แชร์

บทที่ 15

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”

จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน”

หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”

จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”

“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”

หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้าขอคิดดอกจากเลือนร่างเจ้าแล้วกัน”

จ้าวชิงหลานรู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนว่างเปล่า แล้วตกลงไปอยู่ในอ้อมแขนของหลี่เฉิน

หลี่เฉินกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น อีกข้างลูบไล้ท้องน้อยของตัวเองอย่างละโมบ ทำให้จ้าวชิงหลานตกใจกลัว

“องค์รัชทายาท! อย่าได้ล้ำเส้น!”

จ้าวชิงหลานตะโกนเสียงดุดัน

เพียงแต่ท่าทางที่อยู่นั่งบนตักของหลี่เฉินนั้น ทำลายภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามลงสิ้นเชิง

“ข้าล้ำเส้นตรงไหน”

หลี่เฉินไม่สนใจคำขู่ของจ้าวชิงหลานเลย เพียงพริบตาเดียว มือของเขาก็ลื่นไหลราวกับปลาไหล ทะลุผ่านแนวป้องกันของจ้าวชิงหลาน ลอดเข้าไปในช่องว่างระหว่างเอวของนาง

จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงมือใหญ่ของเขาแนบแน่นกับตัวเจ้าโดยไร้สิ่งกีดขวาง นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรงเพื่อไม่ให้เขาได้ล่วงล้ำไปมากกว่านี้

ทันใดนั้น เสียงองค์ชายเก้าก็ดังมาจากนอกตำหนัก

“เสด็จแม่ ลูกท่องจำ 'ประวัติศาสตร์ก่อนฉินห้าร้อยปี' ครึ่งเล่มแรกเสร็จแล้ว เสด็จแม่มีเวลาฟังข้าท่องหรือไม่”

เสียงองค์ชายเก้า ทำให้จ้าวชิงหลานเบิกตากว้าง

ยามนี้ มีเพียงม่านกั้นอยู่ชั้นเดียว หากม่านถูกเปิดออก ภาพลามกอนาจารของนางกับหลี่เฉินก็จะถูกเปิดเผยต่อหน้าองค์ชายเก้า

ความตื่นเต้นและเร้าใจครั้งนี้ รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

จ้าวชิงหลานรีบอ้าปากพูด โดยไม่คำนึงถึงคำพูดอันใด เพียงต้องการไล่องค์ชายเก้าโดยเร็วที่สุด

แต่ในช่วงเวลาสำคัญนี้ หลี่เฉินกลับมีปฏิกิริยาเร็วกว่านางเสียอีก...

“ตำรา 'ประวัติศาสตร์ก่อนฉินห้าร้อยปี' มีความยาวถึงสองหมื่นสามพันตัวอักษร แม้จะแค่ครึ่งเล่มแรกที่ค่อนข้างเรียบง่ายและบางก็ยังมีความยาวกว่าหมื่นตัวอักษรแล้ว เจ้าบอกว่าท่องจำได้แล้ว ข้าไม่เชื่อหรอก มาท่องให้ฟังหน่อยสิ”

เมื่อได้ยินเสียงของหลี่เฉิน องค์ชายเก้าตกใจกลัว รีบถามว่า “องค์ องค์รัชทายาทอยู่ด้วยหรือ”

องค์ชายเก้าจ้องม่านประตูที่ปิดสนิท เบิกตากว้าง รู้สึกราวกับว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยความลับมากมาย

เขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดถึงดึกดื่นค่ำเพียงนี้ องค์รัชทายาทถึงอยู่ในห้องพระบรรทมหลังม่านได้ และยังปิดม่านประตูสนทนากันอีกด้วย มีเรื่องสำคัญอันใดอย่างนั้นหรือ ถึงต้องปิดบังไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน

หลี่เฉินและจ้าวชิงหลานที่อยู่หลังม่านประตูย่อมไม่ทราบถึงความคิดขององค์ชายเก้าในยามนี้ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทราบด้วย

หลี่เฉินกดจ้าวชิงหลานลงบนตั่งนอน ใช้มือข้างหนึ่งประคองไว้ไม่ให้จ้าวชิงหลานหนี มืออีกข้างลูบไล้ไปทั่วเลือนร่างของจ้าวชิงหลานอย่างเร่าร้อน

ทั้งสองหายใจหอบแรงด้วยความร้อนรน หลี่เฉินเอ่ยปากพูดกับองค์ชายเก้านอกม่านว่า “ข้ามีธุระสำคัญต้องปรึกษากับฮองเฮา เจ้าอย่ายุ่งให้มากความ ในเมื่อเจ้าอยากท่องจำตำรา ก็ดีแล้ว ข้าในฐานะพี่ชาย ย่อมมีหน้าที่ชี้แนะเจ้า เจ้าลองท่องให้ฟังหน่อยสิ”

องค์ชายเก้าที่อยู่นอกม่านสีหน้า สุดท้ายเขาก็กัดฟันตัดสินใจว่าโอกาสในการแสดงออกของตนเองนั้นสำคัญกว่า

เขาจึงเริ่มท่องจำตำราอย่างคล่องแคล่วว่า “ยุคสมัยก่อนฉินห้าร้อยปี ดูประวัติศาสตร์คนรุ่นก่อนเพื่อรู้จักความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมในปัจจุบัน มองดูประวัติศาสตร์เพื่อแยกแยะผิดชอบชั่วดี…”

องค์ชายเก้าที่อยู่ด้านนอกกำลังท่องอย่างคล่องแคล่ว แต่ภายในม่านประตู จ้าวชิงหลานถูกรังแกโดยการโจมตีที่ดุดันของหลี่เฉินจนใบหน้าแดงก่ำ โดยเฉพาะเมื่อเสียงขององค์ชายเก้าทะลุประตูเข้ามา หัวใจของนางก็ตกอยู่ท่ามกลางความอับอายและความลังเลอันหาที่เปรียบมิได้

“ไอ้ ไอ้สารเลว!”

แม้จะสาปแช่ง แต่จ้าวชิงหลานก็ต้องกดเสียงลงเพื่อทำให้คำพูดของนางดูไม่เป็นอันตราย

ปีกจมูกปิดอย่างรวดเร็ว จ้าวชิงหลานรู้สึกอับอายเมื่อได้ยินเสียงหายใจเร็วของเขา

พวกเขาทั้งสองผลัดกันขึ้นลงบนตั่งนอน ซ้อนทับกันไปมา แม้พื้นที่จะไม่เล็ก แต่ลมหายใจที่ร้อนระอุของพวกเขาทำให้อากาศโดยรอบร้อนอบอ้าวขึ้นมา

เขาเชิดคอของจ้าวชิงหลานด้วยคางของ เมื่อมองไปยังรอยผลสตรอเบอร์รี่ที่เขาสร้างขึ้นเมื่อหลายวันก่อน หลี่เฉินก็ลดเสียงลง โน้มตัวไปที่ข้างหูของจ้าวชิงหลานและกระซิบว่า “ข้าสารเลวอย่างไรหรือ”

คำพูดไร้สาระเหล่านี้ดูน่ารังเกียจราวกับเด็กเสเพลข้างถนนล้อเลียนหญิงสูงส่ง ทำให้จ้าวชิงหลานอยากตายด้วยความอับอายและความโกรธแค้น

แต่ก่อนที่นางจะโกรธ มือใหญ่ข้างหนึ่งของหลี่เฉินก็ทะลุการป้องกันทั้งหมดและเจาะเข้าไปในกระเป๋าหน้าท้องส่ลับที่สุดของหญิงสาว

“ไม่ ไม่ได้...”

จ้าวชิงหลานอุทานด้วยเสียงทุ้มต่ำ

นางไม่ทันสังเกตว่าน้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความโศกเศร้าและวิงวอน

ร่างกายของเขาและจ้าวชิงหลานแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง โดยรู้สึกถึงความร้อนและความอ่อนนุ่มที่ออกมาจากข้างใต้ของเขา สัมผัสของร่างกายอันประณีตและยืดหยุ่น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกราวกับว่ามีไฟอยู่ในตัวเขา และร่างกายที่ต้องระบายออกอย่างเร่งด่วน

ในขณะนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาไม่สนใจจ้าวชิงหลาน เปิดฝ่ามือคว้าความเผ้าคะนึงนั้น

“อ้าก!”

จ้าวชิงหลานอ้าริมฝีปากแดง ยกมือห้ามหลี่เฉิน แต่กลับกระแทกกับน้ำถ้วยชาเพราะเคลื่อนไหวมากไป

เพล้ง

ถ้วยน้ำชาล้มลงกับพื้นและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

การเคลื่อนไหวของจ้าวชิงหลานและหลี่เฉินหยุดนิ่ง ภายนอกเสียงบรรยายขององค์รัชทายาทเก้าก็หยุดลงอย่างกะทันหันเช่นกัน

“เสด็จแม่ เมื่อครู่คือเสียงของท่านใช่หรือไม่ ท่านเป็นอะไร”

นอกม่านประตู รากฎเสียงขององค์ชายเก้าดังเข้ามา

จ้าวชิงหลานจ้องหลี่เฉินด้วยความโกรธ หากรูปลักษณ์ฆ่าคนได้ หลี่เฉินคงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปเสียแล้ว

แต่ยามนี้ นางต้องพูดอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ข้าไม่เป็นไร”

“เสด็จแม่ ถ้วยน้ำชาแตกใช่หรือไม่ เสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

เสียงขององค์ชายเก้าเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น

ภายใต้เงาแสงเทียน มองเห็นได้ชัดเจนบนม่านประตูว่าองค์ชายเก้าค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้

“ลูกข้าเข้าไปได้หรือไม่”

เมื่อคำพูดเหล่านี้มาถึง เขาก็แทบจะถึงม่านประตูแล้ว

ในยามนี้ ขอเพียงองค์ชายเก้ายกม่านประตูขึ้น เขาก็จะเห็นหลี่เฉินกดจ้าวชิงหลานไว้ โดยมือข้างหนึ่งยังคงสวมชุดฮองเฮาแห่งจักรวรรดิฉิน

บรรยากาศตึงเครียดมาก

ปัง ปัง ปัง

หัวใจของทั้งหลี่เฉินและจ้าวชิงหลานเต้นเร็วขึ้น

ความตื่นเต้นและความรีบเร่งคล้ายกับความลับที่กำลังจะถูกเปิดเผย ทำให้ทั้งคู่เหงื่อออกบนหน้าผาก

ดวงตาของจ้าวชิงหลานยิ่งดูตื่นตระหนก ใบหน้าที่งดงามของนางก็เปื้อนไปด้วยสีแดงก่ำเนื่องจากความตื่นเต้น ในยามนี้ นอกเหนือจากใบหน้าแดงก่ำแล้ว ยังมีอาการตื่นตระหนกและใบหน้าซีดเผือกรวมอยู่ด้วย

หากองค์องค์เก้าเห็นฉากตรงหน้า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร นางคงไม่มีหน้าอยู่ต่อ

“ข้าไม่เป็นไร อย่าเข้ามา!”

นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายเก้าได้ยินเสียงดุด่าอย่างรุนแรงจากฮองเฮาจนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

แต่แล้วเขาก็คิดว่ามีองค์ชายผู้โหดร้ายอยู่ข้างใน บางทีองค์ชายอาจทำให้เสด็จแม่ของเขาโกรธอยู่ก็เป็นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ องค์ชายเก้าก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที

“ลูกเป็นห่วงเสด็จแม่ ขอลูกแน่ใจว่าเสด็จแม่ไม่เป็นไร ลูกค่อยให้เสด็จแม่ลงโทษ”

เอ่ยจบ เงาขององค์รัชทายาทเก้าบนม่านประตูก็ยกมือขึ้นเพื่อเปิดม่านประตู

ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
โต ธนสมบัติ
ฮองเฮาโดนละ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status