวขึ้นรามากกว่าขายในราคาปกติ ตอนนี้ราคาข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า มันเป็นความผิดของใคร? มันเป็นความผิดของพ่อค้าธัญพืชอย่างพวกเจ้า!”

“ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วพ่อค้าเห็นคุณค่าของผลกำไร และเหยียบย่ำความชอบธรรมของวิญญูชน พวกเจ้ากำลังสร้างความมั่งคั่งจากวิกฤติของประเทศ ตอนที่กำลังดูดเลือดสูบเนื้อประชาชน ทำไมท่านถึงไม่รู้ว่าผู้คนกำลังเฝ้าดูอยู่? ผลกรรมมาถึงแล้ว แต่คิดจะใช้ประชนชนเป็นโล่กันธนูงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าประชาชนโง่หรือเปล่า?”

หลี่เฉินพูดเสียงดัง และผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ตื่นเต้น

พ่อค้าธัญพืชมีเงินและธัญพืช แต่พวกเขาต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อแลกธัญพืชจำนวนน้อยนิด ดังนั้นความไม่พอใจของสาธารณชนจึงเดือดพล่านแล้ว แต่แค่ไม่มีใครระบายออกมา

บัดนี้มีองค์รัชทายาทเป็นผู้นำด้วยตัวเอง และคำพูดเหล่านี้ก็โดนใจพวกเขามาก

“องค์รัชทายาททรงมีเมตตา องค์รัชทายาททรงมีเมตตา!”

ในหมู่ฝูงชน มีคนเฒ่าคนแก่หลายคนพากันคุกเข่าลงและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

ทันใดนั้นประชาชนก็คุกเข่าลง แล้วตะโกนว่าองค์รัชทายาททรงมีเมตตา

เมื่อเห็นว่าหลี่เฉินครองใจผู้คนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เฉินจิ้งชวนแทบน้ำดีแตก เขารู้สึกว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น

เขาจะจัดการกับคนที่รู้วิธีการเล่นกับจิตใจผู้คนแบบนี้ได้อย่างไร?

“ทหาร พ่อค้าตระกูลเฉิน หัวหน้าตระกูลเฉินจิ้งชวน เพิกเฉยต่อระเบียบมารยาทของจักรวรรดิ ทำตัวอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจกับเลือดและหยาดเหงื่อของผู้คนเมื่อประเทศกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ไม่เข้าใจความยากลำบากของราชสำนัก และทำเงินได้มากมายจากภัยพิบัติของประเทศ ทั้งยังกล่าวโจมตียังองค์รัชทายาท ถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง”

“ตามคำสั่งขององค์รัชทายาท ตระกูลเฉินสามชั่วโคตรจะถูกตัดหัวต่อสาธารณะ และทรัพย์สินทั้งหมด จะถูกนำเข้าไปในท้องพระคลังเพื่อใช้บรรเทาภัยพิบัติ”

เมื่อหลี่เฉินออกสั่งคำ หัวคนก็เตรียมหลุดออกจากบ่า

เฉินเจิ้งชวนรู้สึกหน้ามืด เขาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อขอความเมตตา แต่กลับถูกองครักษ์เสื้อแพรสองคนหยุดเอาไว้ และเอาดาบจ่อที่คอของพวกเขา

“องค์รัชทายาททรงโปรดเมตตา กระหม่อมทำไม่ถูกเพราะสิ้นหวัง กระหม่อมยินดีบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อร้องขอชีวิต องค์รัชทายาทได้โปรดเมตตา เมตตาเหนือกฎหมาย!”

หลี่เฉินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหัวม้า แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังถัดไป

ครั้งนี้ประชาชนเปิดทางให้อย่างยินดี

เสียงกรีดร้องของเฉินจิ้งชวนค่อยๆ จางหายไป และพวกเขากำลังเข้าใกล้บ้านหลังที่สอง ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลหู เมื่อหลี่เฉินเห็นสวีฉังชิงดูซีดเซียว จึงพูดเบาๆ ว่า “กลัวหรือ? คิดว่าข้าโหดร้ายหรือไม่?”

สวีฉังชิงไม่กล้าพูดออกมา เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่น “กระหม่อม กระหม่อมแค่คิดว่า พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ทั้งสามนี้ไม่มีอะไรเลย แต่ที่พวกเขากล้ารวมตัวกันปฏิเสธคำเชิญขององค์รัชทายาท คงเป็นเพราะมีบางคนขวางไว้ องค์รัชทายาทการฆ่าเช่นนี้ย่อมเป็นสุข แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือของศัตรู”

“ไม่เลว รู้จักพิจารณาปัญหาจากจุดยืนของข้าด้วย” หลี่เฉินกล่าวอย่างพึงพอใจ

สวีฉังชิงยิ้มอย่างขมขื่น

องค์ชายรัชทายาทออกมาพร้อมโบกสะบัดธงอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ให้ทุกคนเห็นวิธีการของตนเท่านั้น แต่ยังพาเขามาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเขานั้นเป็นคนขององค์รัชทายาทช และร่องรอยนี้ไม่อาจลบล้างออกไปได้แม้ว่าเขาต้องการก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความสวีฉังชิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามองค์รัชทายาทไปจนถึงจุดจบ

“จะเล่นไปบนมือของพวกเขาก็ดี หรือจะทำเหนือความคาดหมายของพวกเขาก็ช่าง มันไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ สิ่งที่ข้าต้องการทำก็คือใช้มีดที่ดาบที่สุด เพื่อขจัดความยุ่งเหยิงในเมืองหลวงให้เร็วที่สุด”

“ข้าไม่มีเวลาหรือฝึกความความชำนาญไปอย่างช้าๆ เพื่อจะต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาเฒ่าที่วางแผนหลอกกันและกันในราชสำนัก ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทางข้า จะเอาชนะทุกวิถีทาง ข้าเป็นผู้สืบทอดใต้หล้านี้ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หากเราไม่ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบพิเศษนี้ หรือจะให้ข้ารอตาเฒ่าจ้าวเสวียนจีนั่นมาฆ่า?”

“เมื่อพิจารณาจากจิตวิญญาณของเขาแล้ว เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสิบปี ตอนนั้นข้าก็จะอายุสามสิบหรือสี่สิบปี แม้ว่าข้าจะทนได้ แต่จักรวรรดิไม่สามารถทนได้ และข้าก็ไม่มีความอดทน ข้าไม่สนใจที่จะเล่นแผนพวกนั้นด้วยซ้ำ ข้าแค่ฆ่าพวกมันให้หมด”

หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ เขาก็กระตุ้นท้องม้าเบาๆ ม้าตัวนี้ฉลาดมาก มันเร่งความเร็วขึ้นทันที โดยทิ้งสวีฉังชิงไว้ข้างหลัง

สวีฉังชิงมองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท และรู้สึกว่าองค์รัชทายาทคิดเรื่องนี้ง่ายเกินไป ถ้าหากคำว่าฆ่าสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ฝ่าบาทก็คงจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้

ไม่ว่าสวีฉังชิงจะคิดอะไร แต่หลี่เฉินก็มาถึงหน้าประตูจวนหูแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ในตระกูลเฉินได้แพร่มาถึงที่นี่แล้ว

ด้านนอกประตูตระกูลหู มีหูเชียนและคนตระกูลหูกำลังรออยู่

ไม่เพียงแต่มีหูเชียนเท่านั้น แต่ยังมีชายวัยกลางคนที่ท่าทางไม่ธรรมดาอยู่หนึ่งคน ยืนอยู่ข้างหูเชียน

เมื่อเห็นหลี่เฉินมาแต่ไกล และบนร่างกายคลุ้งไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นเลือดที่แน่นหนา หูเชียนจึงถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกลัวว่า “ใต้เท้าเฉียน จะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ? ข้าได้ยินมาว่าตระกูลจบเห่แล้ว”

เฉียนฮั่นเหลือบมองหูเชียนที่หน้าซีดเผือดแล้วพูดเสียงเย็นชา “มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้ายังจะกลัวอะไร? ในเมื่อเจ้ายินดีที่จะมอบทรัพย์สินของครอบครัวเจ้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกการคุ้มครองจากข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้าจากเงื้อมมือขององค์รัชทายาท แม้ว่าจะไม่เห็นแก่หน้าข้า ก็ต้องเห็นแก่หน้าราชเลขาธิการบ้าง เขาจะกล้าได้อย่างไร?”

หูเชียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าหากเขาสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้ แม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินของครอบครัวไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาก็จะยังมีอีกครึ่งหนึ่ง เขาจะวางแผนเมื่อถึงเวลา

ขณะที่เขาพูด หลี่เฉินก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว

“จงมีความสุภาพให้เพียงพอ และปล่อยให้องค์รัชทายาทจับจุดอ่อนอะไรได้”

หลังจากเฉียนฮั่นพูดจบ เขาก็โค้งคำนับหลี่เฉินก่อน และกล่าวว่า “กระหม่อมเฉียนฮั่นขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

“กระหม่อมหูเชียน นำครอบครัวเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

“องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

หลี่เฉินสบตากับเฉียนฮั่น พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

เฉียนฮั่นรีบตอบว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมกับหูเชียนเป็นมิตรสหายกัน และบังเอิญเป็นแขกที่บ้านของหูเชียน”

หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่หูเชียนบอกว่าตัวเองต้องไปตรวจบัญชีที่สาขาอื่นไม่ใช่หรือ เป็นไปได้ไหมว่านายท่านหูของเจ้าสามารถหายตัวมาได้ หรือจะบอกว่า เพราะใต้เท้าเฉียนอยู่ที่นี่ ดังนั้นหูเชียนจึงหาข้ออ้างไม่ไปงานเลี้ยงของข้า?”

เฉียนฮั่นขมวดคิ้ว แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขาตอบว่า “บางทีอาจมีความเข้าใจผิดบางประการ เหตุใดองค์รัชทายาทจึงต้องสนใจพ่อค้าคนหนึ่งด้วย สถานะของพระองค์สูงส่ง ถ้าหากองค์รัชทายาทรู้สึกว่าเสียหน้า ข้าจะให้หูเชียนขออภัยฝ่าบาท”

หูเชียนเห็นสิ่งนี้ เขาก็คุกเข่าลงทันทีและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อเห็นหนึ่งคนร้องหนึ่งคนรับ แม้แต่คำพูดลวกๆ ก็ยังหน้าซื่อใจคดมาก หลี่เฉินก็รู้สึกขำขึ้นมา

“ไม่เลว เทียบเฉินจิ้งชวนแล้วดีขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเมื่อฆ่า”

สีหน้าของเฉียนฮั่นพลันเปลี่ยนไป “องค์รัชทายาทหมายความว่าอย่างไร?”

“ในฐานะขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เจ้าเป็นขุนนางขั้นที่สาม แล้วเหตุใดจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพ่อค้าคนหนึ่ง?”

หลี่เฉินแสะยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ฟังเฉียนฮั่นอธิบาย แต่ขยิบตาให้ซานเป่า

ขันทีซานเป่าหัวเราะหึๆ พูดกับองครักษ์เสื้อแพรทั้งซ้ายขวาว่า “ไป ไปตรวจค้นร่างกายของใต้เท้าเฉียนหน่อยสิว่ามีอะไรหรือไม่”

เฉียนฮั่นเห็นองครักษ์เสื้อแพรสองนายวิ่งเข้ามา ก็ตะโกนด้วยความตกใจปนโมโหว่า “ข้าเป็นนักเรียนของใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าว เป็นคนสนิทมาก พวกเจ้ากล้าไม่เคารพข้าหรือ!?”

ขันทีซานเป่ากล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “ข้าต้องการจะดูหมิ่นเจ้ามานานแล้ว ใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าวแล้วอย่างไร? ข้างหลังข้า คือองค์รัชทายาท!”

“องค์รัชทายาทแล้วอย่างไร!? องค์รัชทายาทสามารถใช้มือเดียวปิดฟ้าได้หรือ? ถ้าหากใต้เท้าราชเลขาธิการโกรธขึ้นมา แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังต้องก้มหัว!”

เฉียนฮั่นที่หวาดกลัวและโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าหลี่เฉินและคนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

เมื่อพูดจบ เฉียนฮั่นก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ก่อให้หายนะครั้งใหญ่แล้ว

ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่เขาก็กัดฟันและจ้องมองไปที่หลี่เฉินอย่างใกล้ชิด

ไม่ว่าเขาจะพูดผิดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็มีโอกาสที่จะแก้ไข ตราบใดที่ท่านราชเลขาธิการช่วยเขา เขาก็มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา

แต่ถ้าหากพบข้าวของของเขา เขาก็อาจจะถูกฆ่าตายในทันที

หลี่เฉินดวงตาเย็นเฉียบ เขากล่าวอย่างราบเรียบว่า “ใจกล้าดีนี่”

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นแล้ว และกำลังจะถึงจุดสุดยอด

ขันทีซานเป่าตะโกนเสียงเย็นชา “ค้นตัวเขา!”

ไม่ว่าเฉียนฮั่นพยายามจะขัดขืนแค่ไหน แต่เขาที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัวจะเอาอะไรไปสู้กับองครักษ์เสื้อแพรสองนายได้?

เฉียนฮั่นถูกองครักษ์เสื้อแพรกดลงกับพื้น เสื้อผ้าของเขาก็ถูกฉีกออก ยิ่งเขาดิ้นรนมากขึ้นเท่าไร เสื้อผ้าของเขาก็ยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น

ขุนนางขั้นที่สามผู้สง่างามในราชวงศ์ ได้สูญเสียความสง่างามทั้งหมดของเขาไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

เฉียนฮั่นทั้งโกรธทั้งอับอาย เขาตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้าดูหมิ่นข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ! องค์รัชทายาท ท่านทำตัวเผด็จการเยี่ยงนี้ ไม่กลัวขุนนางบุ๋นบู๋และความคิดเห็นของสาธารณชนเลยหรือ?”

เขาเพิ่งจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งก็ดึงตั๋วเงินและโฉนดที่ดินจำนวนมากออกจากอ้อมแขนของเขา

ขันทีซานเป่าตาลุกวาวเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารีบเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นก็สูดหายใจอย่างตื่นตระหนก

เขาส่งตั๋วเงินและโฉนดที่ดินทั้งหมดไปให้หลี่เฉินด้วยความเคารพและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท จากการค้นตัวของเฉียนฮั่นพวกเราค้นพบตั๋วเงินที่มีมูลค่าสูงสุดถึงหนึ่งแสนตำลึง และมีทั้งหมดสี่สิบกว่าใบ ยังมีโฉนดที่ดินและสัญญาทางธุรกิจหลายสิบฉบับ”

หลี่เฉินส่ายตั๋วเงินในมือแล้วเยาะเย้ย “แค่ตั๋วเงินก็มีมูลค่ากว่าสี่ล้านตำลึง ใต้เท้าเฉียน แค่ตัวเจ้าคนเดียว ก็อาจมีเงินมากกว่าครึ่งของท้องพระคลัง”

เฉียนฮั่นหน้าซีดจนเทา เงินพวกนั้น เขาเพิ่งได้รับเงินจากตระกูลหู แต่เพราะใจร้อน ลงมือเร็วเกินไป จึงซ่อนของกลางไม่ทันแล้วถูกจับได้

เขารู้แล้วว่า ตัวเองจบสิ้นแล้ว

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฉียนฮั่นก็ยิ่งดุร้ายและโกรธมากยิ่งขึ้น เขาตะโกนใส่หลี่เฉินราวกับขวดที่แตกไปแล้ว “แล้วอย่างไร? ข้าเป็นคนสนิทของราชเลขาธิการ ท่านกล้าฆ่าข้าเหรอ!? ท่านราชเลขาธิการไม่ปล่อยท่านไปแน่!”

หลี่เฉินระเบิดจิตสังหารออกมา เจตนาฆ่าในตัวหลี่เฉินมาถึงขีดจำกัดแล้ว

“ฆ่า”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 13

    สองคำที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งพรวดราวกับปรอทตกลงบนพื้นดวงตาของเฉียนฮั่นเบิกกว้าง เขาหายใจเข้าลึก ๆ จนลืมหายใจออกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญเพียงนี้และต้องการจะสังหารเขาทันทีสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในสายตามีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สนใจเหล่าขุนนางระดับสูง ภารกิจของพวกเขา ขุนนางระดับสูงคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาหลังจากได้รับคำสั่งของหลี่เฉิน องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองก็ชักดาบออกมาทันที และภายใต้แสงดาบส่องประกาย เสียงกรีดร้องของเฉียนฮั่นดังโหยหวนราวกับเสียงผีร้อง เลือดสาดกระจาย เฉียนฮั่นถูกฟันล้มลงกับพื้น ทว่าการขัดขืนและร้องโหยหวนของเขา กลับแลกมากับแสงดาบที่รุนแรงยิ่งขึ้นท้ายที่สุดแล้ว เสียงร้องโหยหวนของเฉียนฮั่นก็อ่อนแอลง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดในวินาทีสุดท้ายของจิตสำนึก เขาได้ยินเพียงเสียงของหลี่เฉินอันเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้าและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง“ข้าน้อยเฉียนฮั่น ในฐานะขุนนางรับส่งสารแห่งสำนักสารบรรณกลาง ขุนนางขั้นสามระดับสูงของราชสำนัก มิได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ลืมคำสอนของบรรพชนผู้ทรงภูมิปัญญา มิได้จงรักภักด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 14

    “ท่านราชเลขาธิการ องค์รัชทายาทอายุน้อยไฟแรงกล้า บุ่มบ่ามเหลือเกิน ท่านในฐานะราชเลขาธิการ ต้องห้ามมิให้องค์รัชทายาทบังอาจเช่นนี้”ต้าหลี่ซื่อชิงซุนปั๋วหลี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียวด้านข้าง เถิงไหวอี้แห่งกรมยุติธรรมก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าซุนพูดถูกต้องแล้ว ราชสำนักให้ความสำคัญกับราชเลขาธิการ หากปล่อยให้องค์รัชทายาทหนุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายต่อไป คิดดูสิว่าเมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้ทรงหายประชวรขึ้นมา แล้วได้เห็นสภาพเมืองหลวงที่วุ่นวาย ราษฎรโกรธแค้น ต้องทรงพิโรธจนล้มป่วยอีกแน่ ท่านราชเลขาธิการ ยามนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับองค์รัชทายาทหนุ่มน้อยเสียแล้ว” จ้าวเสวียนจีหลับตาลงชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่หวังเถิงฮ่วนที่เป็นขุนนางในสำนักราชเลขาธิการและกำลังก้มศีรษะดื่มน้ำชาด้วยเสียงราบเรียบ “สหายหวัง ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”หวังเถิงฮ่วนวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ และตอบว่า “องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์ เพิ่งเริ่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทราบเพียงใช้อำนาจเอาชีวิตคน แต่ทรงไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังของอำนาจนั้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 15

    นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน” หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 16

    เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้ากำลังจะเปิดม่านประตูและความลับระหว่างนางกับหลี่เฉินจะถูกเปิดเผย จ้าวชิงหลานก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดลงชั่วขณะหากองค์ชายเก้าเห็นฉากตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ นางและหลี่เฉินจะทำอะไรได้อีก นอกจากสังหารเขาและปิดปากเขาเล่าหลี่เฉิน หลี่เฉิน!จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าเขาจะหาทางหยุดองค์ชายเก้าได้นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพึ่งพาหลี่เฉินเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทว่าหลี่เฉิน...ในยามนี้ มือของเขากลับไม่หยุด แต่ปลดสายรัดหน้าท้องของชุดชั้นในจ้าวชิงหลานออกดวงตาของจ้าวชิงหลานเบิกกว้างขณะที่รู้สึกว่าร่างกายคลายตัวขณะนี้ นางสงสัยจริง ๆ ว่าหลี่เฉินคือคนบ้ากามกลับชาติมาเกิดนางมีความคิดที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและต่อสู้กับไอ้สารเลวผู้นีให้รู้แล้วรู้รอดตายไปด้วยกัน!ด้านนอก มือขององค์ชายเก้าได้ยื่นผ่านม่านประตูออกมาแล้ว เพียงแต่ต้องยกขึ้นเพื่อดูทุกสิ่งในห้องพักทันใดนั้น จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงความเบาบนร่างกายของนาง และหลี่เฉินก็ลงจากร่างกายของนางจริง ๆฉะนั้น เมื่อองค์ชายเก้าเปิดม่านประตู เขาเห็นฮองเฮานอนอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำและความลำบาก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 17

    “องค์ องค์รัชทายาทเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด”เมื่อจ้าวหรุ่ยเห็นหลี่เฉิน ก็หวาดกลัววิญญาณแทบหลุดออกจากร่างนางไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้มีคนเห็นนางซ่อนสิ่งของเหล่านี้หรือไม่ หากถูกค้นพบ ชะตากรรมของนางจะต้องเศร้าหมองมากกว่าของเฉินจื้อเป็นล้านเท่าอย่างแน่นอน“ทำไม มีความลับอะไรที่กลัวข้าเห็นรึ”คำพูดของหลี่เฉินทำให้หัวใจของจ้าวหรุ่ยทะยานถึงลำคอ นางฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท หยุดเย้าแหย่หม่อมฉันเสียที หม่อมฉันไม่มีความลับอันใดกับองค์รัชาทายาททั้งนั้น”หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และเอ่ยว่า “ไม่เลว ยิ่สงบเสงี่ยมและเชื่อฟังขึ้นมากแล้ว”ขณะเอ่ย มือของหลี่เฉินก็ยื่นไปถึงเอวของจ้าวหรุ่ยแล้วจ้าวหรุ่ยรู้สึกสับสน รีบกดมือของหลี่เฉินและเอ่ยอย่างโศกเศร้า “องค์รัชทายาท ข้ายังไม่พร้อม”“เจ้าต้องเตรียมอะไรอีก ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”คำพูดของหลี่เฉินฟังดูเหมือนผู้ร้ายแต่เมื่อเขายกมือขึ้นเพื่อแก้ผ้าคาดเอวของจ้าวหรุ่ยออก กลับมีผ้าสีชมพูอ่อนนุ่มชิ้นหนึ่งหลุดออกจากหน้าอกในฐานะผู้หญิง ย่อมอ่อนไหวต่อสิ่งนี้มากที่สุดจ้าวรุ่ยมองเห็นอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่ตกจากอ้อมแขนของหลี่เฉินนั้นคือสายรัดหน้าท้องของผู้หญิง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 18

    หลี่เฉินดูงุนงงและเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว...อย่างไรเสียไปอาบน้ำก่อนเถิด...”ขณะเอ่ย หลี่เฉินพลิกตัวและลุกขึ้นจากเตียง อุ้มจ้าวหรุ่ยไว้ที่เอว แล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำข้าง ๆ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของจ้าวหรุ่ยตามคำสั่งของหลี่เฉิน นางกำนัลได้เตรียมน้ำร้อนไว้ให้พร้อมแล้ว องค์รัชทายาทผู้องอาจแห่งตำหนักบูรพาเข้าห้องน้ำ สระน้ำขนาดใหญ่จึงโอบอวลไปด้วยไอร้อนระอุ หลี่เฉินวางจ้าวหรุ่ยลง ยกมือถอดชุดคลุมของนางออกจ้าวหรุ่ยใบหน้าแดงก่ำ คลุมเสื้อผ้าของตนแล้วเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท หม่อมฉันลงมือเอง”“ข้าสนุกกับขั้นตอนนี้น่ะ”หลี่เฉินหัวเราะเสียงเบา และถอดผ้าบางชั้นนอกสุดที่จ้าวหรุ่ยสวมใส่ออกนิ้วเท้าสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะเหยียบย่ำบนแท่นหินที่ยังเปียกด้วยน้ำ ผ้าคลุมสีแดงชั้นบางตกลงมาบนพื้น ม้วนตัวเป็นก้อน กลมกลืนไปกับนิ้วเท้าสีชมพูอ่อน เร้าให้ผู้คนอยากรู้ว่าใต้ฝ่าเท้าอันขาวเนียนนี้ซ่อนความงดงามใดไว้เสื้อผ้าหลุดทีละชิ้น จนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสายรัดหน้าท้องและชุดชั้นในของนางเท่านั้น จ้าวหรุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป ขัดขืนไม่ให้หลี่เฉินถอดออกอย่างสุดกำลังในยุคสมัยศักดินา แนวคิดเรื่องพรหมจรรย์ของผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 19

    หลังจากทรมานกันตลอดทั้งคืน จากห้องบรรทมในตำหนัก แล้วสู่เตียง หลังจากซัดกันไปมา จนกระทั่งดึกดื่น ค่อยจบลงในที่สุดยามดึกน้ำค้างตกหนัก แสงจันทร์ที่ส่องถึงจุดสุดยอดด้านนอกหน้าต่างก็ส่องเข้ามาในห้องบรรทม ข้างหูของเสียงหายใจสม่ำเสมอของหลี่เฉินใบหน้าของจ้าวหรุ่ยมีแสงจันทร์สาดส่อง นางเหนื่อยมากแล้ว แต่ความเหนื่อยล้าทางร่างกายไม่สามารถหยุดการต่อสู้ทางจิตใจที่รุนแรงได้เลยนางค่อยๆ หันกลับมา รู้สึกเพียงว่าร่างกายของนางทั้งช้าทั้งเมื่อย อ่อนล้าเป็นที่สุด แต่เมื่อดวงตาของนางตกลงไปที่ห้องลับในห้อง หัวใจของนางก็สั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญกับทางเลือก นางไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรด้านหนึ่งนางก็กลัวองค์รัชทายาทที่อารมณ์ไม่นิ่งอีกด้านหนึ่ง นางยิ่งกลัวว่าทางที่นางเลือกเดินและหวนกลับไม่ได้แล้วนั้น สุดท้ายจะมีจุดจบที่น่าสังเวชยิ่งกว่าเดิม“ในเมื่อท่านราชเลขาให้ข้ารอฟังคำสั่ง... เช่นนั้นข้าก็เตรียมพร้อมรับคำสั่งแล้วกัน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเลือก... ไม่แน่ อาจจะมีวิธีอื่น…”เมื่อคิดเช่นนี้จ้าวหรุ่ยก็ผล็อยหลับไปในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้น นี่เป็นวันที่หลี่เฉินตื่นสายมากที่สุดวันหนึ่งตั้งแต่ที่เขาข้ามภพมาแล้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 20

    ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกไป ขุนนางทุกคนในวังก็โกรธจัด โดยเฉพาะซุนปั๋วหลี่ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะโกนด้วยความโมโหว่า “ชายที่โดนตอนแล้วอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาดูถูกปราญช์ และพูดถ้อยคำสกปรกในโถงใหญ่!?”เมื่อซานเป่าได้ยินคำว่าชายที่โดนตอนแล้ว ทันใดนั้นสายตาก็เย็นชาขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ขันทีในโลกอยากจะได้ยิน เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ใต้เท้าซุน นี่เป็นคำพูดขององค์รัชทายาท ข้าน้อยมิกล้าจะเผยแพร่คำพูดขององค์รัชทายาทส่งๆ ได้ ท่านสามารถถามองค์รัชทายาทด้วยตัวเองได้”“อีกอย่าง ถึงแม้ข้าน้อยจะเป็นชายที่โดนตอนแล้ว แต่ก็รู้ว่าคำว่าจงรักภักดีมันเขียนเช่นไร ไม่ว่าปากของข้าน้อยจะสกปรกแค่ไหน ก็ไม่เท่าใต้เท้าซุนที่ข้างนอกสุกใสแต่ข้างในเป็นโพรง เป็นสุนัขให้ผู้อื่นในขณะที่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนักนั้นสกปรกมาก”ซุนปั๋วหลี่ตาโต โมโหจนพูดไม่ออก“เจ้า...”“เอาล่ะ!”หวังเถิงฮ่วน มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่เหลือบมองซานเป่าอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซุนปั๋วหลี่ว่า “ใต้เท้าซุน ท่านกับข้าแค่รออย่างอดทนอีกสักพัก ไม่มีเหตุผลที่จะไปเถียงกับสุนัขที่ตอนแล้วเพื่อทำลายอารมณ์ของตัวเอง” ใ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status