Share

บทที่ 12

Author: ไห่ตงชิง
เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”

“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”

หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

แม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชา

ท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันที

เฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนาง

แม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแล้ว ราชสำนักก็เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ โดยปกติไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ แต่ถ้าหากองค์รัชทายาทจับจุดอ่อนได้ นี่จะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

ไร้เขา ไร้อำนาจ

เขาอธิบายเสียงสั่นเครือ “กระหม่อมถูกใส่ความ บ้านหลังนี้เช่าโดยกระหม่อม ไม่ได้ซื้อมา กระหม่อมยินดีที่จะยกเลิกสัญญาเช่าทันที...”

“เหยียบย่ำกฎเกณฑ์ที่บรรพชนกำหนด แค่ยกเลิกสัญญาเช่าก็สิ้นเรื่องแล้วหรือ?”

หลี่เฉินยิ้มเยาะ จ้องมองไปที่เฉินจิ้งชวน และพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่อยากฟังเจ้าอธิบาย ข้าไม่อยากรู้ว่าใครเป็นคนให้เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือเพื่อประจบประแจงข้า แต่ข้าอยากจะยืมหัวของตระกูลเฉิน แสดงให้คนเหล่านั้นเห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากทำให้ข้าขุ่นเคือง”

เฉินจิ้งชวนใจสลายเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เมื่อมองดูองครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาที่ดุร้ายรอบตัว เขาก็รู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แค่พูดเท่านั้น

เวลานี้ เขารู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ เขารีบอ้อนวอนทันที “ได้โปรดองค์รัชทายาท ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ!”

ด้านหลังเฉินจิ้งชวน มีผู้หญิงตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา ทันใดนั้นก็เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้น ชี้ไปที่หลี่เฉินแล้วตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “แม้ว่าท่านจะเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง แต่ตระกูลเฉินของพวกเราก็เป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน หากไม่เห็นด้วยกับท่าน ท่านก็จะฆ่าหรือไร เช่นนั้น คนในใต้หล้าจะสบายใตได้เยี่ยงไร? ท่านอย่าลืมสิ ผู้คนในเมืองหลวงต่างเฝ้าดูท่านจากด้านหลัง!”

เฉินจิ้งชวนเห็นลูกชายของเขากระโดดออกมาและพูดคำเหล่านี้ เขาก็โกรธมาก เขาตบทันที และตะโกนด่าด้วยความโมโห “หุบปาก ไอ้ลูกเนรคุณ! เจ้าอยากให้ตระกูลเฉินเราตายทั้งหมดใช่ไหม!?”

พูดจบ เฉินจิ้งชวนก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลี่เฉิน แล้วร่ำไห้ออกมา “องค์รัชทายาท กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ดี ได้โปรดเมตาพวกเราด้วย”

หลี่เฉินมองไปที่เด็กหนุ่มที่แสดงอาการไม่พอใจที่โดนตบหน้า กล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่เลว ใจกล้าไม่เบา”

“ตระกูลเฉินพวกเจ้า ในฐานะพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทุกวันนี้ ภัยพิบัติมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องแลกลูกกันกิน แม้แต่ผู้คนในเมืองหลวงก็ทำงานหนักเพื่ออาหารสามมื้อต่อวัน แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเป็นพ่อธัญพืชที่ยอมให้ข้าวขึ้นรามากกว่าขายในราคาปกติ ตอนนี้ราคาข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า มันเป็นความผิดของใคร? มันเป็นความผิดของพ่อค้าธัญพืชอย่างพวกเจ้า!”

“ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วพ่อค้าเห็นคุณค่าของผลกำไร และเหยียบย่ำความชอบธรรมของวิญญูชน พวกเจ้ากำลังสร้างความมั่งคั่งจากวิกฤติของประเทศ ตอนที่กำลังดูดเลือดสูบเนื้อประชาชน ทำไมท่านถึงไม่รู้ว่าผู้คนกำลังเฝ้าดูอยู่? ผลกรรมมาถึงแล้ว แต่คิดจะใช้ประชนชนเป็นโล่กันธนูงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าประชาชนโง่หรือเปล่า?”

หลี่เฉินพูดเสียงดัง และผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ตื่นเต้น

พ่อค้าธัญพืชมีเงินและธัญพืช แต่พวกเขาต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อแลกธัญพืชจำนวนน้อยนิด ดังนั้นความไม่พอใจของสาธารณชนจึงเดือดพล่านแล้ว แต่แค่ไม่มีใครระบายออกมา

บัดนี้มีองค์รัชทายาทเป็นผู้นำด้วยตัวเอง และคำพูดเหล่านี้ก็โดนใจพวกเขามาก

“องค์รัชทายาททรงมีเมตตา องค์รัชทายาททรงมีเมตตา!”

ในหมู่ฝูงชน มีคนเฒ่าคนแก่หลายคนพากันคุกเข่าลงและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

ทันใดนั้นประชาชนก็คุกเข่าลง แล้วตะโกนว่าองค์รัชทายาททรงมีเมตตา

เมื่อเห็นว่าหลี่เฉินครองใจผู้คนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เฉินจิ้งชวนแทบน้ำดีแตก เขารู้สึกว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น

เขาจะจัดการกับคนที่รู้วิธีการเล่นกับจิตใจผู้คนแบบนี้ได้อย่างไร?

“ทหาร พ่อค้าตระกูลเฉิน หัวหน้าตระกูลเฉินจิ้งชวน เพิกเฉยต่อระเบียบมารยาทของจักรวรรดิ ทำตัวอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจกับเลือดและหยาดเหงื่อของผู้คนเมื่อประเทศกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ไม่เข้าใจความยากลำบากของราชสำนัก และทำเงินได้มากมายจากภัยพิบัติของประเทศ ทั้งยังกล่าวโจมตียังองค์รัชทายาท ถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง”

“ตามคำสั่งขององค์รัชทายาท ตระกูลเฉินสามชั่วโคตรจะถูกตัดหัวต่อสาธารณะ และทรัพย์สินทั้งหมด จะถูกนำเข้าไปในท้องพระคลังเพื่อใช้บรรเทาภัยพิบัติ”

เมื่อหลี่เฉินออกสั่งคำ หัวคนก็เตรียมหลุดออกจากบ่า

เฉินเจิ้งชวนรู้สึกหน้ามืด เขาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อขอความเมตตา แต่กลับถูกองครักษ์เสื้อแพรสองคนหยุดเอาไว้ และเอาดาบจ่อที่คอของพวกเขา

“องค์รัชทายาททรงโปรดเมตตา กระหม่อมทำไม่ถูกเพราะสิ้นหวัง กระหม่อมยินดีบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อร้องขอชีวิต องค์รัชทายาทได้โปรดเมตตา เมตตาเหนือกฎหมาย!”

หลี่เฉินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหัวม้า แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังถัดไป

ครั้งนี้ประชาชนเปิดทางให้อย่างยินดี

เสียงกรีดร้องของเฉินจิ้งชวนค่อยๆ จางหายไป และพวกเขากำลังเข้าใกล้บ้านหลังที่สอง ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลหู เมื่อหลี่เฉินเห็นสวีฉังชิงดูซีดเซียว จึงพูดเบาๆ ว่า “กลัวหรือ? คิดว่าข้าโหดร้ายหรือไม่?”

สวีฉังชิงไม่กล้าพูดออกมา เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่น “กระหม่อม กระหม่อมแค่คิดว่า พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ทั้งสามนี้ไม่มีอะไรเลย แต่ที่พวกเขากล้ารวมตัวกันปฏิเสธคำเชิญขององค์รัชทายาท คงเป็นเพราะมีบางคนขวางไว้ องค์รัชทายาทการฆ่าเช่นนี้ย่อมเป็นสุข แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือของศัตรู”

“ไม่เลว รู้จักพิจารณาปัญหาจากจุดยืนของข้าด้วย” หลี่เฉินกล่าวอย่างพึงพอใจ

สวีฉังชิงยิ้มอย่างขมขื่น

องค์ชายรัชทายาทออกมาพร้อมโบกสะบัดธงอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ให้ทุกคนเห็นวิธีการของตนเท่านั้น แต่ยังพาเขามาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเขานั้นเป็นคนขององค์รัชทายาทช และร่องรอยนี้ไม่อาจลบล้างออกไปได้แม้ว่าเขาต้องการก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความสวีฉังชิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามองค์รัชทายาทไปจนถึงจุดจบ

“จะเล่นไปบนมือของพวกเขาก็ดี หรือจะทำเหนือความคาดหมายของพวกเขาก็ช่าง มันไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ สิ่งที่ข้าต้องการทำก็คือใช้มีดที่ดาบที่สุด เพื่อขจัดความยุ่งเหยิงในเมืองหลวงให้เร็วที่สุด”

“ข้าไม่มีเวลาหรือฝึกความความชำนาญไปอย่างช้าๆ เพื่อจะต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาเฒ่าที่วางแผนหลอกกันและกันในราชสำนัก ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทางข้า จะเอาชนะทุกวิถีทาง ข้าเป็นผู้สืบทอดใต้หล้านี้ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หากเราไม่ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบพิเศษนี้ หรือจะให้ข้ารอตาเฒ่าจ้าวเสวียนจีนั่นมาฆ่า?”

“เมื่อพิจารณาจากจิตวิญญาณของเขาแล้ว เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสิบปี ตอนนั้นข้าก็จะอายุสามสิบหรือสี่สิบปี แม้ว่าข้าจะทนได้ แต่จักรวรรดิไม่สามารถทนได้ และข้าก็ไม่มีความอดทน ข้าไม่สนใจที่จะเล่นแผนพวกนั้นด้วยซ้ำ ข้าแค่ฆ่าพวกมันให้หมด”

หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ เขาก็กระตุ้นท้องม้าเบาๆ ม้าตัวนี้ฉลาดมาก มันเร่งความเร็วขึ้นทันที โดยทิ้งสวีฉังชิงไว้ข้างหลัง

สวีฉังชิงมองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท และรู้สึกว่าองค์รัชทายาทคิดเรื่องนี้ง่ายเกินไป ถ้าหากคำว่าฆ่าสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ฝ่าบาทก็คงจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้

ไม่ว่าสวีฉังชิงจะคิดอะไร แต่หลี่เฉินก็มาถึงหน้าประตูจวนหูแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ในตระกูลเฉินได้แพร่มาถึงที่นี่แล้ว

ด้านนอกประตูตระกูลหู มีหูเชียนและคนตระกูลหูกำลังรออยู่

ไม่เพียงแต่มีหูเชียนเท่านั้น แต่ยังมีชายวัยกลางคนที่ท่าทางไม่ธรรมดาอยู่หนึ่งคน ยืนอยู่ข้างหูเชียน

เมื่อเห็นหลี่เฉินมาแต่ไกล และบนร่างกายคลุ้งไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นเลือดที่แน่นหนา หูเชียนจึงถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกลัวว่า “ใต้เท้าเฉียน จะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ? ข้าได้ยินมาว่าตระกูลจบเห่แล้ว”

เฉียนฮั่นเหลือบมองหูเชียนที่หน้าซีดเผือดแล้วพูดเสียงเย็นชา “มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้ายังจะกลัวอะไร? ในเมื่อเจ้ายินดีที่จะมอบทรัพย์สินของครอบครัวเจ้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกการคุ้มครองจากข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้าจากเงื้อมมือขององค์รัชทายาท แม้ว่าจะไม่เห็นแก่หน้าข้า ก็ต้องเห็นแก่หน้าราชเลขาธิการบ้าง เขาจะกล้าได้อย่างไร?”

หูเชียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าหากเขาสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้ แม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินของครอบครัวไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาก็จะยังมีอีกครึ่งหนึ่ง เขาจะวางแผนเมื่อถึงเวลา

ขณะที่เขาพูด หลี่เฉินก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว

“จงมีความสุภาพให้เพียงพอ และปล่อยให้องค์รัชทายาทจับจุดอ่อนอะไรได้”

หลังจากเฉียนฮั่นพูดจบ เขาก็โค้งคำนับหลี่เฉินก่อน และกล่าวว่า “กระหม่อมเฉียนฮั่นขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

“กระหม่อมหูเชียน นำครอบครัวเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

“องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

หลี่เฉินสบตากับเฉียนฮั่น พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

เฉียนฮั่นรีบตอบว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมกับหูเชียนเป็นมิตรสหายกัน และบังเอิญเป็นแขกที่บ้านของหูเชียน”

หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่หูเชียนบอกว่าตัวเองต้องไปตรวจบัญชีที่สาขาอื่นไม่ใช่หรือ เป็นไปได้ไหมว่านายท่านหูของเจ้าสามารถหายตัวมาได้ หรือจะบอกว่า เพราะใต้เท้าเฉียนอยู่ที่นี่ ดังนั้นหูเชียนจึงหาข้ออ้างไม่ไปงานเลี้ยงของข้า?”

เฉียนฮั่นขมวดคิ้ว แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขาตอบว่า “บางทีอาจมีความเข้าใจผิดบางประการ เหตุใดองค์รัชทายาทจึงต้องสนใจพ่อค้าคนหนึ่งด้วย สถานะของพระองค์สูงส่ง ถ้าหากองค์รัชทายาทรู้สึกว่าเสียหน้า ข้าจะให้หูเชียนขออภัยฝ่าบาท”

หูเชียนเห็นสิ่งนี้ เขาก็คุกเข่าลงทันทีและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อเห็นหนึ่งคนร้องหนึ่งคนรับ แม้แต่คำพูดลวกๆ ก็ยังหน้าซื่อใจคดมาก หลี่เฉินก็รู้สึกขำขึ้นมา

“ไม่เลว เทียบเฉินจิ้งชวนแล้วดีขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเมื่อฆ่า”

สีหน้าของเฉียนฮั่นพลันเปลี่ยนไป “องค์รัชทายาทหมายความว่าอย่างไร?”

“ในฐานะขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เจ้าเป็นขุนนางขั้นที่สาม แล้วเหตุใดจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพ่อค้าคนหนึ่ง?”

หลี่เฉินแสะยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ฟังเฉียนฮั่นอธิบาย แต่ขยิบตาให้ซานเป่า

ขันทีซานเป่าหัวเราะหึๆ พูดกับองครักษ์เสื้อแพรทั้งซ้ายขวาว่า “ไป ไปตรวจค้นร่างกายของใต้เท้าเฉียนหน่อยสิว่ามีอะไรหรือไม่”

เฉียนฮั่นเห็นองครักษ์เสื้อแพรสองนายวิ่งเข้ามา ก็ตะโกนด้วยความตกใจปนโมโหว่า “ข้าเป็นนักเรียนของใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าว เป็นคนสนิทมาก พวกเจ้ากล้าไม่เคารพข้าหรือ!?”

ขันทีซานเป่ากล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “ข้าต้องการจะดูหมิ่นเจ้ามานานแล้ว ใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าวแล้วอย่างไร? ข้างหลังข้า คือองค์รัชทายาท!”

“องค์รัชทายาทแล้วอย่างไร!? องค์รัชทายาทสามารถใช้มือเดียวปิดฟ้าได้หรือ? ถ้าหากใต้เท้าราชเลขาธิการโกรธขึ้นมา แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังต้องก้มหัว!”

เฉียนฮั่นที่หวาดกลัวและโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าหลี่เฉินและคนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

เมื่อพูดจบ เฉียนฮั่นก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ก่อให้หายนะครั้งใหญ่แล้ว

ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่เขาก็กัดฟันและจ้องมองไปที่หลี่เฉินอย่างใกล้ชิด

ไม่ว่าเขาจะพูดผิดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็มีโอกาสที่จะแก้ไข ตราบใดที่ท่านราชเลขาธิการช่วยเขา เขาก็มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา

แต่ถ้าหากพบข้าวของของเขา เขาก็อาจจะถูกฆ่าตายในทันที

หลี่เฉินดวงตาเย็นเฉียบ เขากล่าวอย่างราบเรียบว่า “ใจกล้าดีนี่”

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นแล้ว และกำลังจะถึงจุดสุดยอด

ขันทีซานเป่าตะโกนเสียงเย็นชา “ค้นตัวเขา!”

ไม่ว่าเฉียนฮั่นพยายามจะขัดขืนแค่ไหน แต่เขาที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัวจะเอาอะไรไปสู้กับองครักษ์เสื้อแพรสองนายได้?

เฉียนฮั่นถูกองครักษ์เสื้อแพรกดลงกับพื้น เสื้อผ้าของเขาก็ถูกฉีกออก ยิ่งเขาดิ้นรนมากขึ้นเท่าไร เสื้อผ้าของเขาก็ยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น

ขุนนางขั้นที่สามผู้สง่างามในราชวงศ์ ได้สูญเสียความสง่างามทั้งหมดของเขาไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

เฉียนฮั่นทั้งโกรธทั้งอับอาย เขาตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้าดูหมิ่นข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ! องค์รัชทายาท ท่านทำตัวเผด็จการเยี่ยงนี้ ไม่กลัวขุนนางบุ๋นบู๋และความคิดเห็นของสาธารณชนเลยหรือ?”

เขาเพิ่งจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งก็ดึงตั๋วเงินและโฉนดที่ดินจำนวนมากออกจากอ้อมแขนของเขา

ขันทีซานเป่าตาลุกวาวเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารีบเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นก็สูดหายใจอย่างตื่นตระหนก

เขาส่งตั๋วเงินและโฉนดที่ดินทั้งหมดไปให้หลี่เฉินด้วยความเคารพและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท จากการค้นตัวของเฉียนฮั่นพวกเราค้นพบตั๋วเงินที่มีมูลค่าสูงสุดถึงหนึ่งแสนตำลึง และมีทั้งหมดสี่สิบกว่าใบ ยังมีโฉนดที่ดินและสัญญาทางธุรกิจหลายสิบฉบับ”

หลี่เฉินส่ายตั๋วเงินในมือแล้วเยาะเย้ย “แค่ตั๋วเงินก็มีมูลค่ากว่าสี่ล้านตำลึง ใต้เท้าเฉียน แค่ตัวเจ้าคนเดียว ก็อาจมีเงินมากกว่าครึ่งของท้องพระคลัง”

เฉียนฮั่นหน้าซีดจนเทา เงินพวกนั้น เขาเพิ่งได้รับเงินจากตระกูลหู แต่เพราะใจร้อน ลงมือเร็วเกินไป จึงซ่อนของกลางไม่ทันแล้วถูกจับได้

เขารู้แล้วว่า ตัวเองจบสิ้นแล้ว

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฉียนฮั่นก็ยิ่งดุร้ายและโกรธมากยิ่งขึ้น เขาตะโกนใส่หลี่เฉินราวกับขวดที่แตกไปแล้ว “แล้วอย่างไร? ข้าเป็นคนสนิทของราชเลขาธิการ ท่านกล้าฆ่าข้าเหรอ!? ท่านราชเลขาธิการไม่ปล่อยท่านไปแน่!”

หลี่เฉินระเบิดจิตสังหารออกมา เจตนาฆ่าในตัวหลี่เฉินมาถึงขีดจำกัดแล้ว

“ฆ่า”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 13

    สองคำที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งพรวดราวกับปรอทตกลงบนพื้นดวงตาของเฉียนฮั่นเบิกกว้าง เขาหายใจเข้าลึก ๆ จนลืมหายใจออกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญเพียงนี้และต้องการจะสังหารเขาทันทีสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในสายตามีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สนใจเหล่าขุนนางระดับสูง ภารกิจของพวกเขา ขุนนางระดับสูงคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาหลังจากได้รับคำสั่งของหลี่เฉิน องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองก็ชักดาบออกมาทันที และภายใต้แสงดาบส่องประกาย เสียงกรีดร้องของเฉียนฮั่นดังโหยหวนราวกับเสียงผีร้อง เลือดสาดกระจาย เฉียนฮั่นถูกฟันล้มลงกับพื้น ทว่าการขัดขืนและร้องโหยหวนของเขา กลับแลกมากับแสงดาบที่รุนแรงยิ่งขึ้นท้ายที่สุดแล้ว เสียงร้องโหยหวนของเฉียนฮั่นก็อ่อนแอลง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดในวินาทีสุดท้ายของจิตสำนึก เขาได้ยินเพียงเสียงของหลี่เฉินอันเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้าและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง“ข้าน้อยเฉียนฮั่น ในฐานะขุนนางรับส่งสารแห่งสำนักสารบรรณกลาง ขุนนางขั้นสามระดับสูงของราชสำนัก มิได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ลืมคำสอนของบรรพชนผู้ทรงภูมิปัญญา มิได้จงรักภักด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 14

    “ท่านราชเลขาธิการ องค์รัชทายาทอายุน้อยไฟแรงกล้า บุ่มบ่ามเหลือเกิน ท่านในฐานะราชเลขาธิการ ต้องห้ามมิให้องค์รัชทายาทบังอาจเช่นนี้”ต้าหลี่ซื่อชิงซุนปั๋วหลี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียวด้านข้าง เถิงไหวอี้แห่งกรมยุติธรรมก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าซุนพูดถูกต้องแล้ว ราชสำนักให้ความสำคัญกับราชเลขาธิการ หากปล่อยให้องค์รัชทายาทหนุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายต่อไป คิดดูสิว่าเมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้ทรงหายประชวรขึ้นมา แล้วได้เห็นสภาพเมืองหลวงที่วุ่นวาย ราษฎรโกรธแค้น ต้องทรงพิโรธจนล้มป่วยอีกแน่ ท่านราชเลขาธิการ ยามนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับองค์รัชทายาทหนุ่มน้อยเสียแล้ว” จ้าวเสวียนจีหลับตาลงชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่หวังเถิงฮ่วนที่เป็นขุนนางในสำนักราชเลขาธิการและกำลังก้มศีรษะดื่มน้ำชาด้วยเสียงราบเรียบ “สหายหวัง ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”หวังเถิงฮ่วนวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ และตอบว่า “องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์ เพิ่งเริ่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทราบเพียงใช้อำนาจเอาชีวิตคน แต่ทรงไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังของอำนาจนั้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 15

    นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน” หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 16

    เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้ากำลังจะเปิดม่านประตูและความลับระหว่างนางกับหลี่เฉินจะถูกเปิดเผย จ้าวชิงหลานก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดลงชั่วขณะหากองค์ชายเก้าเห็นฉากตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ นางและหลี่เฉินจะทำอะไรได้อีก นอกจากสังหารเขาและปิดปากเขาเล่าหลี่เฉิน หลี่เฉิน!จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าเขาจะหาทางหยุดองค์ชายเก้าได้นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพึ่งพาหลี่เฉินเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทว่าหลี่เฉิน...ในยามนี้ มือของเขากลับไม่หยุด แต่ปลดสายรัดหน้าท้องของชุดชั้นในจ้าวชิงหลานออกดวงตาของจ้าวชิงหลานเบิกกว้างขณะที่รู้สึกว่าร่างกายคลายตัวขณะนี้ นางสงสัยจริง ๆ ว่าหลี่เฉินคือคนบ้ากามกลับชาติมาเกิดนางมีความคิดที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและต่อสู้กับไอ้สารเลวผู้นีให้รู้แล้วรู้รอดตายไปด้วยกัน!ด้านนอก มือขององค์ชายเก้าได้ยื่นผ่านม่านประตูออกมาแล้ว เพียงแต่ต้องยกขึ้นเพื่อดูทุกสิ่งในห้องพักทันใดนั้น จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงความเบาบนร่างกายของนาง และหลี่เฉินก็ลงจากร่างกายของนางจริง ๆฉะนั้น เมื่อองค์ชายเก้าเปิดม่านประตู เขาเห็นฮองเฮานอนอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำและความลำบาก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 17

    “องค์ องค์รัชทายาทเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด”เมื่อจ้าวหรุ่ยเห็นหลี่เฉิน ก็หวาดกลัววิญญาณแทบหลุดออกจากร่างนางไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้มีคนเห็นนางซ่อนสิ่งของเหล่านี้หรือไม่ หากถูกค้นพบ ชะตากรรมของนางจะต้องเศร้าหมองมากกว่าของเฉินจื้อเป็นล้านเท่าอย่างแน่นอน“ทำไม มีความลับอะไรที่กลัวข้าเห็นรึ”คำพูดของหลี่เฉินทำให้หัวใจของจ้าวหรุ่ยทะยานถึงลำคอ นางฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท หยุดเย้าแหย่หม่อมฉันเสียที หม่อมฉันไม่มีความลับอันใดกับองค์รัชาทายาททั้งนั้น”หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และเอ่ยว่า “ไม่เลว ยิ่สงบเสงี่ยมและเชื่อฟังขึ้นมากแล้ว”ขณะเอ่ย มือของหลี่เฉินก็ยื่นไปถึงเอวของจ้าวหรุ่ยแล้วจ้าวหรุ่ยรู้สึกสับสน รีบกดมือของหลี่เฉินและเอ่ยอย่างโศกเศร้า “องค์รัชทายาท ข้ายังไม่พร้อม”“เจ้าต้องเตรียมอะไรอีก ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”คำพูดของหลี่เฉินฟังดูเหมือนผู้ร้ายแต่เมื่อเขายกมือขึ้นเพื่อแก้ผ้าคาดเอวของจ้าวหรุ่ยออก กลับมีผ้าสีชมพูอ่อนนุ่มชิ้นหนึ่งหลุดออกจากหน้าอกในฐานะผู้หญิง ย่อมอ่อนไหวต่อสิ่งนี้มากที่สุดจ้าวรุ่ยมองเห็นอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่ตกจากอ้อมแขนของหลี่เฉินนั้นคือสายรัดหน้าท้องของผู้หญิง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 18

    หลี่เฉินดูงุนงงและเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว...อย่างไรเสียไปอาบน้ำก่อนเถิด...”ขณะเอ่ย หลี่เฉินพลิกตัวและลุกขึ้นจากเตียง อุ้มจ้าวหรุ่ยไว้ที่เอว แล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำข้าง ๆ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของจ้าวหรุ่ยตามคำสั่งของหลี่เฉิน นางกำนัลได้เตรียมน้ำร้อนไว้ให้พร้อมแล้ว องค์รัชทายาทผู้องอาจแห่งตำหนักบูรพาเข้าห้องน้ำ สระน้ำขนาดใหญ่จึงโอบอวลไปด้วยไอร้อนระอุ หลี่เฉินวางจ้าวหรุ่ยลง ยกมือถอดชุดคลุมของนางออกจ้าวหรุ่ยใบหน้าแดงก่ำ คลุมเสื้อผ้าของตนแล้วเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท หม่อมฉันลงมือเอง”“ข้าสนุกกับขั้นตอนนี้น่ะ”หลี่เฉินหัวเราะเสียงเบา และถอดผ้าบางชั้นนอกสุดที่จ้าวหรุ่ยสวมใส่ออกนิ้วเท้าสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะเหยียบย่ำบนแท่นหินที่ยังเปียกด้วยน้ำ ผ้าคลุมสีแดงชั้นบางตกลงมาบนพื้น ม้วนตัวเป็นก้อน กลมกลืนไปกับนิ้วเท้าสีชมพูอ่อน เร้าให้ผู้คนอยากรู้ว่าใต้ฝ่าเท้าอันขาวเนียนนี้ซ่อนความงดงามใดไว้เสื้อผ้าหลุดทีละชิ้น จนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสายรัดหน้าท้องและชุดชั้นในของนางเท่านั้น จ้าวหรุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป ขัดขืนไม่ให้หลี่เฉินถอดออกอย่างสุดกำลังในยุคสมัยศักดินา แนวคิดเรื่องพรหมจรรย์ของผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 19

    หลังจากทรมานกันตลอดทั้งคืน จากห้องบรรทมในตำหนัก แล้วสู่เตียง หลังจากซัดกันไปมา จนกระทั่งดึกดื่น ค่อยจบลงในที่สุดยามดึกน้ำค้างตกหนัก แสงจันทร์ที่ส่องถึงจุดสุดยอดด้านนอกหน้าต่างก็ส่องเข้ามาในห้องบรรทม ข้างหูของเสียงหายใจสม่ำเสมอของหลี่เฉินใบหน้าของจ้าวหรุ่ยมีแสงจันทร์สาดส่อง นางเหนื่อยมากแล้ว แต่ความเหนื่อยล้าทางร่างกายไม่สามารถหยุดการต่อสู้ทางจิตใจที่รุนแรงได้เลยนางค่อยๆ หันกลับมา รู้สึกเพียงว่าร่างกายของนางทั้งช้าทั้งเมื่อย อ่อนล้าเป็นที่สุด แต่เมื่อดวงตาของนางตกลงไปที่ห้องลับในห้อง หัวใจของนางก็สั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญกับทางเลือก นางไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรด้านหนึ่งนางก็กลัวองค์รัชทายาทที่อารมณ์ไม่นิ่งอีกด้านหนึ่ง นางยิ่งกลัวว่าทางที่นางเลือกเดินและหวนกลับไม่ได้แล้วนั้น สุดท้ายจะมีจุดจบที่น่าสังเวชยิ่งกว่าเดิม“ในเมื่อท่านราชเลขาให้ข้ารอฟังคำสั่ง... เช่นนั้นข้าก็เตรียมพร้อมรับคำสั่งแล้วกัน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเลือก... ไม่แน่ อาจจะมีวิธีอื่น…”เมื่อคิดเช่นนี้จ้าวหรุ่ยก็ผล็อยหลับไปในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้น นี่เป็นวันที่หลี่เฉินตื่นสายมากที่สุดวันหนึ่งตั้งแต่ที่เขาข้ามภพมาแล้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 20

    ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกไป ขุนนางทุกคนในวังก็โกรธจัด โดยเฉพาะซุนปั๋วหลี่ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะโกนด้วยความโมโหว่า “ชายที่โดนตอนแล้วอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาดูถูกปราญช์ และพูดถ้อยคำสกปรกในโถงใหญ่!?”เมื่อซานเป่าได้ยินคำว่าชายที่โดนตอนแล้ว ทันใดนั้นสายตาก็เย็นชาขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ขันทีในโลกอยากจะได้ยิน เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ใต้เท้าซุน นี่เป็นคำพูดขององค์รัชทายาท ข้าน้อยมิกล้าจะเผยแพร่คำพูดขององค์รัชทายาทส่งๆ ได้ ท่านสามารถถามองค์รัชทายาทด้วยตัวเองได้”“อีกอย่าง ถึงแม้ข้าน้อยจะเป็นชายที่โดนตอนแล้ว แต่ก็รู้ว่าคำว่าจงรักภักดีมันเขียนเช่นไร ไม่ว่าปากของข้าน้อยจะสกปรกแค่ไหน ก็ไม่เท่าใต้เท้าซุนที่ข้างนอกสุกใสแต่ข้างในเป็นโพรง เป็นสุนัขให้ผู้อื่นในขณะที่ได้รับเงินเดือนจากราชสำนักนั้นสกปรกมาก”ซุนปั๋วหลี่ตาโต โมโหจนพูดไม่ออก“เจ้า...”“เอาล่ะ!”หวังเถิงฮ่วน มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่เหลือบมองซานเป่าอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซุนปั๋วหลี่ว่า “ใต้เท้าซุน ท่านกับข้าแค่รออย่างอดทนอีกสักพัก ไม่มีเหตุผลที่จะไปเถียงกับสุนัขที่ตอนแล้วเพื่อทำลายอารมณ์ของตัวเอง” ใ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 978

    หวงจี๋เทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้น หลี่เฉินก็สะสางภาระงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่ได้ไปพักผ่อนเหมือนเช่นเคยวั่นเจียวเจียวเดินเข้ามารินน้ำชาให้หลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบา "องค์ชาย ควรจะพักผ่อนแล้วเพคะ"หลี่เฉินที่กำลังก้มหน้าดูตำราอยู่ ตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้า "วันนี้ต้องอยู่ดึกหน่อย ข้ารอคนคนหนึ่ง""รอคน? องค์ชายต้องการพบท่านใด ให้เขามาพบก็สิ้นเรื่อง ไฉนต้องเป็นองค์ชายที่ต้องรอ?" วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจหลี่เฉินหัวเราะเบา "คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อใด แต่ที่แน่ๆ เขาต้องมา และเมื่อมาถึง เขาจะต้องนำข่าวคราวของหลี่อิ๋นหู่มาให้ข้าอย่างแน่นอน"วั่นเจียวเจียวกระพริบตา ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อหลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ พระที่นั่งสีเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม "ช่วงนี้ไม่เห็นกงฮุยอวี่เลย หายไปไหน?"วั่นเจียวเจียวเบ้ปาก "องค์ชายเองยังไม่รู้ บ่าวจะรู้ได้อย่างไรเพคะ? ช่วงนี้นางทำตัวลึกลับเหลือเกิน ไม่เห็นหน้าเลยสักวัน บางทีอาจจะหนีไปแล้วก็ได้"หลี่เฉินวางตำรา ก่อนจะใช้หนังสือตีลงบนศีรษะของวั่นเจียวเจียวเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเล่นแง่ได้แล้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 977

    หลี่เฉินเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ช่องว่างของข้อมูล เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สุดหวงจี๋เทียนไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันภายในต้าฉินในขณะนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าหลี่เฉินได้ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้ประกาศพระราชโองการ เพื่อลบล้างตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ พร้อมกับขับไล่ออกจากทำเนียบราชวงศ์ดังนั้น บุญคุณตามน้ำนี้ หลี่เฉินจึงยินดีมอบให้โดยไม่ลังเลถึงแม้ว่าภายหลังหวงจี๋เทียนจะรู้ความจริง แต่มันก็สายไปเสียแล้วหวงจี๋เทียนตกตะลึงทันทีไฟไหม้จุดพักแรม ลอบสังหารองค์ชายต่างแคว้น ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องของแคว้นตนเองถูกปลดจากทุกตำแหน่ง หากลองคิดในมุมของตนเอง หากวันใดวันหนึ่งเขาถูกริบตำแหน่งและลดเป็นสามัญชน นั่นอาจจะเป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีกสิ่งที่ทำให้หวงจี๋เทียนประหลาดใจกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ตนเองเพิ่งถูกเพลิงไหม้เล่นงานไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ฝ่ายตำหนักบูรพากลับสามารถจับตัวคนร้ายได้ แถมยังมีมาตรการจัดการออกมาเสร็จสรรพแล้วเรื่องนี้ทำให้หวงจี๋เทียนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 976

    "องค์รัชทายาทต้าฉิน ครั้งนี้โปรดให้ข้าได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย!"หวงจี๋เทียนก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เพียงแค่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ก็มีถ้วยชาลอยหวืดลงมาตกกระทบพื้นข้างเท้าของเขาดังเพล้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หวงจี๋เทียนสะดุ้งโหยงเขาเงยหน้ามองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่า หรือว่าหลี่เฉินจะโกรธจนขาดสติแล้วฆ่าตนเสียที่นี่?ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆหวงจี๋เทียนรู้สึกอัดอั้นเพียงเห็นใบหน้าของหลี่เฉินที่มืดครึ้ม ราวกับกำลังระงับโทสะอย่างเต็มที่ เขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกล่าว "อาเกอสิบสามอย่าเข้าใจผิด ข้าโกรธที่มีคนกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นวางเพลิงที่จุดพักแรม ตั้งใจจะลอบสังหารอาเกอสิบสาม แล้วโยนความผิดมาให้ข้า""เรื่องนี้ ข้าได้สืบหาข้อมูลแล้ว และพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เพียงแต่ทำให้อาเกอสิบสามต้องตกใจ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ"ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของหวงจี๋เทียนพลันถูกความประหลาดใจแทนที่ เขาเอ่ยถาม "เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน องค์ชายรู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนเผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 975

    คำพูดถูกส่งออกไป ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งหลี่ชางหลานรู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มร้อนระอุจักรวรรดิต้าฉินมีกฎเกณฑ์ควบคุมเชื้อพระวงศ์อย่างเข้มงวด ฮ่องเต้แต่ละพระองค์ล้วนยึดมั่นในแนวคิดของปฐมจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ราชสำนักสามารถมอบเงินทองให้เชื้อพระวงศ์ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ไม่อาจมีอำนาจทางการเมืองตลอดสามร้อยกว่าปีของราชวงศ์ต้าฉิน เชื้อพระวงศ์สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ตำแหน่งจะไม่เกินระดับสี่ นี่เป็นกฎเหล็ก ส่วนตำแหน่งทางทหาร อย่าได้หวัง แม้แต่จะสมัครเข้ารับราชการก็ยังเป็นไปไม่ได้“เชื้อสายราชวงศ์หลี่ทั้งปวง จะต้องยกย่องพระราชอำนาจเป็นสูงสุด สมควรได้รับความมั่งคั่งรุ่งเรือง แต่สิทธิ์ทางการเมืองต้องชัดเจน ฮ่องเต้มิอาจลำเอียงเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวจนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”ประโยคที่ปฐมจักรพรรดิทรงทิ้งไว้ ได้ตัดโอกาสของเชื้อพระวงศ์หลี่ในการก้าวเข้าสู่ราชสำนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแทรกแซงการปกครองเลยด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้เอง การที่หลี่เฉินเสนอที่นั่งในราชวิทยาลัย จึงถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับหลี่ชางหลาน รวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่อาจได้รับส่วนแบ่งจากโอก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 974

    หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 973

    หลี่เฉินไม่ได้ยืนยันเรียกเขาว่าเสด็จปู่ใหญ่ และก็ไม่ได้เรียกตำแหน่งของเขา แต่เลือกใช้คำว่าผู้อาวุโสหลี่เมื่อปัญหาเรื่องสรรพนามถูกแก้ไขอย่างลงตัว หลี่ชางหลานจึงรับถ้วยชาด้วยสองมือ แล้วยกขึ้นจิบเบาๆหลังจากวางถ้วยชาลง เขากล่าวว่า “ชาดีจริงๆ”หลี่เฉินยิ้มพลางกล่าว “หากผู้อาวุโสหลี่ชอบ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้ท่านนำกลับไป”หลี่ชางหลานโบกมือ “สุภาพชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น ชาดีที่องค์ชายสะสมไว้ ข้าไม่ควรนำไป”“ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตอนข้าพระราชทานตำแหน่งท่านอ๋องให้หลี่อิ๋นหู่ เขามอบชานี้มาเป็นของขวัญขอบคุณ”เพียงประโยคเดียว ทำให้มือของหลี่ชางหลานที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มค้างอยู่กลางอากาศเมืองหลวงไม่มีความลับ โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ที่หลี่อิ๋นหู่ขึ้นไปเดินบนภูเขาจิ่งซานเพื่อขอพร แต่กลับเป็นต้นเหตุทำให้ราษฎรหลายพันคนต้องเสียชีวิตเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงปั่นป่วนไปหมดแม้ว่าหลี่ชางหลานจะถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบ แต่เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทและจ้าวอ๋องได้ขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงบัดนี้เมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิ๋นหู่จากปากของหลี่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีดเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 972

    "เมื่อครั้งกระหม่อมกวาดล้างหมู่บ้านเหมียว ก็เป็นเพียงฐานที่มั่นหลักของตระกูลโจวเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหญิงสาวจากตระกูลโจวแต่งงานออกไปมากมายจนยากจะนับได้ บุตรหลานของพวกนางหลายคนต่างก็มีอำนาจในมือ หากโจวสิงเจี่ยเปล่งวาจาเรียกหา พวกมันสามารถรวมกำลังคนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูหมู่บ้านตระกูลโจวขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน"ซานเป่าอธิบายอย่างละเอียด แต่สีหน้าของหลี่เฉินกลับไร้ความรู้สึกผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินกล่าวว่า "ปัญหาของเหมียวเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจลงมือโดยพลการได้ในตอนนี้ แต่โจวสิงเจี่ยและหลี่อิ๋นหู่ร่วมมือกันสังหารราษฎรไปนับพัน รวมถึงหลี่อิ๋นหู่ยังฆ่าองค์ชายเก้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้"น้ำเสียงของหลี่เฉินเรียบเฉย "ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ประกาศจับตัวหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ย หน่วยบูรพาต้องไล่ล่าพวกมันอย่างเต็มกำลัง ผู้ใดพบร่องรอยและรายงานเข้ามาจะได้รับรางวัลใหญ่"ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม "แต่ว่าตำแหน่งของจ้าวอ๋อง"การที่ราชสำนักประกาศจับท่านอ๋อง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์หลี่เฉินกล่าวเรี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 971

    ซานเป่ากัดฟันแน่น จำต้องล้มเลิกการไล่ตามหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ยเขากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าฝูงแมลงที่หนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นพื้นกำลังเริ่มถอยกลับ ทิ้งไว้เพียงซากศพจำนวนมากนับพันในคลื่นแมลงครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีหรือมีฝีมือพอจะรอดพ้นจากหายนะได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงต้าหลี่ซื่อชิง หวังฟู่ย่ง ต่างก็กลายเป็นวิญญาณใต้ฝูงแมลงไปทั้งหมดเมื่อฝูงแมลงสลายไป สิ่งที่เผยออกมาก็คือซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ซากศพเหล่านี้ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่เนื้อหนังทั้งหมดถูกแมลงกัดแทะจนขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดีที่โชคร้ายที่สุดคงเป็นหวังฟู่ย่ง ศพของเขาตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น แม้แต่เศษเนื้อขนาดฝ่ามือก็ไม่เหลือกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของแมลงลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ผสานกับภาพของซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว เป็นภาพที่สร้างแรงกระแทกให้จิตใจอย่างรุนแรง ใบหน้าของซานเป่าดำทะมึนจนแทบจะบีบหยดน้ำออกมาได้เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว…พระที่นั่งสีเจิ้งหลี่เฉินมองดูซากศพของแมลงสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า กับซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ใบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 970

    ผู้ที่ซุ่มโจมตีมีความชำนาญอย่างยิ่ง ขณะที่เขาจู่โจมออกมาอย่างกะทันหัน ซานเป่าทำได้เพียงบิดร่างหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานของซานเป่า ร่างทั้งสองแยกออกจากกัน ซานเป่าถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบก้าว เมื่อตกลงสู่พื้นยังต้องถอยหลังอีกสามก้าว แต่ละก้าวหนักแน่นราวขุนเขาถล่ม พื้นดินที่เหยียบย่ำแตกร้าวสะเทือนทันทีที่ซานเป่าตั้งหลักได้ ฝูงแมลงสีดำรอบตัวก็คล้ายได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งซานเป่าครางเสียงต่ำ พลังภายในพลุ่งพล่านออกจากร่าง ส่งแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไป แมลงที่ไต่ขึ้นบนตัวเขาถูกสังหารจนหมดสิ้น ร่วงหล่นลงบนพื้นแต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจ โลหิตของแมลงที่ถูกฆ่าล่อให้แมลงจำนวนมากยิ่งกว่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซานเป่ารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อ เขากลืนลมหายใจลงคอ พลังลมปราณรวมศูนย์ในปาก ก่อนจะเปล่งเสียงร้องกึกก้องเสียงคำรามแหลมสูงดั่งระเบิดเสียง สร้างคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังกระจายออกไปทุกทิศทาง แมลงทุกตัวที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังสั่นสะ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status