รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 2
"เอ่อ...เราเพิ่งได้พนักงานใหม่ไป ตอนนี้เต็มทุกตำแหน่งแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ"
"ปิดรับสมัครแล้วค่ะ"
"เราไม่ได้รับสมัครพนักงานแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้เอาป้ายลง เลยทำให้เข้าใจผิด"
"ปิดรับแล้วค่ะ ลองไปที่อื่นดูนะคะ"
กว่าสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ว่าจะนิชาจะไปยื่นใบสมัครงานที่ไหนเธอก็ถูกปฏิเสธแทบจะทุกที่ บางที่ก็ปฏิเสธซึ่งหน้า บางที่ก็โทรกลับมาบอกหลังจากที่ได้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่บางที่ก็เงียบหายไม่ติดต่อกลับมา ไม่ว่าฝ่ายบุคคลของแต่ละบริษัทจะชื่นชมประวัติการทำงานของเธอเหมือนอยากจะรับเข้าทำงานขนาดไหน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมทุกที่...
นานเข้าก็เกิดความท้อเล็กๆ ขึ้นในใจ แต่นิชาไม่มีทางยอมแพ้ เธอพักเรื่องหางานใหม่ไว้ก่อน หันมาหยิบจับสิ่งใกล้ตัวแทน นั่นก็คือการทำขนม แม้จะทำได้ไม่เก่งเท่ามารดาแต่เพราะได้คลุกคลีมาตั้งแต่เด็กนิชาจึงทำขนมได้หลายอย่าง เธอเริ่มต้นจากการช่วยแม่ทำฝาก 'ป้าน้อม' ที่เป็นเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดและมองหาช่องทางขายออนไลน์ด้วย เริ่มจากออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ ไม่เกินตัว หากขายดีถึงจะหาที่ทางลงทุนเปิดร้าน
แน่นอนว่าพอเห็นเธอหยุดงานมาทำขนมขาย ผู้เป็นแม่มีหรือจะไม่สงสัย นิชาเพียงให้เหตุผลว่างานที่ทำเริ่มส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วยจำนวนงานและแรงกดดันต่างๆ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งพูดไปแม่ก็คล้ายจะไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้อธิบายต่อ บอกแค่ว่าอยากหางานใหม่ ระหว่างนี้ไม่อยากอยู่ว่างๆ เลยลองทำขนมขาย ถ้าไปได้ดีก็อาจยึดเป็นอาชีพหลัก พูดอยู่นานจนในที่สุดแม่ก็ยอมรับในการตัดสินใจ
หลังจากตัดสินใจได้นิชาก็เริ่มตื่นตั้งแต่เช้ามืด ทำขนมแพ็คใส่กล่องนำไปฝากเพื่อนบ้านขายที่ตลาด เมื่อเรียบร้อยก็เปิดรับออเดอร์ทางออนไลน์ ใจจริงนิชาอยากจะเปิดร้านขายที่หน้าบ้านด้วยซ้ำ ติดเพียงแต่ว่าบ้านเธอค่อนข้างอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีคนผ่านเท่าไร จึงตัดทิ้งไป
ช่วงแรกนั้นขนมที่ตลาดจะขายดีกว่าทางออนไลน์ เพราะแม่ของเธอทำขายมาเนิ่นนาน เลยมีลูกค้าประจำแวะเวียนมาอุดหนุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่านิชาก็ไม่อยากทิ้งช่องทางออนไลน์เธอทั้งขยันโพสต์ขยันแชร์ด้วยตัวเอง และรบกวนให้คนรู้จักบอกต่อๆ กันออกไป เพียงไม่นานก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ จากน้อยๆ ก็เริ่มมากขึ้น
แม้การทำขนมขายจะเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงเหมือนงานประจำ ทว่าออเดอร์ที่มีเข้ามาและเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน ก็ทำให้นิชาตัดสินใจพักเรื่องหางานไว้ก่อน เธอทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจไปกับการทำขนม ทั้งคิดสูตรและแพ็คเกจน่ารักๆ ให้น่าสนใจ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ราบรื่นราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ที่สุดแล้วยังไงก็ต้องตื่น...
ในเย็นวันหนึ่งที่นิชาไปตลาดเพื่อช่วยป้าน้อมเก็บร้านและรับขนมในส่วนที่ขายไม่หมดกลับบ้านเหมือนทุกวัน ความจริงที่ไม่คาดคิดก็ตีแสกกลางหน้าเมื่อขนมของเธอยังเหลืออยู่เต็มแผง ขายไม่ออกเลยสักชิ้น นั่นเป็นเพราะมีลูกค้าคนหนึ่งมาโวยวายที่ร้านป้าว่าขนมของเธอสกปรก มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนมากมายหลายชิ้น ทำให้ตอนนี้ขนมของเธอกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในตลาด ลุกลามไปไกลอย่างหาทางออกไม่ได้
ไม่ว่านิชาจะพยายามอธิบายยังไงก็ไม่มีคนรับฟัง มากไปกว่านั้นป้าน้อมก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย แม้จะมั่นใจว่าขนมของตนสะอาดได้มาตรฐานแต่ด้วยไม่มีโอกาสได้แก้ตัวซ้ำทำคนอื่นเดือดร้อนตาม แรงกดดันมหาศาลทำให้เธอไม่สามารถนำขนมไปขายที่ตลาดได้อีก
ความซวยไม่หมดอยู่แค่นั้นเมื่อช่องทางออนไล์ของร้านก็เกิดเรื่องราวคล้ายกันในเวลาเดียวกัน เมื่อมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกค้าของร้านเข้ามารีวิวขนมของเธอในทางเสียหาย ทั้งปนเปื้อนและเน่าเสียทั้งที่ไม่เคยมีเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อน หลักฐานที่แนบมาก็ไม่ใกล้เคียงกับขนมที่เธอทำเลยสักนิด ราวกับจงใจโจมตีให้เธอเสียหาย แม้จะมีลูกค้าประจำมาแก้ต่างให้ว่าไม่จริง แต่คนนอกที่หลงเชื่อคนเหล่านั้นไปแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิด
ทั้งๆ ที่เธอเป็นเพียงร้านขนมเล็กๆ แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กลับเลยเถิดไปไกลมากๆ ถึงขั้นมีคนแชทมาด่าเธอถึงในแอ็กเคานต์ส่วนตัว เรื่องราวบานปลายจนไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน สุดท้ายนิชาก็จำต้องปิดเพจไป เธอไม่เหลือช่องทางทำมาหากินอย่างที่ตั้งใจอีก ผู้เป็นแม่ที่รู้เรื่องจากเพื่อนบ้านที่แวะมาเยี่ยมก็พลอยเครียดจนส่งผลต่อสุขภาพตามไปด้วย
"อานิ...อานิคะ" เสียงเรียกของน้องปัญญ์ทำนิชาที่กำลังนั่งเหม่อหลุดออกจากภวังค์
"คะ?" ใบหน้าสวยที่มีร่องรอยอิดโรยและซีดขาวหันมามองหลานๆ เล็กน้อยก่อนฝืนยิ้มแล้วเอ่ยถาม
"ทำไมอานิไม่ทานกับน้องปัญญ์พี่ปุณณ์ล่ะคะ อร่อยนะคะ" เจ้าเด็กช่างจ้อมีสีหน้าเหงาหงอยเมื่อเห็นคุณอาไม่สดใสร่าเริงอย่างเคย เมื่อก่อนเวลามาทานไอศกรีมด้วยกันอานิก็ทานด้วยแท้ๆ ทำไมพักหลังๆ มาถึงไม่เห็นอานิทานอะไรเลย เอาแต่นั่งทำหน้าเครียด
"อานิไม่หิวเลยค่ะ น้องปัญญ์กับน้องปุณณ์ทานกันเลยไม่ต้องห่วงอานะ ทานเสร็จจะได้กลับบ้านกัน" มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู พยายามดึงสติตัวเองให้กลับมาสนใจเด็กๆ ให้มาก ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาความสนใจของเธอทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าร้านมากับผู้หญิงคนหนึ่ง
ทั้งคู่เดินควงแขนกันเข้ามาบ่งบอกสถานะที่สนิทชิด ไม่ทันได้ถอนสายตาร่างสูงก็หันมาสบตาพอดี ริมฝีปากหนากดยิ้มลึกอย่างเจ้าเล่ห์พลันเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมาก็แว้บเข้ามาในหัว...
ไม่ผิดแน่...ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา!
ทั้งเรื่องที่ไม่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ไหนจะเรื่องขนมที่ปนเปื้อนทั้งๆ ที่เธอมั่นในว่าขนมของเธอสดใหม่และสะอาดทุกชิ้น คนที่เข้ามาโจมตีเธอก็ไม่คุ้นหน้า จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าซื้อขนมของเธอไปตอนไหน เหตุการณ์เหล่านี้มันมีพิรุธเต็มไปหมด แล้วรอยยิ้มเมื่อกี้...เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยกันอยู่ชัดๆ!
นิชาถอนสายตาจากอดีตเจ้านายและไม่คิดจะกลับไปมองให้เขาได้ใจอีก ทว่าก็ยังรับรู้ได้ว่าถูกใครคนนั้นจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เธออึดอัดและอยากรีบออกไปจากที่นี่เร็วๆ แต่ก็ไม่อยากเร่งเร้าเด็กๆ เลยทำได้แค่ข่มใจนิ่ง ทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจใคร โดยลืมไปว่านิสัยเสียของอัคคีอย่างหนึ่งคือยิ่งถ้าเขาสนใจยิ่งเมินเฉยใส่ เขาก็ยิ่งตามตอแย
"อ้าว คุณนิ ไม่เจอกันนานเลย หวังว่า...จะสบายดีนะครับ" น้ำเสียงยียวนเอ่ยทัก ไม่รอให้เจ้าของโต๊ะอนุญาตก็ทำการเชิญตัวเองนั่งเบียดลงมาข้างกันอย่างไร้มารยาท
"มีธุระอะไรคะ" นิชาไม่ตอบรับคำทักทาย เธอถามกลับเสียงเรียบ จับคลื่นความไม่พอใจได้ชัดเจนแต่คนฟังกลับหาได้สนใจ
"ต้องมีธุระด้วยเหรอถึงจะทักคุณได้ คนเคยๆ รู้จักกัน บังเอิญเจอกันก็ต้องทักทายกันสักหน่อยสิ ผมไม่ใจร้ายกับพนักงานของผมขนาดเมินเฉยได้ลงหรอกนะ" อัคคีกดยิ้มลึกขณะโน้มตัวเข้ามาพูดใกล้ๆ น้ำเสียงยียวนของเขาทำขมับคนฟังเครียดเกร็งจนปวด เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกลั้นอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเองไม่ให้เผลอทำอะไรไม่ดีออกไป
"ถ้าคนแบบคุณไม่เรียกว่าใจร้าย ในโลกนี้คงไม่มีคนใจดี" เสียงหวานเปล่งลอดไรฟันให้ได้ยินกันสองคน
"ผมแค่ทำได้ทุกอย่าง...เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ" อัคคียังคงแย้มยิ้มเต็มใบหน้าแม้จะถูกอดีตเลขาจิกกัดและมองด้วยแววตาเกลียดชัง มือแกร่งสอดเข้าไปลูบเอวบางอย่างจาบจ้วง นิชานั่งตัวเกร็ง พยายามแกะมือเขาออกอย่างเนียนๆ ทว่าเขาดันกัดไม่ปล่อย เธอไม่มีแรงสู้อีกอย่างก็ไม่อยากโวยวายให้เด็กๆ รู้จึงทำได้เพียงจ้องปรามร่างสูงผ่านทางสายตาเท่านั้น
"น้องปุณณ์ น้องปัญญ์ รีบทานค่ะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว" นิชาคร้านจะต่อปากต่อคำกับคนเห็นแก่ตัว เห็นได้ชัดว่าอัคคีจงใจเข้ามาหาเพราะอะไร ฉะนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะญาติดีกับคนที่ใจร้ายพรรค์นี้อีก ความรู้สึกดีๆ มันจบไปตั้งแต่วันที่เธอก้าวขาออกมาจากห้องทำงานของเขาในวันนั้นแล้ว
"คุณหนีผมไม่พ้นหรอกคุณนิ ยังไงคุณก็ต้องกลับมาเป็นของผม" ร่างบางที่กำลังจะหาหนทางหลีกหนีถูกลำแขนแกร่งรั้งลงนั่งข้างกันอีกครั้ง น้ำเสียงยียวนเอ่ยกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูพร้อมกับเป่าลมเบาๆ ทำขนอ่อนลุกซู่ เส้นความอดทนที่ขาดสะบั้นทำให้นิชาใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงออกห่างจนสำเร็จ เธอรีบคว้ากระเป๋าและพาเด็กๆ หนีออกมาด้วยความโกรธที่ลุกโชนอยู่เต็มอก
.
.
นิชาเริ่มนับหนึ่งใหม่ด้วยการตะเวนสมัครงานไปทั่ว ในระแวกบ้านไม่ได้ก็ออกไปไกลขึ้น ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม สุขภาพร่างกายและจิตใจของเธอเริ่มย่ำแย่เพราะไม่ว่าจะเจอปัญหามากมายสักแค่ไหนเธอก็เลือกที่จะเก็บมันไว้คนเดียว เธอกลายเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อยกินน้อยไม่สดใสร่าเริงอย่างที่เคย แน่นอนว่าผู้เป็นมารดาย่อมรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้และพลอยเครียดตามไปด้วย
แล้ววันที่นิชาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง...
แม่ของเธอถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยภาวะความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจกำเริบ เธอนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างคนสิ้นหวัง เธอไม่เคยโทษโชคชะตา แม้จะเหลือตัวเองเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวในครอบครัว แต่ตอนนี้พอปัญหาทุกอย่างมันรุมเร้าเข้ามามากเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะทนรับไหว เธอก็ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้อีกต่อไป
"คนไข้จำเป็นจะต้องผ่าตัดหัวใจอย่างเร่งด่วน แต่ว่าค่ารักษาค่อนข้างสูง และไม่สามารถเบิกประกันสุขภาพของคนไข้ได้ ญาติพร้อมที่จะให้หมอผ่าเลยไหมครับ"
ร่างบางแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวของคุณหมอพร้อมได้รับเอกสารชี้แจงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการผ่าตัดใหญ่คร่าวๆ มาให้พิจารณา ตัวเลขยาวเหยียดในกระดาษแผ่นนั้นคือความสิ้นหวังของนิชาอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะต้องเจอปัญหามากมายเท่าไรเธอก็ยังยืนหยัดสู้ไหว ทว่าตอนนี้เธอหมดทางสู้อย่างสมบูรณ์..
"หมอมีเวลาให้ตัดสินใจเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นนะครับ เพราะคนไข้ไม่สามารถรอนานมากไปกว่านี้ได้"
คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เวลาหนึ่งวันเป็นการเว้นระยะให้ร่างบางมีเวลาคิดและตัดสินใจ ถึงอย่างนั้นคำตอบของนิชาก็มีเพียงหนทางเดียวคือแม่ของเธอจะต้องได้ผ่าตัดเท่านั้น!
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเธอก็ยอม!
.
.
ไม่ต้องรอให้ถึงวัน หลังออกจากโรงพยาบาลนิชาก็ขับรถมายังตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองทันที แม้เธอจะลาออกไปแล้วแต่พอกลับเข้ามาพนักงานทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่แสนจะเข้มงวดกลับไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ แถมยังยอมให้เธอเข้าบริษัทได้ง่ายๆ ซึ่งก็ดีเพราะเธอไม่มีเวลาจะสนใจอะไรอีก เธอต้องการจะคุยกับประธานบริษัทเพียงคนเดียวเท่านั้น!
เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงจุดหมายร่างบางก็เคาะประตูบอกกล่าวเจ้าของห้องเพียงสองสามทีเท่านั้นก็เปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ โชคดีที่ร่างสูงนั่งทำงานอยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ก่อนจะมีท่าทีแปลกใจเมื่อรู้ว่าเป็นเธอ
"เกิดอะไรขึ้น" สภาพของอดีตเลขาที่ใบหน้าแดงเรื่อ ดวงตาบวมช้ำปริ่มน้ำใสๆ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาและพร้อมจะร้องอีกได้ทุกเมื่อ ทำให้อัคคีต้องรีบวางปากกาลงและลุกเดินเข้ามาหา
"คุณพูดถูก...ยังไงนิก็ต้องกลับมา" นิชาไม่ตอบคำถาม เพียงตัดพ้อและแสยะยิ้มกับตัวเองอย่างสมเพช
แม้ร่างบางจะไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม แต่อัคคีก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเป็นอย่างดี เขาควรจะดีใจที่เอาชนะเธอได้ แต่น้ำตาที่จวนจะหล่นอาบแก้มขาวกลับดึงความสนใจจากเขาได้มากกว่า ทว่าแม้จะดูเปราะบางพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อแบบนั้น นิชากลับไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น ใบหน้าซีดขาวเชิดรั้น แผ่นหลังเหยียดตรง ดวงตาแน่วแน่มั่นคง
"คุณจะทำอะไรกับนิก็ได้...จะให้เป็นคู่นอน ของเล่น ของตาย ได้ทั้งนั้น..." ร่างบางข่มความเจ็บปวดที่หน่วงรั้งก้อนเนื้อในอกซ้ายพูดออกไปอย่างไม่ลังเล เธอเคยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟตอนที่อัคคียื่นข้อเสนอนี้ให้ แต่เวลานี้เธอกลับเป็นฝ่ายยอมทิ้งศักดิ์ศรีบากหน้ามาเสนอตัวให้เขาถึงที่
"แต่...ต้องแลกด้วยเช็คเงินสดสิบล้าน!" เสียงหวานยื่นคำขาดออกไปอย่างหน้าไม่อาย ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากและต้องการความช่วยเหลือแท้ๆ เธอกลับยังคงหยิ่งในศักดิ์ศรีจวบจนวินาทีสุดท้าย
"..."
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะตื่นตระหนกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน อัคคีสนใจเพียงดวงตาแดงเรื่อของอดีตเลขาเพียงเท่านั้น เขากำลังครุ่นคิดว่าใบหน้าสวยๆ ของนิชาไม่สมควรแปดเปื้อนด้วยน้ำตาหรือความเศร้าหมอง และเขาจะไม่มีวันทำให้เธอร้องไห้ ไม่สิ...ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทำให้เธอร้องไห้ทั้งนั้น!
มือหนายกขึ้นหมายจะสัมผัสใบหน้าซีดขาว นิชาเบี่ยงหลบทว่าคนเอาแต่ใจอย่างอัคคีกลับไม่แยแส สัมผัสอุ่นนุ่มทาบลงบนแก้มขาว ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ไปตาขอบตาแดงช้ำอย่างแผ่วเบา นิชาไม่เข้าใจว่าเขาจะมาแสดงความห่วงใยอะไรกันตอนนี้ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันเป็นเพราะเขา! เพราะเขาบีบบังคับทำให้เธอต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้
อัคคีไม่ได้ทำอะไรร่างบางมากไปกว่านั้น เขาเพียงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบเช็คออกมาเซ็นแล้วเดินกลับมายื่นให้เธออย่างไม่นึกเสียดาย
"อยากได้เท่าไรก็เขียนเอา" ร่างสูงกล่าวอย่างจริงจัง เขาไม่ได้มีความคิดในแง่ลบต่ออดีตเลขาที่กำลังเรียกร้องเงินจากเขาถึงสิบล้าน เพราะมั่นใจว่านิชาต้องมีเหตุผลและอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะต้องได้รู้อย่างแน่นอน
ดวงตาโศกเหลือบมองเช็คเงินสดที่ถูกเว้นว่างจำนวนเงินไว้ให้เขียนเองอย่างสับสนเล็กๆ เนื่องจากเตรียมใจไว้แล้วว่าตัวเธอคงไม่มีค่าพอให้เขายอมเสียเงินถึงสิบล้านแน่ แต่นี่...มันเกินความคาดหมายไปมากเลยทีเดียว
นิชาเดินถือเช็คออกมาจากบริษัทอย่างเหม่อลอย ร่างกายทุกส่วนรวมถึงก้อนเนื้อในอกซ้ายหนักอึ้งจนแทบจะก้าวขาไปออก เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี มันก็ดีนะที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินรักษาแม่แล้ว แต่วิธีที่ได้มามันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก แม้อัคคีจะยื่นเช็คให้กันง่ายๆ แต่ชีวิตหลังจากนี้ของเธอจะเป็นยังไงต่อ ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
นิชาโยนเรื่องเครียดๆ ทิ้งไปชั่วคราว เธอนำเช็คไปขึ้นเงินหลังเขียนตัวเลขลงไปเป็นจำนวนสิบล้านตามที่เรียกร้องไปไม่ขาดไม่เกิน แม้ค่ารักษาแม่จะไม่ถึงสิบล้านแต่เงินที่เหลือเธอตั้งใจจะเก็บไว้เป็นค่าเทอมและค่าเลี้ยงดูหลานๆ เธอจะไม่ยอมถูกเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ในเมื่อเสนอตัวให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจแล้ว เธอก็ต้องเรียกเงินให้สมน้ำสมเนื้อสักหน่อย ใครจะมองยังไงก็ช่างในเมื่อเธอพิสูจน์แล้วว่าศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้!
การผ่าตัดของผู้เป็นแม่ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะเหนื่อยที่ต้องดูแลทั้งแม่และหลานๆ แต่นิชาก็ดีใจและซึ้งใจอยู่ลึกๆ เพราะถ้าไม่ได้อัคคีช่วยไว้เธอก็หมดหนทางจะสู้ต่อแล้วจริงๆ เธอตั้งใจไว้ว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เธอจะไปคุยกับเขาในเรื่องที่ตกลงกัน ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปทำงานด้วยหรือแค่เปลี่ยนสถานะจากเลขามาเป็นคู่นอนอย่างเดียว เธอทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
..
..
..
..
เอาล่ะ เริ่มเลอออออ!
พูดคุยกันได้ที่เพจ/เฟซบุ๊ก Aile'N จ้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 3 หลังจากที่แม่พักฟื้นจนหายดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนิชาก็กลับมาทำงานเป็นเลขาของอัคคีอีกครั้งตามคำสั่ง เรื่องความสัมพันธ์แลกเงินสิบล้านนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหนเพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้พูดถึง เพียงสั่งให้เธอเคลียร์งานในช่วงที่หยุดไปให้เรียบร้อย นั่นพอจะทำให้เธอโล่งใจไปชั่วขณะ ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะต้องรองรับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเขาให้ต้องปวดหัวเพิ่ม "ตอนเที่ยงสั่งอาหารสองชุด ของคุณด้วย เอาเข้ามากินที่ห้องทำงานผม...ทุกวัน" สบายใจอยู่ได้ไม่นานโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นตอนสิบเอ็ดโมง เมื่อรับสายสิ่งที่ทำได้ก็คือทำตามคำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกทีถ้าไม่มีนัดลูกค้านิชาจะเป็นคนสั่งอาหารเที่ยงและจัดเสิร์ฟเข้าไปให้อัคคีในห้องทำงาน ส่วนของเธอถ้าไม่นั่งกินที่โต๊ะทำงานก็เข้าไปนั่งกินในห้องพักเบรกที่มีครัวเล็กๆ รวมถึงตู้เย็นและเครื่องชงชากาแฟอยู่ในนั้น มีไว้สำหรับปากท้องของท่านประธานและเลขาอย่างเธอโดยเฉพาะ หลังวางสายเจ้านายไปแล้วนิชาก็โทรสั่งอาหารจากร้านประจำและเลือกเมนูที่เขาชอบกินอย่างเคยชิน เมื่ออาหารมาส่งก็ใกล้เที่ยงพอดีเธอจึงนำไปจัดใส่จาน ยืนทำใจอยู่สักพักก็
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 4นิชายืนมองตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายในกระจกอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะต่อให้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจของอัคคียังไงก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกก่อนหน้าที่เธอมีต่อเขาได้ พอรู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ทั้งตื่นเต้นและประหม่าอาย... ถึงจะทำงานเก่งแต่เรื่องความรักนิชายังอ่อนหัดนัก มีแฟนคนล่าสุดก็ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นก็ช่างเลือนราง ยิ่งกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวก็มุ่งแต่ทำงานและจัดการเรื่องส่วนตัวให้เจ้านาย แค่นี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จะเอาเวลาไหนไปสนใจคนอื่น นิชาสะบัดศีรษะไล่ความว้าวุ่นก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วออกจากห้องไป เธอยังคงแต่งตัวปกติเวลาออกไปข้างนอกก็คือกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีพื้นธรรมดา ถ้าตัดเรื่องความเก่งกาจด้านการทำงานที่ผู้คนมากมายต่างชื่นชมแล้ว เธอก็ยังมองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีอะไรดีตรงสเปกของอัคคีอย่างที่เขาเคยบอกเธอเลยสักนิด ไม่แน่เขาก็อาจจะแค่พูดไปอย่างนั้น เพราะคู่ควงแต่ละคนของเขาต่างจากเธอลิบลับ บางทีเขาอาจจะแค่อยากเอาชนะเธอ อยากกดเธอให้อยู่ใต้อาณัติของตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น ร่างบางผ่านเข้ามาในคอนโคของอัคคีด้วย
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 5นิชาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดร้าวไปทุกส่วนของร่างกาย พอสติมาและจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ทั้งอับอายและเจ็บใจ เขาไม่ถนอมเธอเลยสักนิด! ทำราวกับเป็นตุ๊กตายางชิ้นหนึ่งที่จะทำอะไรรุนแรงแค่ไหนก็ได้ ก็อย่างว่าแหละ คนไม่ได้รักนี่เนอะ... แต่ที่น่าเจ็บใจมากที่สุดก็คือตัวเธอเองนี่แหละเพราะถึงอัคคีจะใจร้ายขนาดไหนหรือตอนแรกๆ เธอจะขัดขืนยังไง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังๆ นั้นเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ย้อนแย้งสิ้นดี! ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิด เมื่อนึกได้ว่าต้องกลับบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไรแต่แสงแดดจ้าที่เล็ดลอดม่านเข้ามาคงไม่ใช่ตอนเช้าตรู่อย่างแน่นอน ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดหรือต่อให้ไม่ใช่วันหยุดเธอก็คงไม่ไปทำงานแล้ว จะถูกหักเงินก็หักไปในเมื่อคนจ่ายเงินเดือนเป็นคนทำให้เธอตื่นสายเอง ร่างบางลุกเดินโซเซไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำในตู้มาใส่ ก่อนเดินไปตามหาเสื้อผ้าของตัวเองที่โซฟา เจอทุกอย่างแต่เสื้อที่ถูกร่างสูงดึงขาดใช้ไม่ได้แล้ว เธอเลยถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตในตู้ของเขามาใส่แทน เมื่อแต่งตัวเสร็จนิชาก็ออกมาเจอเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น เขา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 6"โรคจิตหรือไงอีตานี่..." ดวงตากลมสวยจ้องมองร่องรอยสีแดงช้ำที่ถูกประทับตามร่างกายผ่านกระจกบานใหญ่พลางบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย เพราะเธอต้องรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อคอเต่ามาใส่ปกปิดจากสายตาผู้คน โชคดีที่เจอว่ามีเสื้อคอเต่าบางๆ อยู่ เพราะถ้าใส่แบบหนาในประเทศที่เป็นมิตรกับพระอาทิตย์แบบนี้ผู้คนคงจะมองเธอบ้าแน่นอน เช้าวันทำงานเมื่อนิชาแต่งตัวเสร็จก็เก็บของแล้วลงไปทานข้าวเช้ากับแม่และหลานๆ พูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา เมื่อถึงเวลาสมควรก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ การทำงานเป็นเลขาที่เปรียบเสมือนแขนขาของผู้เป็นนายนั้นทำให้นิชาต้องมาทำงานแต่เช้าเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ ร่างบางนั่งเคลียร์งานค้างเล็กน้อยจนเสร็จ ก่อนไล่ดูตารางงานที่ต้องทำในสัปดาห์นี้ที่จดไว้ในไอแพด เธอต้องบันทึกและจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ แม้ยามไม่มีไอแพดในมือก็ต้องจำให้ได้ ทั้งกำหนดการประชุม นัดลูกค้า รวมถึงวันสำคัญและงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งส่วนของบริษัทและส่วนตัวของเจ้านาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กน้อยจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าแม้เงินเดือนจะสูงลิ่วแต่ก็ถูกใช้งานคุ้มเงินเดือนอย่างแท้จริง นิชานั่งทำงา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 7โล่งใจได้ไม่นานความรู้สึกหนักอึ้งก็กดทับนิชาอีกครั้ง เพราะในช่วงบ่ายของวันธรรมดาวันหนึ่ง เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องของอัคคีตามปกติ ส่วนเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงลุกไปเปิดโดยไม่คิดอะไร คิดเพียงว่าคงเป็นพนักงานสักคนในบริษัทที่เอาเอกสารสำคัญมาให้เขาเซ็น แต่พอเห็นหน้าคนเคาะชัดๆ นิชาก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ จนอีกฝ่ายเอ่ยเรียกถึงได้สติรีบเชิญหล่อนเข้ามานั่งรอเจ้าของห้องข้างใน "คุณอัคคีเข้าห้องน้ำอยู่ รอสักครู่นะคะ" นิชาบอกหญิงสาวผู้เป็น 'คู่หมั้น' ของเจ้านาย ก่อนจะออกไปจัดของว่างมาเสิร์ฟให้แล้วกลับไปนั่งทำงานที่เดิม ไม่นานอัคคีก็ออกมาจากห้องน้ำ "อ้าว ไอริณ มาตั้งแต่เมื่อไรครับ รอนานมั้ย" น้ำเสียงที่ใช้คุยกับอีกฝ่ายนั้นทั้งสุภาพและนุ่มทุ้มจนนิชาต้องกรอกตามองบน "ไม่นานเลยค่ะ ริณเพิ่งมาถึงเอง" ไอริณตอบรับยิ้มแย้มสดใส "งั้นไปกันเลยมั้ยครับ" "ค่ะ" "วันนี้ผมไม่กลับเข้าบริษัทแล้วนะ มีอะไรก็วางไว้บนโต๊ะได้เลย" อัคคีหันมาบอกผู้เป็นเลขาเพียงเท่านั้นก็พาคู่หมั้นออกจากห้องไป ตลอดมานิชาเป็นคนจัดการตารางทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 8"มือเป็นอะไร" คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเล็กกน้อยขณะมองมือเล็กที่ถูกพันไว้ด้วยผ้ารัดพยุงข้อมือ เพราะเท่าที่จำได้เมื่อวานยังไม่มี "ก็แค่หมากัด ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ" นิชาเหยียดยิ้มสมเพช ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวก็ไม่ต้องรู้เหมือนเดิมนั่นแหละ จะได้หลอกด่าได้ง่ายๆ "อ๊ะ!?" อัคคีมองหน้าเธอด้วยความสงสัย ก่อนจะคว้าแขนข้างที่เจ็บของเธอไปแบบไม่บอกกล่าว "นิ่งๆ" เสียงดุดังขึ้นเมื่อนิชาขัดขืน เขาจับแขนเธอไปเพื่อเปิดผ้าก็อตออกดู จนเห็นข้อมือที่บวมช้ำของเธอ "ไหนว่าหมากัด" "หึ ไม่ใช่หมาก็เหมือนหมานั่นแหละค่ะ หมาบ้าด้วย" ร่างบางบอกอย่างไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกดวงตาคมคาดคั้นอยู่ "ผมทำ? เมื่อคืน?" คำก็หมาสองคำก็หมาบ้า บวกกับสายตาที่นิชามองมา สัญชาตญาณคนฉลาดอย่างอัคคีนั้นเดาออกได้ไม่ยากเลยสักนิด เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเผลอทำเธอเจ็บตัวตอนไหนก็เท่านั้น จำได้แค่ว่าความโกรธมันบังตา ใครใช้ให้เธอยั่วยุว่าเซ็กส์ของเขามันห่วยแตกกันล่ะ ยอมได้ที่ไหนกัน! "...." นิชาไม่ตอบแต่ความเงียบนั่นแหละคือคำตอบ "หมอว่ายังไงบ้าง" เขาถามพลางพยายามพันผ้ากลับคืน แต่เงอะงะเกินจะทนดูได้ นิชาจึงแย่งก
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 9ผ่านมาหลายวันข้อมือของนิชานั้นหายดีแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอัคคีมีส่วนช่วยทำให้มันหายเร็วขึ้น คือเขาแบ่งเบาภาระงานของเธอไปทำเองและไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธอเลย สะดวกสบายจนอยากให้มือเจ็บไปนานๆ เชียวล่ะ เวลางานรุมเยอะๆ หรือเวลาที่เลขาอย่างเธอไม่ว่าง นิชาก็เคยบอกให้เขาจ้างผู้ช่วยมาช่วยทั้งเธอและเขาอยู่หลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่เขาปฏิเสธบอกว่าเกะกะและคร้านจะสอนงานใหม่ อีกอย่างเดี๋ยวมาเป็นก้างขวางคอเวลาอยากจะทำอะไรกัน พูดหน้าตายจนเธอทั้งอายทั้งโมโห "Outings ปีนี้เอายังไงดีคะ" นิชาเอ่ยถาม หลังมองปฏิทินแล้วใกล้ถึงเวลาที่บริษัทจะจัดกิจกรรมนอกสถานที่เหมือนทุกปี น้องๆ ในบริษัทเองก็เริ่มเกริ่นๆ ถามมาบ้างแล้วเหมือนกัน "ก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ ผมยังไงก็ได้" อัคคีตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็แค่ไปควบคุมดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพนักงาน ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น "โอเคค่ะ เดี๋ยวนิทำแบบสำรวจแล้วจะสรุปมาแจ้งให้ทราบอีกที" ร่างบางจดรายละเอียดกิจกรรมที่ต้องทำลงในไอแพดคู่กายอย่างตั้งใจ ก่อนจะกลับมาตรวจรายงานการประชุมต่อจนเสร็
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 10พอสติกลับคืนมานิชาก็รู้สึกอายจนไม่อยากมองหน้าอัคคีเลยตลอดการเดินทางมาร้านอาหาร ทำในห้องทำงานว่าน่าอายแล้ว นี่ทำในห้องประชุมอีก ประชุมคราวหน้าเธอจะมีสมาธิทำงานได้ยังไง แถมสิบนาทีที่รับปากไว้ก็ไม่มีอยู่จริง! เลยเที่ยงมาครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย กว่าจะขับรถมาอีก หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว!"หึ...กินเลอะก็เป็น" เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาหมายจะเช็ดปากให้ แต่นิชาเบี่ยงหน้าหนีทัน"แค่บอกก็พอค่ะ เช็ดเองได้" มือบางรีบหยิบทิชชูมาเช็ดรอบๆ ริมฝีปาก จนแน่ใจว่าไม่มีเลอะที่ไหนอีก"คุณนี่ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลยนะ" อัคคีส่ายหน้าอย่างระอา"คุณคาดหวังอะไรคะ นิต้องแก้มแดง เขินอายเวลาที่คุณทำอะไรแบบนี้หรือไง ดูละครมากไปหรือเปล่าคะ" นิชากรอกตาใส่เขาอย่างไม่ปิดบัง"ก็ผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนั้น" เขายักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน มีความมั่นอกมั่นใจในคำพูดซะจนน่าหมั่นไส้ ห้อยหลวงปู่มั่นหรือไงไม่ทราบ!"อย่าเอานิไปเหมารวมกับพวกผู้หญิงของคุณ..." ร่างบางพูดเสียงเรียบ ไม่พอใจที่ถูกเอาไปเหมารวมกับใคร แม้สถานะในตอนนี้แทบจะไม่ต่างจากพวกหล่อนเลยก็ตาม"ก็จริง...คุณดีกว่าเยอะ" อัคคีกดย
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 21"เฮ้อออ..." นิชาถอนหายใจอย่างหัวเสีย เหตุมาจากกำลังขับรถไปทำงานอยู่ดีๆ เครื่องก็ดับ สตาร์ทไม่ติด ดีว่าค่อยๆ ประคองรถเข้าข้างทางจนปลอดภัยได้ และตอนนี้ก็กำลังยืนรอช่างอยู่บนทางด่วนท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ไม่ได้มีแค่วิตามินดีอย่างแน่นอน ขณะที่กำลังรออยู่นั้นอัคคีก็โทรเข้ามา คาดว่าเขาน่าจะไปถึงบริษัทแล้วแต่ไม่เจอเธอเหมือนทุกวันเลยโทรถามเพราะเธอไม่ได้แจ้งลางานเอาไว้ ("คุณอยู่ไหน") "รถเสียอยู่บนทางด่วนค่ะ กำลังรอช่าง" ("ทำไมไม่รีบบอกผม! รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไปรับ") "เอ่อ..." นิชาไม่ทันได้ปฏิเสธอัคคีก็วางสายไปแล้ว แถมน้ำเสียงก็ดูโกรธมากด้วย เธอก็ได้แต่งงๆ ว่าการที่เธอไม่ได้บอกเขานี่มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือกลัวเธอไปทำงานสายแล้วจะทำงานไม่คุ้มค่าแรง ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อก่อนเขาจะรบกวนเวลาทำงานของเธอบ่อยๆ ทำไม เมื่อไม่รู้นิชาก็ไม่คิดหาคำตอบ ยังคงยืนรอช่างต่อไป อากาศแม้จะเป็นตอนเช้าแต่แดดประเทศนี้โดนนิดเดียวก็เหงื่อเริ่มซึม และมันก็เป็นคราวซวยของเธอนี่แหละที่หยิบร่มออกจากรถวันก่อนแล้วลืมเอากลับมาคืน รอสักพักในที่สุดช่างก็มา เธอแจ้งอาการรถให้เขารู้ ซึ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 20"ทำไมคุณพ่อไม่จัดการให้ริณคะ! ปล่อยให้พวกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเราได้ยังไง!?" ไอริณเดินเข้าบ้านมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาก็ตรงเข้าไปโวยวายใส่เสียงดัง เธอคิดว่าพ่อแม่จะออกโรงปกป้องและเอาเรื่องอัคคีให้ถึงที่สุด แต่นี่กลับเงียบและยอมรับการถอนหมั้นง่ายๆ ทั้งที่เธอถูกเหยียดหยามจนไฟแค้นมันสุมอกแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว "ถ้าแกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!"เจ้าสัวเจนภพที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เหมือนถูกสุมไฟเพิ่ม สองพ่อลูกเลยไม่มีใครยอมใคร "แล้วมันอะไรล่ะคะ พ่อก็บอกริณมาสิ!" ไอริณทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราก็มีทั้งอำนาจและเงินไม่ต่างอัคคีเลยสักนิด ทำไมพ่อยังต้องไว้หน้าเขาด้วย "แกมันก็ไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นแหละ แทนที่จะจับอัคคีให้อยู่หมัด เลี้ยงเสียข้าวสุก!" "ทำไมพ่อจะต้องให้ความสำคัญเขาถึงขนาดนั้นด้วย เขานอกใจริณนะ!" "ศักดิ์ศรีของแกมันกินได้มั้ยล่ะ! ครอบครัวเราจะล้มละลายกันอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก บริษัทไม่ถูกมันเทคโอเวอร์ก็บุญหัวเท่าไรแล้ว!" "หมายความว่าไงคะ เราจะล้มละลายได้ยังไง!?" เมื่อถู
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 19"นิ...เจ็บมั้ย" หลังจากไอริณออกไป อัคคีก็เข้าไปถามไถ่นิชาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทว่ามือที่กำลังจะยื่นไปหากลับถูกเธอปัดออกอย่างไม่ไยดี "นิอยากอยู่คนเดียวค่ะ...เชิญ" เธอชี้นิ้วไปที่ประตู ไล่เขาเสียงห้วน ไม่แม้แต่จะมองสบตา "แต่..." "นิขอร้องล่ะค่ะ! นิยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น" เมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังร่างบางก็ตะคอกเสียงดังลั่น ไหล่บางสั่นเทิ้ม จิกมือเข้าหากันแน่นด้วยความอดทน "...." "นิขออยู่คนเดียว..." เห็นท่าทางต่อต้านไม่อยากรับฟังอะไรของนิชาแล้วอัคคีก็จนคำพูด เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ยอมออกไปจากห้อง รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยมาคุยกัน ทันทีที่ประตูปิดลงร่างบางก็ทรุดนั่งบนพื้นเพราะฝืนความเจ็บที่ขาต่อไปไม่ไหว แขนด้านขวารู้สึกระบมและมีรอยถลอกจากตอนล้ม แก้มก็เจ็บและชาแถมมีเลือดออกในปาก คาดว่าคนตบคงจะใส่แรงทั้งหมดที่มี เธอสมควรที่จะโดนแบบนี้แล้วใช่ไหม?คนผิดที่แท้จริงแล้วมันคือเธอจริงๆ เหรอ?ทั้งๆ ที่คิดว่าคงด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วน้ำตาไม่รู้มากมายมาจากไหนกลับไหลพรากไม่หยุด พอห้ามไม่ได้ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนกว่าจะระบายมันออกไปจนหมด "อึ่ก..มึง..มารับ