ตุลย์เมื่อได้ยินเสียงสิ่งของตกกระทบอยู่หลายครั้งก็วิ่งถือปืนมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่เพียงตัวเดียว บนหัวมีแชมพูสระผมขาวเป็นฟองทั่วทั้งหัว ทว่าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางทะมัดทะแมงมือถือปืนเล็งเข้าพร้อมจะยิงกับศัตรูทุกเมื่อ ก็ต้องลดระดับมันลงเมื่อเห็นเจ้านายกำลังนอนทับร่างผู้หญิงที่พามาด้วยกันบนโซฟาจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ"
เมื่อได้ยินเสียงจากตุลย์และโผล่เข้ามา ราเชนทร์ก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองน้ำหนึ่งนอนจมบนโซฟาหลังจากถูกกดจนปวดแขนไปหมด ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นทรงตัวนั่งเบ้หน้าจากความเจ็บปวดก่อนจะเอียงหางตามองคนอายุมากกว่าที่อยู่ใกล้ๆ
"เด็กมันซนไปหน่อย"
พับแขนเสื้อขึ้นแล้วแกะกระดุมปลดลงถึงกลางอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่น้ำหนึ่งก็ยังนั่งนวดแขนตัวเองไปมาไม่พูดไม่จามีเพียงสีหน้าของความเจ็บปรากฏออกมาเท่านั้น
"คืนนี้ก็นอนบนโซฟาแล้วกัน"
ราเชนทร์บอกคนตัวบางให้นอนบนโซฟาตัวนี้ จากนั้นก็เดินสะบัดคอขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่สนใจน้ำหนึ่ง
"ไปทำอะไรให้เฮียไม่พอใจ" ตุลย์กระซิบถามทันทีที่ราเชนทร์เลี้ยวตัวขึ้นบันไดจนหายไปชั้นบน
"เปล่า หนึ่งแค่โมโหที่เฮียเขาไม่ยอมตอบ"
หน้าหงิกในยามที่พูดถึงราเชนทร์ ตุลย์ทำหน้างง มีเรื่องอะไรกันถึงขั้นปาข้าวของโดนเฉพาะรูปภาพใบนี้ ราเชนทร์หวงยิ่งกว่าอะไร
"เดี๋ยวเฮียอาบน้ำเสร็จจะเอาผ้าห่มหมอนเสื้อผ้าและของใช้มาให้"
"ไม่เอา หนึ่งจะกลับเลาจน์" เธอโวยวายขึ้นและไม่อยากค้างที่นี่
"รู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน"
"ไม่รู้"
"ที่นี่เคยเป็นจุดพักทหารสมัยสงครามโลก มีคนตายเป็นร้อยๆ ศพเพราะถูกทหารต่างชาติยิงปืนเข้าใส่ ออกไปตอนนี้ไม่กลัวเจอผีหรือไง" ตุลย์ใส่น้ำเสียงบิ้วให้มันดูมีความน่ากลัวขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำหนึ่งตาเบิกโพลงคล้ายเป็นสุสานดีๆ นี่เอง ความกลัวเริ่มเกิดน้ำหนึ่งเป็นคนกลัวผีมาก ยิ่งมารู้แบบนี้ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่ มองซ้ายมองขวาด้านนอกที่เงียบสงัดมันก็ดูวังเวงพอสมควร
ทว่ามันเป็นเรื่องโกหก
"แล้วเฮีย.."
"ชื่อเฮียตุลย์ คนหน้าดุๆ ที่เดินขึ้นขึ้นชั้นบนคือเฮียเชนทร์เป็นเจ้านายเฮียเอง" ตุลย์แนะนำตัวเองและเผื่อไปยังเจ้านายด้วย ทว่าน้ำหนึ่งก็เบะปากเมื่อกล่าวถึงผู้ชายที่ไม่รู้จักถนอมเรือนร่างของผู้หญิงเอาเสียเลย
"แปลว่าหนึ่งต้องค้างที่นี่นะสิ"
"อยากไปก็ไปเอง ดึกขนาดนี้เฮียไม่ไปส่งหรอก กลัวผี" ย้ำอีกรอบทำน้ำหนึ่งขวัญผวาไปใหญ่
พูดจบตุลย์ก็หันหลังกลับเพื่อจะไปบ้านเรือนด้านหลังอาบน้ำหลังตัวให้สะอาด ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของคนที่เพิ่งสนทนาด้วยเอ่ยตามหลัง
"เฮียตุลย์"
"...." หันกลับมอง
"ยืมพระในคอสักคืนสิ หนึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้"
ดวงตาสีน้ำตาลกลอกล่อกแล่กไปมาเหมือนมองอะไรบางอย่าง ตุลย์กำพระในคอที่มีขนาดองค์แค่นิ้วหัวแม่มือมองมาที่ร่างแน่งน้อยบนโซฟา
"องค์เล็กนิดเดียวกันผีไม่ได้หรอก เดี๋ยวจัดการให้" จากนั้นตุลย์เดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มคันหัวคันตัวเมื่อยังไม่ได้ล้างคราบแชมพูและสบู่ โดยทิ้งน้ำหนึ่งนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเพียงคนเดียว ลมเย็นโกรกเข้าทางระเบียงที่ไม่มีผนังกั้น ความเย็นยะเยือกทำขนอ่อนบนร่างลุกพรึบพร้อมกัน ขนหัวก็เริ่มลุกเมื่อบรรยากาศวังเวงเหลือเพียงเธอคนเดียว
"พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ยกมือพนมท่วมหัวร้องเรียกหาพระรัตนตรัยออกมาปกป้องคุ้มครองจากภัยของวิญญาณ
ฟึบ!!!
"ว๊าย!!!" น้ำหนึ่งร้องลั่นในยามไฟฟ้าดับลง กระโดดยกเท้าขึ้นเหยียบโซฟานอนขดหน้ามุดหมอนใบเล็กที่เอาไว้ใช้พิงหลัง ทว่ายิ่งหวีดร้องหนักไปใหญ่เมื่อสัมผัสได้ว่าหัวไหล่กำลังถูกบางอย่างสะกิดสัมผัส
"ไปที่ชอบๆ เถอะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย" เสียงสั่นจากความกลัวเอ่ยขึ้นบอกสัมภเวสีกำลังหลอกหลอน
"เหนิ่ง" เสียงหย่อนยานทำเอาขนหัวลุกหนัก ยกมือพนมร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วตัวสั่นระริกในยามคล้ายมีวิญญาณมีสนทนาด้วย คำโบราณหากมีใครมาเรียกชื่อในยามดึกสงัดจะไม่ขานรับเด็ดขาด
"นะโมตัสสะ ภควโต" เริ่มสวดมนต์ตัวสั่น
"หนึ่ง"
"อย่ามาหลอกหนู หนูเพิ่งมาไม่รู้เรื่องอะไร ไปหลอกเฮียตุลย์กับเฮียเชนทร์เลยไป"
น้ำหนึ่งไล่ผีให้ไปหลอกอีกฝ่ายโดยให้เหตุผลมาเธอพึ่งมาที่นี่
"หนึ่ง" คราวนี้เสียงดังขึ้นไม่หย่อนเหมือนรอบก่อน หันหน้ากลับมามองอย่างเชื่องช้า ทว่าก็ต้องร้องจ๊ากเมื่อคนที่ยืนอยู่คือตุลย์นุ่งสโลงและทาแป้งทานาคาขาวเต็มหน้าราวกับผีโบราณ
"ตกใจหมด" ยกมือน้อยๆ ทาบไว้บนอกหายใจแรง ก่อนจะผ่อนลมหายใจให้เบาขึ้นเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่ผี
"เฮียก็ตกใจ ร้องไม่ดูตาม้าตาเรือเลย" บ่นให้น้ำหนึ่งที่เอาแต่ร้องกับร้อง
"ใครจะไปรู้ว่าเป็นเฮีย ไฟก็ดันมาดับเอาตอนนี้"
"ที่นี่ไฟจะดับอัตโนมัติตอนตี 4 แล้วจะกลับมาเปิดตอน 6 โมงเช้า" เป็นบ้านสไตล์รีสอร์ตที่ใช้ไฟจากแผงโซล่าเซลล์เป็นหลัก ส่วนไฟฟ้าปกติก็จะสลับใช้บ้างยามจำเป็น
"ประหยัดกันจัง"
"ลดภาวะโลกร้อน" ตุลย์ยื่นหมอนใบใหญ่ผ้าห่มและเสื้อผ้าตัวใหม่ ทว่าอาการเย็นๆ แบบนี้น้ำหนึ่งคงไม่อาบให้เสียเวลานอน
"แล้วมีอะไรมาให้กันผี" ยังไม่ลืมของขลังที่ขอเอาไว้ ตุลย์ยกพระพุทธรูปองค์ใหญ่วางไว้บนโต๊ะข้างโซฟา
"กันได้ทุกผี" พอกล่าวออกมาเป็นผลทำให้คนฟังสบายใจขึ้น
"ขอบใจเฮียตุลย์มาก เฮียออกไปได้แล้ว หนึ่งจะถอดเสื้อผ้า" มีพระวางไว้ใกล้ๆ ก็สบายใจไปหนึ่งเปราะ เมื่อตุลย์เดินพ้นประตูออกไปบ้านเรือนด้านหลัง น้ำหนึ่งก็จัดการเปลี่ยนชุดโดยไม่ทันได้สังเกตว่าชุดที่เปลี่ยนใส่มันเป็นชุดของผู้หญิง
ที่นอนสำหรับคืนนี้ก็เป็นโซฟาตัวแคบ แต่เมื่อเทียบกับร่างบอบบางของน้ำหนึ่งก็ถือว่ากว้างมาก วางศีรษะลงหมอนนิ่มและห่มผ้านอนยังไม่ทันจะหลับ เสียงพื้นไม้ก็ดังเอี๊ยดอ๊าดจนน้ำหนึ่งกลัวอีกครั้ง ลุกขึ้นนั่งคว้าพระพุทธรูปเข้ากอด รู้สึกได้ว่ามีมวลความร้อนมหาศาลกำลังปกคลุม มองไปด้านนอกต้นไม้ก็โย้เย้โยกตัวมองไปมาราวกับผีเปรตไหนจะเสียงกอไผ่ที่เสียดสีกันดังเป็นระยะชวนหลอนไปกันใหญ่ตั๊กแก !!!ตุ๊กแกร้องพร้อมกันสองตัวสลับไปมาพร้อมสายลมโชยโกรกเย็นยะเยือก น้ำหนึ่งเด้งตัวลอยวืดเหนือพื้นแล้วกระทบฝ่าเท้าน้อยๆ ลงพื้น จากนั้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดไปในความมืด สัญชาตญาณความกลัวทำให้ก้าวขาขึ้นบันไดได้อย่างรวดเร็วทะลุไปชั้นบนของบ้านโดยไม่ตกขั้นบันไดเลยสักนิด ด้านบนมีเพียงห้องนอนห้องเดียวและราเชนทร์นอนอยู่ในนั้น"เฮีย"ปังๆ!!"เฮีย ผีหลอก" กระหน่ำเคาะประตูจนคนด้านในตื่น ราเชนทร์ถือกระบอกไฟฉายที่วางไว้หัวเตียงออกมาเปิดเห็นน้ำหนึ่งหน้าตื่นตกใจกลัวทั้งยังหอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมาด้วย"มีอะไร""ผีหลอก ขอหนึ่งนอนด้วย" มุดตัวลอดหว่างแขนที่ราเชนทร์จับประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มกระชับตัวและยังนอนกอดพระพุทธรูปไม่ปล่
ในช่วงสายหลังจากอาบน้ำเสร็จ ราเชนทร์ย้ายตัวเองลงมาข้างล่างนั่งด้านนอกชมนกชมไม้ปล่อยดวงตาได้มองความเขียวชอุ่มของทัศนวิสัยเบื้องหน้า ส่วนน้ำหนึ่งก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวเมื่อคืนมองตุลย์ที่กำลังประกอบกรอบรูปใบใหญ่แทนอันเดิมที่น้ำหนึ่งตั้งใจทำมันแตก"เฮียตุลย์" น้ำหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นคนในรูปชัดเจนมากกว่าเมื่อคืนในความสงสัย ตลุย์ขานรับอีกฝ่ายในขณะที่นั่งขัดสมาธิบนพื้น ดวงตาก็จ้องกับสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้า"เมียเฮียเชนทร์เหรอ"ได้ยินเช่นนั้นคนฟังหัวเราะออกมาในทันที แต่กระนั้นก็ไม่ตอบอะไรตั้งใจทำสิ่งที่ถือขึ้นในมือขันน็อตประกอบเพื่อยึดโครงกรอบรูป"สวยดีเนาะ" น้ำหนึ่งเพ่งมองไปยังกระดาษใบใหญ่ที่เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาดีอายุน่าจะราวๆ กับเธอ คนในรูปผมยาวกลางหลังยกเรียวปากยิ้มเล็กน้อยผิวค่อนข้างขาวและมีดวงตาชั้นเดียวดูเหมือนอาหมวยด้วยซ้ำ"เขาบอกว่าเนื้อคู่กันมักหน้าตาเหมือนกัน"น้ำหนึ่งยังพูดไม่หยุดและชื่นชมผู้หญิงบนแผ่นกระดาษที่มีหน้าตาละม้ายคลายราเชนทร์อย่างมาก"พูดเก่งนะเรา ไม่เหมือนเมื่อวานกลัวเจ้าหนี้จนหน้าสั่นงกๆ"ตุลย์แซวน้ำหนึ่งผู้หญิงในวันนั้นกับวันนี้ช่างต่างกันอย่างกับคนละคน ในตอนนั้นเธอต
"พูดให้มันเบากว่านี้ นกฉันตกใจ" เตือนน้ำหนึ่งให้ลดเสียงแหลมลงมาหน่อยและทอดมองร่างแน่งน้อยด้วยสายตาเรียบเฉย"เลี้ยงนกพันธุ์อะไร?" ดันสนใจสัตว์เลี้ยงของราเชนทร์ ทั้งที่มีจุดประสงค์จะมาขออนุญาตออกไปข้างนอกตั้งแต่แรก ทว่าเป็นแค่การปูทางเกริ่นเรื่องอื่นออกไปก่อน"พูดธุระของเธอมา""คือ..จะขอออก-""ไม่" พูดยังไม่จบประโยค ราเชนทร์ก็ตัดจบด้วยคำว่าไม่"เอ้า จะไม่ฟังหนึ่งก่อนเหรอ จะขอออกไปข้างนอกกับเฮียตุลย์" แค่อ้าปากราเชนทร์ก็เดาได้ว่าน้ำหนึ่งหวังผลอย่างอื่นเธอคงต้องการจะออกไปจากที่นี่ คนอย่างราเชนทร์หว่านพืชก็ต้องหวังผล การจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากอาณาเขตของดิลกก้องเกียรติก็สมองกลวงเต็มทน"ฉันไม่ได้โง่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำให้น้ำหนึ่งกลืนน้ำลายพูดไม่ออก ราเชนทร์เดินเลยผ่านคนตัวบางเข้าไปในบ้านกลิ่นตัวหอมจางๆ ปะทะจมูกคนตัวเล็กกว่าแล้วขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่น้ำหนึ่งเดินตามมาติดๆ ยืนข้างบันไดด้วยความผิดหวัง"หนึ่งอยู่ที่นี่ ไม่ต้องออกไปไหน" ตุลย์เอ่ยขึ้นและกำชับไม่ให้เธอออกไปไหนทั้งยังถือเป็นการสั่งห้าม"แต่หนึ่ง-""ไม่ใช่แค่เฮียเชนทร์ที่มองออก เฮียเองก็รู้ว่าหนึ่งคิดอะไร"คน
บรรยากาศที่มีแต่เสียงช้อนเสียงเคี้ยวนั่งกันอยู่สองคนโดยที่ตลย์เดินออกไปหลังบ้านไปทำธุระส่วนตัวหลังจากจัดโต๊ะอาหารให้คนเป็นนายเสร็จ“อดอยากมาจากไหน”“เปล่า” แต่ก็ยังตักเข้าปากไม่เลิกทั้งยังลุกไปตักข้าวในหม้อมาอีกสองทัพพีนั่งกินตามเดิมอย่างเอร็ดอร่อย“เดี๋ยวติดคอตาย”คนฟังเลิกสนใจตอบตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ส่วนราเชนทร์กินไปแค่ไม่กี่คำชายหนุ่มก็ยกแก้วน้ำมาดื่ม“อิ่มแล้วเหรอ”“อืม” ลุกจากเก้าอี้ขึ้นห้องนอนตามเดิม ปล่อยคนตัวเล็กนั่งกินข้าวคนเดียวต่ออย่างเอร็ดอร่อย แม้น้ำหนึ่งจะมองตามราเชนท์ทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ดีซะอีกจะได้กินแบบไม่ต้องเกรงใจ ไม่ยอมให้กลับบ้านเลานจ์จะกินให้เกลี้ยงเลยคอยดูแน่นอนว่าคืนนี้น้ำหนึ่งยังคงต้องค้างที่นี่ต่อและจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำของราเชนทร์แต่เธอกับเลือกจะเดินออกจากตัวบ้านไปสักหน่อยแล้วใช้ห้องน้ำของตุลย์แทน“ชั้นบนก็มี”“หนึ่งไม่สบายใจที่จะต้องเดินขึ้นห้องเฮียเชนทร์”ตุยล์พยักหน้าตอบก็คงจะไม่ชอบราเชนทร์เหมือนคนอื่นๆ ความหน้านิ่งดูไม่เป็นมิตรไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบและมันก็เป็นส่วนใหญ่ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา“แล้วชุดของคุณรันที่เฮียตุลย์เอามาให้ใส่ หนึ่งก็ไม่ส
การแข่งขันเริ่มขึ้น น้ำหนึ่งถือไม้สนุ๊กด้วยท่าทีทะมัดทะแมงพอตัว เดินสำรวจมุมและจังหวะของตัวเองหมายช่วงชิงตำแหน่งของผู้ชนะเพื่อจะขอแลกกับการออกไปจากที่นี่ ในขณะที่ราเชนทร์ถอยตัวออกห่างยืนผิงโต๊ะด้านข้างและจิบน้ำเปล่าผสมโซดาและยังมีแอลกอฮอล์เจือจางบางๆ ครั้นชงมาดื่มเมื่อนอนไม่หลับในค่ำคืนนี้ ท่าทางของคนเด็กกว่าถือว่าใช้ได้ ราเชนทร์เริ่มเลิ่กลั่กหากเธอเป็นผู้ชนะเข้าต้องให้ทุกอย่างในข้อต่อรองทว่า..... ปัก!!ยิงครั้งสุดท้ายของการแข่งขันทว่ากลับไม่ลง น้ำหนึ่งกำลังพลาดเป็นเกมส์ที่รู้สึกประหม่าอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายถึงคิวที่ต้องเล็งลูกสนุ๊ก ชายหนุ่มเดินรอบโต๊ะอย่างเชื่องช้าจ้องไปที่ลูกกลมๆ ทั้งกระจายตัวกันอยู่สองสามลูกก่อนจะสลัดหางตามองคนตัวเล็กที่ยืนหายใจแรงด้วยสีหน้าประหม่าราเชนทร์ก้มตัวต่ำระนาบลงกับโต๊ะพู เหยียดแขนข้างซ้ายออกสุดและใช้หลังมือรองไม้สนุ๊กที่พาดผ่านเป็นทางยาว ดวงตาสีคมเข้มจ้องไม่กะพริบเป็นการเล็งเพ่งเป้าหมายจากนั้นก็กระตุกไม้ชนลูกกลมๆ กระทบกันกระจุยกระจาย ยิ่งทำให้น้ำหนึ่งทำตัวไม่ถูก เมื่อมันไหลลงรูอย่างแม่นยำ ราวกับมีแม่เหล็กหน่วงลงไปเสียงปรบมือของผู้ชนะดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มแส
เสียงหวานที่แผดร้องถูกกลืนหายลงลำคอของอีกฝ่ายในยามที่ราเชนทร์ประกบริมฝีปากอุ่นลง คนตัวเล็กทำได้แค่สะบัดไหล่ไปมาเมื่อแขนสองข้างถูกมัดไขว้หลังไปแล้วก็ไม่อาจใช้มือทุบตีเป็นการห้ามปราบอีกฝ่ายได้“สำหรับคนไม่รักษาคำพูด” น้ำหนึ่งอ้าปากโกยเอาออกซิเจนครั้นอีกฝ่ายถอนจูบและใช้ฝ่ามือประคองใบหน้ารูปไข่“อึ่ก” สอดชำแรกปลายลิ้นทั้งบดริมฝีปากลงอีกครั้ง ตักความหวานของผู้หญิงตรงหน้าออกมาชิมจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ ในขณะที่อีกฝ่ายยังตาเหลือกส่งเสียงอู้อี้ดังแผ่วเบาในเพียงลำคอ แม้พยายามจะเม้มปากแน่นกันลิ้นร้อนฉกฉวยก็ไม่อาจต้านทาน ราเชนทร์ยังขยี้มันอยู่แบบนั้นเกิดกลิ่นเลือดคาวคลุ้งเมื่อริมฝีปากของน้ำหนึ่งเริ่มแตกจากการบดเบียด“และสำหรับที่เอากรอบรูปน้องสาวเฮียทิ้งอย่างไม่แยแส”เขาโกรธเธอมากพอสมควรกับเหตุการณ์วันนั้นแต่ต้องระงับอารมณ์เพราะคนตัวบางก็โมโหพอๆ กับเขาในครั้นที่ราเชนทร์ไม่เอ่ยปากตอบ“หนึ่งไม่รู้ ขอ..อึ่ก” จะเอ่ยปากขอโทษก็ถูกฉกฉวยแย่งชิงออกซิเจนในทันที ราเชนร์สูบเรียวปากสวยจนแดงก่ำราวกับทาลิปสติกอย่างหนำใจ จากนั้นหันมาสนใจลำคอสวยลากไซร้มันอยู่แบบนั้น หนวดพอรำไรทิ่มตามเนื้อผิวสร้างความสยิวให้คนตัวบางอย
เสียงฝ่าเท้าวิ่งตุบตับขึ้นบันไดไปยังชั้นบนเป็นเหตุให้น้ำหนึ่งลืมตาตื่นในช่วงเจ็ดโมงเช้า ตุลย์หน้าตื่นตามหาเจ้านายทั้งส่งเสียงเรียกเสียงดังจนกระทั่งออกไปยังด้านนอกที่เป็นพื้นที่ของกรงนก ร่างแน่งน้อยสะลึมสะลือเพราะถูกก่อกวนจากเรื่องเมื่อคืนเป็นผลให้นอนไม่หลับทั้งครุ่นคิดอยู่คนเดียวบนโซฟาไปจนถึงตีสามและเพิ่งหลับตาได้สนิทไปได้ไม่กี่ชั่วโมงน้ำหนึ่งได้ยินเพียงเสียงสนทนาของเจ้านายกับลูกน้องมีน้ำเสียงเคร่งเครียดและจะข่มตาหลับตาหลับต่อ ทว่าแสงแดดเริ่มแยงลอดผ่านเข้ามากระทบเปลือกตาก็ไม่อาจหลับต่อได้ อ้าปากหาวนั่งมองชายสองคนยืนคุยกันด้านนอกแบบนั้นโดยไม่รู้จะลุกจากโซฟาไปทำอะไร“เอารถออก” เสียงทุ้มต่ำสั่งตุลย์ให้เตรียมรถแต่โดยเร็ว อีกคนรับคำสั่งอีกคนกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นห้องไปหยิบของสำคัญ“รีบอะไรกันขนาดนั้น”ลุกจากโซฟาเพื่อจะเข้าอาบน้ำล้างหน้าที่ห้องตุลย์ ยังไม่ทันจะก้าวขาซ้ายพ้นประตูด้านหลังของบ้านเรียวแขนเล็กถูกกระชากจนหงายไปด้านหลังชนเข้าแผงอกของราเชนทร์อย่างจัง ชายหนุ่มรีบใช้มือหนาอีกข้างโอบเอวกิ่วน้ำหนึ่งกันล้มเพราะแรงดึงกระชากแรงที่ทำคนเด็กกว่าไม่ทันตั้งตัว“เฮีย กระชากหนึ่งอีกแล้ว” โวยวายทั
แกร๊ก!!! “ทีมแพทย์จะเร่งกันอย่างเต็มที่ คุณราเชนทร์ไม่ต้องห่วง” บุคคลที่น้ำหนึ่งยืนรอออกมาพร้อมกับหมอมีอายุท่านหนึ่ง แต่เมื่อบุรุษในชุดกาวน์เห็นเธอก็มีอาการตกใจทั้งดวงตาเบิกกว้าง “ไม่เป็นไร ผู้หญิงคนนี้มากับผม” เมื่อคุณหมอได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจคล้ายโล่งอกแล้วกลับเข้าห้องไปตามเดิม น้ำหนึ่งยังยืนอยู่แบบนั้นด้วยแววตาสงสัยว่าด้านในมันมีอะไรทำไมทุกอย่างมันมีความลับและพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทว่าดวงตานั้นก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนฝั่งตรงข้าม นอกจากการถูกคว้ามือน้อยๆ เดินเข้าลิฟต์ “เฮียมาหาใคร ทำไมดูซีเรียสกันจัง” ความอยากรู้อยากเห็นผุดขึ้นเป็นคำถาม ทว่าราเชนทร์ก็ยังยืนจับมือเล็กและใช้นิ้วหัวแม่มือลูบวนลงหลังมือของน้ำหนึ่ง “…” “มาเยี่ยมใคร แฟนใหม่หรือแฟนเก่า” ก็ยังวนและคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงของราเชนทร์เหมือนครั้งก่อน และแน่นอนราเชนทร์กับปิดปากเงียบไม่แม้จะเปิดปากตอบคนเด็กกว่าอีกตามเคย คราวนี้น้ำหนึ่งเกิดอารมณ์โมโหเธอไม่ชอบการถามแล้วไม่มีอะไรกลับมา มันเหมือนเป็นอากาศเหมือนไม่มีตัวตนแต่ถ้าราเชนทร์เป็นคนรักก็คงเปรียบได้ว่าเธอไม่มีความสำคัญ “…” “ไม่ตอบก็ไม่ต้องมาจับมือหนึ่ง” สะบัดจนหลุดแล้วขยับต
หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ
23:00ร่างเล็กเดินกลับเข้าบ้านทั้งดวงตาแดงก่ำ วันนี้ทุกอย่างดูเงียบผิดปกติ น้ำหนึ่งที่ยืนอยู่กลางบ้านรู้สึกใจหวิวกับสถานการณ์ที่ดูแปลกประหลาดไปเสียหมด จากที่มีลูกน้องราเชนทร์เดินสวนกันไปมา แม่บ้านเสิร์ฟของว่างกันจนดึกดื่น ทว่าวันนี้กลับไม่มีใครเดินสวนสนามอย่างเช่นวันก่อนๆ“คุณหนึ่ง”เป็นเสียงของปืนที่เปิดประตูออกมาจากห้องเก็บของ กล่าวทักและมองเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เธอยืนนิ่งมองลูกน้องของรเชนทร์เช่นกัน ทว่าตัวเองนั้นคล้ายคนหมดเรี่ยวแรงเข้าไปทุกที“เฮียเชนทร์ยังไม่กลับเหรอ”“ยังครับ คงอีกหลายวัน”“….”คำตอบนั้นทำน้ำหนึ่งฉงนงง ทำไมต้องหลายวัน เธอไม่เข้าใจ พลางขมวดคิ้วแล้วมองไปยังใบหน้ามีพิรุธของเฮียปืน“เฮียมีงานด่วนที่ต่างประเทศครับ”เธอเผยสีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน หากเป็นเรื่องงานเธอคงไม่ห้ามหรือก้าวก่าย แต่จะไปไหนทำไมไม่บอกเธอด้วยปากของตัวเอง“แบบนี้ก็ได้เหรอ อยากไปก็ไม่บอกกันสักคำ”“เฮียฝากบอกให้คุณหนึ่งจัดการเรื่องงานแต่งต่อได้เลย เฮียไปถึงคงจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาช่วยดู”“ยุ่งมากถึงขั้นไม่รับสายหนึ่งไหม”“คงจะเป็นแบบนั้น”ปืนเสริมคำตอบออกมา ทำคนฟังไม่พอใจหนักมากขึ้น ต่อให้ยุ่งมากแค่ไ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาการเตรียมตัวไม่ใช่แค่มีชุดแล้วจบ น้ำหนึ่งถูกประโคมด้วยการทำทรีตเมนต์ โปรแกรมความสวยความงามของว่าที่เจ้าสาว แม้จะปฏิเสธไปแล้วว่าไม่อยากทำก็ขัดความต้องการของราเชนทร์ไม่ได้เขาอยากให้เมียสวยในวันสำคัญ....“เฮียไม่ไปกับหนึ่งเหรอ”“ต้องไปทำงาน วันนี้มีคุยเจรจากับคุณอเนก”ลูกค้าทางธุรกิจคนใหม่ที่เพิ่งมีโอกาสได้เจอกัน ครั้นทางนั้นกำลังหานายทุนโปรโมตสินค้าหลังจากลองรับข้อเสนอจากเจ้าอื่น แต่ทว่ารู้สึกว่ามันโดนเอาเปรียบมากเกินไป จึงตัดสินใจอยากขอคุยกับราเชนทร์เป็นการส่วนตัวอีกครั้ง“งั้นเฮียมารับหนึ่งนะ – แล้วไปดูหนังด้วยกัน”“ครับ”วันนี้น้ำหนึ่งมีท่าทางงอแงผิดปกติ อยากอยู่ใกล้ชายคนรักตลอดเวลา เธอรู้สึกใจหวิวอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ตื่นนอน แต่เพราะอีกฝ่ายต้องทำงานและตนต้องไปทำสวยก็ทำได้เพียงแสดงใบหน้างอง้ำก็เท่านั้น“หนึ่งรักเฮียนะ"“รู้แล้ว”"จะรอดูหนัง รีบคุยรีบมา”"อืม..."เขายกมือขยี้ผมคนอายุน้อยและจูบลงหน้าผากหนักๆ สองทีอย่างชื่นใจ ก่อนจะลุกหยิบสูทสีดำแล้วเดินนำหน้าตุลย์ขึ้นรถ มีลูกน้องตามประกบไปอีกสองคน ในส่วนของน้ำหนึ่งมีปืน ลูกน้องมือดีอีกคนขับรถไปส่งและดูแลความปลอดภัยให
ไม่นานนักคนตัวบางก็เดินกลับมายังจุดเดิม ทว่าตรงหน้ากลับปิดไฟมืดไปเสียดื้อๆ ทำน้ำหนึ่งขมวดคิ้วงงทำอะไรไม่ถูก มันมืดจนมองด้านหน้าไม่เห็น“เฮีย!!”“….”“เฮียเชนทร์!! --- เล่นอะไร”“…..” มีเพียงความเงียบที่เกิดขึ้น น้ำหนึ่งหมุนตัวกวาดสายตามองหารอบๆ ทว่าก็ไม่มีใคร มันสงัดจนน่ากลัวขึ้นมากะทันหัน“เล่นอะไรกัน หนึ่งไม่สนุกนะ”“….” จากที่มืดบริเวณโซนกินข้าว คราวนี้ทุกอย่างถูกดับลงโดยฉับพลัน หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักความกลัวเกิดขึ้นไปต่างๆ นานา หรือราเชนทร์จะโดนใครลอบทำร้าย แต่มันก็เพียงสิบนาทีที่เธอเดินหายเข้าห้องน้ำ ทั้งไม่มีเสียงอะไรดังให้ได้ยินยืนท่ามกลางความมืด หมุนตัวไปทางไหนก็ดำสนิทราวกับคนตาบอด กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวมันเกิดอะไรขึ้นทำไมราเชนทร์หายไป ทำไมทุกคนหายไปหมด เกิดอะไรขึ้น หรือว่าอันตรายมาเยือน เป็นคำถามไม่มีมีคำตอบนอกจากความมืดมิดและลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น พลันน้ำตาก็ไหลอาบแก้มยามตะโกนหาราเชนทร์ครั้งสุดท้ายสุดเสียง ทว่าก็มีเพียงเสียงของตัวเองสะท้อนกลับมา“ฮึ่ก”ทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้า กุมหน้าร้องไห้ยามนึกอะไรไม่ออกทำอะไรไม่เป็น สะอื้นตัวสั่นอยู่คนเดียว กระทั่งเห็นไฟรางๆ ด้านหน้าสว่างขึ้นพ