แชร์

บทที่ 12

เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”

“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”

หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

แม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชา

ท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันที

เฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนาง

แม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแล้ว ราชสำนักก็เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ โดยปกติไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ แต่ถ้าหากองค์รัชทายาทจับจุดอ่อนได้ นี่จะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

ไร้เขา ไร้อำนาจ

เขาอธิบายเสียงสั่นเครือ “กระหม่อมถูกใส่ความ บ้านหลังนี้เช่าโดยกระหม่อม ไม่ได้ซื้อมา กระหม่อมยินดีที่จะยกเลิกสัญญาเช่าทันที...”

“เหยียบย่ำกฎเกณฑ์ที่บรรพชนกำหนด แค่ยกเลิกสัญญาเช่าก็สิ้นเรื่องแล้วหรือ?”

หลี่เฉินยิ้มเยาะ จ้องมองไปที่เฉินจิ้งชวน และพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่อยากฟังเจ้าอธิบาย ข้าไม่อยากรู้ว่าใครเป็นคนให้เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือเพื่อประจบประแจงข้า แต่ข้าอยากจะยืมหัวของตระกูลเฉิน แสดงให้คนเหล่านั้นเห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากทำให้ข้าขุ่นเคือง”

เฉินจิ้งชวนใจสลายเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เมื่อมองดูองครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาที่ดุร้ายรอบตัว เขาก็รู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แค่พูดเท่านั้น

เวลานี้ เขารู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ เขารีบอ้อนวอนทันที “ได้โปรดองค์รัชทายาท ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ!”

ด้านหลังเฉินจิ้งชวน มีผู้หญิงตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา ทันใดนั้นก็เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้น ชี้ไปที่หลี่เฉินแล้วตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “แม้ว่าท่านจะเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง แต่ตระกูลเฉินของพวกเราก็เป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน หากไม่เห็นด้วยกับท่าน ท่านก็จะฆ่าหรือไร เช่นนั้น คนในใต้หล้าจะสบายใตได้เยี่ยงไร? ท่านอย่าลืมสิ ผู้คนในเมืองหลวงต่างเฝ้าดูท่านจากด้านหลัง!”

เฉินจิ้งชวนเห็นลูกชายของเขากระโดดออกมาและพูดคำเหล่านี้ เขาก็โกรธมาก เขาตบทันที และตะโกนด่าด้วยความโมโห “หุบปาก ไอ้ลูกเนรคุณ! เจ้าอยากให้ตระกูลเฉินเราตายทั้งหมดใช่ไหม!?”

พูดจบ เฉินจิ้งชวนก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลี่เฉิน แล้วร่ำไห้ออกมา “องค์รัชทายาท กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ดี ได้โปรดเมตาพวกเราด้วย”

หลี่เฉินมองไปที่เด็กหนุ่มที่แสดงอาการไม่พอใจที่โดนตบหน้า กล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่เลว ใจกล้าไม่เบา”

“ตระกูลเฉินพวกเจ้า ในฐานะพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทุกวันนี้ ภัยพิบัติมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องแลกลูกกันกิน แม้แต่ผู้คนในเมืองหลวงก็ทำงานหนักเพื่ออาหารสามมื้อต่อวัน แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเป็นพ่อธัญพืชที่ยอมให้ข้าวขึ้นรามากกว่าขายในราคาปกติ ตอนนี้ราคาข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า มันเป็นความผิดของใคร? มันเป็นความผิดของพ่อค้าธัญพืชอย่างพวกเจ้า!”

“ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วพ่อค้าเห็นคุณค่าของผลกำไร และเหยียบย่ำความชอบธรรมของวิญญูชน พวกเจ้ากำลังสร้างความมั่งคั่งจากวิกฤติของประเทศ ตอนที่กำลังดูดเลือดสูบเนื้อประชาชน ทำไมท่านถึงไม่รู้ว่าผู้คนกำลังเฝ้าดูอยู่? ผลกรรมมาถึงแล้ว แต่คิดจะใช้ประชนชนเป็นโล่กันธนูงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าประชาชนโง่หรือเปล่า?”

หลี่เฉินพูดเสียงดัง และผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ตื่นเต้น

พ่อค้าธัญพืชมีเงินและธัญพืช แต่พวกเขาต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อแลกธัญพืชจำนวนน้อยนิด ดังนั้นความไม่พอใจของสาธารณชนจึงเดือดพล่านแล้ว แต่แค่ไม่มีใครระบายออกมา

บัดนี้มีองค์รัชทายาทเป็นผู้นำด้วยตัวเอง และคำพูดเหล่านี้ก็โดนใจพวกเขามาก

“องค์รัชทายาททรงมีเมตตา องค์รัชทายาททรงมีเมตตา!”

ในหมู่ฝูงชน มีคนเฒ่าคนแก่หลายคนพากันคุกเข่าลงและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

ทันใดนั้นประชาชนก็คุกเข่าลง แล้วตะโกนว่าองค์รัชทายาททรงมีเมตตา

เมื่อเห็นว่าหลี่เฉินครองใจผู้คนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เฉินจิ้งชวนแทบน้ำดีแตก เขารู้สึกว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น

เขาจะจัดการกับคนที่รู้วิธีการเล่นกับจิตใจผู้คนแบบนี้ได้อย่างไร?

“ทหาร พ่อค้าตระกูลเฉิน หัวหน้าตระกูลเฉินจิ้งชวน เพิกเฉยต่อระเบียบมารยาทของจักรวรรดิ ทำตัวอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจกับเลือดและหยาดเหงื่อของผู้คนเมื่อประเทศกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ไม่เข้าใจความยากลำบากของราชสำนัก และทำเงินได้มากมายจากภัยพิบัติของประเทศ ทั้งยังกล่าวโจมตียังองค์รัชทายาท ถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง”

“ตามคำสั่งขององค์รัชทายาท ตระกูลเฉินสามชั่วโคตรจะถูกตัดหัวต่อสาธารณะ และทรัพย์สินทั้งหมด จะถูกนำเข้าไปในท้องพระคลังเพื่อใช้บรรเทาภัยพิบัติ”

เมื่อหลี่เฉินออกสั่งคำ หัวคนก็เตรียมหลุดออกจากบ่า

เฉินเจิ้งชวนรู้สึกหน้ามืด เขาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อขอความเมตตา แต่กลับถูกองครักษ์เสื้อแพรสองคนหยุดเอาไว้ และเอาดาบจ่อที่คอของพวกเขา

“องค์รัชทายาททรงโปรดเมตตา กระหม่อมทำไม่ถูกเพราะสิ้นหวัง กระหม่อมยินดีบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อร้องขอชีวิต องค์รัชทายาทได้โปรดเมตตา เมตตาเหนือกฎหมาย!”

หลี่เฉินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหัวม้า แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังถัดไป

ครั้งนี้ประชาชนเปิดทางให้อย่างยินดี

เสียงกรีดร้องของเฉินจิ้งชวนค่อยๆ จางหายไป และพวกเขากำลังเข้าใกล้บ้านหลังที่สอง ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลหู เมื่อหลี่เฉินเห็นสวีฉังชิงดูซีดเซียว จึงพูดเบาๆ ว่า “กลัวหรือ? คิดว่าข้าโหดร้ายหรือไม่?”

สวีฉังชิงไม่กล้าพูดออกมา เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่น “กระหม่อม กระหม่อมแค่คิดว่า พ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ทั้งสามนี้ไม่มีอะไรเลย แต่ที่พวกเขากล้ารวมตัวกันปฏิเสธคำเชิญขององค์รัชทายาท คงเป็นเพราะมีบางคนขวางไว้ องค์รัชทายาทการฆ่าเช่นนี้ย่อมเป็นสุข แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือของศัตรู”

“ไม่เลว รู้จักพิจารณาปัญหาจากจุดยืนของข้าด้วย” หลี่เฉินกล่าวอย่างพึงพอใจ

สวีฉังชิงยิ้มอย่างขมขื่น

องค์ชายรัชทายาทออกมาพร้อมโบกสะบัดธงอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ให้ทุกคนเห็นวิธีการของตนเท่านั้น แต่ยังพาเขามาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเขานั้นเป็นคนขององค์รัชทายาทช และร่องรอยนี้ไม่อาจลบล้างออกไปได้แม้ว่าเขาต้องการก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความสวีฉังชิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามองค์รัชทายาทไปจนถึงจุดจบ

“จะเล่นไปบนมือของพวกเขาก็ดี หรือจะทำเหนือความคาดหมายของพวกเขาก็ช่าง มันไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ สิ่งที่ข้าต้องการทำก็คือใช้มีดที่ดาบที่สุด เพื่อขจัดความยุ่งเหยิงในเมืองหลวงให้เร็วที่สุด”

“ข้าไม่มีเวลาหรือฝึกความความชำนาญไปอย่างช้าๆ เพื่อจะต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาเฒ่าที่วางแผนหลอกกันและกันในราชสำนัก ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทางข้า จะเอาชนะทุกวิถีทาง ข้าเป็นผู้สืบทอดใต้หล้านี้ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หากเราไม่ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบพิเศษนี้ หรือจะให้ข้ารอตาเฒ่าจ้าวเสวียนจีนั่นมาฆ่า?”

“เมื่อพิจารณาจากจิตวิญญาณของเขาแล้ว เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสิบปี ตอนนั้นข้าก็จะอายุสามสิบหรือสี่สิบปี แม้ว่าข้าจะทนได้ แต่จักรวรรดิไม่สามารถทนได้ และข้าก็ไม่มีความอดทน ข้าไม่สนใจที่จะเล่นแผนพวกนั้นด้วยซ้ำ ข้าแค่ฆ่าพวกมันให้หมด”

หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ เขาก็กระตุ้นท้องม้าเบาๆ ม้าตัวนี้ฉลาดมาก มันเร่งความเร็วขึ้นทันที โดยทิ้งสวีฉังชิงไว้ข้างหลัง

สวีฉังชิงมองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท และรู้สึกว่าองค์รัชทายาทคิดเรื่องนี้ง่ายเกินไป ถ้าหากคำว่าฆ่าสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ฝ่าบาทก็คงจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้

ไม่ว่าสวีฉังชิงจะคิดอะไร แต่หลี่เฉินก็มาถึงหน้าประตูจวนหูแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ในตระกูลเฉินได้แพร่มาถึงที่นี่แล้ว

ด้านนอกประตูตระกูลหู มีหูเชียนและคนตระกูลหูกำลังรออยู่

ไม่เพียงแต่มีหูเชียนเท่านั้น แต่ยังมีชายวัยกลางคนที่ท่าทางไม่ธรรมดาอยู่หนึ่งคน ยืนอยู่ข้างหูเชียน

เมื่อเห็นหลี่เฉินมาแต่ไกล และบนร่างกายคลุ้งไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นเลือดที่แน่นหนา หูเชียนจึงถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกลัวว่า “ใต้เท้าเฉียน จะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ? ข้าได้ยินมาว่าตระกูลจบเห่แล้ว”

เฉียนฮั่นเหลือบมองหูเชียนที่หน้าซีดเผือดแล้วพูดเสียงเย็นชา “มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้ายังจะกลัวอะไร? ในเมื่อเจ้ายินดีที่จะมอบทรัพย์สินของครอบครัวเจ้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกการคุ้มครองจากข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้าจากเงื้อมมือขององค์รัชทายาท แม้ว่าจะไม่เห็นแก่หน้าข้า ก็ต้องเห็นแก่หน้าราชเลขาธิการบ้าง เขาจะกล้าได้อย่างไร?”

หูเชียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าหากเขาสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้ แม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินของครอบครัวไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาก็จะยังมีอีกครึ่งหนึ่ง เขาจะวางแผนเมื่อถึงเวลา

ขณะที่เขาพูด หลี่เฉินก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว

“จงมีความสุภาพให้เพียงพอ และปล่อยให้องค์รัชทายาทจับจุดอ่อนอะไรได้”

หลังจากเฉียนฮั่นพูดจบ เขาก็โค้งคำนับหลี่เฉินก่อน และกล่าวว่า “กระหม่อมเฉียนฮั่นขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

“กระหม่อมหูเชียน นำครอบครัวเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

“องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

หลี่เฉินสบตากับเฉียนฮั่น พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

เฉียนฮั่นรีบตอบว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมกับหูเชียนเป็นมิตรสหายกัน และบังเอิญเป็นแขกที่บ้านของหูเชียน”

หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่หูเชียนบอกว่าตัวเองต้องไปตรวจบัญชีที่สาขาอื่นไม่ใช่หรือ เป็นไปได้ไหมว่านายท่านหูของเจ้าสามารถหายตัวมาได้ หรือจะบอกว่า เพราะใต้เท้าเฉียนอยู่ที่นี่ ดังนั้นหูเชียนจึงหาข้ออ้างไม่ไปงานเลี้ยงของข้า?”

เฉียนฮั่นขมวดคิ้ว แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขาตอบว่า “บางทีอาจมีความเข้าใจผิดบางประการ เหตุใดองค์รัชทายาทจึงต้องสนใจพ่อค้าคนหนึ่งด้วย สถานะของพระองค์สูงส่ง ถ้าหากองค์รัชทายาทรู้สึกว่าเสียหน้า ข้าจะให้หูเชียนขออภัยฝ่าบาท”

หูเชียนเห็นสิ่งนี้ เขาก็คุกเข่าลงทันทีและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อเห็นหนึ่งคนร้องหนึ่งคนรับ แม้แต่คำพูดลวกๆ ก็ยังหน้าซื่อใจคดมาก หลี่เฉินก็รู้สึกขำขึ้นมา

“ไม่เลว เทียบเฉินจิ้งชวนแล้วดีขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเมื่อฆ่า”

สีหน้าของเฉียนฮั่นพลันเปลี่ยนไป “องค์รัชทายาทหมายความว่าอย่างไร?”

“ในฐานะขุนนางธุรการทั่วไปจากสำนักสารบรรณกลาง เจ้าเป็นขุนนางขั้นที่สาม แล้วเหตุใดจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพ่อค้าคนหนึ่ง?”

หลี่เฉินแสะยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ฟังเฉียนฮั่นอธิบาย แต่ขยิบตาให้ซานเป่า

ขันทีซานเป่าหัวเราะหึๆ พูดกับองครักษ์เสื้อแพรทั้งซ้ายขวาว่า “ไป ไปตรวจค้นร่างกายของใต้เท้าเฉียนหน่อยสิว่ามีอะไรหรือไม่”

เฉียนฮั่นเห็นองครักษ์เสื้อแพรสองนายวิ่งเข้ามา ก็ตะโกนด้วยความตกใจปนโมโหว่า “ข้าเป็นนักเรียนของใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าว เป็นคนสนิทมาก พวกเจ้ากล้าไม่เคารพข้าหรือ!?”

ขันทีซานเป่ากล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “ข้าต้องการจะดูหมิ่นเจ้ามานานแล้ว ใต้เท้าราชเลขาธิการจ้าวแล้วอย่างไร? ข้างหลังข้า คือองค์รัชทายาท!”

“องค์รัชทายาทแล้วอย่างไร!? องค์รัชทายาทสามารถใช้มือเดียวปิดฟ้าได้หรือ? ถ้าหากใต้เท้าราชเลขาธิการโกรธขึ้นมา แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังต้องก้มหัว!”

เฉียนฮั่นที่หวาดกลัวและโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าหลี่เฉินและคนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

เมื่อพูดจบ เฉียนฮั่นก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ก่อให้หายนะครั้งใหญ่แล้ว

ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่เขาก็กัดฟันและจ้องมองไปที่หลี่เฉินอย่างใกล้ชิด

ไม่ว่าเขาจะพูดผิดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็มีโอกาสที่จะแก้ไข ตราบใดที่ท่านราชเลขาธิการช่วยเขา เขาก็มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา

แต่ถ้าหากพบข้าวของของเขา เขาก็อาจจะถูกฆ่าตายในทันที

หลี่เฉินดวงตาเย็นเฉียบ เขากล่าวอย่างราบเรียบว่า “ใจกล้าดีนี่”

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นแล้ว และกำลังจะถึงจุดสุดยอด

ขันทีซานเป่าตะโกนเสียงเย็นชา “ค้นตัวเขา!”

ไม่ว่าเฉียนฮั่นพยายามจะขัดขืนแค่ไหน แต่เขาที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัวจะเอาอะไรไปสู้กับองครักษ์เสื้อแพรสองนายได้?

เฉียนฮั่นถูกองครักษ์เสื้อแพรกดลงกับพื้น เสื้อผ้าของเขาก็ถูกฉีกออก ยิ่งเขาดิ้นรนมากขึ้นเท่าไร เสื้อผ้าของเขาก็ยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น

ขุนนางขั้นที่สามผู้สง่างามในราชวงศ์ ได้สูญเสียความสง่างามทั้งหมดของเขาไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

เฉียนฮั่นทั้งโกรธทั้งอับอาย เขาตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้าดูหมิ่นข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ! องค์รัชทายาท ท่านทำตัวเผด็จการเยี่ยงนี้ ไม่กลัวขุนนางบุ๋นบู๋และความคิดเห็นของสาธารณชนเลยหรือ?”

เขาเพิ่งจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งก็ดึงตั๋วเงินและโฉนดที่ดินจำนวนมากออกจากอ้อมแขนของเขา

ขันทีซานเป่าตาลุกวาวเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารีบเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นก็สูดหายใจอย่างตื่นตระหนก

เขาส่งตั๋วเงินและโฉนดที่ดินทั้งหมดไปให้หลี่เฉินด้วยความเคารพและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท จากการค้นตัวของเฉียนฮั่นพวกเราค้นพบตั๋วเงินที่มีมูลค่าสูงสุดถึงหนึ่งแสนตำลึง และมีทั้งหมดสี่สิบกว่าใบ ยังมีโฉนดที่ดินและสัญญาทางธุรกิจหลายสิบฉบับ”

หลี่เฉินส่ายตั๋วเงินในมือแล้วเยาะเย้ย “แค่ตั๋วเงินก็มีมูลค่ากว่าสี่ล้านตำลึง ใต้เท้าเฉียน แค่ตัวเจ้าคนเดียว ก็อาจมีเงินมากกว่าครึ่งของท้องพระคลัง”

เฉียนฮั่นหน้าซีดจนเทา เงินพวกนั้น เขาเพิ่งได้รับเงินจากตระกูลหู แต่เพราะใจร้อน ลงมือเร็วเกินไป จึงซ่อนของกลางไม่ทันแล้วถูกจับได้

เขารู้แล้วว่า ตัวเองจบสิ้นแล้ว

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฉียนฮั่นก็ยิ่งดุร้ายและโกรธมากยิ่งขึ้น เขาตะโกนใส่หลี่เฉินราวกับขวดที่แตกไปแล้ว “แล้วอย่างไร? ข้าเป็นคนสนิทของราชเลขาธิการ ท่านกล้าฆ่าข้าเหรอ!? ท่านราชเลขาธิการไม่ปล่อยท่านไปแน่!”

หลี่เฉินระเบิดจิตสังหารออกมา เจตนาฆ่าในตัวหลี่เฉินมาถึงขีดจำกัดแล้ว

“ฆ่า”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status