รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 6
"โรคจิตหรือไงอีตานี่..." ดวงตากลมสวยจ้องมองร่องรอยสีแดงช้ำที่ถูกประทับตามร่างกายผ่านกระจกบานใหญ่พลางบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย เพราะเธอต้องรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อคอเต่ามาใส่ปกปิดจากสายตาผู้คน
โชคดีที่เจอว่ามีเสื้อคอเต่าบางๆ อยู่ เพราะถ้าใส่แบบหนาในประเทศที่เป็นมิตรกับพระอาทิตย์แบบนี้ผู้คนคงจะมองเธอบ้าแน่นอน
เช้าวันทำงานเมื่อนิชาแต่งตัวเสร็จก็เก็บของแล้วลงไปทานข้าวเช้ากับแม่และหลานๆ พูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา เมื่อถึงเวลาสมควรก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่
การทำงานเป็นเลขาที่เปรียบเสมือนแขนขาของผู้เป็นนายนั้นทำให้นิชาต้องมาทำงานแต่เช้าเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ
ร่างบางนั่งเคลียร์งานค้างเล็กน้อยจนเสร็จ ก่อนไล่ดูตารางงานที่ต้องทำในสัปดาห์นี้ที่จดไว้ในไอแพด เธอต้องบันทึกและจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ แม้ยามไม่มีไอแพดในมือก็ต้องจำให้ได้ ทั้งกำหนดการประชุม นัดลูกค้า รวมถึงวันสำคัญและงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งส่วนของบริษัทและส่วนตัวของเจ้านาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กน้อยจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าแม้เงินเดือนจะสูงลิ่วแต่ก็ถูกใช้งานคุ้มเงินเดือนอย่างแท้จริง
นิชานั่งทำงานอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครที่สามารถเข้าห้องประธานได้โดยไม่ต้องรอใครอนุญาต ร่างบางใจเต้นตึกตัก จู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอทำเป็นไม่สนใจเขา ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
อัคคีหยุดมองร่างบางอย่างสำรวจ เมื่อเห็นการแต่งกายของเธอก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองกองเอกสารที่ต้องเซ็นอย่างไม่รีบร้อน เพราะในห้องนี้มีสิ่งที่น่ามองมากกว่า...
นิชารับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมาอยู่ตลอดเวลาก็ค่อนข้างอึดอัดและเธอต้องใช้สมาธิอย่างมากที่จะจดจ่ออยู่กับงานให้ได้ แม้ยังไม่อยากยุ่งอะไรกับเขาในเวลานี้ แต่หน้าที่ก็ยังคงต้องทำ
แก้วกาแฟหอมกรุ่นกับคุกกี้ดาร์กช็อกโกแลตถูกเสิร์ฟให้เจ้านายทุกวันเหมือนที่เคยเป็นมา แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่นิชายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้กลับโต๊ะตัวเองแต่อย่างใด
"ตอนเที่ยงฉัน...นิมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยนะคะ" เธอบอกเขา สรรพนามถูกปรับเปลี่ยนอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคนฟังเงยหน้าขึ้นมองสบตา
"คุยตอนนี้ก็ได้" เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่คิดอะไร ในห้องนี้มีแค่เขาและเธอสองคน เจ้านายก็คือเขา แค่คุยกันไม่กี่คำจะทำให้งานล่าช้าสักแค่ไหนกัน
"เรื่องส่วนตัวค่ะ ในเวลางานไม่เหมาะ" นิชาปฏิเสธ
"ผมบอกว่าได้ ก็ต้องได้" อัคคีบอกเสียงเรียบ ถ้อยคำทั้งถือดีและเอาแต่ใจ
"นิแค่อยากตกลงกับคุณให้ชัดเจนเรื่อง...สถานะของเราในตอนนี้" ร่างบางยืนนิ่งทำใจเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพูดออกมา
"นิอยากรู้ว่าจะต้องชดใช้หนี้สิบล้านไปถึงเมื่อไร กี่เดือนกี่ปี อยากให้คุณกำหนดเวลาและทำสัญญาให้ชัดๆ เพราะเราไม่สามารถทำแบบนี้ไปตลอดได้ อีกอย่างคุณก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว สักวันหนึ่งก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว นิไม่อยากทำผิดไปมากกว่านี้" เธอบอกเหตุผล แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะอยากเอาชนะเธอจนไม่ยอมทำสัญญา ไม่สนถูกผิดต่อคู่หมั้นของตัวเอง
อัคคีนิ่งฟังแต่เขาไม่ได้คิดตามเลยสักนิด ดวงตาคมกริบมองใบหน้าสวยของเลขาเล็กน้อย ก่อนเลื่อนมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่กำลังเจรจา เรื่อยลงมาถึงลำคอระหงที่ถูกคอเสื้อปกปิด หน้าอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า... ยิ่งมองทุกอย่างในคืนวานก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ และมีผลกับอวัยวะด้านล่างให้เริ่มตื่นตัว
"คุณอัค??" เสียงหวานเรียกเมื่อเห็นคนฟังไม่ยอมพูดอะไรสักที เขาถึงได้สติดึงสายตากลับมามองหน้าเธออีกครั้ง
"เงินสิบล้านไม่ใช่น้อยๆ คุณคงไม่ได้คาดหวังว่าจะหมดหนี้ภายในเดือนสองเดือนนี้หรอกใช่ไหม" ร่างสูงย้อนถามพลางกดยิ้มลึก
"นิรู้ค่ะ แต่ยังไงก็อยากให้ตกลงกันให้ชัดเจน คุณจะหักเงินเดือนนิเพิ่มด้วยก็ได้" นิชาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องการรู้วันสิ้นสุดการกระทำบ้าๆ นี่อยู่ดี สักวันเราสองคนก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง จะอยู่ในสถานะคู่นอนแบบนี้ตลอดไปไม่ได้
"ผมไม่ต้องการเงิน" ร่างสูงยิ้มบาง คำพูดสื่อความหมายว่าต้องการอย่างอื่นชัดเจน
"ค่ะ งั้นก็กำหนดมาเลยว่านิต้องทำแบบนี้ไปอีกกี่ปีคุณถึงจะพอใจ" นิชาข่มใจต่อรอง แอบประชดประชันนิดหน่อยในตอนท้าย
"ถ้าผมพอใจที่สิบปี...ยี่สิบปี คุณก็ทำได้งั้นเหรอ" อัคคียิ้มยั่ว เฝ้ารอปฏิกิริยาตอบกลับของร่างบางอย่างนึกสนุก
"ก็ยังดีกว่าไม่มีวันสิ้นสุดนี่คะ คุณบีบให้นิไม่มีทางเลือกแล้วก็ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่านิจะยอมหรือไม่ยอม.." เสียงหวานเอ่ยประชดประชัน เริ่มฉุนเมื่อเห็นท่าทีสนุกสนานที่ได้กวนอารมณ์เธอของเขา
"ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า เห็นแก่คุณเลขาที่ทำงานดีมาตลอด สองปีก็พอ...แต่ไม่แน่ผมก็อาจจะเบื่อก่อนก็ได้" ร่างสูงยิ้มยียวนอย่างไม่สะทกสะท้าน เขายอมตอบรับคำขอของเธอง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
"ค่ะ งั้นนิจะพิมพ์สัญญามาให้เซ็นทีหลัง" แม้จะหวาดระแวงว่าเขาอาจมีแผนการในใจ แต่นิชาก็รีบตอบรับไปก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมให้ทำสัญญา นึกว่าจะคุยยากมากกว่านี้เสียอีก ซ้ำยังแค่สองปี ไม่ได้เป็นสิบปีอย่างที่คิดไว้ แต่ถ้าเขาเบื่อก็อาจจะได้อิสระมาเร็วขึ้น
"เดี๋ยว.."
เมื่อหมดเรื่องจะคุยแล้วร่างบางก็เตรียมจะหมุนตัวกลับโต๊ะ แต่ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ จึงหันกลับมารอฟังว่าเขาจะพูดอะไร
"มานี่" มือแกร่งตบลงบนตัก มองเธอด้วยแววตาวาววับเหมือนเสือจ้องจะตะครุบเหยื่ออันโอชะ
"นะ นี่มันเวลางานนะคะ!" นิชาขึ้นเสียงดัง เพราะไม่คิดว่าในเวลางานแบบนี้เขาก็ยังไม่เว้น
"ผมไม่ชอบพูดซ้ำ" อัคคีไม่สนใจว่าจะอยู่ในเวลาไหน สถานที่ใด ถ้าพอใจเขาก็จะทำ
นิชาจ้องเขาตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ แต่ก็รู้ดีว่าทำอะไรไม่ได้ เธอเหลือบมองไปที่ประตูอย่างหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้ แม้ประตูจะไม่ได้ล็อกไว้ก็ตาม
คิดได้แบบนั้นนิชาก็ข่มใจเดินไปนั่งลงบนตักเขาอย่างเกร็งๆ ก่อนจะถูกวงแขนแกร่งกอดรั้งเข้าหาจนร่างกายเบียดชิดแล้วใช้มือรั้งท้ายทอยเธอขึ้นไปรับจูบ
"อื้ออ" นิชาขัดขืนอย่างไม่ยินยอมเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งใช้กำลังบังคับและคนที่เจ็บตัวก็คือเธอเอง
"แฮ่ก อึก.." ตักตวงความหวานจนพอใจ อัคคีก็ถอนจูบออกไป ปล่อยให้คนที่กำลังจะขาดใจได้โอกาสกอบโกยอากาศอย่างเอาเป็นเอาตาย
"มันตื่นซะแล้ว...สงสัยคิดถึงปากนุ่มๆ" ไม่พูดเปล่าเขายังขยับเอวเนิบๆ ทำให้คนบนตักสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของอวัยวะตรงส่วนนั้นได้มากยิ่งขึ้น
ยังไม่ได้ตั้งสติร่างบางก็ถูกอุ้มลงไปนั่งแหมะอยู่ตรงหว่างขาแกร่ง
"ปลอบมันหน่อยสิ" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งอย่างหน้าไม่อาย ไม่สนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาทำงานของใคร แคร์ทำไมในเมื่อเขามีอำนาจสูงสุดในที่แห่งนี้
แน่นอนว่านิชาไม่พอใจมาก แต่รู้ดีว่าถ้าปฏิเสธเรื่องคงไม่จบง่ายๆ สุดท้ายเธอก็เลยต้องจำใจทำ คิดเสียว่าชาติที่แล้วคงทำเวรทำกรรมกับอีกฝ่ายไว้เยอะ ชาตินี้เขาถึงได้มาเอาคืน
มือบางปลดเข็มขัดและกางเกงของร่างสูงออกเล็กน้อย ก่อนล้วงเอาสิ่งที่มันพองตัวใหญ่จนน่าอึดอัดออกมาเป็นอิสระ แม้จะได้เห็นเป็นครั้งที่สองแล้วแต่นิชาก็ยังคงเขินอายและกระอักกระอ่วนกับขนาดของมัน แถมยังแข็งและร้อนจัดทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนอะไรจะหื่นได้ทุกเวลาขนาดนี้
"อืม..." อัคคีครางอย่างพึงพอใจเมื่อลูกชายสุดที่รักได้สัมผัสโพรงปากนุ่มอีกครั้ง เรื่องสัญญาสองปีอะไรนั่นเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด แค่ตอบตกลงให้นิชาตายใจเพราะไม่อยากบีบเธอให้จนตรอกจนเกินไปก็เท่านั้น
"อ่าาา" ใช้ทั้งปากและทั้งมือจนเหนื่อยความอ่อนประสบการณ์ของร่างบางก็ยังไม่สามารถทำให้เขาเสร็จได้สักที อัคคีเองก็เหมือนจะทนไม่ไหว จึงใช้มือกดศีรษะเล็กไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับเอวเสียเอง
"อ่อก อะ แค่กๆ" ประสบการณ์หนึ่งครั้งถ้วนทำให้นิชารู้ว่าต้องเกร็งคอไว้เพื่อไม่ให้สำลักแต่แม้จะเกร็งไว้แค่ไหน ตอนจะเสร็จเขากลับไม่บอกกันก่อน สุดท้ายเธอก็สำลักอยู่ดี
มือบางรีบดึงทิชชูบนโต๊ะมารองของเหลวที่ผสมปนเปทั้งของเธอและเขาเพื่อไม่ให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเพราะยังต้องทำงานต่อ รสชาติเฝื่อนๆ ในปากทำใบหน้าสวยเหยเก พยายามคายออกมาให้ได้มากที่สุดแม้จะถูกเจ้าของมันมองอยู่ก็ตาม
"อ๊ะ คุณอัค!?" นิชาที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางและจะลุกกลับโต๊ะ ถูกอัคคีดึงไปนั่งแทนที่บนเก้าอี้ตัวใหญ่แบบไม่บอกกล่าว
"คุณจะทำอะไร ไม่นะ นี่มันเวลางานนะคะ!" ร่างบางดิ้นขัดขืน เมื่อมือใหญ่ล้วงเข้ามาใต้กระโปรงดึงกางเกงซับและชั้นในของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
เรียวขายาวสวยถูกบังคับให้อ้าออกกว้าง ก่อนที่ร่างสูงจะซุกหน้าเข้าหาความสาว ใช้นิ้วแหวกและปาดลิ้นเลียกลีบดอกไม้งามอย่างหื่นกระหาย แปรเปลี่ยนเสียงร้องห้ามกลายเป็นเสียงร้องครางแทนอย่างง่ายดาย
เรียวลิ้นร้ายกาจกระทำอุกอาจ ทั้งปาดเลียทั้งแหย่ลึกขึ้นมาภายใน ย่ำยีราวกับผกาดอกนั้นเป็นของอร่อยที่ต้องการกลืนกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นิชาที่ถูกความเสียวครอบงำจนสมองพร่าเบลอ พยายามประคองสติอันน้อยนิดใช้มือปิดปากกลั้นเสียงน่าอายไว้อย่างสุดกำลัง เธอไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวจะมีใครผ่านมาได้ยิน โดยที่หลงลืมไปว่านี่คือชั้นของผู้บริหาร ไม่มีใครกล้าขึ้นมาถ้าไม่ได้รับอนุญาต
"อะ อื้อออ คะ คุณ" ความเสียวและความตื่นเต้นตีกันยุ่งเหยิงไม่นานร่างบางของผู้เป็นเลขาก็กระตุกเกร็งสุขสมคาปาก เรียวขาที่พาดอยู่บนไหล่แกร่งทิ้งน้ำหนักลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
กระทั่งชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองสบตาพลางแลบลิ้นเลียปากด้วยรอยยิ้ม สติที่กระจัดกระเจิงก็ถูกดึงกลับมา นิชารีบผลักเขาออกก่อนจะรีบลุกขึ้นแต่งตัว พาขาสั่นๆ ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงหนีไปตั้งสติในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
อัคคีมองตามผู้เป็นเลขาพ่วงตำแหน่งคู่นอนหมาดๆ ไปอย่างพึงพอใจ ความหวานล้ำในปากยังคงไม่จางหาย จนต้องเลียปากซ้ำๆ อย่างคนเสพติด
เมื่อพอใจแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี หูก็เงี่ยฟังความเคลื่อนไหวของร่างบางตลอดเวลา
หายไปสักพักนิชาก็กลับเข้ามาด้วยสภาพที่ดูดีขึ้นกว่าตอนออกไป เห็นแบบนั้นอัคคีก็ลอบยิ้มก่อนแสร้งผิวปากเสียงดังกวนประสาทเธออย่างอารมณ์ดี
นิชาลอบกำหมัด พยายามสะกดอารมณ์อยากตะบันหน้าคนไว้ในใจ ทว่าจิตใจอย่างหนึ่งร่างกายก็กลับเป็นอีกอย่าง แม้ปากจะพร่ำเตือนสติตัวเองว่าให้เกลียดเขา เกลียดสิ่งทุเรศๆ ที่เขาทำ แต่ร่างกายกลับคล้อยตามสัมผัสเขาจนหลงลืมทุกความเกลียดชังไปจนหมดสิ้น
มันดีก็จริงแต่ให้มาทำเรื่องแบบนั้นในห้องทำงานที่ต้องทำงานอยู่ทุกวัน แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย...เพราะการมองเก้าอี้ทำงานของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
..
..
..
..
ว้ายยยย แรงมากกกกก5555
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 7โล่งใจได้ไม่นานความรู้สึกหนักอึ้งก็กดทับนิชาอีกครั้ง เพราะในช่วงบ่ายของวันธรรมดาวันหนึ่ง เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องของอัคคีตามปกติ ส่วนเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงลุกไปเปิดโดยไม่คิดอะไร คิดเพียงว่าคงเป็นพนักงานสักคนในบริษัทที่เอาเอกสารสำคัญมาให้เขาเซ็น แต่พอเห็นหน้าคนเคาะชัดๆ นิชาก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ จนอีกฝ่ายเอ่ยเรียกถึงได้สติรีบเชิญหล่อนเข้ามานั่งรอเจ้าของห้องข้างใน "คุณอัคคีเข้าห้องน้ำอยู่ รอสักครู่นะคะ" นิชาบอกหญิงสาวผู้เป็น 'คู่หมั้น' ของเจ้านาย ก่อนจะออกไปจัดของว่างมาเสิร์ฟให้แล้วกลับไปนั่งทำงานที่เดิม ไม่นานอัคคีก็ออกมาจากห้องน้ำ "อ้าว ไอริณ มาตั้งแต่เมื่อไรครับ รอนานมั้ย" น้ำเสียงที่ใช้คุยกับอีกฝ่ายนั้นทั้งสุภาพและนุ่มทุ้มจนนิชาต้องกรอกตามองบน "ไม่นานเลยค่ะ ริณเพิ่งมาถึงเอง" ไอริณตอบรับยิ้มแย้มสดใส "งั้นไปกันเลยมั้ยครับ" "ค่ะ" "วันนี้ผมไม่กลับเข้าบริษัทแล้วนะ มีอะไรก็วางไว้บนโต๊ะได้เลย" อัคคีหันมาบอกผู้เป็นเลขาเพียงเท่านั้นก็พาคู่หมั้นออกจากห้องไป ตลอดมานิชาเป็นคนจัดการตารางทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 8"มือเป็นอะไร" คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเล็กกน้อยขณะมองมือเล็กที่ถูกพันไว้ด้วยผ้ารัดพยุงข้อมือ เพราะเท่าที่จำได้เมื่อวานยังไม่มี "ก็แค่หมากัด ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ" นิชาเหยียดยิ้มสมเพช ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวก็ไม่ต้องรู้เหมือนเดิมนั่นแหละ จะได้หลอกด่าได้ง่ายๆ "อ๊ะ!?" อัคคีมองหน้าเธอด้วยความสงสัย ก่อนจะคว้าแขนข้างที่เจ็บของเธอไปแบบไม่บอกกล่าว "นิ่งๆ" เสียงดุดังขึ้นเมื่อนิชาขัดขืน เขาจับแขนเธอไปเพื่อเปิดผ้าก็อตออกดู จนเห็นข้อมือที่บวมช้ำของเธอ "ไหนว่าหมากัด" "หึ ไม่ใช่หมาก็เหมือนหมานั่นแหละค่ะ หมาบ้าด้วย" ร่างบางบอกอย่างไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกดวงตาคมคาดคั้นอยู่ "ผมทำ? เมื่อคืน?" คำก็หมาสองคำก็หมาบ้า บวกกับสายตาที่นิชามองมา สัญชาตญาณคนฉลาดอย่างอัคคีนั้นเดาออกได้ไม่ยากเลยสักนิด เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเผลอทำเธอเจ็บตัวตอนไหนก็เท่านั้น จำได้แค่ว่าความโกรธมันบังตา ใครใช้ให้เธอยั่วยุว่าเซ็กส์ของเขามันห่วยแตกกันล่ะ ยอมได้ที่ไหนกัน! "...." นิชาไม่ตอบแต่ความเงียบนั่นแหละคือคำตอบ "หมอว่ายังไงบ้าง" เขาถามพลางพยายามพันผ้ากลับคืน แต่เงอะงะเกินจะทนดูได้ นิชาจึงแย่งก
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 9ผ่านมาหลายวันข้อมือของนิชานั้นหายดีแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอัคคีมีส่วนช่วยทำให้มันหายเร็วขึ้น คือเขาแบ่งเบาภาระงานของเธอไปทำเองและไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธอเลย สะดวกสบายจนอยากให้มือเจ็บไปนานๆ เชียวล่ะ เวลางานรุมเยอะๆ หรือเวลาที่เลขาอย่างเธอไม่ว่าง นิชาก็เคยบอกให้เขาจ้างผู้ช่วยมาช่วยทั้งเธอและเขาอยู่หลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่เขาปฏิเสธบอกว่าเกะกะและคร้านจะสอนงานใหม่ อีกอย่างเดี๋ยวมาเป็นก้างขวางคอเวลาอยากจะทำอะไรกัน พูดหน้าตายจนเธอทั้งอายทั้งโมโห "Outings ปีนี้เอายังไงดีคะ" นิชาเอ่ยถาม หลังมองปฏิทินแล้วใกล้ถึงเวลาที่บริษัทจะจัดกิจกรรมนอกสถานที่เหมือนทุกปี น้องๆ ในบริษัทเองก็เริ่มเกริ่นๆ ถามมาบ้างแล้วเหมือนกัน "ก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ ผมยังไงก็ได้" อัคคีตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็แค่ไปควบคุมดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพนักงาน ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น "โอเคค่ะ เดี๋ยวนิทำแบบสำรวจแล้วจะสรุปมาแจ้งให้ทราบอีกที" ร่างบางจดรายละเอียดกิจกรรมที่ต้องทำลงในไอแพดคู่กายอย่างตั้งใจ ก่อนจะกลับมาตรวจรายงานการประชุมต่อจนเสร็
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 10พอสติกลับคืนมานิชาก็รู้สึกอายจนไม่อยากมองหน้าอัคคีเลยตลอดการเดินทางมาร้านอาหาร ทำในห้องทำงานว่าน่าอายแล้ว นี่ทำในห้องประชุมอีก ประชุมคราวหน้าเธอจะมีสมาธิทำงานได้ยังไง แถมสิบนาทีที่รับปากไว้ก็ไม่มีอยู่จริง! เลยเที่ยงมาครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย กว่าจะขับรถมาอีก หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว!"หึ...กินเลอะก็เป็น" เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาหมายจะเช็ดปากให้ แต่นิชาเบี่ยงหน้าหนีทัน"แค่บอกก็พอค่ะ เช็ดเองได้" มือบางรีบหยิบทิชชูมาเช็ดรอบๆ ริมฝีปาก จนแน่ใจว่าไม่มีเลอะที่ไหนอีก"คุณนี่ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลยนะ" อัคคีส่ายหน้าอย่างระอา"คุณคาดหวังอะไรคะ นิต้องแก้มแดง เขินอายเวลาที่คุณทำอะไรแบบนี้หรือไง ดูละครมากไปหรือเปล่าคะ" นิชากรอกตาใส่เขาอย่างไม่ปิดบัง"ก็ผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนั้น" เขายักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน มีความมั่นอกมั่นใจในคำพูดซะจนน่าหมั่นไส้ ห้อยหลวงปู่มั่นหรือไงไม่ทราบ!"อย่าเอานิไปเหมารวมกับพวกผู้หญิงของคุณ..." ร่างบางพูดเสียงเรียบ ไม่พอใจที่ถูกเอาไปเหมารวมกับใคร แม้สถานะในตอนนี้แทบจะไม่ต่างจากพวกหล่อนเลยก็ตาม"ก็จริง...คุณดีกว่าเยอะ" อัคคีกดย
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 11หมับ "อะ...คุณอัค?" นิชาที่กำลังกระซิบกระซาบคุยกับเพื่อนชายเนื่องจากเสียงเพลงดัง ตัวลอยวืดออกมาด้วยแรงกระชากของใครบางคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบใบหน้านิ่งเรียบของเจ้านายหนุ่ม ที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง "ไปกับผม" น้ำเสียงดุดันเอ่ยสั่ง พร้อมกับกระชากข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นยืน "ไปไหน นี่ไม่ใช่เวลางานนะคะ" นิชาที่เริ่มเมาได้ที่ขัดขืนไม่ยินยอม "แล้วยังไง ผมสั่งคุณได้ทุกเวลาคุณก็รู้" อัคคียื่นหน้าเข้าไปกระซิบขู่ใกล้ๆ เผื่อความเมาจะทำให้ร่างบางหลงลืมไปว่ายังมีสัญญาคู่นอนสองปีอยู่ "แต่นิมากับเพื่อน" เสียงหวานแย้งอย่างไม่ยินยอม ถ้าเป็นปกติเธอคงจะทำใจไปกับเขาง่ายๆ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ปกติ มันแปรปรวนและคนที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดก็คือเขา! "จะไปดีๆ หรืออยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน?" อัคคีขบกรามขู่เสียงต่ำ และนิชาก็รู้ซึ้งถึงอำนาจที่เขามีมากกว่าใคร ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธจัด แต่เธอก็ยังมีสติอยู่และไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย "...วี เดี๋ยวเราไปต่อกับเจ้านาย ฝากบอกเพียวด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกลับเอง" นิชาข่มอา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 12นิชาที่นอนหลับไปนาน ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นเจ้านาย ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ ด้วยความมึนงงเพราะยังปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ ได้แต่ตาจ้องตากับร่างสูงอยู่อย่างนั้น จนสติเริ่มมาเธอก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง พบว่าตัวเองเผลอหลับและไปนอนบนหนุนตักเขาได้ยังไงไม่รู้ แถมเมื่อกี้ยังรู้สึกเหมือนโดนลูบหัวด้วย "นิ...กลับได้ยังคะ" นิชารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาที่ล่วงเลยมาจนบ่ายสองแล้ว ก่อนจะหันไปถามเจ้าของห้องอย่างอายๆ ไม่รู้ตอนหลับเผลอละเมออะไรออกไปหรือเปล่า "อืม เดี๋ยวไปส่ง" อัคคีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "นิกลับเองดีกว่าค่ะ" เธอรีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียเวลาขับรถไปมา "ผมจะไปส่ง" ตาคมจ้องหน้าเธอเขม็ง เป็นสัญญาณว่าห้ามปฏิเสธ "...ค่ะ" สุดท้ายนิชาก็ต้องยอมให้อัคคีไปส่ง เราทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำ เขาไม่ถามซ้ำว่าเมื่อคืนเธออยู่กับใคร เหมือนพอโกรธและได้ระบายอารมณ์ด้วยเซ็กส์แล้วก็ปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เงียบหายไป ไม่เคลียร์กันให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หรือไม่ก็เชื่อแค่ความคิดของตัวเองเท่านั้น เพียวบอกว่า 'เขาห
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 13งานประมูลเครื่องเพชรการกุศลเริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีของเพชรเม็ดงามที่สะท้อนแสงไฟวิบวับจนแสบตา นิชาเข้าไม่ถึงของแพงๆ พวกนี้จึงได้แต่นั่งเหม่อ ปล่อยใจล่องลอยไปไกลแสนไกล คนนอกมองมาคงจะเข้าใจว่าเธอนั่งมองผู้คนบนเวทีที่กำลังนำเสนอเครื่องเพชรอย่างตั้งใจ แต่เปล่าเลย เธอเหมือนคนหลับใน ตาดูแต่หูไม่ได้ฟัง ใจก็ไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่มองเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีบ้างที่สติกกลับคืนมาตอนปฐพีชวนคุยเป็นครั้งคราว หลังจบบทสนทนาเธอจึงมีสติจ้องมองเครื่องเพชรเหล่านั้นอย่างสนใจจริงๆ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เห็นกำไลข้อมือวงหนึ่งที่นางแบบกำลังใส่อวดโฉมอยู่บนเวที ลายของมันค่อนข้างเรียบง่ายมีเพชรประดับเพียงไม่กี่เม็ดแต่เรียบหรูใส่ได้ทุกโอกาส "สวยมั้ย" อัคคีถามขึ้น หลังสังเกตเห็นว่านิชาดูจะสนใจกำไลวงนี้เป็นพิเศษ "ก็สวยดีค่ะ" เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าเมื่อเริ่มเปิดประมูล อัคคีที่นั่งเงียบมาตั้งแต่งานเริ่ม กลับลงประมูลกำไลชิ้นนี้เป็นครั้งแรก "ห้าล้านครับ" เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมาไม่น้อยหลังสิ้นเสียงเขา เพราะกำไลเล็กๆ วงนั้นเริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาทและยังไม่มีใครล
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 14ผ่านไปหลายวันจากวันงานประมูล มีหลายสิ่งกำลังรบกวนจิตใจของนิชาอย่างหนัก ส่งผลให้กลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันนั่งเหม่อ เธอรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจกับสิ่งที่อัคคีทำ ทั้งประมูลกำไลให้ จูบนุ่มๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเซ็กส์ ไหนจะท่าทางหงุดหงิดเวลาเห็นเธออยู่กับคนอื่นอีก ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย รักเหรอ? ...ไม่มีทาง! คนเดียวที่เขารักนอกจากครอบครัวก็คือตัวเขาเองต่างหาก "เที่ยงไม่ต้องสั่งอาหารนะ ไอริณจะซื้อเข้ามากินด้วย เดี๋ยวแวะเข้ามา" อัคคีบอกอย่างไม่คิดอะไร ในขณะที่นิชาคิดมากจนนอนไม่หลับ แล้วทำไมถึงเป็นเธอที่คิดมากอยู่ฝ่ายเดียว ใกล้เที่ยงไอริณก็มาจริงๆ หล่อนหอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ นิชาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยถือและแยกส่วนที่เป็นอาหารเที่ยงไปจัดใส่จานยกเข้ามาเสิร์ฟให้ "แล้วของคุณล่ะ" ร่างสูงถามเมื่อมีข้าวเปล่าแค่สองจาน "นิมีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะค่ะ ตามสบายนะคะ" เธอบอกเขาก่อนหันไปบอกไอริณ จากนั้นก็แยกตัวหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกมา ความจริงแล้วไม่ได้มีนัดที่ไหนหรอก แค่ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร ข้าวก็ไม่หิว อยากนอนมากกว่าเลยตั้งใจว่าจะลงไปงีบที่รถ "ริณจำได้ว
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 21"เฮ้อออ..." นิชาถอนหายใจอย่างหัวเสีย เหตุมาจากกำลังขับรถไปทำงานอยู่ดีๆ เครื่องก็ดับ สตาร์ทไม่ติด ดีว่าค่อยๆ ประคองรถเข้าข้างทางจนปลอดภัยได้ และตอนนี้ก็กำลังยืนรอช่างอยู่บนทางด่วนท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ไม่ได้มีแค่วิตามินดีอย่างแน่นอน ขณะที่กำลังรออยู่นั้นอัคคีก็โทรเข้ามา คาดว่าเขาน่าจะไปถึงบริษัทแล้วแต่ไม่เจอเธอเหมือนทุกวันเลยโทรถามเพราะเธอไม่ได้แจ้งลางานเอาไว้ ("คุณอยู่ไหน") "รถเสียอยู่บนทางด่วนค่ะ กำลังรอช่าง" ("ทำไมไม่รีบบอกผม! รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไปรับ") "เอ่อ..." นิชาไม่ทันได้ปฏิเสธอัคคีก็วางสายไปแล้ว แถมน้ำเสียงก็ดูโกรธมากด้วย เธอก็ได้แต่งงๆ ว่าการที่เธอไม่ได้บอกเขานี่มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือกลัวเธอไปทำงานสายแล้วจะทำงานไม่คุ้มค่าแรง ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อก่อนเขาจะรบกวนเวลาทำงานของเธอบ่อยๆ ทำไม เมื่อไม่รู้นิชาก็ไม่คิดหาคำตอบ ยังคงยืนรอช่างต่อไป อากาศแม้จะเป็นตอนเช้าแต่แดดประเทศนี้โดนนิดเดียวก็เหงื่อเริ่มซึม และมันก็เป็นคราวซวยของเธอนี่แหละที่หยิบร่มออกจากรถวันก่อนแล้วลืมเอากลับมาคืน รอสักพักในที่สุดช่างก็มา เธอแจ้งอาการรถให้เขารู้ ซึ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 20"ทำไมคุณพ่อไม่จัดการให้ริณคะ! ปล่อยให้พวกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเราได้ยังไง!?" ไอริณเดินเข้าบ้านมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาก็ตรงเข้าไปโวยวายใส่เสียงดัง เธอคิดว่าพ่อแม่จะออกโรงปกป้องและเอาเรื่องอัคคีให้ถึงที่สุด แต่นี่กลับเงียบและยอมรับการถอนหมั้นง่ายๆ ทั้งที่เธอถูกเหยียดหยามจนไฟแค้นมันสุมอกแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว "ถ้าแกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!"เจ้าสัวเจนภพที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เหมือนถูกสุมไฟเพิ่ม สองพ่อลูกเลยไม่มีใครยอมใคร "แล้วมันอะไรล่ะคะ พ่อก็บอกริณมาสิ!" ไอริณทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราก็มีทั้งอำนาจและเงินไม่ต่างอัคคีเลยสักนิด ทำไมพ่อยังต้องไว้หน้าเขาด้วย "แกมันก็ไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นแหละ แทนที่จะจับอัคคีให้อยู่หมัด เลี้ยงเสียข้าวสุก!" "ทำไมพ่อจะต้องให้ความสำคัญเขาถึงขนาดนั้นด้วย เขานอกใจริณนะ!" "ศักดิ์ศรีของแกมันกินได้มั้ยล่ะ! ครอบครัวเราจะล้มละลายกันอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก บริษัทไม่ถูกมันเทคโอเวอร์ก็บุญหัวเท่าไรแล้ว!" "หมายความว่าไงคะ เราจะล้มละลายได้ยังไง!?" เมื่อถู
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 19"นิ...เจ็บมั้ย" หลังจากไอริณออกไป อัคคีก็เข้าไปถามไถ่นิชาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทว่ามือที่กำลังจะยื่นไปหากลับถูกเธอปัดออกอย่างไม่ไยดี "นิอยากอยู่คนเดียวค่ะ...เชิญ" เธอชี้นิ้วไปที่ประตู ไล่เขาเสียงห้วน ไม่แม้แต่จะมองสบตา "แต่..." "นิขอร้องล่ะค่ะ! นิยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น" เมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังร่างบางก็ตะคอกเสียงดังลั่น ไหล่บางสั่นเทิ้ม จิกมือเข้าหากันแน่นด้วยความอดทน "...." "นิขออยู่คนเดียว..." เห็นท่าทางต่อต้านไม่อยากรับฟังอะไรของนิชาแล้วอัคคีก็จนคำพูด เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ยอมออกไปจากห้อง รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยมาคุยกัน ทันทีที่ประตูปิดลงร่างบางก็ทรุดนั่งบนพื้นเพราะฝืนความเจ็บที่ขาต่อไปไม่ไหว แขนด้านขวารู้สึกระบมและมีรอยถลอกจากตอนล้ม แก้มก็เจ็บและชาแถมมีเลือดออกในปาก คาดว่าคนตบคงจะใส่แรงทั้งหมดที่มี เธอสมควรที่จะโดนแบบนี้แล้วใช่ไหม?คนผิดที่แท้จริงแล้วมันคือเธอจริงๆ เหรอ?ทั้งๆ ที่คิดว่าคงด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วน้ำตาไม่รู้มากมายมาจากไหนกลับไหลพรากไม่หยุด พอห้ามไม่ได้ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนกว่าจะระบายมันออกไปจนหมด "อึ่ก..มึง..มารับ