แชร์

รักต้องแลก
รักต้องแลก
ผู้แต่ง: Aile'N

ตอนที่ 1

รักต้องแลก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 1

เพียะ!! 

ความเจ็บแสบกระทบผิวแก้มเนียนเต็มแรง ชั่วพริบตาเดียวก็เจ็บตึงและชาไปทั่วซีกหน้า ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ 'นิชา' เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยที่หันไปตามแรงตบหันกลับมามองตาม 'คู่ควงของเจ้านาย' ที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากออกไปจากบริษัทด้วยสายตาเรียบนิ่ง 

พนักงานโดยรอบที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกอกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะนิชาเป็นถึงเลขาคนสนิทของ 'อัคคี ศิระพักตร์พิมล' ประธานบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เบอร์ต้นของประเทศนี้ เธอเป็นคนเก่งและได้รับความไว้วางใจจากเขาเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันว่าอัคคีเป็นชายหนุ่มที่สุดแสนจะเจ้าชู้ เขาไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกายเลยสักครั้ง และด้วยเป็นคนขี้เบื่อหรือไม่กินของเก่าซ้ำก็ไม่แน่ใจ เขาถึงได้เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยๆ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่ากางเกงชั้นในเสียอีก 

ซึ่งคนที่รับช่วงต่อในการกำจัดผู้หญิงเหล่านั้นที่เขาเบื่อก็คือ 'เลขาคนสนิท' อย่างนิชานั่นเอง ที่ผ่านมาแม้ผู้หญิงพวกนั้นจะทำตัวมีปัญหาและสร้างความวุ่นวายใส่เธออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนเหล่านั้นจะกล้าทำร้ายตบตีเธอเหมือนในครั้งนี้! 

เธอพลาดเองที่ชะล่าใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ ด้วยไม่คาดคิดว่าหล่อนจะกล้า! 

ร่างสูงเพรียวที่ทำเป็นยืนนิ่งต่อหน้าคนอื่น ทิ้งตัวพิงผนังลิฟต์อย่างหมดสภาพ ที่ทุกคนเห็นว่าเธอสามารถรับมือกับผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร้ที่ติใช่ว่าเธอมีความสุขกับสิ่งที่ต้องทำอยู่ซ้ำๆ เสียเมื่อไหร่ การถูกตบในครั้งนี้เหมือนถูกเรียกสติ เธอควรจะพอได้แล้วกับงานพวกนี้ 

พอกันที...เธออดทนมามากพอแล้ว! 

น้ำแข็งในตู้เย็นถูกนำมาห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าประคบลงบนแก้มที่เริ่มบวมช้ำ นิชาทิ้งตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้ หลับตาอย่างเหนื่อยล้า ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุเรื่องราวชวนปวดหัวทั้งหมดนี้ก็คงกำลังกระดิกเท้านั่งเลือกผู้หญิงในสต็อกคนต่อไปอยู่ในห้องทำงานเป็นแน่ 

คิดมาถึงตรงนี้เปลือกตาสวยก็ลืมขึ้นมองเพดานทันทีเพราะความเจ็บหน่วงถ่วงรั้งอยู่ในอก เจ็บยิ่งกว่าแผลที่โดนตบเสียอีก... 

นิชาทำงานเป็นเลขาของอัคคีมากว่าห้าปีแล้ว จะว่าไปก็นานเหมือนกัน... 

ด้วยนิสัยขาดผู้หญิงไม่ได้ของเจ้าตัวทำให้เขาต้องเปลี่ยนเลขามาแล้วหลายคน นั่นเพราะไม่มีใครสามารถรับมือกับผู้หญิงของเขาได้ และแม้ว่าเธอจะทำได้แต่ก็ไม่ได้เต็มใจทำ 

เธอห้ามความเจ้าชู้ของอัคคีไม่ได้...พอๆ กับที่ห้ามใจไม่ให้ 'รัก' เขาไม่ได้เหมือนกัน 

ใช่แล้วล่ะ... 'เธอรักเขา' 

มันน่าตลกจริงๆ เพราะนอกจากความหล่อ รวย เก่งแล้วเขาก็แทบจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เจ็บแปลบทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอพยายามตัดเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันแล้ว...แต่เธอคงมีความอดทนไม่มากพอถึงได้ทนไม่ไหวอีกต่อไป 

ก็อกๆ 

หลังจากจมอยู่ในความคิดนานกว่าครึ่งชั่วโมงนิชาก็ลุกขึ้นยืน หยิบซองขาวในลิ้นชักออกมา ก่อนเดินไปเคาะประตูห้องผู้เป็นเจ้านายด้วยแววตามุ่งมั่น เธอมีจดหมายลาออกอยู่กับตัวตลอดเวลาพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดจะลาออก ทว่าก็ถูกเขายื้อไว้ได้ตลอด แต่คราวนี้เธอคิดว่ามีเหตุผลมากพอ การถูกทำร้ายร่างกายมันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมกันได้ง่ายๆ ยังไงเธอก็จะลาออก! 

"เชิญครับ" 

นิชาเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาต สองเท้าสวยบนส้นสูงปลายแหลมก้าวเดินอย่างมั่นคงไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัทและวางซองขาวลงตรงหน้าเขาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ 

อัคคีที่กำลังก้มเซ็นเอกสารมองเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นซองอะไร คิ้วเรียวเข้มขมวดฉับเข้าหากันทันทีและเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ ทว่าเมื่อได้เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเลขากลับต้องชะงักไป พวงแก้มขาวเนียนที่เขาเคยลอบมองและจินตนาการถึงอยู่บ่อยครั้งบัดนี้แดงช้ำเป็นรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน 

"ใครทำ?" ร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวคนเจ็บ มือหนาเอื้อมมาหาแต่นิชาเบี่ยงใบหน้าหลบและก้าวถอย 

"นิเหนื่อยแล้วคุณอัค นิไม่อยากรับมือกับพวกผู้หญิงของคุณอีกแล้ว" น้ำเสียงเรียบนิ่งแอบมีคลื่นไหวสั่นเล็กๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

"ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมคงเลิกให้ไม่ได้" ร่างสูงยืนนิ่งฟังก่อนถอนหายใจ ตอบกลับมาในสิ่งที่เธอคาดเอาไว้แต่แรก 

นั่นสินะ...คนเจ้าชู้เสเพลมาทั้งชีวิต จะมายอมเปลี่ยนตัวเองเพราะเลขาจะลาออกเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก! 

"นิรู้...นิถึงต้องมายื่นซองขาวกับคุณนี่ไงคะ" ใบหน้าสวยยังคงเรียบนิ่ง แม้จะเจ็บซีกหน้าทุกครั้งที่ขยับปากพูดเลยก็ตาม 

"ผมไม่อนุญาต!" นัยน์ตาคมวาวโรจน์ กดเสียงต่ำข่มคนใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ยอมศิโรราบอย่างลืมตัว...ลืมไปว่านิชาไม่เหมือนคนอื่น คนทั้งตึกนี้เธอเป็นคนเดียวที่กล้าต่อรองกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว 

"นิแค่บอกให้รู้ค่ะ ไม่ได้ขออนุญาต" ดวงตากลมสวยยังคงสบตาดุๆ ของอัคคีนิ่ง ที่แสดงออกว่าไม่กลัวก็ใช่ว่าลึกๆ แล้วจะไม่รู้สึกแบบนั้น อย่างแรกเลยเขาเป็นผู้ชาย แถมยังตัวสูงใหญ่กว่าเธอตั้งสองสามเท่า แล้วยิ่งอยู่ในอารมณ์โมโหจะเอาอะไรมารับประกันได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอเข้าสักวัน 

"คิดดีแล้วงั้นเหรอ คุณรู้ดีคุณนิว่าผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด!" ราวกับไฟสุมอก ยิ่งเห็นคนตัวเล็กแสดงออกว่าไม่แยแสคนอำนาจล้นมืออย่างตน อัคคีก็ยิ่งหน้ามืดครึ้มจนผุดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ เพียงเพราะไม่อยากเสียเธอไป 

"....." นิชาลอบกลืนน้ำลายลงคอ พลันชาวาบขึ้นมาทั้งร่างเพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่าเขาทำอะไรได้บ้าง 'อำนาจ' ของอัคคี ศิระพักตร์พิมลน่ะ เธอรู้ดีเลยล่ะ! 

"...คุณจะไม่มีวันได้ทำงานที่อื่น! แล้วยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ แม่คุณ หลานๆ ของคุณ พวกเขาจะเป็นยังไง คุณจะพึ่งเงินเก็บอันน้อยนิดของคุณไปได้สักกี่น้ำกัน!" ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ ก้มลงกระซิบเสียงต่ำลอดไรฟังที่ข้างหูคนฟัง ก่อนผละออกมาแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ 

สิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยทำนิชาถึงกับยืนอึ้งไปเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเห็นแก่ที่เคยทำงานร่วมกันมาหลายปี เธอคิดผิดไปเหรอว่าเราสองคนเป็นเจ้านายลูกน้องที่มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน เธอคิดผิด? 

"...นิรู้นะคะว่าคุณไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่คิดว่า...จะเลวได้ขนาดนี้!" ร่างบางยืนกำหมัดแน่น ขบฟันข่มความโกรธที่สุมขึ้นมาในอก สายตาที่มองหน้าร่างสูงเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นธาตุแท้ของเขา 

"ผมเลวจนคุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ" อัคคียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขารู้ว่าครั้งนี้นิชาเอาจริง เธอต้องการไปจากเขาจริงๆ และเขาก็แค่เอาจริงบ้างก็เท่านั้นเอง 

"คุณรั้งนิไว้ทำไมคะ คนเก่งคนทำแทนนิได้มีตั้งเยอะแยะ อย่าบีบบังคับให้หมดความรู้สึกดีๆ ต่อกันตรงนี้เลยค่ะ" นิชากัดฟันถามอย่างคนอดทนอดกลั้น แม้ภายนอกที่แสดงออกจะเรียบนิ่ง แต่ข้างในเธอเดือดยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังปะทุเสียอีก 

"ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าคุณแล้วคุณนิ" ข้ออ้าง...แค่ข้อนี้เท่านั้นที่อัคคีพอจะนึกขึ้นได้ ความจริงความคิดและความรู้สึกของเขามันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ 

"แต่นิโดนทำร้ายร่างกาย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ!" ข้ออ้างสำคัญถูกยกขึ้นมาทวงหาความยุติธรรม ทั้งที่ความจริงแล้วความเจ็บที่กายมันเทียบความเจ็บที่ใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว 

"ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้คุณอย่างสาสมแน่" ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงคนที่ทำให้แก้มขาวๆ ของเลขาคนสวยต้องมีมลทิน เขาเฝ้ามองอยู่ทุกวันยังไม่เคยได้จับ ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงกล้าเอามือสกปรกมาแตะต้องคนของเขา! 

"ขอร้องล่ะคุณอัค...นิทนไม่ไหวแล้วจริงๆ" นิชาถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง ไหล่ที่เคยเหยียดตรงห่อเหี่ยวลงอย่างน่าสงสาร แน่นอนว่าอัคคีเห็นแบบนั้นก็เกิดความสงสาร แต่จะให้ปล่อยเธอไปคงต้องฝันเอา! 

"...งั้นเป็นคุณได้มั้ยล่ะ" น้ำเสียงทุ้มต่ำโอนอ่อนขึ้นหลายส่วน แต่คำพูดนั้นไม่ได้นำความกระจ่างมาสู่คนฟังเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้าขึ้นสบตาคมอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่ม 

"ผมจะเลิกคบผู้หญิงพวกนั้น ถ้าคุณยอมมาแทนพวกเธอ" ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอถึงขนาดนี้ เธอรักเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมเป็นคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวให้กับเขาโดยไม่รู้สึกอะไรได้! 

"นี่คุณ...คิดสกปรกแบบนั้นกับนิตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!?"  นิชากำหมัดแน่น โกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอก็แค่อยากหนีจากเขา แค่เขาอนุมัติ มันยากนักหรือไง ทำไมต้องทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ด้วย! 

"จะบอกอะไรให้นะคุณนิ...ไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ เพราะผมไม่เคยบอกว่าคุณน่ะ...สเปกผมเลยล่ะ" อัคคีแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระกับสายตาเกลียดชังของผู้เป็นเลขา เขาขยับเข้าไปชิดและกระซิบข้างหูคนฟังด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ 

"สารเลว!" นิชากัดฟันด่า ผลักร่างสูงออกไปและง้างมือหมายจะฟาดใส่เขา ทว่าเธอยังช้าไปหนึ่งจังหวะข้อมือเล็กจึงถูกจับและดึงเข้าไปหา วงแขนแกร่งกักกอดร่างบางไว้ หัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่สามารถทำให้เลขาคนสวยเสียกิริยาได้ขนาดนี้ 

"ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้คุณนิ...ผมให้เวลาคุณออกไปหางานใหม่สักเดือน ถ้าไปได้ดีผมยอมให้คุณลาออก แต่ถ้าหมดจนหนทางจริงๆ ก็แค่กลับมารับข้อเสนอนี้จากผม...แล้วผมจะรอ" น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู กดจูบขมับสวยอย่างถือวิสาสะ กลิ่นหอมอ่อนทำเอาติดใจ แต่ก่อนจะได้สัมผัสอีกคนตัวเล็กๆ ก็อาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดตัวออกเต็มแรงจนหลุดจากการควบคุม เธอมองเขาอย่างเคียดแค้นก่อนจะเดินหนีออกไป 

ร่างสูงมองตามจนลับตา ก่อนหลุบตาลงมองฝ่ามือที่ได้สัมผัสเรือนร่างนุ่มนิ่มของผู้เป็นเลขา กลิ่นหอมหวานยังคงติดตรึงปลายจมูก ราวกับคนเสพติด...ชายหนุ่มรู้แค่เพียงว่าเขาต้องได้สัมผัสเธออีกครั้ง!

ด้านนิชาเมื่อออกจากห้องเจ้านายมาได้ เธอก็รีบเก็บข้าวของกลับบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกของเธอตีรวนจนอยากจะอ้วกออกมา ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด เจ็บปวดและคับแค้นใจอย่างหาที่ระบายไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะกล้ายื่นข้อเสนอที่น่ารังเกียจนั้นมาให้  ผิดหวังมากๆ ที่ไปหลงชอบคนแบบนั้น 

.

"อ้าวนิ ทำไมวันนี้กลับบ้านไวจังล่ะลูก แล้วนั่น...แก้มไปโดนอะไรมา!?" นางพิมพาทำหน้าสงสัยก่อนแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นลูกสาวกลับเข้าบ้านมาตั้งแต่หัววันพร้อมแก้มบวมฉึ่ง 

"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะแม่ มีพนักงานทะเลาะกัน นิเข้าไปห้ามก็เลยโดนลูกหลง เจ้านายก็เลยอนุญาตให้กลับบ้านก่อนได้" ร่างบางตอบเลี่ยงๆ ไปเพื่อให้แม่สบายใจ แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรแต่ก็ดีกว่าพูดความจริงอยู่ดี 

"เจ็บมากไหมลูก ไปหาหมอหรือยัง" ผู้เป็นแม่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือที่มีร่องรอยของวัยลูบแก้มบวมช้ำของคนเจ็บเบาๆ อย่างทะนุถนอม ด้วยกลัวลูกจะเจ็บเพิ่ม 

"ไปมาแล้วค่ะ ได้ยามาเยอะเลย" มือบางชูถุงยาที่หมอให้มาขึ้นในระดับสายตา และยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพื่อให้แม่สบายใจ เธอแวะหาหมอระหว่างทางเพราะรู้ว่าแม่จะต้องถามและรบเร้าให้ไปหาแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด 

"ขวัญเอ๊ยขวัญมา ทีหลังถ้าเจอคนทะเลาะกันอีก ต้องเอาตัวออกห่าง และตามคนอื่นที่แข็งแรงกว่ามาช่วยเข้าใจไหม อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้อีก เกิดฝ่ายนั้นมีอาวุธจะทำยังไง แม่เป็นห่วงนะรู้ไหม" นางพิมพาเตือนสติลูกโดยไม่ได้รู้เลยว่านิชาไม่มีทางเอาตัวเข้าไปรับฝ่ามือใครอย่างที่ว่ามา ต่อให้มีคนทะเลาะกันอย่างที่อ้างจริงๆ เธอก็จะทำอย่างที่แม่บอก จะไม่เสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปรับลูกหลงจากใครแน่ๆ ยกเว้นลูกหลงมันจะพุ่งเข้าใส่เธอเองอย่างในกรณีนี้น่ะนะ... 

คุยกับแม่พักหนึ่งนิชาก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ทิ้งร่างอ่อนแรงลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง คิดทบทวนในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมจนตรอก ต่อให้อัคคีจะใส่อำนาจกลั่นแกล้งยังไงเธอก็จะต้องหางานใหม่ให้จงได้ จะไม่ยอมกลับไปฟังคำดูถูกจากเขาแน่! 

คิดจนปวดหัวนิชาก็จำต้องหยุดคิด ลุกไปหายากินและกลับมานอนอีกครั้ง กระทั่งหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายสาม เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อออกไปรับหลานๆ กลับจากโรงเรียน 

นิชาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซ้ำพี่ชายเพียงคนเดียวก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกับพี่สะใภ้เมื่อสามปีก่อน ทิ้งลูกสาวกับลูกชายไว้ให้ดูต่างหน้า ในบ้านหลังเล็กๆ แห่งนี้จึงมีเพียงเธอกับแม่และหลานอีกสองคน 

ด้วยอายุที่มากขึ้นและมีโรคประจำตัวแม่จึงไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้ ทุกวันเพียงทำขนมเล็กๆ น้อยๆ ฝากเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดพอได้เงินมาช่วยใช้จ่ายในครอบครัว หลานทั้งสองก็ยังเล็กอยู่ในวัยเรียนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะฉะนั้นนิชาจึงกลายเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเธอจะล้มไม่ได้เด็ดขาด! 

จริงอยู่ว่าการทำงานเป็นเลขาของอัคคีจะได้เงินเดือนไม่น้อย แต่รายจ่ายของเธอในแต่ละเดือนก็ไม่น้อยเช่นกัน และถึงจะยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่คงอยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รีบหางานใหม่  อย่างน้อยๆ ประวัติการทำงานของเธอก็น่าจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น 

"อานิสวัสดีครับ/ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานบนท้องถนนก็มาถึงโรงเรียนของหลานๆ หลานชายมีชื่อว่า 'น้องปุณณ์' อายุสิบห้า เรียนอยู่ชั้นมอสาม ส่วนคนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ 'น้องปัญญ์' อายุสิบขวบ เรียนอยู่ชั้นปอสี่ โชคดีที่ทั้งคู่เป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก ไม่มีเรื่องเกเรให้เธอต้องทุกข์ใจเพิ่ม 

"อานิไม่สบายเหรอคะ" น้องปัญญ์ถามตาแป๋วเมื่อเห็นคุณอาใส่หน้ากากอนามัยปิดไปครึ่งหน้า 

"อานิสบายดีค่ะ อานิแค่แพ้ครีมนิดหน่อย แก้มเลยแดง ป้ะ กลับบ้านกัน" นิชาตอบเลี่ยงและชวนเปลี่ยนเรื่อง เด็กๆ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร 

"อานิ หนูอยากกินไอติม พี่ปุณณ์ก็อยากกินค่ะ" เจ้าตัวเล็กอ้อนตาใส ไม่ลืมเกี่ยวแขนพี่ชายเข้าร่วมขบวนการด้วย นิชาระบายยิ้มเอ็นดู ความสดใสของน้องปัญญ์พอจะทำให้ม่านหมอกขุ่นมัวในใจเบาบางลงไปได้บ้าง 

"ทำยังไงถึงจะได้กินน้า~" คนเป็นอาเหล่ตามองยิ้มๆ 

"ต้องเป็นเด็กดีค่ะ หนูเป็นเด็กดี พี่ปุณณ์ก็เป็นเด็กดี พวกเราจะกลับบ้าน ไปทำการบ้าน อาบน้ำและเข้านอนไวๆ ค่ะ" เจ้าตัวเล็กเจื้อยแจ้วเสียงใส แก้มยุ้ยๆ กับปากจิ้มลิ้มสีแดงขยับยุกยิกตามจังหวะการพูดจา ทำคนมองเอ็นดูและในอ่อนอย่างอดไม่ได้ 

"เด็กดี.. เพราะงั้นอานิต้องให้รางวัลใช่ไหมคะ" ผู้เป็นอาถามยิ้มๆ พลางตบไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปยังร้านไอศกรีมร้านประจำ 

"ใช่ๆ ค่ะ เย่ๆ" เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระตือรือร้น เสียงหัวเราะดีใจเล็กๆ ช่วยฟื้นฟูจิตใจของนิชาให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ขอแค่รอยยิ้มเหล่านี้ยังคงอยู่ เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ทนได้

..

..

..

..

ฝากติดตามด้วยนะคะ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status