รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 1
เพียะ!!
ความเจ็บแสบกระทบผิวแก้มเนียนเต็มแรง ชั่วพริบตาเดียวก็เจ็บตึงและชาไปทั่วซีกหน้า ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ 'นิชา' เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยที่หันไปตามแรงตบหันกลับมามองตาม 'คู่ควงของเจ้านาย' ที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากออกไปจากบริษัทด้วยสายตาเรียบนิ่ง
พนักงานโดยรอบที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกอกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะนิชาเป็นถึงเลขาคนสนิทของ 'อัคคี ศิระพักตร์พิมล' ประธานบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เบอร์ต้นของประเทศนี้ เธอเป็นคนเก่งและได้รับความไว้วางใจจากเขาเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันว่าอัคคีเป็นชายหนุ่มที่สุดแสนจะเจ้าชู้ เขาไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกายเลยสักครั้ง และด้วยเป็นคนขี้เบื่อหรือไม่กินของเก่าซ้ำก็ไม่แน่ใจ เขาถึงได้เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยๆ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่ากางเกงชั้นในเสียอีก
ซึ่งคนที่รับช่วงต่อในการกำจัดผู้หญิงเหล่านั้นที่เขาเบื่อก็คือ 'เลขาคนสนิท' อย่างนิชานั่นเอง ที่ผ่านมาแม้ผู้หญิงพวกนั้นจะทำตัวมีปัญหาและสร้างความวุ่นวายใส่เธออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนเหล่านั้นจะกล้าทำร้ายตบตีเธอเหมือนในครั้งนี้!
เธอพลาดเองที่ชะล่าใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ ด้วยไม่คาดคิดว่าหล่อนจะกล้า!
ร่างสูงเพรียวที่ทำเป็นยืนนิ่งต่อหน้าคนอื่น ทิ้งตัวพิงผนังลิฟต์อย่างหมดสภาพ ที่ทุกคนเห็นว่าเธอสามารถรับมือกับผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร้ที่ติใช่ว่าเธอมีความสุขกับสิ่งที่ต้องทำอยู่ซ้ำๆ เสียเมื่อไหร่ การถูกตบในครั้งนี้เหมือนถูกเรียกสติ เธอควรจะพอได้แล้วกับงานพวกนี้
พอกันที...เธออดทนมามากพอแล้ว!
น้ำแข็งในตู้เย็นถูกนำมาห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าประคบลงบนแก้มที่เริ่มบวมช้ำ นิชาทิ้งตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้ หลับตาอย่างเหนื่อยล้า ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุเรื่องราวชวนปวดหัวทั้งหมดนี้ก็คงกำลังกระดิกเท้านั่งเลือกผู้หญิงในสต็อกคนต่อไปอยู่ในห้องทำงานเป็นแน่
คิดมาถึงตรงนี้เปลือกตาสวยก็ลืมขึ้นมองเพดานทันทีเพราะความเจ็บหน่วงถ่วงรั้งอยู่ในอก เจ็บยิ่งกว่าแผลที่โดนตบเสียอีก...
นิชาทำงานเป็นเลขาของอัคคีมากว่าห้าปีแล้ว จะว่าไปก็นานเหมือนกัน...
ด้วยนิสัยขาดผู้หญิงไม่ได้ของเจ้าตัวทำให้เขาต้องเปลี่ยนเลขามาแล้วหลายคน นั่นเพราะไม่มีใครสามารถรับมือกับผู้หญิงของเขาได้ และแม้ว่าเธอจะทำได้แต่ก็ไม่ได้เต็มใจทำ
เธอห้ามความเจ้าชู้ของอัคคีไม่ได้...พอๆ กับที่ห้ามใจไม่ให้ 'รัก' เขาไม่ได้เหมือนกัน
ใช่แล้วล่ะ... 'เธอรักเขา'
มันน่าตลกจริงๆ เพราะนอกจากความหล่อ รวย เก่งแล้วเขาก็แทบจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เจ็บแปลบทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอพยายามตัดเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันแล้ว...แต่เธอคงมีความอดทนไม่มากพอถึงได้ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ก็อกๆ
หลังจากจมอยู่ในความคิดนานกว่าครึ่งชั่วโมงนิชาก็ลุกขึ้นยืน หยิบซองขาวในลิ้นชักออกมา ก่อนเดินไปเคาะประตูห้องผู้เป็นเจ้านายด้วยแววตามุ่งมั่น เธอมีจดหมายลาออกอยู่กับตัวตลอดเวลาพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดจะลาออก ทว่าก็ถูกเขายื้อไว้ได้ตลอด แต่คราวนี้เธอคิดว่ามีเหตุผลมากพอ การถูกทำร้ายร่างกายมันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมกันได้ง่ายๆ ยังไงเธอก็จะลาออก!
"เชิญครับ"
นิชาเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาต สองเท้าสวยบนส้นสูงปลายแหลมก้าวเดินอย่างมั่นคงไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัทและวางซองขาวลงตรงหน้าเขาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
อัคคีที่กำลังก้มเซ็นเอกสารมองเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นซองอะไร คิ้วเรียวเข้มขมวดฉับเข้าหากันทันทีและเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ ทว่าเมื่อได้เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเลขากลับต้องชะงักไป พวงแก้มขาวเนียนที่เขาเคยลอบมองและจินตนาการถึงอยู่บ่อยครั้งบัดนี้แดงช้ำเป็นรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน
"ใครทำ?" ร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวคนเจ็บ มือหนาเอื้อมมาหาแต่นิชาเบี่ยงใบหน้าหลบและก้าวถอย
"นิเหนื่อยแล้วคุณอัค นิไม่อยากรับมือกับพวกผู้หญิงของคุณอีกแล้ว" น้ำเสียงเรียบนิ่งแอบมีคลื่นไหวสั่นเล็กๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมคงเลิกให้ไม่ได้" ร่างสูงยืนนิ่งฟังก่อนถอนหายใจ ตอบกลับมาในสิ่งที่เธอคาดเอาไว้แต่แรก
นั่นสินะ...คนเจ้าชู้เสเพลมาทั้งชีวิต จะมายอมเปลี่ยนตัวเองเพราะเลขาจะลาออกเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก!
"นิรู้...นิถึงต้องมายื่นซองขาวกับคุณนี่ไงคะ" ใบหน้าสวยยังคงเรียบนิ่ง แม้จะเจ็บซีกหน้าทุกครั้งที่ขยับปากพูดเลยก็ตาม
"ผมไม่อนุญาต!" นัยน์ตาคมวาวโรจน์ กดเสียงต่ำข่มคนใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ยอมศิโรราบอย่างลืมตัว...ลืมไปว่านิชาไม่เหมือนคนอื่น คนทั้งตึกนี้เธอเป็นคนเดียวที่กล้าต่อรองกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
"นิแค่บอกให้รู้ค่ะ ไม่ได้ขออนุญาต" ดวงตากลมสวยยังคงสบตาดุๆ ของอัคคีนิ่ง ที่แสดงออกว่าไม่กลัวก็ใช่ว่าลึกๆ แล้วจะไม่รู้สึกแบบนั้น อย่างแรกเลยเขาเป็นผู้ชาย แถมยังตัวสูงใหญ่กว่าเธอตั้งสองสามเท่า แล้วยิ่งอยู่ในอารมณ์โมโหจะเอาอะไรมารับประกันได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอเข้าสักวัน
"คิดดีแล้วงั้นเหรอ คุณรู้ดีคุณนิว่าผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด!" ราวกับไฟสุมอก ยิ่งเห็นคนตัวเล็กแสดงออกว่าไม่แยแสคนอำนาจล้นมืออย่างตน อัคคีก็ยิ่งหน้ามืดครึ้มจนผุดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ เพียงเพราะไม่อยากเสียเธอไป
"....." นิชาลอบกลืนน้ำลายลงคอ พลันชาวาบขึ้นมาทั้งร่างเพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่าเขาทำอะไรได้บ้าง 'อำนาจ' ของอัคคี ศิระพักตร์พิมลน่ะ เธอรู้ดีเลยล่ะ!
"...คุณจะไม่มีวันได้ทำงานที่อื่น! แล้วยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ แม่คุณ หลานๆ ของคุณ พวกเขาจะเป็นยังไง คุณจะพึ่งเงินเก็บอันน้อยนิดของคุณไปได้สักกี่น้ำกัน!" ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ ก้มลงกระซิบเสียงต่ำลอดไรฟังที่ข้างหูคนฟัง ก่อนผละออกมาแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ
สิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยทำนิชาถึงกับยืนอึ้งไปเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเห็นแก่ที่เคยทำงานร่วมกันมาหลายปี เธอคิดผิดไปเหรอว่าเราสองคนเป็นเจ้านายลูกน้องที่มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน เธอคิดผิด?
"...นิรู้นะคะว่าคุณไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่คิดว่า...จะเลวได้ขนาดนี้!" ร่างบางยืนกำหมัดแน่น ขบฟันข่มความโกรธที่สุมขึ้นมาในอก สายตาที่มองหน้าร่างสูงเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นธาตุแท้ของเขา
"ผมเลวจนคุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ" อัคคียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขารู้ว่าครั้งนี้นิชาเอาจริง เธอต้องการไปจากเขาจริงๆ และเขาก็แค่เอาจริงบ้างก็เท่านั้นเอง
"คุณรั้งนิไว้ทำไมคะ คนเก่งคนทำแทนนิได้มีตั้งเยอะแยะ อย่าบีบบังคับให้หมดความรู้สึกดีๆ ต่อกันตรงนี้เลยค่ะ" นิชากัดฟันถามอย่างคนอดทนอดกลั้น แม้ภายนอกที่แสดงออกจะเรียบนิ่ง แต่ข้างในเธอเดือดยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังปะทุเสียอีก
"ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าคุณแล้วคุณนิ" ข้ออ้าง...แค่ข้อนี้เท่านั้นที่อัคคีพอจะนึกขึ้นได้ ความจริงความคิดและความรู้สึกของเขามันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ
"แต่นิโดนทำร้ายร่างกาย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ!" ข้ออ้างสำคัญถูกยกขึ้นมาทวงหาความยุติธรรม ทั้งที่ความจริงแล้วความเจ็บที่กายมันเทียบความเจ็บที่ใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว
"ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้คุณอย่างสาสมแน่" ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงคนที่ทำให้แก้มขาวๆ ของเลขาคนสวยต้องมีมลทิน เขาเฝ้ามองอยู่ทุกวันยังไม่เคยได้จับ ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงกล้าเอามือสกปรกมาแตะต้องคนของเขา!
"ขอร้องล่ะคุณอัค...นิทนไม่ไหวแล้วจริงๆ" นิชาถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง ไหล่ที่เคยเหยียดตรงห่อเหี่ยวลงอย่างน่าสงสาร แน่นอนว่าอัคคีเห็นแบบนั้นก็เกิดความสงสาร แต่จะให้ปล่อยเธอไปคงต้องฝันเอา!
"...งั้นเป็นคุณได้มั้ยล่ะ" น้ำเสียงทุ้มต่ำโอนอ่อนขึ้นหลายส่วน แต่คำพูดนั้นไม่ได้นำความกระจ่างมาสู่คนฟังเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้าขึ้นสบตาคมอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่ม
"ผมจะเลิกคบผู้หญิงพวกนั้น ถ้าคุณยอมมาแทนพวกเธอ" ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอถึงขนาดนี้ เธอรักเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมเป็นคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวให้กับเขาโดยไม่รู้สึกอะไรได้!
"นี่คุณ...คิดสกปรกแบบนั้นกับนิตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!?" นิชากำหมัดแน่น โกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอก็แค่อยากหนีจากเขา แค่เขาอนุมัติ มันยากนักหรือไง ทำไมต้องทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ด้วย!
"จะบอกอะไรให้นะคุณนิ...ไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ เพราะผมไม่เคยบอกว่าคุณน่ะ...สเปกผมเลยล่ะ" อัคคีแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระกับสายตาเกลียดชังของผู้เป็นเลขา เขาขยับเข้าไปชิดและกระซิบข้างหูคนฟังด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
"สารเลว!" นิชากัดฟันด่า ผลักร่างสูงออกไปและง้างมือหมายจะฟาดใส่เขา ทว่าเธอยังช้าไปหนึ่งจังหวะข้อมือเล็กจึงถูกจับและดึงเข้าไปหา วงแขนแกร่งกักกอดร่างบางไว้ หัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่สามารถทำให้เลขาคนสวยเสียกิริยาได้ขนาดนี้
"ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้คุณนิ...ผมให้เวลาคุณออกไปหางานใหม่สักเดือน ถ้าไปได้ดีผมยอมให้คุณลาออก แต่ถ้าหมดจนหนทางจริงๆ ก็แค่กลับมารับข้อเสนอนี้จากผม...แล้วผมจะรอ" น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู กดจูบขมับสวยอย่างถือวิสาสะ กลิ่นหอมอ่อนทำเอาติดใจ แต่ก่อนจะได้สัมผัสอีกคนตัวเล็กๆ ก็อาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดตัวออกเต็มแรงจนหลุดจากการควบคุม เธอมองเขาอย่างเคียดแค้นก่อนจะเดินหนีออกไป
ร่างสูงมองตามจนลับตา ก่อนหลุบตาลงมองฝ่ามือที่ได้สัมผัสเรือนร่างนุ่มนิ่มของผู้เป็นเลขา กลิ่นหอมหวานยังคงติดตรึงปลายจมูก ราวกับคนเสพติด...ชายหนุ่มรู้แค่เพียงว่าเขาต้องได้สัมผัสเธออีกครั้ง!
ด้านนิชาเมื่อออกจากห้องเจ้านายมาได้ เธอก็รีบเก็บข้าวของกลับบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกของเธอตีรวนจนอยากจะอ้วกออกมา ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด เจ็บปวดและคับแค้นใจอย่างหาที่ระบายไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าอัคคีจะกล้ายื่นข้อเสนอที่น่ารังเกียจนั้นมาให้ ผิดหวังมากๆ ที่ไปหลงชอบคนแบบนั้น
.
.
"อ้าวนิ ทำไมวันนี้กลับบ้านไวจังล่ะลูก แล้วนั่น...แก้มไปโดนอะไรมา!?" นางพิมพาทำหน้าสงสัยก่อนแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นลูกสาวกลับเข้าบ้านมาตั้งแต่หัววันพร้อมแก้มบวมฉึ่ง
"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะแม่ มีพนักงานทะเลาะกัน นิเข้าไปห้ามก็เลยโดนลูกหลง เจ้านายก็เลยอนุญาตให้กลับบ้านก่อนได้" ร่างบางตอบเลี่ยงๆ ไปเพื่อให้แม่สบายใจ แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรแต่ก็ดีกว่าพูดความจริงอยู่ดี
"เจ็บมากไหมลูก ไปหาหมอหรือยัง" ผู้เป็นแม่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือที่มีร่องรอยของวัยลูบแก้มบวมช้ำของคนเจ็บเบาๆ อย่างทะนุถนอม ด้วยกลัวลูกจะเจ็บเพิ่ม
"ไปมาแล้วค่ะ ได้ยามาเยอะเลย" มือบางชูถุงยาที่หมอให้มาขึ้นในระดับสายตา และยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพื่อให้แม่สบายใจ เธอแวะหาหมอระหว่างทางเพราะรู้ว่าแม่จะต้องถามและรบเร้าให้ไปหาแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด
"ขวัญเอ๊ยขวัญมา ทีหลังถ้าเจอคนทะเลาะกันอีก ต้องเอาตัวออกห่าง และตามคนอื่นที่แข็งแรงกว่ามาช่วยเข้าใจไหม อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้อีก เกิดฝ่ายนั้นมีอาวุธจะทำยังไง แม่เป็นห่วงนะรู้ไหม" นางพิมพาเตือนสติลูกโดยไม่ได้รู้เลยว่านิชาไม่มีทางเอาตัวเข้าไปรับฝ่ามือใครอย่างที่ว่ามา ต่อให้มีคนทะเลาะกันอย่างที่อ้างจริงๆ เธอก็จะทำอย่างที่แม่บอก จะไม่เสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปรับลูกหลงจากใครแน่ๆ ยกเว้นลูกหลงมันจะพุ่งเข้าใส่เธอเองอย่างในกรณีนี้น่ะนะ...
คุยกับแม่พักหนึ่งนิชาก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ทิ้งร่างอ่อนแรงลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง คิดทบทวนในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมจนตรอก ต่อให้อัคคีจะใส่อำนาจกลั่นแกล้งยังไงเธอก็จะต้องหางานใหม่ให้จงได้ จะไม่ยอมกลับไปฟังคำดูถูกจากเขาแน่!
คิดจนปวดหัวนิชาก็จำต้องหยุดคิด ลุกไปหายากินและกลับมานอนอีกครั้ง กระทั่งหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายสาม เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อออกไปรับหลานๆ กลับจากโรงเรียน
นิชาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซ้ำพี่ชายเพียงคนเดียวก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกับพี่สะใภ้เมื่อสามปีก่อน ทิ้งลูกสาวกับลูกชายไว้ให้ดูต่างหน้า ในบ้านหลังเล็กๆ แห่งนี้จึงมีเพียงเธอกับแม่และหลานอีกสองคน
ด้วยอายุที่มากขึ้นและมีโรคประจำตัวแม่จึงไม่สามารถทำงานนอกบ้านได้ ทุกวันเพียงทำขนมเล็กๆ น้อยๆ ฝากเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดพอได้เงินมาช่วยใช้จ่ายในครอบครัว หลานทั้งสองก็ยังเล็กอยู่ในวัยเรียนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะฉะนั้นนิชาจึงกลายเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเธอจะล้มไม่ได้เด็ดขาด!
จริงอยู่ว่าการทำงานเป็นเลขาของอัคคีจะได้เงินเดือนไม่น้อย แต่รายจ่ายของเธอในแต่ละเดือนก็ไม่น้อยเช่นกัน และถึงจะยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่คงอยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รีบหางานใหม่ อย่างน้อยๆ ประวัติการทำงานของเธอก็น่าจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น
"อานิสวัสดีครับ/ค่ะ" ใช้เวลาไม่นานบนท้องถนนก็มาถึงโรงเรียนของหลานๆ หลานชายมีชื่อว่า 'น้องปุณณ์' อายุสิบห้า เรียนอยู่ชั้นมอสาม ส่วนคนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ 'น้องปัญญ์' อายุสิบขวบ เรียนอยู่ชั้นปอสี่ โชคดีที่ทั้งคู่เป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก ไม่มีเรื่องเกเรให้เธอต้องทุกข์ใจเพิ่ม
"อานิไม่สบายเหรอคะ" น้องปัญญ์ถามตาแป๋วเมื่อเห็นคุณอาใส่หน้ากากอนามัยปิดไปครึ่งหน้า
"อานิสบายดีค่ะ อานิแค่แพ้ครีมนิดหน่อย แก้มเลยแดง ป้ะ กลับบ้านกัน" นิชาตอบเลี่ยงและชวนเปลี่ยนเรื่อง เด็กๆ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
"อานิ หนูอยากกินไอติม พี่ปุณณ์ก็อยากกินค่ะ" เจ้าตัวเล็กอ้อนตาใส ไม่ลืมเกี่ยวแขนพี่ชายเข้าร่วมขบวนการด้วย นิชาระบายยิ้มเอ็นดู ความสดใสของน้องปัญญ์พอจะทำให้ม่านหมอกขุ่นมัวในใจเบาบางลงไปได้บ้าง
"ทำยังไงถึงจะได้กินน้า~" คนเป็นอาเหล่ตามองยิ้มๆ
"ต้องเป็นเด็กดีค่ะ หนูเป็นเด็กดี พี่ปุณณ์ก็เป็นเด็กดี พวกเราจะกลับบ้าน ไปทำการบ้าน อาบน้ำและเข้านอนไวๆ ค่ะ" เจ้าตัวเล็กเจื้อยแจ้วเสียงใส แก้มยุ้ยๆ กับปากจิ้มลิ้มสีแดงขยับยุกยิกตามจังหวะการพูดจา ทำคนมองเอ็นดูและในอ่อนอย่างอดไม่ได้
"เด็กดี.. เพราะงั้นอานิต้องให้รางวัลใช่ไหมคะ" ผู้เป็นอาถามยิ้มๆ พลางตบไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางไปยังร้านไอศกรีมร้านประจำ
"ใช่ๆ ค่ะ เย่ๆ" เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระตือรือร้น เสียงหัวเราะดีใจเล็กๆ ช่วยฟื้นฟูจิตใจของนิชาให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ขอแค่รอยยิ้มเหล่านี้ยังคงอยู่ เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ทนได้
..
..
..
..
ฝากติดตามด้วยนะคะ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 2"เอ่อ...เราเพิ่งได้พนักงานใหม่ไป ตอนนี้เต็มทุกตำแหน่งแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ" "ปิดรับสมัครแล้วค่ะ" "เราไม่ได้รับสมัครพนักงานแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้เอาป้ายลง เลยทำให้เข้าใจผิด" "ปิดรับแล้วค่ะ ลองไปที่อื่นดูนะคะ"กว่าสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ว่าจะนิชาจะไปยื่นใบสมัครงานที่ไหนเธอก็ถูกปฏิเสธแทบจะทุกที่ บางที่ก็ปฏิเสธซึ่งหน้า บางที่ก็โทรกลับมาบอกหลังจากที่ได้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่บางที่ก็เงียบหายไม่ติดต่อกลับมา ไม่ว่าฝ่ายบุคคลของแต่ละบริษัทจะชื่นชมประวัติการทำงานของเธอเหมือนอยากจะรับเข้าทำงานขนาดไหน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมทุกที่... นานเข้าก็เกิดความท้อเล็กๆ ขึ้นในใจ แต่นิชาไม่มีทางยอมแพ้ เธอพักเรื่องหางานใหม่ไว้ก่อน หันมาหยิบจับสิ่งใกล้ตัวแทน นั่นก็คือการทำขนม แม้จะทำได้ไม่เก่งเท่ามารดาแต่เพราะได้คลุกคลีมาตั้งแต่เด็กนิชาจึงทำขนมได้หลายอย่าง เธอเริ่มต้นจากการช่วยแม่ทำฝาก 'ป้าน้อม' ที่เป็นเพื่อนบ้านไปขายที่ตลาดและมองหาช่องทางขายออนไลน์ด้วย เริ่มจากออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ ไม่เกินตัว หากขายดีถึงจะหาที่ทางลงทุนเปิดร้าน แน่นอนว่าพอเห็นเธอหยุดงานมาทำขนมขาย ผู้เป็นแม่มีหรือ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 3 หลังจากที่แม่พักฟื้นจนหายดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนิชาก็กลับมาทำงานเป็นเลขาของอัคคีอีกครั้งตามคำสั่ง เรื่องความสัมพันธ์แลกเงินสิบล้านนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหนเพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้พูดถึง เพียงสั่งให้เธอเคลียร์งานในช่วงที่หยุดไปให้เรียบร้อย นั่นพอจะทำให้เธอโล่งใจไปชั่วขณะ ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะต้องรองรับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเขาให้ต้องปวดหัวเพิ่ม "ตอนเที่ยงสั่งอาหารสองชุด ของคุณด้วย เอาเข้ามากินที่ห้องทำงานผม...ทุกวัน" สบายใจอยู่ได้ไม่นานโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นตอนสิบเอ็ดโมง เมื่อรับสายสิ่งที่ทำได้ก็คือทำตามคำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกทีถ้าไม่มีนัดลูกค้านิชาจะเป็นคนสั่งอาหารเที่ยงและจัดเสิร์ฟเข้าไปให้อัคคีในห้องทำงาน ส่วนของเธอถ้าไม่นั่งกินที่โต๊ะทำงานก็เข้าไปนั่งกินในห้องพักเบรกที่มีครัวเล็กๆ รวมถึงตู้เย็นและเครื่องชงชากาแฟอยู่ในนั้น มีไว้สำหรับปากท้องของท่านประธานและเลขาอย่างเธอโดยเฉพาะ หลังวางสายเจ้านายไปแล้วนิชาก็โทรสั่งอาหารจากร้านประจำและเลือกเมนูที่เขาชอบกินอย่างเคยชิน เมื่ออาหารมาส่งก็ใกล้เที่ยงพอดีเธอจึงนำไปจัดใส่จาน ยืนทำใจอยู่สักพักก็
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 4นิชายืนมองตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายในกระจกอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะต่อให้เห็นธาตุแท้ที่น่ารังเกียจของอัคคียังไงก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกก่อนหน้าที่เธอมีต่อเขาได้ พอรู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ทั้งตื่นเต้นและประหม่าอาย... ถึงจะทำงานเก่งแต่เรื่องความรักนิชายังอ่อนหัดนัก มีแฟนคนล่าสุดก็ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นก็ช่างเลือนราง ยิ่งกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวก็มุ่งแต่ทำงานและจัดการเรื่องส่วนตัวให้เจ้านาย แค่นี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จะเอาเวลาไหนไปสนใจคนอื่น นิชาสะบัดศีรษะไล่ความว้าวุ่นก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วออกจากห้องไป เธอยังคงแต่งตัวปกติเวลาออกไปข้างนอกก็คือกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีพื้นธรรมดา ถ้าตัดเรื่องความเก่งกาจด้านการทำงานที่ผู้คนมากมายต่างชื่นชมแล้ว เธอก็ยังมองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีอะไรดีตรงสเปกของอัคคีอย่างที่เขาเคยบอกเธอเลยสักนิด ไม่แน่เขาก็อาจจะแค่พูดไปอย่างนั้น เพราะคู่ควงแต่ละคนของเขาต่างจากเธอลิบลับ บางทีเขาอาจจะแค่อยากเอาชนะเธอ อยากกดเธอให้อยู่ใต้อาณัติของตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น ร่างบางผ่านเข้ามาในคอนโคของอัคคีด้วย
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 5นิชาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดร้าวไปทุกส่วนของร่างกาย พอสติมาและจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ทั้งอับอายและเจ็บใจ เขาไม่ถนอมเธอเลยสักนิด! ทำราวกับเป็นตุ๊กตายางชิ้นหนึ่งที่จะทำอะไรรุนแรงแค่ไหนก็ได้ ก็อย่างว่าแหละ คนไม่ได้รักนี่เนอะ... แต่ที่น่าเจ็บใจมากที่สุดก็คือตัวเธอเองนี่แหละเพราะถึงอัคคีจะใจร้ายขนาดไหนหรือตอนแรกๆ เธอจะขัดขืนยังไง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังๆ นั้นเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ย้อนแย้งสิ้นดี! ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิด เมื่อนึกได้ว่าต้องกลับบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไรแต่แสงแดดจ้าที่เล็ดลอดม่านเข้ามาคงไม่ใช่ตอนเช้าตรู่อย่างแน่นอน ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดหรือต่อให้ไม่ใช่วันหยุดเธอก็คงไม่ไปทำงานแล้ว จะถูกหักเงินก็หักไปในเมื่อคนจ่ายเงินเดือนเป็นคนทำให้เธอตื่นสายเอง ร่างบางลุกเดินโซเซไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำในตู้มาใส่ ก่อนเดินไปตามหาเสื้อผ้าของตัวเองที่โซฟา เจอทุกอย่างแต่เสื้อที่ถูกร่างสูงดึงขาดใช้ไม่ได้แล้ว เธอเลยถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตในตู้ของเขามาใส่แทน เมื่อแต่งตัวเสร็จนิชาก็ออกมาเจอเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น เขา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 6"โรคจิตหรือไงอีตานี่..." ดวงตากลมสวยจ้องมองร่องรอยสีแดงช้ำที่ถูกประทับตามร่างกายผ่านกระจกบานใหญ่พลางบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย เพราะเธอต้องรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อคอเต่ามาใส่ปกปิดจากสายตาผู้คน โชคดีที่เจอว่ามีเสื้อคอเต่าบางๆ อยู่ เพราะถ้าใส่แบบหนาในประเทศที่เป็นมิตรกับพระอาทิตย์แบบนี้ผู้คนคงจะมองเธอบ้าแน่นอน เช้าวันทำงานเมื่อนิชาแต่งตัวเสร็จก็เก็บของแล้วลงไปทานข้าวเช้ากับแม่และหลานๆ พูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา เมื่อถึงเวลาสมควรก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ การทำงานเป็นเลขาที่เปรียบเสมือนแขนขาของผู้เป็นนายนั้นทำให้นิชาต้องมาทำงานแต่เช้าเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ ร่างบางนั่งเคลียร์งานค้างเล็กน้อยจนเสร็จ ก่อนไล่ดูตารางงานที่ต้องทำในสัปดาห์นี้ที่จดไว้ในไอแพด เธอต้องบันทึกและจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ แม้ยามไม่มีไอแพดในมือก็ต้องจำให้ได้ ทั้งกำหนดการประชุม นัดลูกค้า รวมถึงวันสำคัญและงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งส่วนของบริษัทและส่วนตัวของเจ้านาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กน้อยจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าแม้เงินเดือนจะสูงลิ่วแต่ก็ถูกใช้งานคุ้มเงินเดือนอย่างแท้จริง นิชานั่งทำงา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 7โล่งใจได้ไม่นานความรู้สึกหนักอึ้งก็กดทับนิชาอีกครั้ง เพราะในช่วงบ่ายของวันธรรมดาวันหนึ่ง เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องของอัคคีตามปกติ ส่วนเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงลุกไปเปิดโดยไม่คิดอะไร คิดเพียงว่าคงเป็นพนักงานสักคนในบริษัทที่เอาเอกสารสำคัญมาให้เขาเซ็น แต่พอเห็นหน้าคนเคาะชัดๆ นิชาก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ จนอีกฝ่ายเอ่ยเรียกถึงได้สติรีบเชิญหล่อนเข้ามานั่งรอเจ้าของห้องข้างใน "คุณอัคคีเข้าห้องน้ำอยู่ รอสักครู่นะคะ" นิชาบอกหญิงสาวผู้เป็น 'คู่หมั้น' ของเจ้านาย ก่อนจะออกไปจัดของว่างมาเสิร์ฟให้แล้วกลับไปนั่งทำงานที่เดิม ไม่นานอัคคีก็ออกมาจากห้องน้ำ "อ้าว ไอริณ มาตั้งแต่เมื่อไรครับ รอนานมั้ย" น้ำเสียงที่ใช้คุยกับอีกฝ่ายนั้นทั้งสุภาพและนุ่มทุ้มจนนิชาต้องกรอกตามองบน "ไม่นานเลยค่ะ ริณเพิ่งมาถึงเอง" ไอริณตอบรับยิ้มแย้มสดใส "งั้นไปกันเลยมั้ยครับ" "ค่ะ" "วันนี้ผมไม่กลับเข้าบริษัทแล้วนะ มีอะไรก็วางไว้บนโต๊ะได้เลย" อัคคีหันมาบอกผู้เป็นเลขาเพียงเท่านั้นก็พาคู่หมั้นออกจากห้องไป ตลอดมานิชาเป็นคนจัดการตารางทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 8"มือเป็นอะไร" คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเล็กกน้อยขณะมองมือเล็กที่ถูกพันไว้ด้วยผ้ารัดพยุงข้อมือ เพราะเท่าที่จำได้เมื่อวานยังไม่มี "ก็แค่หมากัด ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ" นิชาเหยียดยิ้มสมเพช ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวก็ไม่ต้องรู้เหมือนเดิมนั่นแหละ จะได้หลอกด่าได้ง่ายๆ "อ๊ะ!?" อัคคีมองหน้าเธอด้วยความสงสัย ก่อนจะคว้าแขนข้างที่เจ็บของเธอไปแบบไม่บอกกล่าว "นิ่งๆ" เสียงดุดังขึ้นเมื่อนิชาขัดขืน เขาจับแขนเธอไปเพื่อเปิดผ้าก็อตออกดู จนเห็นข้อมือที่บวมช้ำของเธอ "ไหนว่าหมากัด" "หึ ไม่ใช่หมาก็เหมือนหมานั่นแหละค่ะ หมาบ้าด้วย" ร่างบางบอกอย่างไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกดวงตาคมคาดคั้นอยู่ "ผมทำ? เมื่อคืน?" คำก็หมาสองคำก็หมาบ้า บวกกับสายตาที่นิชามองมา สัญชาตญาณคนฉลาดอย่างอัคคีนั้นเดาออกได้ไม่ยากเลยสักนิด เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเผลอทำเธอเจ็บตัวตอนไหนก็เท่านั้น จำได้แค่ว่าความโกรธมันบังตา ใครใช้ให้เธอยั่วยุว่าเซ็กส์ของเขามันห่วยแตกกันล่ะ ยอมได้ที่ไหนกัน! "...." นิชาไม่ตอบแต่ความเงียบนั่นแหละคือคำตอบ "หมอว่ายังไงบ้าง" เขาถามพลางพยายามพันผ้ากลับคืน แต่เงอะงะเกินจะทนดูได้ นิชาจึงแย่งก
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 9ผ่านมาหลายวันข้อมือของนิชานั้นหายดีแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอัคคีมีส่วนช่วยทำให้มันหายเร็วขึ้น คือเขาแบ่งเบาภาระงานของเธอไปทำเองและไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธอเลย สะดวกสบายจนอยากให้มือเจ็บไปนานๆ เชียวล่ะ เวลางานรุมเยอะๆ หรือเวลาที่เลขาอย่างเธอไม่ว่าง นิชาก็เคยบอกให้เขาจ้างผู้ช่วยมาช่วยทั้งเธอและเขาอยู่หลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่เขาปฏิเสธบอกว่าเกะกะและคร้านจะสอนงานใหม่ อีกอย่างเดี๋ยวมาเป็นก้างขวางคอเวลาอยากจะทำอะไรกัน พูดหน้าตายจนเธอทั้งอายทั้งโมโห "Outings ปีนี้เอายังไงดีคะ" นิชาเอ่ยถาม หลังมองปฏิทินแล้วใกล้ถึงเวลาที่บริษัทจะจัดกิจกรรมนอกสถานที่เหมือนทุกปี น้องๆ ในบริษัทเองก็เริ่มเกริ่นๆ ถามมาบ้างแล้วเหมือนกัน "ก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ ผมยังไงก็ได้" อัคคีตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็แค่ไปควบคุมดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพนักงาน ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น "โอเคค่ะ เดี๋ยวนิทำแบบสำรวจแล้วจะสรุปมาแจ้งให้ทราบอีกที" ร่างบางจดรายละเอียดกิจกรรมที่ต้องทำลงในไอแพดคู่กายอย่างตั้งใจ ก่อนจะกลับมาตรวจรายงานการประชุมต่อจนเสร็
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 21"เฮ้อออ..." นิชาถอนหายใจอย่างหัวเสีย เหตุมาจากกำลังขับรถไปทำงานอยู่ดีๆ เครื่องก็ดับ สตาร์ทไม่ติด ดีว่าค่อยๆ ประคองรถเข้าข้างทางจนปลอดภัยได้ และตอนนี้ก็กำลังยืนรอช่างอยู่บนทางด่วนท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ไม่ได้มีแค่วิตามินดีอย่างแน่นอน ขณะที่กำลังรออยู่นั้นอัคคีก็โทรเข้ามา คาดว่าเขาน่าจะไปถึงบริษัทแล้วแต่ไม่เจอเธอเหมือนทุกวันเลยโทรถามเพราะเธอไม่ได้แจ้งลางานเอาไว้ ("คุณอยู่ไหน") "รถเสียอยู่บนทางด่วนค่ะ กำลังรอช่าง" ("ทำไมไม่รีบบอกผม! รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไปรับ") "เอ่อ..." นิชาไม่ทันได้ปฏิเสธอัคคีก็วางสายไปแล้ว แถมน้ำเสียงก็ดูโกรธมากด้วย เธอก็ได้แต่งงๆ ว่าการที่เธอไม่ได้บอกเขานี่มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือกลัวเธอไปทำงานสายแล้วจะทำงานไม่คุ้มค่าแรง ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อก่อนเขาจะรบกวนเวลาทำงานของเธอบ่อยๆ ทำไม เมื่อไม่รู้นิชาก็ไม่คิดหาคำตอบ ยังคงยืนรอช่างต่อไป อากาศแม้จะเป็นตอนเช้าแต่แดดประเทศนี้โดนนิดเดียวก็เหงื่อเริ่มซึม และมันก็เป็นคราวซวยของเธอนี่แหละที่หยิบร่มออกจากรถวันก่อนแล้วลืมเอากลับมาคืน รอสักพักในที่สุดช่างก็มา เธอแจ้งอาการรถให้เขารู้ ซึ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 20"ทำไมคุณพ่อไม่จัดการให้ริณคะ! ปล่อยให้พวกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเราได้ยังไง!?" ไอริณเดินเข้าบ้านมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาก็ตรงเข้าไปโวยวายใส่เสียงดัง เธอคิดว่าพ่อแม่จะออกโรงปกป้องและเอาเรื่องอัคคีให้ถึงที่สุด แต่นี่กลับเงียบและยอมรับการถอนหมั้นง่ายๆ ทั้งที่เธอถูกเหยียดหยามจนไฟแค้นมันสุมอกแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว "ถ้าแกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!"เจ้าสัวเจนภพที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เหมือนถูกสุมไฟเพิ่ม สองพ่อลูกเลยไม่มีใครยอมใคร "แล้วมันอะไรล่ะคะ พ่อก็บอกริณมาสิ!" ไอริณทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราก็มีทั้งอำนาจและเงินไม่ต่างอัคคีเลยสักนิด ทำไมพ่อยังต้องไว้หน้าเขาด้วย "แกมันก็ไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นแหละ แทนที่จะจับอัคคีให้อยู่หมัด เลี้ยงเสียข้าวสุก!" "ทำไมพ่อจะต้องให้ความสำคัญเขาถึงขนาดนั้นด้วย เขานอกใจริณนะ!" "ศักดิ์ศรีของแกมันกินได้มั้ยล่ะ! ครอบครัวเราจะล้มละลายกันอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก บริษัทไม่ถูกมันเทคโอเวอร์ก็บุญหัวเท่าไรแล้ว!" "หมายความว่าไงคะ เราจะล้มละลายได้ยังไง!?" เมื่อถู
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 19"นิ...เจ็บมั้ย" หลังจากไอริณออกไป อัคคีก็เข้าไปถามไถ่นิชาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทว่ามือที่กำลังจะยื่นไปหากลับถูกเธอปัดออกอย่างไม่ไยดี "นิอยากอยู่คนเดียวค่ะ...เชิญ" เธอชี้นิ้วไปที่ประตู ไล่เขาเสียงห้วน ไม่แม้แต่จะมองสบตา "แต่..." "นิขอร้องล่ะค่ะ! นิยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น" เมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังร่างบางก็ตะคอกเสียงดังลั่น ไหล่บางสั่นเทิ้ม จิกมือเข้าหากันแน่นด้วยความอดทน "...." "นิขออยู่คนเดียว..." เห็นท่าทางต่อต้านไม่อยากรับฟังอะไรของนิชาแล้วอัคคีก็จนคำพูด เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ยอมออกไปจากห้อง รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยมาคุยกัน ทันทีที่ประตูปิดลงร่างบางก็ทรุดนั่งบนพื้นเพราะฝืนความเจ็บที่ขาต่อไปไม่ไหว แขนด้านขวารู้สึกระบมและมีรอยถลอกจากตอนล้ม แก้มก็เจ็บและชาแถมมีเลือดออกในปาก คาดว่าคนตบคงจะใส่แรงทั้งหมดที่มี เธอสมควรที่จะโดนแบบนี้แล้วใช่ไหม?คนผิดที่แท้จริงแล้วมันคือเธอจริงๆ เหรอ?ทั้งๆ ที่คิดว่าคงด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วน้ำตาไม่รู้มากมายมาจากไหนกลับไหลพรากไม่หยุด พอห้ามไม่ได้ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนกว่าจะระบายมันออกไปจนหมด "อึ่ก..มึง..มารับ