รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 1
เพียะ!!
ความเจ็บแสบกระทบผิวแก้มเนียนเต็มแรง ชั่วพริบตาเดียวก็เจ็บตึงและชาไปทั่วซีกหน้า ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ 'นิชา' เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยที่หันไปตามแรงตบหันกลับมามองตาม 'คู่ควงของเจ้านาย' ที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากออกไปจากบริษัทด้วยสายตาเรียบนิ่ง
พนักงานโดยรอบที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกอกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะนิชาเป็นถึงเลขาคนสนิทของ 'อัคคี ศิระพักตร์พิมล' ประธานบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เบอร์ต้นของประเทศนี้ เธอเป็นคนเก่งและได้รับความไว้วางใจจากเขาเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันว่าอัคคีเป็นชายหนุ่มที่สุดแสนจะเจ้าชู้ เขาไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกายเลยสักครั้ง และด้วยเป็นคนขี้เบื่อหรือไม่กินของเก่าซ้ำก็ไม่แน่ใจ เขาถึงได้เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยๆ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่ากางเกงชั้นในเสียอีก
ซึ่งคนที่รับช่วงต่อในการกำจัดผู้หญิงเหล่านั้นที่เขาเบื่อก็คือ 'เลขาคนสนิท' อย่างนิชานั่นเอง ที่ผ่านมาแม้ผู้หญิงพวกนั้นจะทำตัวมีปัญหาและสร้างความวุ่นวายใส่เธออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนเหล่านั้นจะกล้าทำร้ายตบตีเธอเหมือนในครั้งนี้!
เธอพลาดเองที่ชะล่าใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ ด้วยไม่คาดคิดว่าหล่อนจะกล้า!
ร่างสูงเพรียวที่ทำเป็นยืนนิ่งต่อหน้าคนอื่น ทิ้งตัวพิงผนังลิฟต์อย่างหมดสภาพ ที่ทุกคนเห็นว่าเธอสามารถรับมือกับผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร้ที่ติใช่ว่าเธอมีความสุขกับสิ่งที่ต้องทำอยู่ซ้ำๆ เสียเมื่อไหร่ การถูกตบในครั้งนี้เหมือนถูกเรียกสติ เธอควรจะพอได้แล้วกับงานพวกนี้
พอกันที...เธออดทนมามากพอแล้ว!
น้ำแข็งในตู้เย็นถูกนำมาห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าประคบลงบนแก้มที่เริ่มบวมช้ำ นิชาทิ้งตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้ หลับตาอย่างเหนื่อยล้า ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุเรื่องราวชวนปวดหัวทั้งหมดนี้ก็คงกำลังกระดิกเท้านั่งเลือกผู้หญิงในสต็อกคนต่อไปอยู่ในห้องทำงานเป็นแน่
คิดมาถึงตรงนี้เปลือกตาสวยก็ลืมขึ้นมองเพดานทันทีเพราะความเจ็บหน่วงถ่วงรั้งอยู่ในอก เจ็บยิ่งกว่าแผลที่โดนตบเสียอีก...
นิชาทำงานเป็นเลขาของอัคคีมากว่าห้าปีแล้ว จะว่าไปก็นานเหมือนกัน...
ด้วยนิสัยขาดผู้หญิงไม่ได้ของเจ้าตัวทำให้เขาต้องเปลี่ยนเลขามาแล้วหลายคน นั่นเพราะไม่มีใครสามารถรับมือกับผู้หญิงของเขาได้ และแม้ว่าเธอจะทำได้แต่ก็ไม่ได้เต็มใจทำ
เธอห้ามความเจ้าชู้ของอัคคีไม่ได้...พอๆ กับที่ห้ามใจไม่ให้ 'รัก' เขาไม่ได้เหมือนกัน
ใช่แล้วล่ะ... 'เธอรักเขา'
มันน่าตลกจริงๆ เพราะนอกจากความหล่อ รวย เก่งแล้วเขาก็แทบจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เจ็บแปลบทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอพยายามตัดเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันแล้ว...แต่เธอคงมีความอดทนไม่มากพอถึงได้ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ก็อกๆ
หลังจากจมอยู่ในความคิดนานกว่าครึ่งชั่วโมงนิชาก็ลุกขึ้นยืน หยิบซองขาวในลิ้นชักออกมา ก่อนเดินไปเคาะประตูห้องผู้เป็นเจ้านายด้วยแววตามุ่งมั่น เธอมีจดหมายลาออกอยู่กับตัวตลอดเวลาพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดจะลาออก ทว่าก็ถูกเขายื้อไว้ได้ตลอด แต่คราวนี้เธอคิดว่ามีเหตุผลมากพอ การถูกทำร้ายร่างกายมันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมกันได้ง่ายๆ ยังไงเธอก็จะลาออก!
"เชิญครับ"
นิชาเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาต สองเท้าสวยบนส้นสูงปลายแหลมก้าวเดินอย่างมั่นคงไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัทและวางซองขาวลงตรงหน้าเขาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
อัคคีที่กำลังก้มเซ็นเอกสารมองเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นซองอะไร คิ้วเรียวเข้มขมวดฉับเข้าหากันทันทีและเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ ทว่าเมื่อได้เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเลขากลับต้องชะงักไป พวงแก้มขาวเนียนที่เขาเคยลอบมองและจินตนาการถึงอยู่บ่อยครั้งบัดนี้แดงช้ำเป็นรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน
"ใครทำ?" ร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวคนเจ็บ มือหนาเอื้อมมาหาแต่นิชาเบี่ยงใบหน้าหลบและก้าวถอย
"นิเหนื่อยแล้วคุณอัค นิไม่อยากรับมือกับพวกผู้หญิงของคุณอีกแล้ว" น้ำเสียงเรียบนิ่งแอบมีคลื่นไหวสั่นเล็กๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมคงเลิกให้ไม่ได้" ร่างสูงยืนนิ่งฟังก่อนถอนหายใจ ตอบกลับมาในสิ่งที่เธอคาดเอาไว้แต่แรก
นั่นสินะ...คนเจ้าชู้เสเพลมาทั้งชีวิต จะมายอมเปลี่ยนตัวเองเพราะเลขาจะลาออกเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก!
"นิรู้...นิถึงต้องมายื่นซองขาวกับคุณนี่ไงคะ" ใบหน้าสวยยังคงเรียบนิ่ง แม้จะเจ็บซีกหน้าทุกครั้งที่ขยับปากพูดเลยก็ตาม
"ผมไม่อนุญาต!" นัยน์ตาคมวาวโรจน์ กดเสียงต่ำข่มคนใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ยอมศิโรราบอย่างลืมตัว...ลืมไปว่านิชาไม่เหมือนคนอื่น คนทั้งตึกนี้เธอเป็นคนเดียวที่กล้าต่อรองกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
"นิแค่บอกให้รู้ค่ะ ไม่ได้ขออนุญาต" ดวงตากลมสวยยังคงสบตาดุๆ ของอัคคีนิ่ง ที่แสดงออกว่าไม่กลัวก็ใช่ว่าลึกๆ แล้วจะไม่รู้สึกแบบนั้น อย่างแรกเลยเขาเป็นผู้ชาย แถมยังตัวสูงใหญ่กว่าเธอตั้งสองสามเท่า แล้วยิ่งอยู่ในอารมณ์โมโหจะเอาอะไรมารับประกันได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอเข้าสักวัน
"คิดดีแล้วงั้นเหรอ คุณรู้ดีคุณนิว่าผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด!" ราวกับไฟสุมอก ยิ่งเห็นคนตัวเล็กแสดงออกว่าไม่แยแสคนอำนาจล้นมืออย่างตน อัคคีก็ยิ่งหน้ามืดครึ้มจนผุดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ เพียงเพราะไม่อยากเสียเธอไป
"....." นิชาลอบกลืนน้ำลายลงคอ พลันชาวาบขึ้นมาทั้งร่างเพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่าเขาทำอะไรได้บ้าง 'อำนาจ' ของอัคคี ศิระพักตร์พิมลน่ะ เธอรู้ดีเลยล่ะ!
"...คุณจะไม่มีวันได้ทำงานที่อื่น! แล้วยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ แม่คุณ หลานๆ ของคุณ พวกเขาจะเป็นยังไง คุณจะพึ่งเงินเก็บอันน้อยนิดของคุณไปได้สักกี่น้ำกัน!" ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ ก้มลงกระซิบเสียงต่ำลอดไรฟังที่ข้างหูคนฟัง ก่อนผละออกมาแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ
สิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยทำนิชาถึงกับยืนอึ้งไปเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเห็นแก่ที่เคยทำงานร่วมกันมาหลายปี เธอคิดผิดไปเหรอว่าเราสองคนเป็นเจ้านายลูกน้องที่มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน เธอคิดผิด?
"...นิรู้นะคะว่าคุณไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่คิดว่า...จะเลวได้ขนาดนี้!" ร่างบางยืนกำหมัดแน่น ขบฟันข่มความโกรธที่สุมขึ้นมาในอก สายตาที่มองหน้าร่างสูงเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นธาตุแท้ของเขา
"ผมเลวจนคุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ" อัคคียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขารู้ว่าครั้งนี้นิชาเอาจริง เธอต้องการไปจากเขาจริงๆ และเขาก็แค่เอาจริงบ้างก็เท่านั้นเอง
"คุณรั้งนิไว้ทำไมคะ คนเก่งคนทำแทนนิได้มีตั้งเยอะแยะ อย่าบีบบังคับให้หมดความรู้สึกดีๆ ต่อกันตรงนี้เลยค่ะ" นิชากัดฟันถามอย่างคนอดทนอดกลั้น แม้ภายนอกที่แสดงออกจะเรียบนิ่ง แต่ข้างในเธอเดือดยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังปะทุเสียอีก
"ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าคุณแล้วคุณนิ" ข้ออ้าง...แค่ข้อนี้เท่านั้นที่อัคคีพอจะนึกขึ้นได้ ความจริงความคิดและความรู้สึกของเขามันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ
"แต่นิโดนทำร้ายร่างกาย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ!" ข้ออ้างสำคัญถูกยกขึ้นมาทวงหาความยุติธรรม ทั้งที่ความจริงแล้วความเจ็บที่กายมันเทียบความเจ็บที่ใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว
"ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้คุณอย่างสาสมแน่" ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงคนที่ทำให้แก้มขาวๆ ของเลขาคนสวยต้องมีมลทิน เขาเฝ้ามองอยู่ทุกวันยังไม่เคยได้จับ ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงกล้าเอามือสกปรกมาแตะต้องคนของเขา!
"ขอร้องล่ะคุณอัค...นิทนไม่ไหวแล้วจริงๆ" นิชาถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง ไหล่ที่เคยเหยียดตรงห่อเหี่ยวลงอย่างน่าสงสาร แน่นอนว่าอัคคีเห็นแบบนั้นก็เกิดความสงสาร แต่จะให้ปล่อยเธอไปคงต้องฝันเอา!
"...งั้นเป็นคุณได้มั้ยล่ะ" น้ำเสียงทุ้มต่ำโอนอ่อนขึ้นหลายส่วน แต่คำพูดนั้นไม่ได้นำความกระจ่างมาสู่คนฟังเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้าขึ้นสบตาคมอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่ม
"ผมจะเลิกคบผู้หญิงพวกนั้น ถ้าคุณยอมมาแทนพวกเธอ" ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอถึงขนาดนี้ เธอรักเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมเป็นคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวให้กับเขาโดยไม่รู้สึกอะไรได้!
"นี่คุณ...คิดสกปรกแบบนั้นกับนิตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!?" นิชากำหมัดแน่น โกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอก็แค่อยากหนีจากเขา แค่เขาอนุมัติ มันยากนักหรือไง ทำไมต้องทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ด้วย!
"จะบอกอะไรให้นะคุณนิ...ไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ เพราะผมไม่เคยบอกว่าคุณน่ะ...สเปกผมเลยล่ะ" อัคคีแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระกับสายตาเกลียดชังของผู้เป็นเลขา เขาขยับเข้าไปชิดและกระซิบข้างหูคนฟังด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
"สารเลว!" นิชากัดฟันด่า ผลักร่างสูงออกไปและง้างมือหมายจะฟาดใส่เขา ทว่าเธอยังช้าไปหนึ่งจังหวะข้อมือเล็กจึงถูกจับและดึงเข้าไปหา วงแขนแกร่งกักกอดร่างบางไว้ หัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่สามารถทำให้เลขาคนสวยเสียกิริยาได้ขนาดนี้
"ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้คุณนิ...ผมให้เวลาคุณออกไปหางานใหม่สักเดือน ถ้าไปได้ดีผมยอมให้คุณลาออก แต่ถ้าหมดจนหนทางจริงๆ ก็แค่กลับมารับข้อเสนอนี้จากผม...แล้วผมจะรอ" น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู กดจูบขมับสวยอย่างถือวิสาสะ กลิ่นหอมอ่อนทำเอาติดใจ แต่ก่อนจะได้สัมผัสอีกคนตัวเล็กๆ ก็อาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดตัวออกเต็มแรงจนหลุดจากการควบคุม เธอมองเขาอย่างเคียดแค้นก่อนจะเดินหนีออกไป
ร่างสูงมองตามจนลับตา ก่อนหลุบตาลงมองฝ่ามือที่ได้สัมผัสเรือนร่างนุ่มนิ่มของผู้เป็นเลขา กลิ่นหอมหวานยังคงติดตรึงปลายจมูก ราวกับคนเสพติด...ชายหนุ่มรู้แค่เพียงว่าเขาต้องได้สัมผัสเธออีกครั้ง!
ด้านนิชาเมื่อออกจากห้องเจ้านายมาได้ เธอก็รีบเก็บข้าวของกลับบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกของเธอตีรวนจนอยากจะอ้วกออกมา ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด เจ็บปวดและคับแค้นใจอย่างหาที่ระบายไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะกล้ายื่นข้อเสนอที่น่ารังเกียจนั้นมาให้ ผิดหวังมากๆ ที่ไปหลงชอบคนแบบนั้น
.
.
"อ้าวนิ ทำไมวันนี้กลับบ้านไวจังล่ะลูก แล้วนั่น...แก้มไปโดนอะไรมา!?" นางพิมพาทำหน้าสงสัยก่อนแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นลูกสาวกลับเข้าบ้านมาตั้งแต่หัววันพร้อมแก้มบวมฉึ่ง
"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะแม่ มีพนักงานทะเลาะกัน นิเข้าไปห้ามก็เลยโดนลูกหลง เจ้านายก็เลยอนุญาตให้กลับบ้านก่อนได้" ร่างบางตอบเลี่ยงๆ ไปเพื่อให้แม่สบายใจ แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรแต่ก็ดีกว่าพูดความจริงอยู่ดี
"เจ็บมากไหมลูก ไปหาหมอหรือยัง" ผู้เป็นแม่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือที่มีร่องรอยของวัยลูบแก้มบวมช้ำของคนเจ็บเบาๆ อย่างทะนุถนอม ด้วยกลัวลูกจะเจ็บเพิ่ม
"ไปมาแล้วค่ะ ได้ยามาเยอะเลย" มือบางชูถุงยาที่หมอให้มาขึ้นในระดับสายตา และยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพื่อให้แม่สบายใจ เธอแวะหาหมอระหว่างทางเพราะรู้ว่าแม่จะต้องถามและรบเร้าให้ไปหาแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด
"ขวัญเอ๊ยขวัญมา ทีหลังถ้าเจอคนทะเลาะกันอีก ต้องเอาตัวออกห่าง และตามคนอื่นที่แข็งแรงกว่ามาช่วยเข้าใจไหม อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้อีก เกิดฝ่ายนั้นมีอาวุธจะทำยังไง แม่เป็นห่วงนะรู้ไหม" นางพิมพาเตือนสติลูกโดยไม่ได้รู้เลยว่านิชาไม่มีทางเอาตัวเข้าไปรับฝ่ามือใครอย่างที่ว่ามา ต่อให้มีคนทะเลาะกันอย่างที่อ้างจริงๆ เธอก็จะทำอย่างที่แม่บอก จะไม่เสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปรับลูกหลงจากใครแน่ๆ ยกเว้นลูกหลงมันจะพุ่งเข้าใส่เธอเองอย่างในกรณีนี้น่ะนะ...
คุยกับแม่พักหนึ่งนิชาก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ทิ้งร่างอ่อนแรงลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง คิดทบทวนในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมจนตรอก ต่อให้อัคคีจะใส่อำนาจกลั่นแกล้งยังไงเธอก็จะต้องหางานใหม่ให้จงได้ จะไม่ยอมกลับไปฟังคำดูถูกจากเขาแน่!
คิดจนปวดหัวนิชาก็จำต้องหยุดคิด ลุกไปหายากินและกลับมานอนอีกครั้ง กระทั่งหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายสาม เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อออกไปรับหลานๆ กลับจากโรงเรียน
นิชาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซ้ำพี่ชายเพียงคนเดียวก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกับพี่สะใภ้เมื่อสามปีก่อน ทิ้งลูกสาวกับลูกชายไว้ให้ดูต่างหน้า ในบ้านหลังเล็กๆ แห่งนี้จึงมีเพียงเธอกับแม่และหลานอีกสองคน
ด้วยอายุที่มากขึ้นและมีโรคประจำตัวแม่จึงไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้ ทุกวันเพียงทำขนมเล็กๆ น้อยๆ ฝากเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดพอได้เงินมาช่วยใช้จ่ายในครอบครัว หลานทั้งสองก็ยังเล็กอยู่ในวัยเรียนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะฉะนั้นนิชาจึงกลายเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเธอจะล้มไม่ได้เด็ดขาด!
จริงอยู่ว่าการทำงานเป็นเลขาของอัคคีจะได้เงินเดือนไม่น้อย แต่รายจ่ายของเธอในแต่ละเดือนก็ไม่น้อยเช่นกัน และถึงจะยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่คงอยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รีบหางานใหม่ อย่างน้อยๆ ประวัติการทำงานของเธอก็น่าจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น
"อานิสวัสดีครับ/ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานบนท้องถนนก็มาถึงโรงเรียนของหลานๆ หลานชายมีชื่อว่า 'น้องปุณณ์' อายุสิบห้า เรียนอยู่ชั้นมอสาม ส่วนคนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ 'น้องปัญญ์' อายุสิบขวบ เรียนอยู่ชั้นปอสี่ โชคดีที่ทั้งคู่เป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก ไม่มีเรื่องเกเรให้เธอต้องทุกข์ใจเพิ่ม
"อานิไม่สบายเหรอคะ" น้องปัญญ์ถามตาแป๋วเมื่อเห็นคุณอาใส่หน้ากากอนามัยปิดไปครึ่งหน้า
"อานิสบายดีค่ะ อานิแค่แพ้ครีมนิดหน่อย แก้มเลยแดง ป้ะ กลับบ้านกัน" นิชาตอบเลี่ยงและชวนเปลี่ยนเรื่อง เด็กๆ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
"อานิ หนูอยากกินไอติม พี่ปุณณ์ก็อยากกินค่ะ" เจ้าตัวเล็กอ้อนตาใส ไม่ลืมเกี่ยวแขนพี่ชายเข้าร่วมขบวนการด้วย นิชาระบายยิ้มเอ็นดู ความสดใสของน้องปัญญ์พอจะทำให้ม่านหมอกขุ่นมัวในใจเบาบางลงไปได้บ้าง
"ทำยังไงถึงจะได้กินน้า~" คนเป็นอาเหล่ตามองยิ้มๆ
"ต้องเป็นเด็กดีค่ะ หนูเป็นเด็กดี พี่ปุณณ์ก็เป็นเด็กดี พวกเราจะกลับบ้าน ไปทำการบ้าน อาบน้ำและเข้านอนไวๆ ค่ะ" เจ้าตัวเล็กเจื้อยแจ้วเสียงใส แก้มยุ้ยๆ กับปากจิ้มลิ้มสีแดงขยับยุกยิกตามจังหวะการพูดจา ทำคนมองเอ็นดูและในอ่อนอย่างอดไม่ได้
"เด็กดี.. เพราะงั้นอานิต้องให้รางวัลใช่ไหมคะ" ผู้เป็นอาถามยิ้มๆ พลางตบไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปยังร้านไอศกรีมร้านประจำ
"ใช่ๆ ค่ะ เย่ๆ" เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระตือรือร้น เสียงหัวเราะดีใจเล็กๆ ช่วยฟื้นฟูจิตใจของนิชาให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ขอแค่รอยยิ้มเหล่านี้ยังคงอยู่ เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ทนได้
..
..
..
..
ฝากติดตามด้วยนะคะ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 2"เอ่อ...เราเพิ่งได้พนักงานใหม่ไป ตอนนี้เต็มทุกตำแหน่งแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ" "ปิดรับสมัครแล้วค่ะ" "เราไม่ได้รับสมัครพนักงานแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้เอาป้ายลง เลยทำให้เข้าใจผิด" "ปิดรับแล้วค่ะ ลองไปที่อื่นดูนะคะ"กว่าสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ว่าจะนิชาจะไปยื่นใบสมัครงานที่ไหนเธอก็ถูกปฏิเสธแทบจะทุกที่ บางที่ก็ปฏิเสธซึ่งหน้า บางที่ก็โทรกลับมาบอกหลังจากที่ได้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่บางที่ก็เงียบหายไม่ติดต่อกลับมา ไม่ว่าฝ่ายบุคคลของแต่ละบริษัทจะชื่นชมประวัติการทำงานของเธอเหมือนอยากจะรับเข้าทำงานขนาดไหน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมทุกที่... นานเข้าก็เกิดความท้อเล็กๆ ขึ้นในใจ แต่นิชาไม่มีทางยอมแพ้ เธอพักเรื่องหางานใหม่ไว้ก่อน หันมาหยิบจับสิ่งใกล้ตัวแทน นั่นก็คือการทำขนม แม้จะทำได้ไม่เก่งเท่ามารดาแต่เพราะได้คลุกคลีมาตั้งแต่เด็กนิชาจึงทำขนมได้หลายอย่าง เธอเริ่มต้นจากการช่วยแม่ทำฝาก 'ป้าน้อม' ที่เป็นเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดและมองหาช่องทางขายออนไลน์ด้วย เริ่มจากออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ ไม่เกินตัว หากขายดีถึงจะหาที่ทางลงทุนเปิดร้าน แน่นอนว่าพอเห็นเธอหยุดงานมาทำขนมขาย ผู้เป็นแม่มีหรือ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 3 หลังจากที่แม่พักฟื้นจนหายดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนิชาก็กลับมาทำงานเป็นเลขาของอัคคีอีกครั้งตามคำสั่ง เรื่องความสัมพันธ์แลกเงินสิบล้านนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหนเพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้พูดถึง เพียงสั่งให้เธอเคลียร์งานในช่วงที่หยุดไปให้เรียบร้อย นั่นพอจะทำให้เธอโล่งใจไปชั่วขณะ ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะต้องรองรับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเขาให้ต้องปวดหัวเพิ่ม "ตอนเที่ยงสั่งอาหารสองชุด ของคุณด้วย เอาเข้ามากินที่ห้องทำงานผม...ทุกวัน" สบายใจอยู่ได้ไม่นานโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นตอนสิบเอ็ดโมง เมื่อรับสายสิ่งที่ทำได้ก็คือทำตามคำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกทีถ้าไม่มีนัดลูกค้านิชาจะเป็นคนสั่งอาหารเที่ยงและจัดเสิร์ฟเข้าไปให้อัคคีในห้องทำงาน ส่วนของเธอถ้าไม่นั่งกินที่โต๊ะทำงานก็เข้าไปนั่งกินในห้องพักเบรกที่มีครัวเล็กๆ รวมถึงตู้เย็นและเครื่องชงชากาแฟอยู่ในนั้น มีไว้สำหรับปากท้องของท่านประธานและเลขาอย่างเธอโดยเฉพาะ หลังวางสายเจ้านายไปแล้วนิชาก็โทรสั่งอาหารจากร้านประจำและเลือกเมนูที่เขาชอบกินอย่างเคยชิน เมื่ออาหารมาส่งก็ใกล้เที่ยงพอดีเธอจึงนำไปจัดใส่จาน ยืนทำใจอยู่สักพักก็